ที่นอนนุ่ม นอนหลับสบายมากครับ
ห้อง 402 ครับ
เนื่องจากตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เราเลยสั่งอาหารที่โรงแรมทานกันครับเป็นข้าวผัดทะเลรสชาดออกเค็มๆมันๆ แต่เพราะความหิวเลยซัดหมดจานเลย 555
หน้าตาอาหารมื้อแรกในพม่าของเรา
อิ่มแล้วลุยต่อได้ โดยสถานที่ที่เราจะไปต่อมีชื่อว่าเจดีย์โบตะตาวครับ โดยระหว่างทางก็ได้เห็นตึกสวยๆเป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล
สามล้อพม่า คนท้องถิ่นเรียกว่า "ไซก้า"
ปากทางเข้าไปยังเจดีย์โบตะตาว
เจดีย์โบตะตาวจะเก็บค่าเข้าคนละ 4,000 จ๊าด โดยก่อนเข้าไปข้างในเจดีย์เจ้าหน้าที่จะให้สติ๊กเกอร์เราไว้ติด และถ่ายรูป+ปริ๊นท์รูปเราลงในบัตรให้เลย เก๋ไปอีกแบบ
จ่ายค่าเข้าตรงนี้ครับ
บัตรเข้าชม
หน้าตาสติ๊กเกอร์ที่ให้เราติด
เสร็จจากขั้นตอนการจ่ายค่าเข้าชมแล้ว ต่อไปเราก็จะไปชมเจดีย์โบตะตาวกัน
โดยชื่อเจดีย์หมายถึง ทหาร 1,000 นาย เค้าเล่ากันว่าเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว พระเจ้าโอกะลาปะกษัตริย์มอญ ให้ทหาร 1,000 นายตั้งแถวถวายความเคารพพระเกศาธาตุ (บ้างก็ว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุ) ที่อันเชิญมาทางเรือจากประเทศอินเดียเพื่อไปบรรจุไว้ที่เจดีย์ชเวดากอง โดยมาขึ้นฝั่ง ณ จุดนี้ จึงได้สร้างเจดีย์เอาไว้แล้วได้แบ่งพระเกศาธาตุเอาไว้ 1 เส้น เพื่อบรรจุไว้ในเจดีย์แห่งนี้
ทางขึ้นไปชมพระเกศาธาตุ
ที่เห็นอยู่ไกลๆคือพระเกศาธาตุครับ
เสร็จจากสักการะพระเกศาธาตุแล้วมาต่อกันที่วิหารด้านขวาของเจดีย์ครับ มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพระเจ้ามินดง พระพุทธรูปนี้เคยประดิษฐานอยู่ที่พระราชวังมัณฑะเลย์ จนกระทั่งตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ได้มีการขนย้ายออกไปอยู่ที่อังกฤษทำให้รอดจากการระเบิดในช่วงสงครามโลก จากนั้นพอพม่าได้เอกราช อังกฤษก็ส่งกลับมาให้คืน
บริเวณทางเข้าครับ
องค์พระพุทธรูปครับ
เสร็จแล้วมาต่อกันที่เทพทันใจครับ หรือที่คนที่นี่เรียกกันว่า "นัตโบโบยี"
ระหว่างเดินไปเทพทันใจครับ
เครื่องสักการะเทพทันใจครับ
เมื่อมาถึงเทพทันใจ จะมีคนมาคอยแนะนำ โน่น นี่ นั่น เต็มไปหมด ถ้าเราตั้งใจว่าจะมาไหว้ ขอพรเฉยๆ ให้ใจแข็งไว้ ไม่งั้นเงินในกระเป๋าอาจลอยหายไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว (เหมือนเจ้าของกระทู้ 555) โดยของสักการะเทพทันใจนั้น ถ้าเป็นพานที่เป็นลูกมะพร้าวธรรมดานั้นราคาจะอยู่ที่ 3,000 จ๊าด แต่คนในนั้นจะบอกเราว่า 5,000 จ๊าด ส่วนพานที่เป็นลูกมะพร้าวสีทอง ราคา 8,000 จ๊าด เค้าจะบอกเราว่า 10,000 จ๊าด โชคดีที่เราเจอไกด์ของคณะทัวร์ไทยก่อนเข้ามาครับ เลยไม่โดนโก่งราคา
เทพทันใจครับ หรือ "นัตโบโบยี"
