Bloggang.com : crazypaph : ... Something In My Way ...

... Something In My Way ...

เริ่มต้นกับ " ความทรงจำแรกเริ่ม ที่ยังพอจำได้อยู่ ( บ้าง ) "

สวัสดีครับทุกๆท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียน กระผม " นายช้าง หรือ crazypaph " บุคคลที่หลงใหลและบ้าคลั่งในด้าน " ศิลปะ " และ " ธรรมชาติ " มาตั้งแต่ .. เด็กๆ ..

เริ่มจำความได้ก็จับ " กีตาร์โปร่ง " มาขย่มโสตประสาทจนที่บ้านหนวกหู ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ( เป็นช่วงอายุที่จินตนาการเบ่งบานจริงๆ ) จน " ท่านเตี่ย " อาจคิดว่า " ตัดสินใจพลาดที่ซื้อ .. กีต้าร์โปร่ง .. " ให้กับ " ลูกชายบ้าๆ " คนนึง ที่เล่นไปเรื่อยเปื่อยตามประสาเด็กๆ

จนเข้าอายุ 16 ปี ก็ได้แอบหนีที่บ้านไปฝึกงาน ที่ Orange music กับ .. กลุ่มวงดนตรี " ตาวัน " .. ด้วยความใจดีของ พี่หมู ( กิติพันธ์ ปุณกะบุตร), พี่ต้น ( วงศกร รัศมิทัต ), พี่ปุ้ม ( พรหมพงศ์ สนิทวงศ์ ณ. อยุธยา ), พี่ปริ้นซ์ ( มรุธา รัตนสัมพันธุ์ ), และป๋าขุน ( ชัยวัตร์ จุฬาพันธุ์ ) โดยเริ่มหน้าที่แรกคือ .. เด็กซื้อข้าวกับชงกาแฟ .. แลกกับความรู้ด้าน " กีตาร์ "

3 เดือนแรก กับ .. Orange music .. เหมือนยังหาตัวตนของตัวเองไม่พบ แต่มีความคิดที่มา " สะกิดใจ " ว่าเราอยากเป็น " มือกีตาร์ จริงๆหรือ? " โดยครูคนแรกที่ " นายช้าง " ถูกจับให้เริ่มหัดกีต้าร์โดยเริ่มนับหนึ่งใหม่ ก็คือ .. พี่เชษฐ์ ( พิเชษฐ์ เคลือวัลย์ ) คนๆนี้ที่ทำให้กระผมได้เข้าใจถึงคำว่า " กีต้าร์ " ที่ไม่ใช่ " เครื่องดนตรี " ที่เพียงไว้แค่ " เล่นให้เสียงออก " แต่จากการที่ .. กระผม .. ถูก .. พี่เชษฐ์ .. จับนับหนึ่งใหม่ ทำให้เวลาที่ผ่านไปเพียงแค่ 6 เดือน " กระผมได้รู้จักตัวเราเองดีขึ้นว่า .. ตัวเราเหมาะสมกับอะไร .. "

6 - 7 เดือนผ่านไปกับการฝึกกีต้าร์ ที่เริ่มรู้สึก ( แสน ) ทรมาณ ทั้งจากการที่ต้องหัดเริ่ม " วางนิ้ว " 1 - 2 - 3 - 4 ให้ถูกต้อง, การจับ " ปิ๊ค ", รวมไปถึงการ " ดีด " ขึ้น - ลง ( Up & Down ) เฮ่อ! ....... " ชักไม่สนุกแล้วสิเรา "

และแล้ว .. วันหนึ่งวันนั้น .. ก็มาถึง กระผมได้เดินไปหา " พี่เชษฐ์ " แล้วบอกว่า " ผมคงเป็นมือกีตาร์ .. ที่ดี .. ไม่ได้แล้วพี่ " คำถามถูกถามกลับมาพร้อมกับ .. รอยยิ้ม .. ที่ .. ใจดี .. ว่า " เพราะอะไร " คำตอบได้ถูกตอบกลับไปด้วยการคิดทบทวนมาอย่างดีว่า " ผมไม่สนุกกับการฝึก เป็นเพราะจาก .. ตัวผมเอง .. และ ผมไม่อยากทำลาย .. ศิลปะ .. เพียงแค่ต้องการแค่อยาก .. สนุก .. "

