Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
19 กุมภาพันธ์ 2550
 
All Blogs
 
ภาษาอังกฤษที่คนไทยมักใช้แบบผิดๆ : บางศัพท์ที่คุณไม่เคย Get ตอน 2

ก่อนอื่นก็ขอสวัสดี Good day! Everyone นานมาแล้ว ผมได้ยินนักเรียนตะโกนเรียกฝรั่งว่า Hey! You what’s up man? (เอ้ย มึง เป็นไงบ้างพวก เป็นไงบ้างวะ) ฝรั่งคนนั้นก็ดีนะครับ เดินมาพูดว่า Please next time, don’t say like this because... ได้โปรดคราวต่อไป อย่าพูดแบบนี้อีกนะเพราะ... อาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษให้กับผม ท่านไม่อยากให้ใช้คำเหล่านี้ ท่านบอกว่า เป็นศัพท์ที่พวกนิโกรพูดกัน และพวกนิโกรนี่แหละ ที่ชอบบัญญัติศัพท์ใหม่ๆ หรือศัพท์แสลงขึ้นมาใช้กัน แกบอกว่าขนาดตัวท่านเองเป็นฝรั่ง แท้ๆบางครั้งก็ยังฟังไม่รู้เรื่องเลยว่า พวกนิโกรพูดว่าอะไร

ดังนั้น คนไทยการที่เราจะเรียนภาษาของใครสักคนหนึ่ง ควรคำนึงถึงหลักการและมารยาทในการพูดด้วยนะครับ ใช้ Good morning, Good afternoon, Good evening, หากกลัวยุ่งยากมาก ใช้คำว่า Hi หวัดดี ดีกว่า ส่วนคำว่า Hey! You เปลี่ยนมาใช้คำว่า Excuse me ขอโทษครับ หรือ ขอประทานครับ จะดีกว่า และต้องออกเสียงให้ถูกด้วยนะครับ เพราะบางคน จะออกเสียงเพี้ยนเป็น Accuse me? แปลว่า กล่าวหาฉันเหรอ และมีอยู่สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องตะหนักอยู่ในใจเสมอว่า ภาษาอังกฤษคนใช้เยอะที่สุดในโลกก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ภาษาอังกฤษจะเหมือนกันทุกประเทศ ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษจะออกเสียงอีกอย่างหนึ่ง ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจะออกเสียงอีกอย่าง รวมทั้ง ออสเตรเลียด้วยครับ คนที่จะแยกแยะออกต้องเป็นคนที่มีหูนานาชาติจริงๆ และการเห็นฝรั่งก็ไม่ได้หมายความว่า ฝรั่งทุกคนจะพูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน

มีฝรั่งที่มาจากฝรั่งเศสหลายคนให้ผมสอนภาษาอังกฤษให้ บางคนพูดไม่ได้เลย English is very simple but it’s more difficult. ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว แต่ยากมาก ผมก็เลยบอกว่าขนาดภาษาไทยผมก็ยังพูดไม่ถูกเลย การพูดภาษาอังกฤษไม่ชัดอาจจะสื่อความหมายเพี้ยน คุณหมานี่หน่อย กับ คุณมานี่หน่อย ฝรั่งหลายคนมีปัญหากับศัพท์นี้ครับ


เรียนภาษาอังกฤษผมได้อะไรหลายอย่างจากฝรั่งบ้าง จากคุณครูฝรั่งที่บ่นให้ฟังแทบทุกวัน เมื่อสมัยตอนที่ผมเรียน สิ่งหนึ่งที่อาจารย์มักจะสอนทุกวันนั่นก็คือ หากจะเรียนภาษาอังกฤษ ต้องลืมภาษาไทย กฎบางอย่างภาษาไทยมี แต่ภาษาอังกฤษไม่มี เช่น ไม้เอก ไม่โท ฯลฯ การออกสระบางตัวในภาษาไทยมี แต่ภาษาอังกฤษไม่มี อย่าคิดเอาเองว่า ภาษาไทยเป็นแบบนี้ ภาษาอังกฤษน่าจะเป็นแบบนี้ด้วย เพราะแต่ละศัพท์ในภาษาอังกฤษใช้หลากหลายมาก บางคำเป็นได้ทั้ง นาม คุณศัพท์ กริยา เช่นคำไทย “สามารถ” ฝรั่งมักจะถามผมว่าทำไมคุณไม่อ่านว่า สา-มา-รด ทำไมอ่านว่า สา-มาด ภาษาอังกฤษมีหลายคำนะครับ ที่เป็นเช่นกรณีเดียวกันนี้ อย่างเช่น ตัดผม คนไทยหลายคนมักจะใช้คำว่า cut my hair เวลาพูดมักจะพูดว่า I am going to shop for cut my hair จะไปร้านตัดผม แต่หากจะให้ถูกสำนวนฝรั่งเขาจริงๆ ต้องใช้คำว่า I would like to get my hair cut ผมอยากจะไปตัดผม (เพราะเราไม่ได้ตัดเองให้คนอื่นตัด) เช่น I would like to get my paper copied. ผมอยากจะไปถ่ายเอกสาร หรือกำลังจะไปถ่ายเอกสาร


