ธารธรรมใสเย็นยิ่ง สุขได้
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
30 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
น้ำตาเปื้อน"ธรรม"

ถามว่า
"เค้าร้องให้มีน้ำตานองหน้า ที่มาจากการสูญเสียสิ่งที่รักนั้น มาจากความรู้สึกอะไร?"

๑. เสียดายวันเวลาที่ผูกพันกันมา มันน้อยและสั้นเกินไป

๒. อาลัยอยากให้คนที่รัก คืนกลับมา ทำไมต้องจากกันไปอย่างนี้

๓. เสียดายความหวังที่มีให้ มันสูญสิ้น หมดหวังเสียแล้ว

๔. ถ้ารู้ว่าต้องเป็นอย่างนี้ อยากจะทำอะไรดีๆ ตอบแทนให้มากกว่านี้

๕. กลัวชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม จะดำเนินต่อไปได้อย่างไร

๖. ไม่เคยคิด ไม่เคยระวัง มัวประมาทหลงอยู่

๗. ยอมรับความจริงข้อนี้ ของชีวิตไม่ได้ ทำไมเกิดมาแล้วต้องเป็นแบบนี้ด้วย ไม่พอใจ

๘. รู้และรักมาก ในส่วนลึก อยากจะตายตามไป แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะยังรักตัวเองมากกว่า





น้ำตา ที่ผมกล่าวไปนั้นในที่นี้ เป็นน้ำตาร้อนไม่ใช่น้ำตาอันเนื่องจากความ"ปิติ"
ในที่นี้หมายถึง โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส
และ"สิ่งที่รัก" ในชื่อกระทู้นั้น ไม่ได้หมายถึง "คน" หรือสิ่งที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ เพียงเท่านั้น
แล้วหมายถึงอะไรอีก? หมายถึงสิ่งที่เป็นนามธรรม ที่จับต้องไม่ได้ด้วย
ถ้าหากผู้อ่าน ลองย้อนกลับไปอ่านและสังเกตตัวเลือกแต่ละข้อนั้น

จะเห็นได้ว่าบางข้อกล่าวถึงสิ่งที่เป็นรูปธรรม คือคนที่รัก(จะเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่รักก็ได้)
และบางข้อก็กล่าวถึงสิ่งที่เป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ คือความรู้สึกนึกคิด ความหวัง ความปราถนา ความต้องการ
บางข้อ ก็เป็นมุมมองคำตอบของพระอริยะ หลากหลายตัวเลือกก็เพื่อเปิดกว้างทางความคิด
ซึ่งทั้งหมดผู้ตอบจะสามารถเลือกตอบในมุมมองของตนเอง หรือของผู้อื่น หรือ ของพระอริยะก็ตามแต่จะเลือกเอา ถือเอา

หลายๆคนมักเข้าใจว่า คนที่มีน้ำตาหรือไม่มีก็ตาม เสียใจ อันเนื่องมาจากการสูญเสียสิ่งที่รักนั้น มาจากความรู้สึกอยู่อย่างเดียว คือ คนหรือสิ่งๆนั้น

แต่อาจจะลืมหรือไม่คิดว่า ความคาดหวัง ความปราถนา ก็เป็นสิ่งที่เรารักเช่นกัน แต่เป็นความปราถนา ความคาดหวังที่หวังกับสิ่งที่รัก

คนบางคนจึงมีความทุกข์สองชั้น
ทุกข์ชั้นแรก คือทุกข์จากสิ่งที่รัก ทุกข์ชั้นสอง คือทุกข์จากความปราถนา ความคาดหวังนั้น
พระพุทธเจ้าเอง พระองค์ก็มิเคยทรงตรัสว่า คน สัตว์ บุตร ธิดา นั้นคือสิ่งที่เป็นที่รักเพียงอย่างเดียว
แต่ทรงตรัส ว่า มีรักในสิ่งใด ทุกข์อันเนื่องมาจากสิ่งนั้นก็ต้องมี ซึ่งก็หมายถึง จิตใจที่มีความรัก จิตใจที่ความปราถนา จิตใจที่มีความต้องการ จิตใจที่ยังผูกพันกับสิ่งต่างๆอันเป็นที่รักนั้นด้วย

หากจะเปรียบเทียบให้ได้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น
“ผมไม่ได้เสียใจที่คนรักตายจากไป แต่ผมเสียใจเพราะ"จิตใจ"ผมยังรักเค้าอยู่ ”
หรือ
จะขอนำข้อความ ความคิดเห็นของคุณไร้น้ำตา ที่ว่า
ธรรมใดที่เราจะได้ อยากให้คนที่รัก ได้ธรรมนั้นก่อน ที่จะจากกันไป
(คือ อยากให้คนที่เรารัก ได้รู้ธรรมมะ อย่างที่เราอยากรู้)
จากคุณ : ไร้น้ำตา
อย่างนี้ ผู้กล่าวหมายถึง ไม่ได้มีความทุกข์ จาก “คน” ที่รัก
แต่หมายถึง ผู้กล่าวมีความทุกข์เกิดธรรมสังเวชสลดใจ จาก “ความคิด ความปราถนา ความคาดหวัง” ของจิตใจผู้กล่าวเอง ซึ่งจะทุกข์มากบ้าง หรือ น้อยบ้าง จนถึง“บางเบา” ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณที่คิด ปริมาณที่คาดหวังของแต่ละคนๆ ซึ่งย่อมแตกต่างกัน ทั้งจริตและสิ่งที่รักนั้น

