|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
|
|
|
|
ิซินเจี่ยอยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ขอให้มีความสุขทุกๆคนนะครับ
新年快乐 ซินเหนียนไคว่เล่อ ... สวัสดีปีใหม่ 万事如意 ว่านซื่อหยูอี้ ....สมความปรารถนา 恭喜发财 กงสี่ฟาไฉ..ขอให้ร่ำรวย 财源广进 ไฉเหยียนกว่างจิ้น...เงินทองไหลมา 招财进宝 เจาไฉ่จิ้นเป่า..เงินทองไหลมา 年年有余 เหนียนเหนียนโหย่วหยวี๋..เหลือกินเหลือใช้ 事事顺利 ซื่อซื่อซุ่นลี่..ทุกเรื่องราบรื่น 金玉满堂 จินยวี้หม่านถัง..ร่ำรวยเงินทอง 一本万利 อิ้เปิ่นว่านลี่...กำไรมากมาย 大吉大利 ต้าจี๋ต้าลี่...ค้าขายได้กำไร 年年发财 เหนียนเหนียนฟาไฉ..ร่ำรวยตลอดไป 龙马精神 หลงหม่าจินเสิน..สุขภาพแข็งแรง 吉祥如意 จี๋เสียงหยูอี้..สมปรารถนา 好运年年 เห่ายวิ่นเหนียนเหนียน..โชคดีตลอดไป 四季平安 ซื่จี้ผิงอัน..ปลอดภัยตลอดปี 一帆风顺 อี้ฝันฟงซุ่น..ทุกอย่างราบรื่น ซินเจียหยู่อี่ ซินนี่ฮวดใช้好运年年 เห่ายวิ่นเหนียนเหนียน..โชคดีตลอดไป 四季平安 ซื่จี้ผิงอัน..ปลอดภัยตลอดปี 一帆风顺 อี้ฝันฟงซุ่น..ทุกอย่างราบรื่น ซินเจียหยู่อี่ ซินนี่ฮวดใช้
การไหว้เจ้า ชาวจีนมีความเชื่อสืบต่อๆ กันมาว่า ในปีหนึ่งๆ มักจะมีเรื่องอัปมงคลเรื่องไม่ดีงาม สิ่งเลวร้ายต่างๆ มากมาย มารบ กวน และมีผลต่อการดำเนินชีวิต อาจทำให้เกิด อุปสรรคต่างๆ เช่น การเจ็บไข้ได้ป่วย การงานติดขัดไม่ราบรื่น เงินทองไม่ลื่นไหล ทำอะไรก็พบแต่ความยุ่งยาก ทำมาค้าขายก้ลำบาก บุตรบริวารก่อเรื่องวุ่นวาย นำมาแต่เรื่องยุ่งยากลำบากใจ หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผิดปกติ ทำให้รู้ได้ว่า "ดวงชะตาชีวิต" ไม่ดีนัก จึงจะต้องมีการขวนขวายหาที่พึ่งทางใจ เหตุผลนี้เองจึงก่อให้เกิดประเพณี การไหว้เจ้า ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และไหว้บรรพบุรุษขึ้น ซึ่งประเพณีการไหว้เจ้านี้ ชาวจีนได้ปฏิบัติสืบต่อกันมากว่า 3000 ปีแล้ว คือ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว นั่นเอง ในปีหนึ่งจะมีการไหว้เจ้า 8 ครั้ง ซึ่งมีคำจีนเฉพาะเรียกว่า โป๊ยโจ่ย โป๊ย คือ 8 โจ่ย แปลว่า เทศกาล โป๊ยโจ่ย จึงหมายความว่า การไหว้เจ้า 8 เทศกาลคือ
ไหว้ครั้งแรกของปี ไหว้เดือน 1 วันที่ 1 คือ ตรุษจีน เรียกว่า ง่วงตั้งโจ่ย ไหว้ครั้งที่สอง ไหว้เดือน 1 วันที่ 15 เรียกว่า ง่วงเซียวโจ่ย ไหว้ครั้งที่สาม ไหว้เดือน 3 วันที่ 4 เรียกว่า ไหว้เช็งเม้ง เป็นประเพณีที่ลูกหลานไปไหว้บรรพบุรุษที่ฮวงซุ้ย ไหว้ครั้งที่สี่ ไหว้เดือน 5 วันที่ 5 เรียกว่า โหงวเหว่ยโจ่ย เป็นเทศกาลไหว้ขนมจ้าง ไหว้ครั้งที่ห้า ไหว้เดือน 7 วันที่ 15 คือ ไหว้สารทจีนเรียกว่า ตงง้วงโจ่ย ไหว้ครั้งที่หก ไหว้เดือน 8 วันที่ 15 เรียกว่า ตงชิวโจ่ย ที่คนทั่วไปรู้จักกันดีว่า ไหว้พระจันทร์ ไหว้ครั้งที่เจ็ด ไหว้เดือน 11 ไม่กำหนดวันแน่นอน เรียกว่า ไหว้ตังโจ่ย ไหว้ครั้งที่แปด ไหว้เดือน 12 วันสิ้นปี เรียกว่า ไหว้สิ้นปี หรือ ก๊วยนี้โจ่ย
การจัดของไหว้เจ้า