แต่ก่อนผมก็เคยคิดว่า ไวยากรณ์ คำเชื่อม คำศัพท์ไม่สำคัญในการพูด แต่หากเราวางคำศัพท์ใดคำศัพท์หนึ่ง ผิดที่ผิดทาง ความหมายอาจเพี้ยนได้ เช่น อันละทำไม & อันละเท่าไร เอาหนังสือเล่มนี้ให้สำหรับฉันหน่อย & เอาหนังสือเล่มนี้ให้ผมหน่อย ภาษาอังกฤษก็เช่นเดียวกัน บางครั้งก็เป็นศัพท์ง่ายๆ แต่เราไม่ค่อยได้ใส่ใจ เอาหละ มาเริ่มกันต่อเลยครับ โม้ก็มาเยอะแล้ว


1. I am going to school. ผมกำลังไปเรียนหนังสือ แสดงว่าไปเรียน ส่วนคำว่า I am going to the school อาจจะไปเที่ยว หรือนัดกิ๊กเอาไว้หลังห้องน้ำที่โรงเรียนก็ได้ แต่ไม่ได้ไปเรียน เห็นไหมครับว่า ความแตกต่างมันมีอยู่ในตัวของมันเอง

2. งง กับ ไม่เข้าใจ ต้องแยกให้ออกนะครับ I was puzzled at……. แปลว่า ผมงงต่อ ส่วน ผมไม่เข้าใจ I don’t understand what you say ผมไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูด เวลาดูหนังเรามักจะได้ยินบ่อย What are you talking about แกกำลังพูดเรื่องอะไรวะ I don’t understand.. ตูไม่เข้าใจ

3.มีบ่อยครั้งที่คนไทยมักจะบอกว่า คุณไม่เหมือนคนไทย และพูดว่า You don’t like Thais. แปลกันแบบตรงๆ คุณไม่เหมือนคนไทย ส่วนประโยคนี้อาจจะแปลว่า คุณไม่ชอบคนไทยก็ได้ หากจะให้ดีควรพูดว่า You do not / don’t look like Thais. คุณดูไม่เหมือนคนไทย.

4.คำนี้มักจะได้ยินบ่อยๆ เวลาฝรั่งถามอายุ ถือว่าใช้เยอะมากในการสนทนา I am fifteen years. ผมอายุ 15 แต่หน้า 50 ปกติฝรั่งเขามักจะใช้ I am fifteen years old หรือ ไม่ก็ใช้ I am fifteen. แค่นี้พอ

5.I am Buddhism. ผมเป็นพระพุทธศาสนา (ผมเป็นพระพุทธศาสนาไม่ได้) แต่หากจะให้ถูกต้องบอกว่า I am Buddhist ผมเป็นพุทธศาสนิกชน หรือ ผมเป็นพุทธมามกะ เวลากรอกใบสมัครงานต้องดูให้ดีนะครับ บางครั้ง เขาอาจจะถามแบบใดแบบหนึ่ง คำตอบคือ What is your religion? คำตอบคือ Buddhism และ แต่หากใบกรอก เขียนว่า Religion/ you are... คำตอบคือ Buddhist

6. Where have you been ? คุณไปไหนมา กับ How have you been? เป็นไงบ้าง สบายดีไหม (ส่วนมากฝรั่งจะใช้กับคนที่เขาสนิท) ต้องฟังให้ดีนะครับ เพราะโอกาสตอบผิดมีเยอะมาก เพราะเปลี่ยนแค่ตัวข้างหน้าเอง What are you doing? กำลังทำอะไรอยู่เหรอ และ How are you doing? เป็นไงบ้าง ก็เช่นเดียวกัน

7. If I am you I will… ถ้าฉันเป็นคุณนะ ฉันจะ...... มีหลายครั้งที่ผมค่อนข้างมีปัญหากับคนที่เขาคิดว่าประโยคนี้ไม่ถูกไวยากรณ์ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ผมก็ได้ยินฝรั่งพูดว่า If I were you I will…ถ้าฉันเป็นคุณฉันจะ

