...ไม่มีไฟใดเสมอด้วย..ราคะ ...>> ไม่มีโทษใดเสมอด้วย..โทสะ ...>> ไม่มีทุกข์ใดเสมอด้วย..เบญจขันธ์ ...>> ไม่มีสุขใดเสมอด้วย..ความสงบ ...>> พุทธวจนะในธรรมบท <<...
งัดข้อกับ >>>..กรมแรงงานของเยอรมัน.. ให้มันรู้ซะมั่งว่าใครเป็นใคร !!! .. อิ อิ อิ

เราเขียนบล็อกแต่ละบล็อกค่อนข้างยาว
เขียนไปก็นึกไปว่าจะหารูปภาพอะไรมาคั่นระหว่างย่อหน้าดี
คนอ่านจะได้อ่านกันได้ง่ายๆแบบสบายตา..


ลืมนึกไปเสียสนิทว่าตัวเราเองนั้นชอบถ่ายรูปดอกไม้เป็นชีวิตจิตใจ
(แม้ว่าฝีมือจะยังไม่เข้าขั้นก็เถอะ .. อิ อิ)
ถ่ายมาแล้วก็โหลดเก็บใส่แฟ้มไว้ในคอมจนลืม


วันนี้นึกขึ้นได้ก็เลยขอนำรูปดอกไม้ที่เราถ่ายทำเองมาลงให้ดูกันเพลินๆด้วย


ที่ต้องใช้คำว่า"ถ่ายทำ"ก็เพราะ ..
"ถ่าย"เองกับมือด้วยกล้อง Samsung i85 และ WP10
"ทำ"สีของดอกไม้ให้สวยงามขึ้นด้วย Photoscape


บางรูปนึกสนุก"ทำ"เล่นซะจนสีเพี้ยนไปจากของเดิมเลย
(ว่างมากก็งี้แหละ .. อิ อิ อิ)
รูปไหนถูก"ทำ"บ้างก็สังเกตุดูกันเอาเองนะจ๊ะ ...





ก่อนจะเข้าเรื่องก็ต้องขอท้าวความก่อนว่า
เรากับกรมแรงงานนั้นมีเรื่องไม่ค่อยจะลงรอยกันมาตั้งแต่เริ่มแรก


ตั้งแต่เราได้รับจดหมายแจ้งเลิกจ้างจากบริษัทที่เราทำงานอยู่
เราก็ได้ไปยื่นขอสวัสดิการตกงานกับกรมแรงงานไว้ล่วงหน้าแล้ว


เมื่อออกจากงาน
เราจึงได้รับสวัสดิการคุ้มครองคนตกงานจากกรมแรงงานเป็นเวลา 1 ปี


ซึ่งภายในระยะเวลา 1 ปีนี้
กรมแรงงานก็จะมีหน้าที่หางานใหม่ให้เราทำ
พร้อมทั้งจ่ายเงินตกงานให้เราทุกเดือนจนกว่าเราจะหางานใหม่ทำได้





แต่หลังจากที่เราออกจากงานได้แค่ 2 วัน
พี่เขยของเราซึ่งอาศัยอยู่ที่ประเทศมาเลเซียได้เสียชีวิตลง


พี่สาวของเราต้องอยู่จัดการเรื่องงานศพและมรดกเพียงลำพังคนเดียว
เราเป็นห่วงพี่สาวมากจึงได้เดินทางไปอยู่เป็นเพื่อนพี่สาว


แต่เนื่องจากว่าเรากำลังอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกรมแรงงาน
เมื่อจะเดินทางออกนอกเขตประเทศเยอรมัน
เราจึงต้องแจ้งให้กรมแรงงานทราบด้วย


ก่อนออกเดินทางเราจึงโทรไปแจ้งให้กรมแรงงานทราบ
โดยแจ้งไว้ว่าเราจะไปอยู่กับพี่สาวที่ประเทศมาเลเซียนาน 1 เดือน





แต่ในระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้นเรื่องของพี่สาวยังไม่เสร็จ
เราจึงโทรมาบอกให้สามีไปแจ้งให้กรมแรงงานทราบอีกทีว่า
เราจะอยู่ที่ประเทศมาเลเซียต่ออีก 1 เดือน