ถ้าจัดใหญ่ นิยมเป็นตัวเลข 5 คือ มีของคาว 5 อย่าง เรียกว่า โหงวแซ ประกอบด้วย หมู ไก่ ตับ ปลา และกุ้งมังกร แต่เนื่องจากกุ้งมังกรนั้นแพงและหาไม่ง่าย จึงนิยมไหว้เป็ดหรือปลาหมึกแห้งแทน ของหวาน 5 อย่าง เรียกว่า โหงวเปี้ย อาจเป็นซาลาเปาไส้หวาน ขนมไข่ ขนมถ้วยฟู ขนมกุยช่าย และขนมจันอับ ผลไม้ 5 อย่าง เรียกว่า โหงวก้วย ถ้าจัดเล็ก ก็เป็นชุดละ 3 อย่าง มีของคาว 3 อย่างเรียกว่า ซาแซ ของหวาน 3 อย่าง เรียกว่า ซาเปี้ย ผลไม้ 3 อย่าง เรียกว่า ซาก้วย หรือจะมีแค่อย่างเดียวก็ได้ ผลไม้ที่ใช้ไหว้ จะนิยมเลือกชนิดที่มีอะไรที่เป็นมงคลอยู่ในตัว ส้ม เรียกว่า ไต้กิก แปลว่า โชคดี องุ่น เรียกว่า พู่ท้อ แปลว่า งอกงาม สับปะรด เรียกว่า อั้งไล้ แปลว่า มีโชคมาหา กล้วย มีความหมายถึงการมีลูกหลานสืบสกุล ที่ในกระถางธูปที่ใช้ไหว้เจ้า บางคนนิยมใส่ โหงวจี้ สำหรับปักธูป ประกอบด้วย เมล็ด 5 อย่าง คือ ข้าวสาร ข้าวเหนียว ถั่วเขียว ถั่วดำ และเชื้อแป้ง (ยีสต์) โดยถือว่าเมล็ดทั้งห้า คือบ่อเกิดของการเจริญเติบโตอุปมาอุปไมยให้การไหว้เจ้านี้นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง แต่การใช้โหงวจี้ปักธูป มีข้อจำกัดว่าใช้ได้แต่ในบ้าน ถ้าเป็นการไหว้นอกบ้าน ต้องใช้ข้าวสารหรือทราย มิฉะนั้นเชื้อแป้งเมื่อถูกความชื้น เช่น ฝนหรือน้ำค้าง จะทำให้แข็งตัวแล้วปักธูปไม่ลง เมื่อไหว้เจ้าเสร็จก็เผากระดาษเงินกระดาษทองเป็นการปิดท้ายรายการ
กระดาษเงิน กระดาษทอง ประวัติที่มาของการเผา กระดาษเงินกระดาษทอง แท้ที่จริงเริ่มมาจากรัชสมัย พระเจ้าลังไท่จง (พ.ศ. 1170-1193) แห่งราชวงศ์ถัง สาเหตุที่พระองค์ส่งเสริมก็คือ ตอนที่ครองราชย์ใหม่ ๆ ด้วยทรงเป็นห่วง เกรงว่าบ้านเมืองจะไม่สงบเรียบร้อย อัครเสนาบดีเว่ยเจิงจึงถวายแผนการว่า ขอให้พระองค์ทรงทำเป็นว่าป่วยหนักแล้ววิญญาณได้ไปท่องเที่ยวในนรก และได้ถูกพวกผีเปรตมากมายห้อมล้อม วิงวอนให้พระองค์ทรงโปรดสงเคราะห์ช่วยเหลือ พระองค์ได้รับปากว่ารอให้กลับเมืองมนุษย์ก่อนแล้วจะหาวิธีส่งเงินทองไปให้พวกเขา ด้วยเหตุนี้จึงได้แนะนำส่งเสริมให้ประชาชนเผากระดาษเงินกระดาษทองสงเคราะห์พวกเปรต
เหตุผลประการที่ 1 คือ เป็นการเพิ่มงานอาชีพและรายได้แก่ประชาชน
เหตุผลประการที่ 2 ทำให้ประะชาชนรู้ว่านรกมีจริง บาปบุญคุณโทษมีจริงเป็นการเตือนสติไม่ให้ประชาชนกระทำผิดกฎหมาย ด้วยเหตุดังกล่าว จึงส่งเสริมการเผากระดาษเงินกระดาษทอง ประชาชนก็เชื่อคิดว่าเป็นความจริง จึงไม่กล้าทำบาปทำชั่ว บ้านเมืองจึงเกิดความร่มเย็นสงบสุขนับแต่นั้นมา
กระดาษเงินกระดาษทองแต่ละประเภท
คนจีนเชื่อกันว่า เมื่อตายไปแล้วจะไปยังอีกภพโลกหนึ่ง เรียกว่า "อิมกัง" ดังนั้นลูกหลานจึงต้องส่งเงินทองไปให้ เพื่อแสดงความกตัญญู ด้วยการไหว้เจ้า แล้วเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ และการไหว้เจ้ายังเป็นสิริมงคลแก่ลูกหลาน ให้มีความสุขความเจริญ ซึ่งกระดาษเงินกระดาษทองบางแบบใช้ไหว้เจ้า บางแบบใช้ไหว้บรรพบุรุษ
กอจี๊ หรือ จี๊จุ้ย เป็นกระดาษเงินกระดาษทองชิ้นใหญ่ มีกระดาษแดงตัดเป็นลายตัวหนังสือว่า "เผ่งอัน" เป็นคำอวยพร แปลว่า โชคดดีใช้สำหรับไหว้เจ้าที่ ไหว้เทพยดาฟ้าดิน
กิมจั้ว หรือ งึ้งจั๊ว หมายถึงกระดาษเงินกระดาษทอง เวลาจะไหว้จะทำเป็นชุด ก่อนไหว้ลูกหลานจ้องนำมาพับเป็นรูปดอกไม้ ใช้ไหว้ได้ทุกอย่าง
กิมเต้า หรือ งึ้งเต้า หรือถังเงินถังทอง ใช้ไหว้เจ้าที่ ไหว้เทพยดาฟ้าดิน
กิมเตี๊ยว คือ แท่งทอง ใช้ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้คนตาย
ค้อซี คือ กระดาษทอง ก่อนใช้ให้พับเป็นรูปร่างก่อน เช่น พับเป็นเรือ เรียกว่า "เคี้ยวเท่าซี" เชื่อกันว่าการพับเรือ จะไก้มูลค่าสูงกว่าการพับอย่างอื่น ใช้ไหว้ได้ทุกอย่าง รวมทั้งไหว้คนตาย โดยเฉพาะพิธีทำกงเต๊ก ลูกหลานต้องพับค้อซี ให้มากที่สุด
อิมกังจัวยี่ คือแบงก์กงเต็กนั่นเอง
