ตำนานเทพกรีก ตอนที่ 24
ตำนานเทพกรีก : ตอนที่ 24 เทพออร์ฟิอัส หรือออร์ฟุส (Orpheus)
ในสมัยโบราณ ชาวกรีกถือเอาการดนตรีเป็นของสูง และยกย่องนักดนตรีมาก เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจเท่าไรนักในการที่เขาอุปโลกน์ให้เทพเจ้าหลายองค์เป็นนักดนตรีมีฝีมือ หรือย่างน้อยก็เป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องดนตรีขึ้น เช่น เทพีอาเธน่าหรือมิเนอร์วา ซึ่งครองเกษตรกรรมและการฝีมือเย็บปักถักร้อย เป็นผู้ประดิษฐ์ขลุ่ย แม้ว่าจะไม่ได้เล่นเองก็ดี แพนเทพขาแพะก็เป็นผู้ประดิษฐ์ปี่อ้อเป่าเสียงเสนาะดังเสียงนกไนติงเกลในวสันตฤดู
เฮอร์มิสเทพครองการพาณิชกรรมและการสื่อสาร เป็นผู้ประดิษฐ์พิณถึอที่เรียกว่า ไลร์ (Lyre) และมอบให้อพอลโลใช้ดีดปรรเลงเพลงขับกล่อมเทพบนเขาโอลิมปัสเป็นประจำ คณะศิลปวิทยาเทวีถึงจะไม่มีเครื่องดนตรีทำเพลง แต่ก็มีเสียงขับร้องไพเราะหาที่เสมอเหมือนมิได้ ส่วนอพอลโลเองนอกจากครองเกษตรกรรมและประณีตศิลปแล้ว ยังครองการดนตรีโดยตรงอีกด้วย
ถัดจากเทพเจ้า ก็มีนักดนตรีในหมู่มนุษย์หลายคนที่มีตำนานปรากฏว่ามีฝีมือเยี่ยมเกือบเสมอด้วยเทพ แต่ที่เห็นเด่นสุดไม่มีใครเกินและเสมอเหมือนก็คือ ออร์ฟิอัส (Orpheus) ตามตำนานกล่าวว่าฝีมือดีดพิณของ ออร์ฟิอัสไพเราะหนักหนา จนถึงแก่ว่าคราใดเสียงเสนาะจากเพลงพิณของออร์ฟิอัสล่องลอยโหยหวนไปในกลางดง ครานั้นแม้แต่กระแสน้ำอันเชี่ยวกรากก็หยุดไหล เสือ สิงห์ และสัตว์ไพรที่แสนดุร้ายก็กลับเชื่อง และมี อาการซบเซาไปถนัดตา นางอัปสรทั้งปวงก็เคลิบเคลิ้มหลงไหลรัญจวน ใจใคร่ก็จะให้ออร์ฟิอัสเชยชิดพิสมัยไปตามๆ กัน
ตามตำนานได้แสดงฝีมือบรรเลงเพลงอันไพเราะไว้มากมาย อย่างเช่น เมื่อครั้งออร์ฟิอัสสมทบไปในเรือของเยสันในการไปเอาขนแกะทองคำ ยามที่พวกฝีพายเหนื่อยอ่อนโรยกำลังเต็มทีจนเกือบจะพายต่อไปไม่ไหว ออร์ฟิอัสได้ดีดพิณขับกล่อมให้เกิดกำลัง ลืมความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไปหมดสิ้น หรือเมื่อพวกผู้กล้าในเรือเกิดขัดใจทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนเกือบจะทำร้ายกัน ออร์ฟิอัสก็ใช้พิณขับกล่อมทำให้โทสะของคนกล้าในเรือเหล่านั้นให้บรรเทาเบาลงจนเหือดหายไปหมดสิ้น ไม่เกิดเหตุร้าย หรือในยามเมื่อเรือผ่านน่านน้ำแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในบริเวณ ใกล้แหลมปิโลรัสในเกาะซิสิลี ซึ่งเป็นน่านน้ำที่ชาวกรีกโบราณกลัวเกรงกันนัก เนื่องจากในน่านน้ำแห่งนั้นเป็นที่อยู่ของนางอัปสรไซเรน (Siren)
