เที่ยวปักกิ่งแบบชิลชิล 4 วัน 3 แบบไม่ต้องง้อทัวร์ วันที่ 2

วันนี้ตามแพลนเราควรจะเดินทางโดยรถไฟ แต่เพราะแม่สามีอายุมากแล้ว พวกเราเลยซื้อทัวร์กับทางโรงแรม คือคนละ 400 หยวน ซึ่งรวมค่าเข้าสุสานหมิง อาหารกลางวัน และค่าเข้ากำแพงเมืองจีน

มีโปรแกรมดังนี้

-สุสานหมิง

-โรงงานหยก

-กำแพงเมืองจีน 

-โรงงานผ้าไหม

รถนำเที่ยวแบบนี้เลยค่ะ

นั่งจากโรงแรมประมาณ 45 นาทีก็มาถึงสุสานหมิงที่เค้าเล่ากันว่ายังหาสุสานจริงๆ ของฮ่องเต้ไม่ได้.. เราก็ฟังบ้างไม่ได้ฟังบ้าง หุหุ เลยไม่ค่อยแน่ใจรายละเอียดเท่าไหร่นัก

ทางเข้าเป็นประตูใหญ่ เดินแบบเที่ยวเดียว คือไปเรื่อยๆ ค่ะ แล้วรถก็จะไปจอดรอที่อีกฝั่งเอง

ขาออกจะผ่านทางเดินที่มีรูปปั้นเยอะแยะอยู่สองข้างทาง

ถ้าอยากได้ลูกชายให้ขอกับหนุ่มน้อยด้านล่างนี้รุย (เราแอบขอไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเค้าจิให้เป่า รอนานเบย)

สำหรับใครที่ไปเองก็ราคาค่าเข้าชมตามนี้นะจ๊ะ

ออกจากสุสานหมิงก็ไปโรงงานหยกต่อ ซึ่งไกด์บอกว่าเป็นโรงงานของรัฐบาล มีใบการันตีให้และราคาถูกกว่าตามท้องตลาด ซึ่งพอดีเราอยากได้กำไลหยกให้แม่อยู่แล้ว เลยจัดหยดแบบเจดไดท์ไป กระเป๋าเบาเบย

มีสาทิตวิธีทำหยกด้วยค่ะ ที่เห็นเป็นลูกกลมๆ นี่เค้าบอกว่าเอาไว้ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป ทำให้ครอบครัวร่มเย็น

อาหารเที่ยงก็กินที่โรงงานหยกนี่แหละจ๊ะ แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ อยู่ด้วย แต่อาหารอร่อยดีเลยล่ะ เราว่าอาหารที่ปักกิ่งอร่อยกว่าที่ซูโจวเยอะเลย

เอ๊า! ต่อไปด้วยกำแพงเมืองจีน ที่คนจีนเค้าเรียก 长城 (changcheng) จริงๆทริปวันนี้เราอยากมาที่กำแพงเมืองจีนอย่างเดียว เพราะคิดว่าแค่เดินกำแพงก็เหนื่อยแล้ว ดังนั้นที่อื่นๆ ที่เสริมเข้ามาในทัวร์จึงเหมือนกำไร

เราไปลงที่ Mutianyu เพราะที่นี่คนจะไม่พลุกพล่านเท่าบาดาหลิง ถ้าไปเองก็สามารถนั่งรถไฟใติดินไปลง dongzhimen แล้วต่อสาย 916 快 ไปลงที่ถนน Huairou เพื่อต่อ minivan ไปที่กำแพงเมืองจีนได้เลย 

อันดับแรกต้องไปซื้อตั๋วก่อนจ้า มีทั้งแบบกระเช้าและ toboggan ที่เราอยากนั่งมากกกกก ถ้าซื้อตัวแบบไป-กลับ ก็สามารถเลือกได้ว่าจะนั่งกระเช้าทั้งไปและกลับหรือจะนั่งกระเช้าขาไป แล้วขากลับนั่ง toboggan ค่าตั๋วไป-กลับ 100 หยวน

อันนี้คือกระเช้า แอบขึ้นลงยากนิดนึง ใครมีเด็กน้อยไปด้วยก็อุ้มกันดีๆ เน้อ

ส่วนอันนี้คือ Toboggan เราอดนั่งเพราะแม่ยายเราไม่ยอมนั่งกระเช้าลงมาคนเดียว Y_Y

สังเกตุว่าที่มู่เทียนหยูจะคนไม่ค่อยเยอะ ถ้าเทียบกับบาดาหิง ก็ผลักกันกลิ้ง ขนาดช่วงที่ไปเป็นช่วงไฮซีซันของประเทศจีน 

จากกำแพงเมืองจีนก็ไปแวะโรงงานทำผ้าปูที่นอนผ้าไหม งงแฮะ.. คือเค้าเอาผ้าไหมไปทำผ้าปูที่นอน ยกเซตก็ตกหมื่นกว่าบ้านซึ่งเราทำใจซื้อไม่ได้เราเลยไม่ได้ถ่านรูปเก็บไว้ (เกี่ยวมั้ย?)

กลับถึงโรงแรมประมาณ 5 โมงครึ่ง รอแม่สามีอาบน้ำเสร็จเราก็ไปต่อร้านเป็ดปักกิ่งอีกเจ้าซึ่งอยู่ข้างๆ ร้านแรก ชื่อร้าน ชิ่วหลาน 秀兰 ซึ่งเป็นร้านดังของที่นี่ (เพิ่งรู้จากเพื่อนคนจีนตอนกลับมาซูโจวแล้ว) ร้านนี้อาหารถูกกว่า แถมยังอร่อยกว่ามาก

วันนี้เราสั่งเดิมๆ มาอีกแระ

เป็ดปักกิ่ง ครึ่งตัว 98 หยวน เต็มตัว 168 หยวน (ที่นี่มีสาทิตให้กินด้วยน้า คือหนังกรอบๆ ที่แยกจานมาให้จิ้มกับน้ำจิ้มสีแดงๆ กับน้ำตาล ส่วนเนื้อให้ห่อกับผักราดด้วยน้ำจิ้มเหนียวๆ ดำ)

สลัดผักของคุณชาย 32 หบวน ซึ่งน้ำสลัดอ่อยมากกกกกก 

ไก่ผัดเปรี้ยวหวานของแม่สามีราคา 48 หยวนแถมที่ร้านนี้ไม่ชาร์ตค่าเครื่องดื่มจนแพงเกินไป คือราคาเท่ากับที่เราซ์้อตามท้องตลาดเลย เราปลื้มร้านนี้ฝุดๆ จนก่อนกลับต้องมากินอีกรอบ แต่ขอเตือนสาวๆ ผู็ไม่อยากอ้วนทั้งหลายนะคะว่าเรากินเป็ดปักกิ่ง 3 วันติดกัน น้ำหนักเราขึ้นมา 2 กิโลมาจนถึงตอนนี้ยังไม่ยอมลงเลย Y_Y

ขอลาวันที่สองไว้เพียงแค่นี้.. นอนหลับฝันดีทุกคนนะคะ ><