อ่วงแซจิ่ว ใช้เผาเป็นใบเบิกทาง ไปสวรรค์สำหรับผู้ตาย
เพ้า คือ ชุดของเทพเจ้า คล้ายกับที่คนไทยถวายผ้าห่มพระพุทธรูป มีการทำของเจ้าหลายองค์ เช่น ชุดของเจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่ทับทิม พระพุทธ
ตั้วกิม เป็นกระดาษเงินกระดาษทองที่ญาติสนิทนำไปไหว้ผู้ตาย
การเผากระดาษเงินกระดาษทองจะต้องทิ้งไว้สักพัก เพื่อให้ทุกคนได้เส้นไหว้เสร็จ ก็จะทำการ "เหี่ยม" หรือจบเหนือศีรษะ ระหว่างนี้ให้ทำการอธิฐานขอพรไปด้วย แล้วจึงนำไปเผา เมื่อไฟมอดแล้วจึงไหว้ลา เป็นการเสร็จพิธี
ความเชื่อและอาหารมงคล เทศกาลตรุษจีน
เทศกาลตรุษจีนที่ทั้งคนไทยเชื้อสายจีน และที่ไม่ใช่คนไทยเชื้อสายจีนคุ้นเคยกันนั้น ใช่จะเตรียมการด้วยระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน หากแต่เตรียมงานกันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเดือน
1 เดือนก่อนถึงตรุษจีน ผู้คนจะเริ่มซื้อหาของขวัญไว้ให้สมาชิกในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง
หาซื้อสิ่งต่างๆ มาประดับบ้านเรือน เริ่มทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ เพราะมีความเชื่อว่าเป็นการกวาดสิ่งชั่วร้ายออกไป ทาประตูและหน้าต่างของบ้านด้วยสีแดงอันเป็นสีมงคล เสร็จแล้วก็ประดับประดาบ้านด้วยกระดาษสีแดงเขียนตัวอักษรจีนสีทอง มีความหมายไปในทางที่ดี เช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย อายุยืน เป็นต้น
เรื่องของเสื้อผ้าก็เช่นกัน
ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดงในช่วงเทศกาลตรุษจีน เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้ตนพบแต่ความโชคดี และเป็นการขับไล่ปีศาจร้ายออกไป ส่วนการสวมใส่เสื้อผ้าสีดำหรือขาวเป็นสิ่งต้องห้าม เนื่องจากถือว่าเป็นสีของการไว้ทุกข์
ช่วงเทศกาลตรุษจีน ต้องไม่โกรธ ริษยา หรือไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต
ขาดไม่ได้สำหรับเทศกาลนี้ที่เด็กๆ ตั้งหน้าตั้งตารอคอย คือ "อั้งเปา" หมายถึง ซองแดง ไว้ให้ในงานมงคลต่างๆ ซึ่งหมายรวมถึงเทศกาลตรุษจีน โดยผู้ใหญ่จะนำเงินใส่ในซองแดง แล้วมอบให้กับลูกหลานที่อยู่ในวัยเด็ก วัยรุ่น หรือมอบให้ลูกหลานที่โตเป็นผู้ใหญ่ที่ยังไม่แต่งงาน
ถึงวันขึ้นปีใหม่ หรือวันตรุษจีน สมาชิกในครอบครัวจะกล่าวสวัสดีปีใหม่และอวยพรให้กันและกัน แล้วต่อด้วยการไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง
ถึงช่วงเย็นย่ำ คนในครอบครัวจะรับประทานอาหารร่วมกัน
ซึ่งเป็นอาหารที่มีนัยของความเป็นมงคลแฝงอยู่ เช่น กุ้ง หมายถึงชีวิตที่รุ่งเรือง มีความสุข เป๋าฮื้อแห้ง หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำความโชคดีมาให้ จี้ไช่ (ผมเทวดา) ซึ่งเป็นสาหร่ายที่มีลักษณะคล้ายผม จะนำความร่ำรวยมาสู่ ขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพรลูกหลาน ฯลฯ
ปีนี้เยาวราชยังคงเป็นแหล่ง รวมสิ่งมงคลต่างๆ ในเทศกาลตรุษจีนเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นกระดาษสีแดงเขียนตัวอักษรมงคล เครื่องแต่งกายสีแดง สิ่งของประดับตกแต่งบ้าน รวมไปถึงอาหารและผลไม้มงคลที่มีให้เลือกมากมาย สิ่งที่ห้ามทำในวันตรุษจีน ทุกคนจะไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่
ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็จะไม่เอามาพูดถึง ซึ่งการพูดควรมีแต่เรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่