แต่คราวนี้กรมแรงงานแสดงอาการไม่พอใจ
ไม่ยอมอนุมัติ
แถมยังบอกยกเลิกสวัสดิการตกงานที่เราไปยื่นเรื่องเอาไว้นั้นอีกด้วย
บอกเพียงสั้นๆว่าเมื่อเรากลับมาเยอรมันแล้วให้ไปยื่นเรื่องใหม่


หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีจดหมายพร้อมบิลเรียกเก็บเงินส่งมาจากกรมแรงงาน
ในจดหมายแจ้งมาว่า..
ทางกรมแรงงานได้โอนเงินตกงานเดือนแรกเข้าบัญชีให้เรามาแล้ว
ให้เราโอนเงินส่วนนั้นกลับคืนไปให้กรมแรงงานด้วย





ในบิลเรียกเก็บเงินระบุจำนวนเงินที่เราต้องจ่ายคืนไป 500 กว่ายูโร
ทั้งๆที่เราได้รับเงินเข้าบัญชีมาไม่ถึง 400 ยูโร


แต่เราก็ยอมจ่ายแต่โดยดี
เพราะถือว่ามันเป็นความผิดของเราเอง
เมื่อทำผิดก็ต้องยอมรับผิด..


เราอยู่กับพี่สาวต่อจนเรื่องของพี่สาวเสร็จจึงเดินทางกลับเยอรมัน
เมื่อกลับมาแล้วก็ไปยื่นเรื่องขอสวัสดิการเงินตกงานใหม่
ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร
เราได้รับเงินตกงานทุกเดือนตามปกติ


อ๊ะ .. อ๊ะ
แต่อย่าคิดว่าในขณะที่เรายังเป็นผู้ได้รับเงินตกงานอยู่นี้
ทางกรมแรงงานจะปล่อยให้เรานั่งๆนอนๆคอยรับเงินอย่างสบายๆนะจ๊ะ
(นั่นขนาดว่าเป็นเงินที่เราเสียภาษีไปเองนะนั่น)





เพราะกรมแรงงานมีกฎ(หรือบังคับนั่นแหละ)ว่า..
เราจะมานั่งรอให้กรมแรงงานหางานให้ฝ่ายเดียวไม่ได้
เราจะต้องช่วยเหลือตัวเองโดยการออกหาสมัครงานเองด้วย


และเพื่อต้องการที่จะรู้ว่าเราได้ไปหาสมัครงานเองบ้างหรือเปล่า
กรมแรงงานก็จะมีจดหมายมานัดให้เราไปรายงานตัวทุกๆ 2-3 เดือน/ครั้ง


การไปรายงานตัวในแต่ละครั้ง
เจ้าหน้าที่ก็จะเล่าถึงความคืบหน้าในการหางานให้กับเรา
และปิดท้ายด้วยการสอบถามถึงการไปหาสมัครงานของตัวเราเอง


ถ้าเราบอกเจ้าหน้าที่ว่าเราได้ไปสมัครงานที่นั่นที่นี่มาแล้ว
เราจะต้องมีหลักฐานไปยืนยันด้วยว่าเราได้ไปสมัครงานที่นั่นมาแล้วจริง





หลักฐานที่ว่านั้นก็คือ..
จดหมายตอบปฏิเสธการรับเราเข้าทำงานจากบริษัทที่เราไปสมัครงานนั้นๆ


ซึ่งถ้าหากว่าเราไม่มีจดหมายตอบปฏิเสธการรับเราเข้าทำงานไปยืนยัน
เจ้าหน้าที่ก็จะถือว่าเราไม่ได้ใส่ใจที่จะช่วยเหลือตัวเองเลย
กรมแรงงานก็จะลงโทษโดยการตัดเงินตกงานของเราออก 1 เดือน


ตัวเราเองนั้นได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ทำงานใดๆอีกต่อไปแล้ว
(แก่แล้ว .. อิ อิ )
จึงไม่อยากที่จะไปสมัครงานที่ไหนอีก
(กลัวเขารับ .. ฮิๆๆ )


แต่ด้วยกฏข้อบังคับของกรมแรงงาน
ทำให้เรายังต้องออกหาสมัครงานเพื่อให้ได้ใบตอบปฎิเสธมา





บังเอิญในปีที่เราตกงานนั้น(ปี 2005)
เศรษฐกิจของประเทศเยอรมันแย่มาก
บริษัท/ห้างร้าน/โรงงานต่างๆพากันปลดพนักงานออกเป็นแถวๆ


