ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้ (Sailing Stones)
Sailing Stones เป็น 1 ในปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ยังคงเป็นปริศนา ที่เกิดขึ้นที่อุทยานแห่งชาติเดท วัลลี่ย์ (Death Valley National Park) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) ประเทศสหรัฐอเมริกา
สิ่งที่พบก็คือ จะพบร่องรอยการเคลื่อนที่ของก้อนหิน ที่ทิ้งไว้บนดินเหนียวที่แห้งเป็นทางยาว โดยปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้จะเกิดขึ้นทุก 2 - 3 ปี ครั้ง และหินบางก้อนก็ใช้เวลากว่า 3 - 4 ปีในการเคลื่อนที่
แผนที่ อุทยานแห่งชาติเดท วัลลี่ย์ (Death Valley National Park)
ข้อมูลเกี่ยวกับเรซแทรค พลาย่า (Racetrack Playa)
เรซ แทรค พลาย่า เป็นแอ่งทะเลสาบที่ค่อนข้างราบและแห้งแล้ง มีความยาวในแนวเหนือ-ใต้ประมาณ 4 กิโลเมตร และกว้างในแนวตะวันออก-ตะวันตกประมาณ 2 กิโลเมตร มีลักษณะพื้นผิวเป็นระแหงโคลน (Mud Cracks) ส่วนมากประกอบด้วยตะกอนขนาดทรายแป้ง (Silt) และดินเหนียว (Clay) สภาพภูมิอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง มีปริมาณน้ำฝนเพียงสองนิ้วต่อปี แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝนตก น้ำปริมาณมากจะไหลจากภูเขาสูงชันที่อยู่ล้อมรอบเรซแทรค พลาย่า ลงมาปกคลุมพื้นที่แอ่งจนกลายเป็นทะเลสาบตื้น ครอบคลุมเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งขณะนั้นบริเวณพื้นแอ่งจะเต็มไปด้วยดินเหนียวที่เหลวและอ่อนนุ่ม
ปรากฏการณ์ หินเดินได้ เกิดจากมนุษญ์หรือสัตว์ หรือไม่
จากลักษณะรูปร่างของร่องรอยการไถลของหินนั้น บ่งบอกได้ว่าหินก้อนนั้นต้องเคลื่อนที่ในช่วงที่- พื้นของเรซแทรค พลาย่า นั้นถูกปกคลุมด้วยดินเหนียวอ่อนนุ่ม ถ้าเป็นฝีมือของคนหรือสัตว์จะต้องมีร่องรอยของการเหยียบย่ำรบกวนชั้นดินเหนียวด้วย แต่ในบริเวณดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐานร่องรอยจากคนหรือสัตว์ที่จะช่วยให้หินเคลื่อนที่เลย มีเพียงร่องรอยการไถลของหินเท่านั้น
จะเห็นว่า หินทุกก้อน ไม่มีร่องรอยของการเข้าไปรบกวน หรือทำการเคลื่อนย้ายโดยคนหรือสัตว์ เพราะไม่มีรอยเท้า และพื้นที่ก็กว้างเกินกว่าจะใช้ไม้หรือวัตถุเขี่ยถึง
สมมุติฐานของ การเกิด ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้
ทางสมมุติฐานอ้างว่าเกิดจากลม ตัวการที่นิยมนำมาใช้อธิบายปรากฎการณ์นี้ก็คือ ลม โดยส่วนมากลมที่พัดผ่านบริเวณนี้จะมีทิศทางพัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และร่องรอยการไถลของหินก็มีทิศทางขนานกับทิศทางของลมนี้ด้วย แต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์บางคนได้แย้งว่ากระแสลมใน เรซแทรค พลาย่า สามารถทำให้เดินน้อยกว่า 5 เซนติเมตร และถ้าต้องการให้หินเดินได้เป็นระยะตามที่ปรากฏ จะต้องมีกระแสลมแรงกว่า 145 กิโลเมตร / ชั่วโมง
จะเห็นว่าหิน บางก้อนไม่ได้เคลื่อนที่เป็นแนวเส้นตรง ตามกระแสลมเสมอไป แต่นั่นก็อาจเกิดจากการที่กระแสลมเปลี่ยนทิศก็เป็นไปได้
หินบางก้อนมีขนาดใหญ่กว่า 100 กิโลกรัม ก็ยังสามารถเคลื่อนที่ได้
บางสมมุติฐานอ้างว่าเกิดจากน้ำแข็ง คนกลุ่มหนึ่งให้ข้อมูลว่าเคยเห็นเรซแทรค พลาย่าถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งชั้นบางๆ แนวคิดหนึ่งอธิบายว่า เมื่อน้ำรอบก้อนหินแข็งตัว และแต่ต่อมามีลมพัดผ่านผิวด้านบนของน้ำแข็ง ทำให้แผ่นน้ำแข็งได้ลากก้อนหินนั้นไปด้วย จึงเกิดรอยครูดไถลบนพื้นผิวแอ่ง นักวิจัยบางคนพบร่องรอยไถลของหินหลายก้อนที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้ด้วย แต่อย่างไรก็ตามการเคลื่อนย้ายแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้น คาดว่าจะต้องมีการทิ้งร่องรอยบนพื้นผิวแอ่งในทิศทางอื่นๆ ด้วย แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยนั้น
และด้วยเหตุนี้จึงทำให้มันยังคงเป็นปริศนา ที่ต้องมีการศึกษาและหาคำตอบกันอีกต่อไป
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 16:53:31 น. |
Counter : 2415 Pageviews. |
|
|
|