8.He / She has married with a doctor เขา/ หล่อน ได้แต่งงานกับหมอ อันที่จริงประโยคนี้หากจะว่าผิดมากถึงขึ้นพูดไปแล้วฝรั่งฟังไม่รู้เรื่องเลยเหรอ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่หากจะให้สมบูรณ์จริงๆ ต้องเปลี่ยนพูดเสียใหม่ว่า He / She has married to a doctor. เขา หรือ หล่อน ได้แต่งงานกับหมอ

9. ผมเล่นอินเตอร์เน็ตอยู่ มีนักเรียนหลายๆ คนชอบใช้คำว่า I am playing the internet เพราะคิดว่า คำว่า play แปลว่า เล่น อันที่จริง หากจะบอกว่าเรากำลังเล่น อินเตอร์เน็ตอยู่ ควรจะใช้คำว่า I am surfing the internet ครับ แต่หากจะบอกว่ากำลังเล่นเกมอยู่ ใช้คำว่า I am playing ได้

10. มีอีกเรื่องหนึ่ง เวลาคนไทยมักจะถามฝรั่งว่า คุณเคยไป ภูเก็ตมาหรือยัง มีบ่อยครั้งที่ฝรั่งมักจะงง เพราะคนไทยส่วนมากจะออกเสียงผิดครับ เช่น Have you ever been Phuket iceland? เพราะคำว่า Iceland ตัวนี้หมายถึงประเทศที่มีเกาะน้ำแข็ง หรือเกาะน้ำแข็ง หากจะพูดให้ฝรั่งเข้าใจต้องบอกว่า Have you ever been Phuket island? ไม่ต้องออกเสียง s บางคนก็มักจะใช้ You use to go to…ใช้ Have you ever been…ดีกว่า

11. ปิดไฟ หลายคนมักจะใช้คำว่า Please close the light กรุณาปิดไฟให้หน่อย คนที่ชอบใช้ประโยคนี้บ่อยๆ หากเบื่อ ก็มาใช้ประโยคนี้ได้นะครับ Please turn off the light หากจะบอกให้เขา เปิดไฟ ก็แค่บอกว่า Please turn on the light. แต่หากจะบอกให้ปิดประตูห้องน้ำ เวลาเข้าห้องน้ำแล้วไม่ชอบใส่กลอน ก็สามารถบอกว่า Please close the door. ส่วนจะให้หรี่เสียงวิทยุ / เทป ก็ใช้คล้ายๆ กันนั่นก็คือ Turn up เร่งเสียง Turn down เบาเสียง บางคนชอบพูดว่า You down sound.

12.The Thais people is very friendly. คนไทยเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดี หรือ เป็นมิตร ต้องจำให้ได้นะครับว่า คำว่า People หมายถึงคนจำนวนเยอะมาก ส่วนคำว่า Person หมายถึงส่วนบุคคล หากเราอยากจะบอกฝรั่งว่า คนไทยเป็นคนลักษณะเช่นไร ต้องบอกว่า The most Thais are very friendly. คนไทยส่วนมากเป็นคนอัธยาศัยดี หรือเป็นมิตร

13. Do you like Thailand food? คุณชอบอาหารประเทศไทยหรือเปล่า อันที่จริง .....ผมว่า ลองเปลี่ยนใช้ประโยคนี้ดีไหมครับ Do you like Thai food คุณชอบอาหารไทยหรือเปล่า? Do you like Thais? คุณชอบคนไทยหรือเปล่า?

14. I am not good in English ผมไม่เก่งในภาษาอังกฤษ หากเราจะบอกว่าเราไม่เก่งภาษาอังกฤษ ควรจะบอกว่า I am not good at English คือภาษาอังกฤษผมไม่แข็งแรง (ไม่เก่ง) หรือจะใช้คำว่า I am bad at English. ก็ได้ อย่าพูดว่า My English is snake snake fish fish ภาษาอังกฤษผมงูๆ ปลาๆ

15. หากจะบอกว่าคุณไม่เก่งอะไรบ้างในภาษาอังกฤษ อย่าบอกว่า I am weak at grammar and conversation. นะครับ แต่ควรจะบอกว่า I am weak in grammar, conversation and listening. ผมอ่อนทั้งไวยากรณ์ การพูดคุย และการฟัง (คือไม่รู้เรื่องเลย)

16. เวลาคนไทยบอกใครสักคนหนึ่งว่า บ้านตัวเองอยู่ตรงไหน เรามักจะบอกในลักษณะหน้าบ้าน มากกว่า ตรงกันข้าม ลองมาดูประโยคนี้ครับ The post office is front of my house. ที่ทำการไปรษณีย์อยู่หน้าบ้านผม แต่ส่วนมากฝรั่งมักจะบอกว่า The post office is opposite to my house. ที่ทำการไปรษณีย์อยู่ตรงข้ามบ้านผม.