คนเสื้อขาวนี่แหล่ะครับ คนพาทำพิธี
โดนค่าผ้าแพรสีเขียวๆที่คล้องคอเทพทันใจไปอีก 2,000 จ๊าด
เสร็จจากเทพทันใจแล้ว ไปต่อกันที่เทพกระซิบหรือเมี๊ยะนานหน่วยกันครับ
ทางเข้าตำหนักเทพกระซิบครับ
พานสักการะเต็มไปหมด
ตำนานบอกว่านางเป็นธิดาของพญานาคที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก เชื่อกันว่าถ้าไปกระซิบขออะไรแล้วก็จะสมหวังครับ
ลุงเสื้อขาวตามมาจากเทพทันใจ
จุดนี้ก็จะมีคนมารุมขายของสักการะเหมือนเดิมครับ เป็นนมกล่องกับผ้าแพร ตรงนี้เราโดนไปอีก 1,000 จ๊าด (แต่คนข้างๆเราโดนโก่งราคาเป็น 2,000 จ๊าด)
เสร็จจากจุดนี้เราไปกันต่อที่ 1 ในไฮไลท์ของทริปนี้คือ มหาเจดีย์ชเวดากอง กันครับ
ค่าเข้าชมคนละ 8,000 จ๊าดครับ
มหาเจดีย์ชเวดากอง 1 ใน 5 ของมหาบูชาสถานของพม่า ถือเป็นอันดับ 1 ของสถานที่ท่องเที่ยวในพม่าที่ต้องไปเยือน สร้างโดยกษัตริย์มอญเมื่อราวๆ 1,200 ปี ตำนานเล่าว่าพระพึทธเจ้าทรงประทานพระเกศาธาตุ 8 เส้นให้กับพี่น้องพ่อค้า 2 คนและถูกนำมาประดิษฐานในเจดีย์แห่งนี้ 2 เส้นครับ
ยิ่งใหญ่ อลังการ สมคำล่ำลือจริงๆครับ
ที่นี่มีลิฟท์และรถเข็นบริการด้วยนะครับ
เดินชมความงามกันจนเพลิน ดูนาฬิกาอีกที 2 ทุ่มแล้ว กลับที่พักกันก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องเดินทางไกลไปพระธาตุอินทร์แขวนกันครับ
Day 2
เช้านี้เรานัดคนขับรถไว้ให้มารับ 8 โมงเช้า โดยแพลนวันนี้คือเจดีย์ไจ๊ก์ปุ่น -
วัดพระนอนชเวตาเลียง - พระราชวังบุเรงนอง - พระธาตุอินทร์แขวนครับ
ย่างกุ้งช่วงเช้าสภาพการจราจรค่อนข้างติดครับ ทำใช้เวลาอยู่นานกว่าจะออกมานอกเมืองได้
ระหว่างทางผ่านบ้านวีรสตรีของชาวพม่า นางอองซาน ซูจี
นั่งรถมาได้ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ผู้ร่วมทริปเกิดอาการอยากกาแฟขึ้นมา เลยให้คนขับหาร้านกาแฟให้นั่งยืดเส้น ยืดสาย ซักหน่อยครับ ร้านนี้ชื่อร้าน Shwe Pyi Resort ครับ เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม ด้านในเป็นรีสอร์ท ใครเดินทางจากย่างกุ้งไปพะโค ต้องผ่านร้านนี้ครับ
ลาเต้ร้อน 2,100 จ๊าด
บรรยากาศภายในร้านครับ
ที่เห็นเครื่องบินอยู่ไกลๆ เค้าจะทำเป็นร้านกาแฟ เก๋ดีครับ
ดื่มน้ำ ดื่มท่า เข้าห้องน้ำกันเสร็จแล้วลุยกันต่อครับ โดยที่แรกที่เราจะไปคือเจดีย์ไจ๊ก์ปุ่นกันครับ
ค่าเข้าชมจะเป็นแบบเหมาครับ (10,000 จ๊าด) ใช้เข้าชมสถานที่ในพะโค
ที่นี่ถ้าเอากล้องใหญ่มาต้องเสียค่าธรรมเนียม 300 จ๊าดนะครับ
เจดีย์ที่นี่องค์เจดีย์จะเป็นองค์พระทั้ง 4 ทิศประกบกันเป็นทรงสี่เหลี่ยมไม่เหมือนใคร พระพุทธรูปประทับนั่งทั้ง 4 มีอายุกว่า 500 ปี สูงประมาณ 30 เมตร เป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ครับ
ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซักหน่อย
เสร็จแล้วเราไปต่อที่พระนอนชเวตาเลียงกันครับ พระนอนองค์นี้ถึงจะไม่ได้ใหญ่ที่สุดในพม่า แต่ก็เป็นพระนอนที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มากๆ ท่านอนเป็นแบบสีหไสยาสน์ (นอนอย่างราชสีห์) คาดว่าถูกสร้างมานานกว่า 1,000 ปี แต่ถูกทิ้งล้างไปในช่วงสงครามมอญกับพ
ม่า จนถึงสมัยที่อังกฤษปกครองเมืองพม่า มีการสำรวจทางเพื่อสร้างทางรถไฟจึงค้นพบและได้ขุดมาบูรณะใหม่ครับ
ทางเข้าไปยังพระนอนชเวตาเลียงครับ
ตลอดทางเดินไปยังพระนอนชเวตาเลียงก็จะมีร้านขายของฝากมากมาย ถูก-แพง แล้วแต่ความสามารถในการต่อ-รองราคาครับ จุดนี้ขาช็อปอาจมีล้มละลายได้ครับ 555 (เราได้ผ้าถุง โสร่งและทานาคาที่นี่แหล่ะครับ)
ปล.เท่าที่สอบถามมาร้านแถวนี้รับเงินไทยทุกร้านนะครับ
เจ้าหน้าที่ที่นี่ใส่ใจดีมากครับ พอเห็นว่าเจ็บขาก็หาเก้าอี้มาให้นั่งไหว้พระ
รายละเอียดขององค์พระพุทธรูปครับ
ไปต่อกันที่พระราชวังบุเรงนองครับ นั่งรถมาไม่นานก็ถึงครับ ตอนนี้เค้ากำลังบูรณะอยู่นะครับ เลยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ โดยเค้าสร้างจำลองจากของจริง เพราะของจิงถูกเผาทำลายไปแล้วครับ
มีการนำเอาเสาต้นเดิมมาแสดงคู่กับเสาที่ทำจำลอง
มัวแต่ถ่ายรูปกันเพลินดูเวลาอีกทีเกือบจะบ่าย 3 โมงแล้ว ตามแพลนแล้วต้องไปต่อกันที่เจดีย์ชเวมอว์ดอว์หรือที่คุ้นกันในชื่อพระธาตุมุเตา แต่เรากลัวจะไปขึ้นรถขนหมูเที่ยวสุดท้ายไม่ทัน เลยบอกให้คนขับตรงไปยังคินปุนเบสแคมป์เลย
คนขับรถมาส่งขึ้นรถขนหมูถึงที่เลย
หลังจากนั่งรถมาเกือบ 2 ชั่วโมง เราก็มาถึงคินปุนเบสแคมป์ เพื่อที่จะนั่งรถขนหมูขึ้นไปยังพระธาตุอินทร์แขวนกัน โดยจะใช้เวลานั่งรถขึ้นไปประมาณ 1 ชั่วโมงครับ ค่าโดยสารหากต้องนั่งในห้องขับจะอยู่ที่คนละ 5,000 จ๊าด แต่ถ้านั่งหลังคนละ 2,000 จ๊าดครับ
ระหว่างจอดรอรถสวนลงมาครับ
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า
พอถึงแล้วก็เดินตามเจ้าถิ่นไปเรื่อยๆ
เมื่อขึ้นมาถึงข้างบนแล้ว เราก็เดินต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร ไปยังที่พักครับ
ระหว่างทางจะเจอจุดบริการนักท่องเที่ยว ซึ่งชาวต่างชาติจะต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 6,000 จ๊าด โดยจะได้ตั๋ว+ป้ายคล้องคอมาครับ
ป้ายคล้องคและตั๋วครับ
ที่พักของเราในคืนนี้ก็คือ Kyaik Hto Hotel นั่นเอง โรงแรมยอดนิยมของคนไทย เพราะเดินไปใหนก็แต่แต่คนไทยครับ 555 โดยเราจองมาในราคาคืนละ 4,600 บาท เป็นห้อง 3 เตียง พร้อมอาหารเช้าครับ
ที่พักของเราคืนนี้ครับ
เช็คอินตรงนี้ครับ
ได้ห้อง 1002 ครับ
สภาพห้องพักครับ
ก่อนพระอาทิตย์ตกขออีกซักรูป(ถ่ายจากหน้าห้องพัก)