2 วัน หลังจากการได้บอกความในใจออกไป " นายช้าง " ได้แต่นั่งเงียบอยู่ในครัวที่ Studio คิดไปนู้นไปนี่ฟุ้งซ่านเรื่อยเปื่อยไปตามเรื่องตามราว ว่า " แล้วเราจะทำอะไรต่อไปดี "

Sound engineer ?

In Studio

หลังจากนั่งบื้ออยู่ 2 - 3 วัน ชีวิตก็คงมาถึงทางที่ถูกต้องเสียที เมื่อ .. พี่ต้น ( วงศกร รัศมิทัต ) .. เดินมาถามว่า " อยากฝึก Sound Engineer มั้ย? " กระผมได้มองพี่ต้นแล้วตอบกลับว่า " ผมจะทำได้หรือพี่ ดูช่างน่ากลัวเหลือเกิน เครื่องอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด ผมไม่รู้เรื่องเลยนะ อย่าดีกว่าพี่ " พี่ต้นผู้ซึ่งมีแต่รอยยิ้มตลอดเวลา กล่าวตอบสั้นๆด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นว่า " ลองดูครับ ผมว่า .. คุณทำได้ .. " จากนั้น .. วันนั้นทั้งวันทั้งคืน .. " ผมได้แต่คิดว่าจะเอาไงดี "

สายๆของวันรุ่งขึ้น ผมก็เดินไปหา " พี่ต้น " แล้วบอกว่า " ลองดูครับพี่ " ....... ตั้งแต่วันนั้นมา " นายช้าง " ก็ได้เริ่มต้นเรียนรู้ และทำ Soung engineer ด้วยความสนุกและมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง จนมาถึงทุกๆวันนี้ โดยผลงานทั่วไปชิ้นแรกที่ได้ทำตอนนั้นคือ .. Jingle เพลงประกอบ ของ สถานีวิทยุ Hot Wave .. และงานอัลบั้มเพลงชุดแรกคือ .. อัลบั้ม HEAVY MOD .. หลังจากนั้นก็มีตามมาเรื่อยๆ จนเริ่มจะจำไม่ค่อยได้ว่าทำให้ใครไปบ้าง แต่ที่จำได้แน่นอน คือ .. ทุกงานที่ผมได้มีส่วนร่วม ผมมีความสุขมากๆครับ ..

บางส่วนกับความประทับใจที่ผ่านมาอย่างแรง

- โจอี้ บอย

อัลบั้ม .. รามา ..