17. ผมเคยเห็นฝรั่งเดินชนคนไทยคนหนึ่ง ฝรั่งก็กล่าวคำขอโทษว่า Sorry หรือ I am sorry หากเป็นคนไทยบางคนอาจจะแค่ยิ้มให้ (เพราะไม่รู้จะพูดอะไร) เป็นการเชิงตอบรับว่า ไม่เป็นไรหรอก แต่หากบางคนอาจจะกล่าวว่า It’s ok หรือ That’s ok. ความหมายคือไม่เป็นไรครับ อย่าจำสับสนกับคำว่า Welcome ด้วยความยินดี นะครับ เพราะคำนี้ เอาไว้ตอบรับเวลาฝรั่ง กล่าวคำขอบคุณเรา ไม่ว่ากรณีใดก็ตามหากเรามีความรู้สึกว่า ฝรั่งคนนี้ กำลังกล่าวขอบคุณเรา ก็กล่าวคำว่า Welcome ด้วยความยินดี หรือ Most welcome นับว่าเป็นเกรียติ หากฝรั่งมีการศึกษาดี เราจะได้ยินคำนี้บ่อยๆ (อันที่จริงมีคำกล่าวตอบรับอีกเยอะครับ No mention it อย่ากล่าวถึงมันเลย แค่นี้ก็พอแล้วหละ)

18. wanna" มาจากคำว่า "want to"
"gonna" มาจากคำว่า "going to" คนอเมริกัน ใช้ Gonna กอนนะ แทน going to ส่วนมากจะพบในภาษาแสลง หรือในเนื้อเพลง เช่น I’ m gonna meet her ผมจะไปพบหล่อน. = I am going to meet her. หรือ I wanna go home. อาจารย์ฝรั่งที่สอนผมหลายคน บอกว่า *****ห้าม***** นำคำเหล่านี้ไปเขียนหนังสือเชิงวิชาการหรือจดหมายเกี่ยวกับบริษัท แต่หากจะเขียนถึงเพื่อนสนิทกันมากได้ บางครั้งก็มีความหมายส่อไปในทางอื่น ดังนั้นหากไม่แน่ใจอย่าใช้ไปอันขาดครับ *Don''t* use these words in any formal writing. On the other hand, if the person(s) you''re writing for can be trusted not to put you down for your writing, go right ahead and use them.

19. มีพนักงานหลายคนที่ผมเคยได้ยินมา เวลาอยากจะบอกฝรั่งเกี่ยวกับวัน เช่น Today is Monday. Tomorrow is going to Tuesday. วันนี้เป็นวันจันทร์ พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันอังคาร.ควรใช้ Today is Monday. Tomorrow will be Tuesday. ดีกว่าครับ

20.คำแทน คนไทยบางคนคิดว่า คำบางคำอาจจะใช้แทนกันได้ อันนี้ก็ต้องใช้เวลาศึกษากันอีกทีหนึ่ง อย่างเช่น
ทานข้าวด้วยกันไหม?
กินข้าวด้วยกันไหม? จริงอยู่ มันอาจจะใช้แทนกันได้ แต่ว่าอันไหนไพเราะกว่า เราเป็นคนไทย ย่อมรู้ดี และศัพท์ไหนควรใช้กับใคร สถานการณ์แบบไหน ต้องอาศัยประสบการณ์สักเล็กน้อย
Say พูด กับ Tell บอก เช่นกันครับ
เช่น I told “ I will go home” ผม / ดิฉัน พูดว่า..ผมจะกลับบ้าน (ปัจจุบันเราจะได้ยิน ฝรั่งใช้ I กับ will เยอะมาก) หากจะให้ดี ควรใช้คำว่า I said “ I will go home” ผม / ดิฉัน พูดว่า ผมจะกลับบ้าน ส่วน Tell จะใช้ในลักษณะของการบอกใครบางคน เช่น I told him that he would go home. ผมบอกเขาว่าเขาจะไปบ้าน

21.Absolutely และ Of course สามารถใช้แทนคำว่า Yes ได้ ส่วนคำว่า Yeah มักจะใช้กับคนที่สนิทกันจริงๆ

