:+: วัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร :+:
วัดพระสิงห์คราวก่อนไปช่วงลอยกระทงยังไม่ได้โพสเลย คราวนี้ไปอีกทีโพสรวมเลยละกัน
วัดพระสิงห์ หรือมีชื่อเต็มว่า วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนสามล้าน ต.พระสิงห์ เป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวรู้จักคุ้นชื่อกันดี พญาผายู กษัตริย์เชียงใหม่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น เพื่อบรรจุพระอัฐิของพญาคำฟู ซึ่งเป็นพระราชบิดา เดิมชื่อว่า วัดลีเชียงพระ
::: 1 :::
บริเวณหน้าวัดแห่งนี้เคยเป็นกาดมาก่อน ชาวบ้านเรียกว่า กาดลี
(กาดแปลว่าตลาดจ้า)
::: 2 :::
::: 3 :::
วันที่ไปครั้งแรก ช่วงลอยกระทง เค้ากำลังทำกระทงสะเดาะเคราะห์กันอยู่
::: 4 :::
กระทงหน้าตาแบบนี้แหละครับ เค้าจะเอาไปลอยในวันลอยกระทง
::: 5 :::
วัดพระสิงห์มีสิ่งที่น่าสนใจได้แก่
หอไตร สร้างเป็นครึ่งตึกครึ่งไม้ ที่ตัวผนังตึกด้านนอกประดับด้วยทวยเทพปูนปั้นแต่งองค์ทรงเครื่องสวยงาม เป็นฝีมือช่างสมัยพระเมืองแก้ว ต่อมาในสมัยเจ้าแก้วนวรัฐได้มีการซ่อมแซมขึ้นใหม่ ประมาณ พ.ศ. 2467 ที่ฐานหอไตรปั้นเป็นลายลูกฟักลดบัวภายในประดับด้วยรูปสัตว์หิมพานต์ และประจำยาม ที่มีลักษณะ ละม้ายลายสมัยราชวงศ์เหม็งของจีน
::: 6 :::
นอกจากนี้ยังมี
วิหารลายคำ เป็นวิหารทรงพื้นเมืองล้านนาขนาดเล็กกระทัดรัด ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ ที่ผนังวิหารมีภาพจิตรกรรมโดยรอบ ด้านเหนือเขียนเป็นเรื่องสังข์ทอง ด้านใต้เป็นเรื่องสุวรรณหงส์
ภาพจิตรกรรมดังกล่าวมีความน่าสนใจมากทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องสังข์ทองพบเพียงแห่งเดียวที่นี่ ลักษณะเด่นของภาพจิตรกรรมที่พบในล้านนา อาจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้สรุปไว้ว่า
"จิตรกรรมในภาคเหนือ นิยมเขียนภาพชีวิตประจำวัน เป็นภาพเหมือนชีวิตจริง ถ้าเรามองดูภาพที่งดงาม เรื่องสังข์ทองในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ เราจะรู้สึกคล้ายกับว่า เราเข้าไปอยู่ในสภาพการณ์ ที่เป็นจริงตามความเป็นอยู่เมื่อ 100 ปีก่อน"
::: 7 :::
ภาพจิตรกรรม ยังพอหลงเหลืออยู่ แต่น้อยมาก
::: 8 :::
พระพุทธสิหิงค์
ตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นเป็นพระสิงห์สกุล ช่างเชียงแสน ศิลปะล้านนา ประดิษฐานอยู่ ณ เมืองเชียงราย ขณะนั้นเชียงรายกับเชียงใหม่เกิดการรบพุ่งกันขึ้น เชียงใหม่เป็นฝ่ายชนะ พระเจ้าแสนเมืองมา (พญาแสนเมือง พ.ศ. 1931 - 1954 ) มานคร เมืองเชียงใหม่ จึงโปรดให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มายังเมืองเชียงใหม่โดยล่องเรือมาตามลำน้ำปิง
เรืออัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาเทียบท่าฝั่งนครเชียงใหม่ ที่ท่าวังสิงห์คำ ขณะเชิญขึ้นประดิษฐานบน บุษบกปรากฎรัศมีจากองค์พระเรืองรองเป็นลำไปทางทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือไกลถึง 2,000 วา ต่อมาจึงได้มีการสร้างวัดขึ้น ณ ที่นั่นได้ชื่อตามเหตุอัศจรรย์ในครั้งนั้นว่า "วัดฟ้าฮ่าม" ซึ่งหมายถึงฟ้า อร่ามนั่นเอง
::: 9 :::
::: 10 :::
::: 11 :::
แต่เดิมนั้นพระเจ้าแสนเมืองตั้งพระทัยจะอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ไปประดิษฐาน ยังวัดบุปฝาราม (วัดสวนดอก) ซึ่งตั้งอยู่นอกเวียงออกไปทางทิศตะวันตก
แต่เมื่อชักลากบุษบกไปถึงวัดลีเชียงพระก็มีอันติดขัดไม่อาจลากต่อไปได้ พระเจ้าแสนเมืองมาถือ เป็นศุภมิตรจึงโปรดให้สร้างมณฑปขึ้นวัดลีเชียงและ ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ไว้ ณ วัดนั้น
::: 12 :::
::: 13 :::
::: 14 :::
::: 15 :::
จบแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่หลงเข้ามานะครับ
Create Date : 14 มกราคม 2552 |
Last Update : 25 มกราคม 2552 9:23:09 น. |
|
8 comments
|
Counter : 708 Pageviews. |
|
|
|
โดย: UStogetheR วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:9:19:25 น. |
|
|
|
โดย: chalawanman วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:13:47:18 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:21:20:38 น. |
|
|
|
โดย: รีเบกก้า วันที่: 15 มกราคม 2552 เวลา:22:10:50 น. |
|
|
|
โดย: โมเม IP: 222.123.85.23 วันที่: 30 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:42:29 น. |
|
|
|
|
|
|
Visitor No.
ภาพและบทความบนเวบไซต์แห่งนี้ สงวนลิขสิทธิ์ ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539
"ห้ามนำภาพ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของภาพ บทความหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของบทความ ในเวบไซต์แห่งนี้ไปใช้ก่อนได้รับอนุญาติ หากละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด"
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ชอบภาพจิตรกรรมฝาผนังค่ะ....ดูขลังๆดี