ได้รู้จักเพื่อนคนนี้ ก็ตั้งชื่อให้ผมใหม่เลยว่า " Master Chang Lak Mix " ซึ่งตัวผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่า .. มันหมายความว่ากระไร .. ความเป็นมาน่าจะมีอยู่ว่า .. ช่วง 6 - 7 ปีก่อน กระผมได้มีโอกาสเข้าไปเป็น " ครูพิเศษ " อยู่ที่ .. โรงเรียนเด็กผู้หญิงล้วนประจำ .. แห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท โดยได้รับหน้าที่ดูแล " วงโยธวาทิต " ในส่วนของภาค Percussion ซึ่งวันหนึ่งเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ได้โทรมาให้เข้ามาดูงาน Mixdown ของ " โจอี้ บอย " ให้หน่อยที่ห้องอัด " ศรีสยาม " กระผมเองยังไม่กล้ารับปาก เพราะงานสอนและงานที่ต้องดูแลในโรงเรียน มีตั้งแต่เช้าจนค่ำ แต่ด้วยอะไรก็ไม่ทราบได้ เลยขอเพื่อนไปว่า " ขอเข้าไปดูงานก่อนนะ แล้วค่อยรับปาก " แต่เมื่อพอได้เข้าไปฟังงานแล้ว ในระหว่างการบันทึกเสียง ก็รู้สึก " Happy " มากๆ เลยรับปากว่า .. จะ " Mixdown " ให้ แต่ต้องขอนะว่า .. มาทำให้ได้หลัง 1 ทุ่ม เพราะต้องดูนักเรียนซ้อมวงก่อน .. ซึ่งทุกฝ่ายก็ OK ทำให้ผมสบายใจและผ่อนคลายเรื่องเวลาลงไปได้มาก ที่ประทับใจอย่างแรง คือ .. งานชุดนี้ถือเป็นงานแรกที่กระผม Mixdown ในเวลา 19:00 - 04:00 น. แล้ว 6 โมงเช้าผมต้องตื่นมาทำหน้าที่เป็นครูต่อ ซึ่งโดยส่วนตัวถือว่าเป็นอะไรที่ " สุดๆของที่สุด " กับเวลา 15 วันในการ Mixdown พร้อมการ " อดนอน " จนเสร็จสิ้นงาน ผลก็เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย รวมไปถึงตัวกระผมเองด้วย ที่แปลงร่างกลายเป็น " หมีแพนด้า " ไปโดยไม่รู้ตัว กับ " โจอี้ บอย " ผมได้ทำงานร่วมกัน 2 ชุด คือ 1. อัลบั้ม " รามา " 2. อัลบั้ม " ก้านคอคลับ "

นิยาม ของ โจอี้ บอย ที่ผมอยากบอกเขาคือ .. " โจ้ " นาย .. มันส์และเต็มที่มากๆ .. ในการทำงาน นายไม่เคยปล่อยให้เรา " หิว " เลย ทั้งๆตอนนั้นมันเป็นเวลา ตี 2 ตี 3 และนายก็มี " Spirit " อย่างสูงในเวลาทำงาน เยี่ยมมาก!เพื่อน ..

- วง สิบล้อ และ ทีมงาน

บอกได้คำเดียวว่า " สุดๆ " .. ทั้ง วง และ ทีมงาน .. เป็นที่สุดที่ตั้งแต่ทำงานด้านนี้มา ต้องออกทัวร์ไปแสดงตามสถานที่ต่างๆทั่วประเทศไทย ถึง 100 คอนเสริท์ ในเวลา 4 เดือน เพราะจากการที่ต้องอยู่ด้วยกันตลอด จนเบื่อหน้ากันเต็มที่ ทำให้ความผูกพันมันเลยมีมากตามมา ทั้งจาก .. ทัวร์ และ งานใน studio ..

กับ " สิบล้อ " ถ้าจะให้สรุปใน " นิยาม " คงยาวเกินกว่าจะเขียนได้แน่นอน .. ทุกคนเข้าใจ " ศิลปะ " มากกว่าคำว่า " พาณิชย์ "

- กีรติ พรหมสาขา ณ. สกลนคร ( เขียว คาราบาว )