บริษัทไหนที่ยังไม่แย่ถึงขนาดต้องปลดพนักงานออก
ก็จะใช้วิธีลดเวลาในการทำงานของพนักงานลง


จากที่เคยทำงานวันละ 8 ชั่วโมงก็ลดลงมาเหลือ 4 ชั่วโมง
เนื่องจากไม่มีงานมากพอที่จะให้พนักงานทำเต็มเวลาได้
[ภาษาเยอรมันเรียกว่า Kurzarbeit (ควร์ซ-อาร์-ไบท์)]


เราก็จะคอยมองหาบริษัทเหล่านี้แหละเป็นที่สมัครงาน
เพราะเชื่อได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าเขาจะไม่รับพนักงานใหม่อีกอย่างแน่นอน





ในการหาสมัครงานของเราก็แสนจะสะดวกสบาย
แค่หาบริษัทที่จะไม่รับพนักงานอีกแล้วให้เจอ
แล้วส่งหลักฐานการสมัครงานไปสมัครทางไปรษณีย์
จากนั้นก็รอให้บริษัทนั้นๆส่งใบตอบปฎิเสธกลับมาให้ที่บ้าน


เหตุมาเกิดเมื่อเวลาผ่านไปจวนจะครบปีอยู่แล้ว
วันหนึ่งเราก็ได้รับจดหมายนัดจากกรมแรงงานตามปกติ
แต่เมื่อเปิดจดหมายออกอ่านเราก็ต้องเป็นงง ..


เพราะในจดหมายแจ้งมาว่า..
เราไม่ได้ไปรายงานตัวตามที่กรมแรงงานนัดครั้งล่าสุด
กรมแรงงานจึงได้นัดให้เราไปพบตามวันเวลาที่ได้ระบุมาใหม่ในจดหมาย..


เราไปค้นจดหมายนัดฉบับท้ายสุดที่ได้รับจากกรมแรงงานมาดู
ก็พบว่าเราได้ไปรายงานตัวตามนัดมาเรียบร้อยแล้วนี่นา
แล้วทำไมกรมแรงงานถึงแจ้งมาว่าเราไม่ได้ไปตามนัด??





เมื่อถึงวันนัดเราก็ไปตามนัด
พร้อมทั้งนำจดหมายนัดฉบับท้ายสุดนั้นไปยืนยันด้วย


เจ้าหน้าที่ดูจดหมายแล้วก็ยังอ้างว่า..
ได้นัดให้เราไปพบอีกเมื่อวันที่... เวลา ...
(แต่ไม่มีสำเนาจดหมายให้ดู อ้างว่าไม่ได้เซฟไว้)


และเมื่อเราไม่ได้ไปตามนัด
เราก็จะถูกลงโทษโดยการตัดเงินตกงานของเราออก 1 เดือน


เราเถียงว่าเราไม่ได้รับจดหมายฉบับที่เจ้าหน้าที่อ้างนั้น ..
และเมื่อไม่ได้รับจดหมายนัด
เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่ากรมแรงงานนัด?


แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น
สรุปลงไปง่ายๆเลยว่า..
ในเมื่อเราเคยได้รับจดหมายของกรมแรงงานทุกฉบับ
ฉบับที่ว่านั้นเราก็จะต้องได้รับมันด้วย..





อ้าว..
พูดอย่างนี้เจ้าหน้าที่ก็หมายความว่า..เราโกหกน่ะสิ


เหมือนโดนดูถูก ...
เหมือนถูกเหยียดหยาม ...
เหมือนโดนกลั่นแกล้งแบบมัดมือชก ... !!


กรมแรงงานส่งจดหมายถึงเรา แต่เราไม่ได้รับ
กลับกลายเป็นเราที่ต้องรับผิดชอบ
.. มันบ้าไปแล้ว


แรกๆเราก็แค่โมโห
คิดแค่ว่าอยากได้ก็เอาไปเถอะเงินแค่นั้น


แต่เมื่อมาคิดทบทวนดูดีๆอีกที
ถ้าหากว่าเรายอมให้หักเงินไปเฉยๆ
ก็เท่ากับเรายอมรับว่าเราผิดน่ะสิ ..