ที่เห็นสีทองอยู่ไกลๆนั่นแหล่ะครับจุดหมายของเรา
หลังจากเก็บข้าวของ ล้างหน้า ล้างตา เสร็จแล้ว เราก็ไปลุยกันต่อ โดยระยะทางจากที่พักของเราไปยังตัวพระธาตุอยู่ที่ประมาณ 800 เมตรครับ
บริเวณทางขึ้นไปยังพระธาตุครับ
ป้ายเตือนหน้าทางเข้าให้ถอดรองเท้า
เดินมานิดนึงจะเจอองค์พระธาตุจำลองครับ
เดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆครับ
โดยระหว่างการเดินทางขึ้นพระธาตุก็มีเรื่องเล่าของพระนางชเวนันจิน ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของฤาษีแต่ได้ไปฝากหัวหน้าเผ่ากะเหรี่ยงเลี้ยงไว้ นางได้แต่งงานกับเจ้าเมืองๆหนึ่ง ต่อมาพระนางไม่สบายมาก โหรทำนายว่าเป็นเพราะก่อนแต่งงานนางไม่ได้มาไหว้ผีบรรพบุรุษ นางจึงเดินทางกลับมาไหว้ฤาษีที่นี่ แต่ระหว่างทางเสือจะเข้ามาทำร้าย นางจึงอธิฐานต่อพระธาตุ สุดท้ายเสือก็ไม่ทำร้ายนาง แต่นางหมดแรงนอนสิ้นใจอยู่ตรงทางขึ้นพระธาตุ จึงมีอาคารที่มีรูปปั้นของนัตคือพระนางชเวนันจินนอนอยู่ครับ ท่านถือเป็นเทพที่คุ้มครองที่นี่ ความเชื่อก็คือ ถ้าเจ็บป่วยส่วนใดของร่างกายให้เราไปแตะตรงส่วนนั้นของพระนางแล้วอธิษฐาน อาการป่วยก็จะดีขึ้นครับ
อาคารด้านตรงกันข้ามมีรูปปั้นของคนในตำนานผู้ซึ่งเกี่ยวคล่องกับพระธาตุ รวมถึงมีรอยพระพุทธบาทจำลอง และภาพปูนปั้นนูนความเป็นมาของพระธาตุอิทร์แขวนครับ
รอยพระพุทธบาทจำลองครับ
เสร็จแล้วเราก็เดินขึ้นไปไหว้พระธาตุกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยผู้คน ปูผ้านอนตากน้ำค้างกันเต็มลานไปหมดเลยครับ ใครจะไหว้ก็ไหว้ไปประมาณนั้น แต่ผู้หญิงเข้าไปไหว้ด้านในไม่ได้นะครับ
มเีจ้าหน้าที่คอยตรวจ ห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้าไปครับ
อีกซักมุมนึง
ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
อีกซักรูป
เสร็จภารกิจแล้ว อากาศก็เริ่มหนาว ท้องก็เริ่มหิว เลยหาอะไรร้อนๆกินกันก่อนดีกว่า ระหว่างทางเดินกลับที่พักก็ยังพอมีของขายอยู่ครับ
อาบู ชาบู หรือขนมจีนพม่าครับ ชามละ 1,000 จ๊าด
ไข่ต้มกับไข่นกกระทาครับ
ส่วนคนนี้ชื่อโกโก้ครับ พูดไทยได้ ขายของที่ระลึก(เดินตามตลอดทางตื้อมากๆ)
เมื่อท้องอิ่มก็ได้เวลากลับที่พักซะที พรุ่งนีต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 มาทำอีก 1 ภารกิจคือใส่บาตรเช้ากันครับ
Day 3
วันสุดท้ายของทริปเริ่มต้นด้วยการใส่บาตรพระเช้ากันครับ โดยของที่จะใส่บาตรนั้น จะมีคนเดินขายกันเยอะเลยครับ ถูกชะตาใครก็ซืท้อคนนั้นเลย
อีตาโกโก้ยังตามมาหลอน กลางคืนขายของที่ระลึก เช้ามืดขายของใส่บาตร 555
สาธุๆๆ
เณรน้อย
หลังจากใส่บาตรเช้ากันแล้ว เราก็ไปเก็บบรรยากาศพระธาตุอินทร์แขวนตอนเช้ากันบ้างครับ เพราะเมื่อคืนกว่าจะขึ้นมาก็มืดแล้ว ดูซิว่าจะแตกต่างกันมั๊ย?