และความหมายว่า บางเบา นี้เอง คือมีน้อย หรือแทบจะไม่มีเลย
ตรงนี้เป็น “ธรรมสังเวช” คือ มีความเสียใจอยู่บ้างแต่น้อยมาก และไม่ขาดสติ ทั้งเห็นไปโดยรู้เข้าใจว่าเป็นของธรรมดา เป็นโดยกรรม โดยอำนาจผลของกรรม ของสังขาร ของทุกๆหมู่สัตว์

และถ้าเรารู้จักความทุกข์มากขึ้น ก็หมายถึง โอกาสที่เราจะดับไฟโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสที่ต้นตอสาเหตุแห่งทุกข์ ก็จะถูกต้องขึ้น เมื่อมีความรู้ ความเข้าใจ แม้ความทุกข์จะอาจเกิดขึ้นเป็นธรรมดาอยู่บ้าง
ก็อาจสามารถที่จะนำความรู้ความใจ เบื้องต้นนี้ นำไปใช้ประโยชน์แก่ตนเอง ตามความสมควร ตามโอกาสต่อไป.

และตัวเลือกที่ว่า --- ไม่เคยคิด ไม่เคยระวัง มัวประมาทหลงอยู่ --- เป็นมุมมองของพระอริยะเจ้าที่มองเห็นคนที่ร้องให้มีน้ำตานองหน้าอย่างนั้น นั่นเองครับ เป็นคำตอบที่เหมาะสมของผู้ไม่ประมาท
ขออนุโมทนาสาธุครับ



Create Date : 30 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2552 15:16:09 น. 2 comments
Counter : 681 Pageviews.

 
ขอบคุณ คุณ ไร้น้ำตาที่ได้แสดงความคิดเห็นไว้
เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
ต้องขออภัยที่ไม่ได้ขออนุญาติก่อนล่วงหน้า
เจริญในธรรม ขออนุโมทนาสาธุครับ


โดย: ใจพรานธรรม วันที่: 30 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:18:40 น.  

 
เดาๆนะครับ ผิดถูกก็ขออภัยด้วยครับ

เสียดายวันเวลาที่ผูกพันกันมา มันน้อยและสั้นเกินไป - เป็นโลภะอยากได้ขึ้นอีกและเป็นโทสะไม่พอใจที่หมดเวลานั้นไปแล้ว

อาลัยอยากให้คนที่รัก คืนกลับมา ทำไมต้องจากกันไปอย่างนี้ -เป็นโลภะอยากได้คนรักคืนกลับมาและเป็นโทสะไม่พอใจที่คนรักจากไป

เสียดายความหวังที่มีให้ มันสูญสิ้น หมดหวังเสียแล้ว - เป็นโทสะไม่พอใจที่ความหวังนั้นหมดไป

ถ้ารู้ว่าต้องเป็นอย่างนี้ อยากจะทำอะไรดีๆ ตอบแทนให้มากกว่านี้ - เป็นโทสะไม่พอใจ และเป็นโลภะอยากได้แต่ทำไม่ได้แล้ว

กลัวชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม จะดำเนินต่อไปได้อย่างไร -เป็นโทสะไม่พอใจที่เปลี่ยนแปลง เป็นความลังเลสงสัย

ไม่เคยคิด ไม่เคยระวัง มัวประมาทหลงอยู่ - เป็นอวิชชา

ยอมรับความจริงข้อนี้ ของชีวิตไม่ได้ ทำไมเกิดมาแล้วต้องเป็นแบบนี้ด้วย ไม่พอใจ - โทสะ ปฏิเสธความจริง

รู้และรักมาก ในส่วนลึก อยากจะตายตามไป แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะยังรักตัวเองมากกว่า - ตัณหา โลภะ โทสะ


โดย: ใจพรานธรรม วันที่: 30 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:30:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ใจพรานธรรม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




มีหลายเรื่องที่ควรสงสัย แต่เราไม่สงสัยในสิ่งต่างๆนั้นแล้ว
เราศรัทธาแต่ในพระรัตนตรัย

..แม้เทวดา มารหรือพรหม จะมีหรือไม่มีอยู่จริง
เราก็มีธรรม มีปัญญารู้ในสิ่งต่างๆนั้นด้วยตนเองแล้ว
ทั้งปัญญา ทั้งศรัทธา เป็นสิ่งที่ท่านต้องสร้างให้เกิดขึ้นเอง
ใครสร้างท่านไม่ได้

พระพุทธเจ้า พระองค์ดุจผู้บอกทางให้เท่านั้น
จะเดินหรือไม่ เรามิได้กล่าวโทษตำหนิท่านแต่อย่างใดเลย
ท่านเชื่อ ท่านก็เดิน ท่านไม่เชื่อก็ควรแล้ว ที่ท่านจะสงสัยควรแล้วที่ท่านจะปฏิบัติ เพื่อคลายความสงสัยนั้น
S! Radio
Express 4
เพลง ทานตะวัน ---ฟอร์ด
ศิลปิน รวมศิลปิน : Express
อัลบั้ม Express 4
ดูเนื้อเพลงคัดลอกโค้ดเพลงนี้
ขอบคุณ code และ ภาพ จากคุณ aggie_nan ตามลิงค์ที่อยู่ ด้านล่างครับ
Friends' blogs
[Add ใจพรานธรรม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.