ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีหน่วยความจำที่ใช้งานบนสมาร์ทโฟนจะแบ่งออกได้เป็น2 ประเภทคือ eMMC และUFS

eMMC ย่อมาจาก Embedded Multimedia Card ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ขนาดเล็กที่ติดตั้งลงบน Mother Board ของสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นๆเทคโนโลยีหน่วยความจำแบบ eMMCที่ใช้งานกันในปัจจุบันเป็นเวอร์ชัน 5.1ที่เปิดตัวล่าสุดในปี 2015 ซึ่งมีความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลประมาณ 250/125 MB/s แต่ไม่สามารถการอ่าน-เขียนพร้อมกันได้

UFS ย่อมาจาก Universal Flash Storage เป็นหน่วยความจำที่พัฒนาขึ้นจากeMMC สามารถอ่าน-เขียนข้อมูลในเวลาเดียวกันได้และมีความรวดเร็วกว่า eMMC สามารถทำความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลได้สูงถึง700-800 MBps

ความแตกต่างระหว่าง UFS และeMMC ก็คือUFS สามารถรับส่งข้อมูลได้2 ทาง เขียนและอ่านได้ในเวลาเดียวกัน ต่างจาก eMMC ที่ทำได้ทีละอย่างไม่สามารถเขียนและอ่านในเวลาเดียวกันได้ทำให้ตัวUFS ทำงานได้เร็วกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่านั้นเอง

ที่มารูป wemall.com

UFS ส่วนมากนั้นจะถูกใช้กับโทรศัพท์เรือธงบางรุ่นเท่านั้นอย่างซัมซุงก็ได้เริ่มใช้หน่วยความจำ UFSกับ Galaxy S6 เป็นรุ่นแรก ตามมาด้วย Samsung Galaxy s8/s8+

ที่มารูป droidsans.com

ประโยชน์ในการใช้งานของ UFS คือการโอนถ่ายข้อมูลได้รวดเร็วเหมาะกับเอาไปใช้เก็บรูปความละเอียดสูง การบึนทึกวีดีโอความละเอียด 4K หรือเก็บไฟล์ที่มีขนาดใหญ่โดยการใช้ UFS นั้นจะทำให้การใช้งานโทรศัพท์โดยรวมเร็วขึ้นมาก ชนิดที่ว่าเห็นความแตกต่างกับ eMMC อย่างเห็นได้ชัดเจนนอกจากนี้ UFS ยังกินพลังงานที่ต่ำมากถ้าเอามาเทียบกับeMMC

อย่างไรก็ตาม หน่วยความจำแบบ UFS ยังมีให้ใช้งานบนสมาร์ทโฟนเรือธงบางรุ่นเท่านั้นและยังไม่ค่อยแพร่หลายเท่าที่ควร เพราะใช้ต้นทุนในการผลิตค่อนข้างสูงและยังผลิตได้ในจำนวนจำกัด ทำให้แบรนด์ผู้ผลิตยังใช้หน่วยความจำภายในแบบ eMMCในสมาร์ทโฟนราคาไม่แพงมาก และ หน่วยความจำแบบ UFS มักพบในสมาร์ทโฟนระดับ Mid-High หรือสมาร์ทโฟนเรือธงเป็นหลักค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก specphone.com

Create Date : 18 มกราคม 2561
Last Update : 18 มกราคม 2561 15:30:21 น.		0 comments
Counter : 644 Pageviews.
Share Tweet