พระอาทิต์กำลังขึ้น
คุ้มค่าตื่นจริงๆ
เปลี่ยนมุมบ้าง อะไรบ้าง
ถ่ายกับพระธาตุอิงค์จำลองเป็นที่ระลึกก่อนกลับ
กลับละนะ
7 โมงแล้วไปหาอะไรกินให้อิ่มท้องและเก็บข้าวของ เตรียมตัวกลับบ้านเราดีกว่า คิดถึงเมืองไทย(อาหารไทย)จะแย่อยู่แล้ว โดยระหว่างทางกลับที่พักก็โดนประกบ ตามขายของเหมือนเคย เจอทีไรก็ใจอ่อนทุกที 555
ห้องอาหารของโรงแรม
หน้าตาอาหารเช้านี้
รอดตายได้เพราะมุมนี้แหล่ะครับ 555
กินข้าวไป ชมวิวพระธาตุอินทร์แขวนไป
ขออีกสักภาพก่อนกลับ
เสร็จจากมื้อเช้าแล้วเราก็รีบเช็คเอ้าท์ที่พักครับ เพราะต้องรีบจับจองรถลงไปข้างล่าง ขาลงเราเลือกเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งข้างหลังบ้าง
ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบนึงครับ (จริงๆแล้วเงินใกล้หมดครับ 555) ค่ารถคนละ 2,000 จ๊าดครับ
ใช้เวลานั่งรถลงมาประมาณ 45 นาที ก็มาถึงคินปุนเบสแคมป์ครับ ลงมาปุ๊ปก็มองหาคนขับรถของเราก่อนเลยเป็นอันดับแรก เพราะเราลงมาช้ากว่ากำหนดที่นัดไว้ 1 ชั่วโมง จากเดิมที่คนขับรถแพลนว่าจะพาแวะเจดีย์ชเวมอว์ดอว์หรือพระธาตุมุเตา เลยต้องยกเลิกไป เพราะกลัวจะกลับถึงย่างกุ้งไม่ทันเที่ยวบิน เราจึงให้คนขับรถยิงตรงเข้าย่างกุ้งเลย แล้วค่อยเที่ยวใกล้ๆสนามบินแทนครับ
โดยสถานที่แรกที่คนขับพาไปก็คือวัดพระหินขาวครับ วัดนี้อยู่ไม่ไกลจากสนามบินครับชื่อวัดเรียกได้หลายอย่างมาก คนไทยชอบเรียกว่าวัดพระหินขาว บางที่เรียก วัดเจ๊าต่อจี พระหินขาว เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ สูง 11 เมตร แกะสลักจากหินอ่อนก้อนใหญ่ๆก้อนเดียว ซึ่งมีความสมบูรณ์ สะอาด ไม่มีตำหนิ มันวาว น้ำหนักกว่า 600 ตัน หินก้อนนี้มาจากมัณฑะเลย์ขนย้ายผ่านทางแม่น้ำอิระวดีมาจนถึงย่างกุ้ง นับว่าเป็นงานแกะสลักที่สวยงามมากๆครับ
ไหว้พระขอพรก่อนกลับ
ในรูปคือตอนที่นำหินอ่อนล่องเรือมาจากมัณฑะเลย์
จากนั้นคนขับรถพามาดูช้างเผือกเมืองพม่าครับ ซึ่งอยู่ใกล้ๆกันกับวัดหินขาวโดย ช้างเผือกถือเป็นสัญลักษณ์แห่งบุญบารมี การค้นพบช้างเผือกจึงเหมือนสวรรค์ประทานครับ
สถานที่สุดท้ายในทริปนี้คนขับรถพาไปไหว้ PRA INN SAN หรือ Bamboo Buddha ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากที่เราไปดูช้างเผือกครับ โดยพระประธานของวัดนี้โครงสร้างข้างในเป็นไม้ไผ่ครับ ชาวต่างชาติจึงเรียกติดปากว่า Bamboo Buddha
องค์พระประธานอยู่ชั้นบนครับ
จบภารกิจทริปไหว้พระ ทำบุญ 3 วัน 2 คืน แล้ว ก่อนจากเราขอถ่ายรูปคนขับรถของเราที่ดูแลเรามาเป็นอย่างดีตลอดการเดินทางเป็นที่ระลึกซะหน่อยครับ
หน้าตาคนขับรถของเราครับ "โซ โซ"
จบแล้วครับ ทริปไหว้พระ ย่างกุ้ง - พะโค - อินทร์แขวน 3 วัน 2 คืน มีโอกาสจะแวะมาใหม่ เที่ยวพม่าไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถครับ พวกเราไปได้ คุณก็ไปได้ครับ