10 กว่าปี ห่างหายจากมินิมาราธอน
 24/11/2556 กลับลงสนามวิ่งมินิมาราธอนอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไป 10กว่าปี ตั้งแต่วิ่งครั้งสุดท้ายประมาณอายุ 15-16 ความรู้สึกกระหาย อยากลงสนามมันคุกรุ่นมาตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่มันไม่แรงพอที่จะผลักดันให้เข้าร่วมวิ่งได้เสียที แต่แล้วไฟนั้นก็เริ่มลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเพื่อนๆเริ่มไปวิ่ง เมื่อมีการจัด กรุงเทพมาราธอน 2556 ...แต่ตอนนั้นคิดว่าร่างกายก็ยังไม่น่าจะพร้อมสำหรับมาราธอน คิดไว้แค่ว่า ปี 2557 จะลงวิ่งมินิฯ และหากไหวจะขยับขึ้นเป็น ฮาล์ฟ ความฝันก็ยังคงล่องลอย ไฟที่ลุกโชนก็ลุกแค่ในหน้าจอและในความฝัน และแล้วคืนวันศุกร์คุณน้าได้ไลน์คุยกับคุณพี่ว่าวันอาทิตย์นี้มีวิ่งมินิฯ ที่ รร.เตรียมอุดมฯ ใครสนใจมาได้เลยมีบัตร มีเสื้อ บลา บลา บลา ไม่ได้สนใจเรื่องต่อไปแล้ว ในเวลานั้น มีแต่คำถามในหัววนไป วนมา ไป หรือไม่ไป ไหว หรือไม่ไหว ไม่ได้วิ่งระยะนี้มานานมากกกกก ล่าสุดวิ่งแค่ 3-4 กม. ก็ไม่ไหวแล้วนะ คำตอบสุดท้ายก็คือ ไป ไปลองดูให้มันรู้ ไฟที่จุดอยู่มันจะได้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยสังขาร ซีรี่ 3 นี่แหละ ลองไปดู ซ้อมน้อยก็ให้มันรู้กันไปว่ายังไง ไม่ตายหรอกอย่างมากก็แค่เดินๆเดี๋ยวก็ถึงล่ะ....
เช้าวันที่ 24/11/2556 เมื่อมาถึง รร.เตรียมอุดมฯ นักวิ่งพร้อมที่จุดสตาร์ท งานสบายๆ จัดกันแบบง่ายๆสไตล์ รร. จัดกิจกรรม ก็รับเบอร์ ติดเบอร์ เตรียมพร้อมที่เส้นสตาร์ท ในหัวตอนนั้น ไหวสิ ต้องไหว ต้องวิ่งได้ อย่างน้อยก็ 3-4 กม. ล่ะ ที่เหลือเดินก็ได้ฟะ... กรรมการให้สัญญาณปล่อยตัว...เปรี้ยง...นักวิ่งทยอยออกจากจุดเริ่มกันไป เราก็เริ่มออกวิ่งด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น เอาวะ เอาไงเอากัน วิ่งไป วิ่งไป วิ่งไปเรื่อยๆ คุมจังหวะ คุมการหายใจ แต่สิง่ที่ต้องคุมอย่างจริงจังที่สุดก็คือคุมความคิดอย่าว่อกแว่ก มีสมาธิ มีสติ วิ่งต่อไป 1km ผ่านไป เสียงจาก App วัดระยะทางใน Iphone บอก โอเช ไปต่อๆ 2 km เฮ้ย มันนานไปนะ ร่างกายจะไหวไม๊เนี่ย 3 km ความคิดในหัวเริ่มปั่นป่วน เฮ้ย ปกติเคยวิ่งแค่ 3 เอง นี่มันเกินมาแล้ว ยังจะไหวเหรอ ร่างกายจะพังไม๊ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานนะโว้ย แต่อีกความคิดก็เข้ามา เฮ้ยมันต้องได้ มันต้องถึงสิ วิ่งต่อไป หยุดไม่ได้อยู่แล้ว วิ่งต่อไป ...เสียงนั้นดังขึ้นมาอีก 4 km ผ่านไป เฮ้ยครึ่งทางแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรแล้ววิ่งต่อไปไม่ไหวก็เดิน แต่ไงสันนี้ต้องไปให้ถึงต้องเข้าเส้นให้ได้ 5 km. ผ่านไป ผู้คนเริ่มบางๆตา เริ่มหยุดเดิน กลับมากังวลอีกครั้งกลัวร่างกายจะไม่ไหว เดินซะแป้บนึงก่อนละกัน พอเดินก็เริ่มคิดมากอีกครั้ง "นอนอยู่บ้านดีๆไม่ชอบนะ ออกมาทำไมเนี่ย" สลับกับ "วิ่งต่อๆ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว"
คิดไปคิดมา เสียง 6 km. ผ่านไปก็มาอีกรอบ ครั้งนี้ไม่ต้องคิดแล้ว อีกนิดเดียวเดี๋ยวก็ถึง เราทำได้ เราทำได้ วิ่งต่อไป เราทำได้ วิ่งต่อไป ก็วิ่งและวิ่ง วิ่งช้าบ้างเร็วบ้างตามแต่ร่างกายจะอำนวย เราก็วิ่งต่อไป เมื่อเข้า 7 km เอาเฮ้ย งานนี้เข้าเส้นได้แน่นอน ต้องทำได้สิ วิ่งไปเรื่อยๆอย่าหยุดเราต้องทำได้ .... ความรู้สึกตอนเห็นคำว่า Finish บนซุ้มประตูมันตื้นตัน บอกไม่ถูก มันเอาชนะตัวเองได้ เฮ้ย กรูทำได้ กรูทำได้ 10 กว่าปีผ่านไป กรูยังทำได้ เข้าเส้นด้วยน้ำตาที่คลอตลอดเวลา ไม่ต้องสนใจใคร ไม่ต้องให้ใครมาชม กรูทำได้
และนั่นแหละ สิ่งที่ทำให้เราทำไม่ได้มันก็คือตัวเราเอง บอกว่าไม่ไหวมันก็ไม่ไหว บอกมันว่าทำได้ มันก็ทำได้ ไม่เกี่ยวกับใคร ตัวเราเท่านั้นที่จะบอกได้ มินิ มราธอนครั้งหน้า เร็วๆนี้ เจอกันแน่ และปีหน้า รายการกรุงเทพ มาราธอน...ในส่วนฮาล์ฟ มาราธอน เจอกันแน่นอน....กรูทำได้....



Create Date : 25 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2556 14:27:23 น.
Counter : 837 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kimhai9843
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



พฤศจิกายน 2556

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30