Kirati Project # 1

กับ " ป๋าเขียว " นี้ เคยเจอแกมาตั้งนาน ตั้งแต่ผมเข้าไปฝึกงานที่ Orange music แต่ตอนนั้นกระผมเองยังเด็กมาก เลยไม่กล้าเข้าหาแก เวลา " ป๋า " มาที่ห้องอัด ผมก็ได้แต่หนีไปแอบ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร จนมาเจออีกทีเมื่อตอนวง " สิบล้อ " เข้าไปอัดอัลบั้มชุด " เสียงเพลงสิบล้อ " ที่ห้องอัดเสียง " Center Stage " ซึ่งกระผมเองก็โตขึ้นและมีความทะลึ่งขึ้นมากตามลำดับด้วย เลยได้มีเวลาคุยกันอย่างมันส์ พอ " ป๋า " รู้ว่า .. เมื่อก่อนตอนที่ " ป๋า " เข้าไปแล้ว ผมหนีไปแอบไปหลบ " ป๋า " ได้แต่หัวเราะก๊าก แล้วถามว่า " จะหลบทำไม " ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่า " จะหลบ .. ป๋า .. ทำไม อิอิ " หลังจากการทำงานใน Studio ของวง " สิบล้อ " เสร็จสิ้นลง ทุกคนก็ได้แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของแต่ละคน จนเมื่อวง " สิบล้อ " ได้ .. พักวง .. ลงไม่นาน " ป๋า " ก็โทรมาหาและถามว่า " กำลังจะทำงานชิ้นหนึ่ง สนใจอยากมาร่วมงานมั้ย " กระผมเมื่อได้ทราบข่าวดีก็ " ดีใจ " แต่ .. ณ. ตอนนั้น กระผมเองได้ทำ " กล้วยไม้ " อยู่ด้วยในขณะนั้น และที่สำคัญ .. เวลารดน้ำกล้วยไม้ของกระผม คือ .. 05:00 น. ซึ่งกระผมรู้ดีว่า .. ถ้ารับงานแล้วต้องเหนื่อยแน่นอน เพราะกว่าจะเลิกงานก็ ตี 3 ตี 4 แล้ว ไหนจะต้องกลับมารดน้ำกล้วยไม้อีก และ 10 โมงก็ต้องออกเดินทางไปเข้าห้องอัดอีก งานนี้มันส์อีกแล้ว .. กระผมตัดสินใจ 1 วันจึงโทรกลับไปหา " ป๋า " บอกว่า " OK ผมรับงานนี้ ถึงจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็ลุย " หลังจากนั้น 1 เดือน งานชุด Kirati Project#1 จึงได้เริ่มขึ้น กับเวลา 2 เดือนใน Studio ที่ต้อง ไป - กลับ เพื่อที่จะกลับมา " รดน้ำกล้วยไม้ " ให้ตรงเวลาอย่างที่ทำอยู่ ก็เป็นเรื่องที่สนุกไม่ใช่น้อยเลย งานชุดนี้นอกจากสิ่งที่ทำให้กับงานนั้น มีหลายอย่างที่กระผมได้รับกลับมาทางอ้อมคือ .. ได้เห็นชีวิตคนกทม.ในอีกด้านหนึ่ง ในเวลาที่หลายคนหลับอยู่ แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาทำงานต่อ มันทำให้ความรู้สึก " เหนื่อย " แทบหายไป เพราะคนที่ " เหนื่อย " กว่าเรายังมีอีกมาก ในเวลาที่หลายคนไม่เคยเห็นกันในเวลาปรกติ ซึ่งสิ่งสวยงามเหล่านี้ทำให้ " มีกำลังใจ " ที่จะทำสิ่งอื่นต่อไป ได้อย่างไม่รู้สึก " ท้อ " และ " เหน็ดเหนื่อย " ..

ขอบพระคุณ " ป๋า " มากๆครับ ที่ทำให้ " การวางมือ " ของกระผม จากวงการนี้ในฐานะ " Sound engineer " เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ และตอนนี้ .. กระผมก็ได้เป็น " เกษตรกร " อย่างเต็มตัว และ มีความสุข มากๆครับ ..

ขอบพระคุณทุกๆท่านที่ได้เคยร่วมงานกันมาครับ
นาย ช้าง crazypaph

... จุ๊ๆๆ ... แต่ก็ไม่แน่ว่า ถ้ามีเวลาอาจจะกลับมาขยับ Mix เล่นบ้างนิดๆหน่อยๆ พอให้หายอยากลงบ้าง เพราะทุกวันนี้ก็แอบคิดถึง ( และแอบทำ ) อยู่บ้าง อิอิ!

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2551

Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 18:36:47 น.

0 comments

Counter : 1248 Pageviews.