ซึ่งมีเสียงไพเราะจับใจยิ่งนัก จะล่อให้เรือไปหลงคว้างจนคนในเรืออดอาหารตายมาเสียนักต่อนักแล้ว ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงเพลงของนางไซเรน ออร์ฟิอัสก็ได้ดีดพิณขับเพลงกลบเสียงนางไซเรนจนสิ้น จูงใจคนในเรือให้มาฟังเสียงพิณของตน และแล่นเรือไปตามร่องน้ำจนรอดผ่านมาได้ เรือของเยสันจึงรอดมาได้เพราะออร์ฟิอัสโดยแท้
ออร์ฟิอัสเป็นบุตรนาง คัลลิโอพี เทวีประจำบทกวีในคณะเทวีศิลปวิทยา โดยบางตำนานกล่าวว่า มีบิดาเป็นเทพอพอลโลเลยทีเดียว (บ้างก็ว่าเป็นเฮอร์มิส) ประทานพิณให้ออร์ฟิอัสดีดมาแต่น้อย
และเมื่อเจริญวัยเติบโตขึ้น ออร์ฟิอัส ก็ไม่เอาใจใส่อะไรทั้งหมด นอกจากการดึดพิณถึงมาตรว่านางอัปสรทั้งปวงพากัน มั่นหมายออร์ฟิอัสเป็นคู่ชิดชม แต่อย่างไรก็ตามสามารถชนะใจออร์ฟิอัสได้ นางนั้นคือนางอัปสร ยุริดดิซี่ (Eurydice) แต่ชะตากับเล่นตลก ออร์ฟิอัสกับนางยุริดดีซีเป็นคู่โศกไม่ใช่คู่สุข เมื่อขณะทำการวิวาห์นั้นคบเพลิงของไฮเมน (Hymen) เทพครองการวิวาห์เป็นควันโขมงแทนที่จะเป็นเปลวไฟอันสว่างไสว ซึ่งเป็นการบอกลางร้ายในการวิวาห์
อยู่มาไม่นานนางยุริดดิซึก็ถูกงูกัดตาย ดวงวิญญาณออกจากร่างไปสู่ยมโลก ออร์ฟิอัสเสียใจในการตายก่อนถึงวัยอันสมควรของคู่ครองเป็นอย่างยิ่ง จึงบนบานขอให้ซูสเทพปริณายกโปรดชุบนางยุริดดิซี ให้คืนชีวิต ซูสสงสารออร์ฟิอัส แต่ไม่อาจสนองได้จึงแนะนำให้ออร์ฟิอัสลงไปตามหานางในบาดาลและขอนางคืนต่อเทพฮาเดส เจ้าแห่งบาดาลนั้นเอง
ออร์ฟิอัสดั้นบาดาลลงไปถึงเขตที่มีสุนัขสามหัว ชื่อ เซอร์บิรัส เฝ้าประตูเข้าตรุชั้นใน อันเป็นที่ประทับของฮาเดส มันไม่ยอมให้คนเป็นผ่านเข้าประตู หรือวิญญาณคนตายออกจากประตูเป็นอันขาด พอแลเห็นออร์ฟิอัสตรงมา มันก็คำรามเห่าแห้แยกเขี้ยวคุกคามอย่างดุร้าย แต่ออร์ฟิอัสก็ไม่ถอยหนี เขาเพียงแต่หยุดเท่านั้นแล้วดีดพิณคู่มือ ขับกล่อมเซอร์บิรัสด้วยเพลงอันไพเราะจนมันเซื่องเซาลง และในที่สุดมันก็ยอมให้ออร์ฟิอัสล่วงเข้าประตูไปด้วยความสงบ เสียงเพลงอันแสนขลังประดุจมนต์สะกดของออร์ฟิอัส ดังกังวานไปจนถึงส่วนลึกล้ำของตรุทาร์ทะรัส ทำให้เหล่าพวกที่ ต้องโทษทัณฑ์ได้รับความทรมานอยู่ในยมโลกลืมความทรมานไปได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่อำนาจความขลังของเพลงออร์ฟิอัสจะได้มีเพียงเท่านี้ก็หาไม่ ด้วยเหตุการณ์ที่จะแสดงอำนาจความขลังเป็นที่สุดยังมีอีก