คราวก่อนที่เรายอมจ่ายเงินคืนไปง่ายๆ 500 กว่ายูโร
ก็เพราะว่าเราเป็นฝ่ายผิด

แต่คราวนี้เราไม่ผิดจะมาบังคับให้เรารับผิดแบบนี้ไม่ได้


เราจึงไปปรึกษาทนายความเพื่อยื่นฟ้องกรมแรงงาน
ทนายความบอกว่า..
มันไม่คุ้มกันนะระหว่างค่าจ้างทนายกับเงินที่ถูกกรมแรงงานหักไปน่ะ


เราบอกว่า.. คุ้มหรือไม่คุ้มไม่สำคัญ
ที่สำคัญคือความถูกต้อง


ผิดก็ว่ากันไปตามผิด
แต่ถูกก็ต้องว่ากันไปตามถูกสิ ...




ถือเป็นความโชคดี
ที่เรายังเก็บจดหมายนัดของกรมแรงงานไว้ทุกฉบับ


เพราะมีจดหมายฉบับหนึ่งที่กรมแรงงานจ่าหน้าซองที่อยู่ของเราผิด
(จ่าหน้าซองเป็นชื่อเราแต่ที่อยู่ของคนอื่น)


จดหมายฉบับนั้นคงจะถูกตีกลับไปที่กรมแรงงาน
แล้วเจ้าหน้าที่คงจะขี้เกียจพิมพ์ใหม่


จึงใช้ปากกาขีดฆ่าที่อยู่ที่พิมพ์ผิดนั้นออก
แล้วเขียนที่อยู่ของเราทับลงไปใหม่ด้วยลายมือ ..


ทนายความจึงใช้จดหมายฉบับนั้นยื่นประกอบในการฟ้อง
เพื่อเป็นหลักฐานว่า..
กรมแรงงานเคยเขียนที่อยู่ของเราผิดมาแล้วครั้งหนึ่ง
จดหมายฉบับที่เราไม่ได้รับนั้นอาจจะเขียนที่อยู่ผิดอีกก็เป็นได้





ในสำนวนที่ส่งฟ้องศาลทนายความยังได้สรุปลงไปด้วยว่า..


ถ้ากรมแรงงานอ้างเพียงง่ายๆว่า ..
เราเคยได้รับจดหมายทุกฉบับที่กรมแรงงานส่งมา
ฉบับที่เป็นปัญหานั้นเราก็จะต้องได้รับมันด้วยนั้น..


ทนายความก็สามารถอ้างให้เราได้เช่นกันว่า..
ถ้าหากว่ากรมแรงงานส่งจดหมายฉบับนั้นถึงเราจริง
มันก็น่าจะต้องมาถึงมือเราด้วยสิในเมื่อทุกฉบับก็ยังมาถึง ..


ผลการฟ้องปรากฎว่า.. เราชนะ
ศาลพิพากษาว่าเราไม่ผิด
และมีคำสั่งให้กรมแรงงานจ่ายเงินที่หักไปนั้นคืนมาให้เรา


สะใจจริงๆ..


ศักดิ์ศรีนั้นถึงแม้ว่ามันจะกินไม่ได้
แต่มันทำให้เราภูมิใจได้มากมายจริงๆ..





1 ปีผ่านไปพร้อมกับความโล่งใจของเรา
หมดพันธะกันเสียทีกับกรมแรงงาน


ต่อจากนี้ไป ..
** ไม่ต้องคอยเสาะหาที่สมัครงานเพียงเพื่อให้ได้ใบตอบปฎิเสธมาอีกแล้ว
** ไม่ต้องไปรายงานตัวตาม(จด)หมายเรียกอีกแล้ว
** จะเดินทางออกนอกประเทศก็ไม่ต้องไปขออนุญาติใคร
** อยากไปอยู่ที่ไหนนานเท่าไหร่ก็ไม่ต้องรอให้ใครอนุมัติ


เพิ่งจะเข้าใจคำว่า"ยกภูเขาออกจากอก"อย่างลึกซึ้งก็ในตอนนี้แหละ อิ อิ


แต่โล่งใจอยู่ได้นาน 2 เดือน
วันหนึ่งก็มีจดหมายส่งมาจากกรมแรงงานนัดให้เราไปรายงานตัวอีก