22. Do you speak English. Yeah I can. ถือว่าผิด
Can you speak English. Yeah I do. ถือว่าผิด
Do you speak English? Yes I do. ฝรั่งขึ้นต้นถาม Do เวลาตอบก็ต้องลงท้ายด้วย do เช่นกัน
Can you speak English? Yes I can. ลักษณะเช่นนี้ต้องอาศัยประสบการณ์การพูดคุยกับฝรั่งบ่อยๆ แต่หากคุณแน่ใจจริงว่า ภาษาอังกฤษคุณเก่ง เยี่ยมยอด ไม่ต่างอะไรกับภาษาไทย หากมีฝรั่งมาถาม Do you speak English? คุณสามารถตอบได้ทันที่ว่า Of course หรือ Sure แน่นอน แล้วก็เดินหนี

23. Other และ Others มีหลายคนที่ผมมักจะได้ยิน และบางคนก็สับสนครับ เพราะทั้งสองเป็นคำคุณศัพท์ทั้งคู่ แต่การใช้ค่อนข้างแตกต่างกัน
1.Other= I don’t want this one. Please give me the other one. ผมไม่ต้องการอันนี้ ได้โปรดเอาอันอื่นให้ผมเถอะ.
2.Others= You can forget others, but don’t forget me. คุณลืมคนอื่นได้ แต่ห้ามลืมผม. (เพราะผมเป็นเจ้าหนี้คุณ)

24. Halo หลายครั้งเวลาคนไทยพูดโทร.มักจะออกเสียง หาโหล Hello ฮัลโหล แต่ผมก็มักจะได้ยินฝรั่งบางคนออกเสีย เฮลโหล


ค่าเล่าเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองไทยถือว่าแพงมากนะครับ ถ้าอยากให้เก่งหรือเอาแค่สนทนาพอรู้เรื่องต้องฟังบ่อยๆ ต้องถือสุภาษิต ใจกล้า หน้าด้านเอาไว้นะครับ เพราะภาษาอังกฤษ เป็นวิชาที่ต้องอ้าปากพูด จะมานั่งคิด ฝันกลางวันเอาไม่ได้ เพราะเป็นวิชาทักษะ (ต้องฝึกฝน และต้องการความเอาใจใส่อย่างมาก) หากมีสิ่งอื่นใดผิดพลาดในกระทู้นี้ ผมขอน้อมรับในความเขลาปัญญาของผม หากมีผู้รู้จริงรู้แจ้ง รู้ว่าอันใดผิด ก็ช่วยชี้แนะด้วยเมตตาธรรมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณและเป็นประโยชน์แก่คนเป็นอันมาก ก่อนจากกัน มีประโยคหนึ่งที่อยากฝากบอกครับ Take a good care of yourself.If you have a lot of money. Please lend me some. รักษาสุขภาพให้ดีหละ ถ้ามีเงินเยอะ ก็ให้ผมยืมบ้างนะครับ อิอิ See you แล้วพบกันใหม่

ที่มา : //webboard.mthai.com/5/2007-02-12/301935.html


Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2550 10:10:56 น. 0 comments
Counter : 604 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

psak28
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]





คนเราเกิดมาจากเหตุปัจจัยจากกรรมที่เราสร้างขึ้น และด้วยอนุสัยที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตกาล ย่อมมีความสุข และความทุกข์เป็นธรรมดา เราก็แค่เป็นเพียงผู้ดูสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนการดูละคร ดูแล้วก็ผ่านไป ไม่ต้องไปยึดติดกับมัน เคยสงสัยเหมือนกันว่าคนเราเกิดมาทำไมกัน แล้วทำไมคนเราจึงไม่เหมือนกันเลย ทั้งรูปร่าง หน้าตา กิริยา และการดำเนินชีวิต ที่กล่าวมาล้วนมีกรรมสรรสร้างให้เป็นอย่างนั้น หน้าที่ของเราก็คือ ละเว้นความชั่ว ทำความดีให้ถึงพร้อม และทำจิตใจให้ขาวรอบ


อันนี้ลองดูนะครับ หากใครสนใจหวยหุ้น หวยรัฐบาล นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งครับ ได้มากกว่า ^_^



อันนี้น่าสนใจดีครับ จุ๊บลมยางที่สามารถบอกเราได้ว่าลมยางตอนนี้เป็นเท่าไหร่ และเตือนเราในกรณีลมยางอ่อนได้ ลองดูกันนะครับ




: Users Online

Friends' blogs
[Add psak28's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.