ออร์ฟิอัสล่วงเข้าเขตตรุทาร์ทะรัสและดั้นด้นต่อไปจนถึงประตูที่ประทับของฮาเดส เจ้าแห่งยมโลกกับเทวีเพอร์เซโฟนี มเหสี แวดล้อมด้วยเทวีทัณฑกรที่ปราศจากความปรานี เป็นภาพที่ไม่เคยประจักษ์แก่สายตามนุษย์เลยในกาลก่อน เพราะว่าไม่มีผู้มีชีวิตคนใดจะได้ล่วงล้ำไปถึงที่นั่นดั่งออร์ฟิอัสในครั้งนี้ ออร์ฟิอัสทูลต่อเทพฮาเดสให้รู้ถึงความมุ่งหมายของตนในการล่วงล้ำไปถึงตรุทาร์ทะรัสนั้นแล้ว ก็ดีดพิณขับเพลงครวญโหยหวนอย่างสุดฝีมือ รำพันถึงความทุกข์ของตน
การขับเพลงของออร์ฟิอัสได้ผล บันดาลให้เทพฮาเดสตื้นตันถึงกับหลั่งอัสสุชลลงพรากๆ และอนุญาตให้ออร์ฟิอัสพานางยุริดดิซีกลับขึ้นมาในมนุษย์โลกได้ดังประสงค์ แต่มีเงื่อนไขห้ามออร์ฟิอัสเหลียวหลังมองดูนางในระหว่างทางเป็นอันขาด จนกว่าจะพาขึ้นพ้นยมโลกเป็นที่เรียบร้อย
ออร์ฟิอัสยอมรับเงื่อนไขด้วยความดีใจ เดินนำหน้านางยุริดดิซีออกจากตรุทาร์ทะรัส ลัดเลาะกลับตามทางเก่า โดยไม่หันหน้ามองแม้แต่ข้างซ้ายและข้างขวาเลย คอยข่มใจมิให้พะวงถึงนางผู้ตามหลังตลอดทาง แม้จะรู้อยู่แก่ใจดีว่านางคงจะต้องเดินอยู่ใกล้ๆก็ยังมิวายเป็นห่วง พอถึงที่สว่างแล้ว ในทันทีที่ออร์ฟิอัสก้าวออกจากคูหาที่จะลงสู่บาดาลไม่ทันเฉลียวใจว่านางยุริดดิซียังอยู่ข้างใน เหลียวขวับไปดูเพื่อความแน่ใจว่าที่รักของเขาตามทันหรือไม่ แต่เป็นการด่วนเกินไป หล่อนยังไม่ทันออกพ้นปากคูหา เขาได้เห็นหล่อนมัวๆ อยู่ในที่มืดสลัว จึงยื่นมือออกไปจะรับหล่อน และพร้อมกันนั้นนางยุริดดิซีก็หายวับไปฉับพลัน ในขณะเดียวกันออร์ฟิอัสคงแว่วแต่เสียง ขอลาลับ มาเท่านั้น
ออร์ฟิอัสใจหายแทบคลั่ง ถลันกลับลงไปตามนางอย่างอุตลุด แต่ไม่อาจล่วงล้ำลงไปได้อีกเป็นตรั้งที่สอง จึงจำใจต้องกลับขึ้นมาด้วยความสิ้นหวังสิ้นอาลัยในชีวิต จนกระทั่งความเอาใจใส่ในเพลงพิณ เที่ยวซัดเซพเนจรไปจนถึงแดนชนชาติป่าเถื่อนที่ดุร้ายในแคว้นเธรส และในที่สุดก็ถูกหญิงชาวป่าพวกนับถือเทพไดโอนิซัสกลุ้มรุมฆ่าตาย
เมื่อขณะจะตายออร์ฟิอัสรำพันแต่คำว่า ยุริดดิซี ไม่ขาดปากจนชีวิตออกจากร่าง ล่องลอยไปสมทบกับนางผู้เป็นที่รักในที่สุด
บรรดาสายน้ำลำธารรุกขชาติและน้ำพุก็จำคำรำพันของออร์ฟิอัสนั้นมา ทวนพร่ำอยู่เป็นนิตย์ตั้งแต่บัดนั้น ส่วนศิลปเทวีก็เอาซากศพออร์ฟิอัสฝังไว้ที่ตีนเขาโอลิมปัส ณ ตำบลซึ่งนกไนติงเกลร้องเพราะเสนาะโสตกว่าที่อื่นทั้งสิ้นตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้
นอกจากนี้ทวยเทพยังประสิทธิ์ประสาทให้พิณถือของออร์ฟิอัสเป็นกลุ่มดาวกลุ่มหนึ่งชื่อว่า ไลรา (Lyra) ให้คนทั้งหลายระถึงฝีมือดีดพิณและเรื่องราว อันแสนเศร้าของออร์ฟิอัสมาจนตราบเท่าทุกวันนี้
Create Date : 22 กรกฎาคม 2557 |
Last Update : 22 กรกฎาคม 2557 23:44:40 น. |
|
14 comments
|
Counter : 1574 Pageviews. |
|
|
|