เอ๊ะ..
ก็หมดพันธะต่อกันไปแล้วนี่นา
เงินตกงานเราก็ไม่ได้รับซักกะบาทแล้วด้วย
แล้วกรมแรงงานมีสิทธิ์อะไรจะมาเรียกให้เราไปพบอีก





เมื่อพลิกดูที่ด้านหลังของจดหมายนัดก็เห็นมีหมายเหตุพิมพ์กำกับไว้
ในกรณีที่เราไม่สามารถไปพบเจ้าหน้าที่ตามนัดได้
เช่น ป่วย ติดธุระ หมดความสนใจที่จะหางานทำแล้ว หรืออื่นๆ


ให้เราเลือกกาข้อความใดข้อความหนึ่ง
แล้วส่งจดหมายฉบับนั้นกลับคืนไปให้กรมแรงงาน


เราจึงเลือกข้อความ .. "หมดความสนใจที่จะหางานทำแล้ว"
แล้วส่งจดหมายฉบับนั้นกลับคืนไป..


กรมแรงงานตอบกลับมาทันใดว่า..
ถึงแม้ว่าทางกรมแรงงานจะไม่ได้จ่ายเงินตกงานให้เราแล้ว
แต่กรมแรงงานก็ยังคงจ่ายเงินบำนาญเข้ากองทุนบำนาญให้เราอยู่


เผื่อว่าวันหนึ่งวันใดข้างหน้าเราจะไปได้งานทำอีก
เงินบำนาญที่ถูกส่งเข้ากองทุนบำนาญจะได้ต่อเนื่องไม่ขาดตอน





.. ทึ่งกับระบบการทำงานของเยอรมันเขาก็ตรงนี้แหละ
เขาคิดถึงอนาคตระยะยาวให้เราอย่างเสร็จสรรพแบบรอบคอบอีกด้วย
นี่ขนาดว่าเราไม่ได้เป็นพลเมืองของประเทศเขานะนี่.. !!


เราจึงแจ้งกลับไปอีกว่า..
ขอให้ยุติการจ่ายเงินเข้ากองทุนบำนาญของเราได้เลย
เพราะชั่วชีวิตที่เหลืออยู่นี้เราจะไม่ทำงานใดๆอีกแล้ว


นับแต่นั้นมาเราก็ไม่เคยได้รับเอกสารใดๆจากกรมแรงงานอีกเลย
ที่เรายังคงรออยู่ก็คือบิลเรียกเก็บเงินย้อนหลัง
เพราะกรมแรงงานได้จ่ายเงินเข้ากองทุนบำนาญให้เราเกินไป 2 เดือน
คาดว่ากรมแรงงานจะต้องส่งบิลมาเรียกเก็บเงินส่วนนี้คืนไปแน่ๆ


แต่จนบัดนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจวนจะครบ 6 ปีเต็มแล้ว
เราก็ยังไม่ได้รับบิลเรียกเก็บเงินใดๆจากกรมแรงงานเลย


สงสัยว่ากรมแรงงานจะยกให้เราเป็นของขวัญ
เนื่องในโอกาสที่จะไม่ต้องพบเจอกับเราอีกแล้วในชาตินี้ .. ฮ่าๆๆ






บล็อกที่อยู่ในกลุ่ม >> อยากบอก .. อยากเล่า นี้
เราขอจัดให้เป็นบล็อกที่ไม่มีคอมเม้นต์นะคะ ...




MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com






Create Date : 05 มิถุนายน 2554
Last Update : 5 มิถุนายน 2554 20:33:53 น. 0 comments
Counter : 1666 Pageviews.

คนร่วมชายคา
Location :

Thailand

Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




**..นิสัยส่วนตั๊ว..ส่วนตัว..**

ตามใจตัวเองที่ซู๊ดดดด...
รักแมวเป็นชีวิตจิตใจ
อารมณ์ดีเหลือหลาย
(แต่ถ้าร้ายขึ้นมาละก็ให้อยู่ห่างๆนะจ๊ะ)
ความเครียดไม่เคยย่างกรายมาในชีวิต
.. ติดจะบ้าๆ ...
(อย่างหลังต้องทำใจกันหน่อยนะ อิอิ)



**..คติ "ทำ" ประจำใจ..**

Before you speak, listen
Before you write, think
Before you spend, earn
Before you invest, investigate
Before you quite, try
Before you retire, save
Before you die, give
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
5 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add คนร่วมชายคา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.