ไม่ร้องไห้
หากคุณร้องไห้ในวันปีใหม่ คุณจะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฎิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน
แต่งกายสะอาด แต่ไม่ควรสระผม
การแต่งกายและความสะอาด ในวันตรุษจีนเราไม่ควรสระผมเพราะนั้นจะหมายถึงเราชะล้างความโชคดีของเราออกไป เสื้อผ้าสีแดงเป็นสีที่นิยมสวมใส่ในช่วงเทศกาลนี้ สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข ซึ่งจะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่ เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะได้ อังเปา ซึ่งเป็นซองสีแดงใส่ด้วย ธนบัตรใหม่เพื่อโชคดี
ปรึกษาชินแสเกี่ยวกับการเดินออกจากบ้าน
ตรุษจีนกับความเชื่ออื่น ๆ สำหรับคนที่เชื่อโชคลางมาก ๆ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนหรือญาติ อาจมีการเชิญซินแส เพื่อหาฤกษ์ที่เหมาะสมในการออกจากบ้านและทางที่จะไปเพื่อเป็นความเป็นสิริมงคล
บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก
ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี
ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น
การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษ ถือเป็นโชคร้ายดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วยก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก
ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษ
เพราะเชื่อว่าจะเป็นการตัดโชคดี ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าชาวจีนทุกคนจะคงยังเชื่อตามความเชื่อที่มีมาแต่ทุกคนก็ยังคงยึดถือ และปฎิบัติตาม เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนธรรมเนียม และวัฒนธรรม โดยที่ชาวจีน ตระหนักดีว่าการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อนเป็นการแสดงถึงความเป็น ครอบครัวและเอกลักษณ์ของตน
Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2551 |
|
13 comments |
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2551 10:47:25 น. |
Counter : 1495 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: CindyD 7 กุมภาพันธ์ 2551 11:02:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: vintage 7 กุมภาพันธ์ 2551 11:58:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: sailamon 7 กุมภาพันธ์ 2551 12:29:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่ไก่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 16:40:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: พลอย IP: 58.9.194.19 19 มีนาคม 2551 10:52:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: น่าคิด IP: 221.217.14.58 21 สิงหาคม 2551 14:04:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: stc IP: 58.64.112.237 31 ตุลาคม 2551 19:15:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: เตียวฮุย IP: 117.47.97.107 25 มกราคม 2552 1:08:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: Thank you very much IP: 124.120.27.114 28 มกราคม 2554 20:58:23 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ขอให้เฮง ขอให้รวย ขอให้มี่ความสุขนะคะ