Group Blog
All Blog
|
กอด :: กอดสุดท้ายหัวใจยังจำ หัวข้อที่กว้างและออกจะง่ายที่จะนึกและเขียนเรื่องเล่าสู่กัน หากกริยาของกอดจะหมายถึง การกางแขนออกให้กว้างมากมายที่สุด .. เพื่อที่จะโอบอุ้มไว้ในวงแขนอย่างแนบแน่นอย่างอบอุ่น นุ่มนวล อ่อนหวาน หรือการทำตัวให้เล็กที่สุด .. เพื่อที่จะซุกกายลงในวงแขนของอีกคนที่พยายามโอบอ้อมเอาไว้ ให้คลายทุกข์ร้อนกังวล แต่ แต่ทำไมในสมองกลับนึกอะไรไม่ออกเอาเสียเลย นอกจากภาพบางภาพเท่านั้นเอง .............. คุณคงยังจำเรื่องเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ฉันพูดถึงได้กระมัง ในวันที่ต่างล้มหายตายจาก และเราต้องเตรียมเอาไว้ เพื่อที่ จะได้ทำสิ่งนั้นให้ดี ที่สุด แต่ในเมื่อสิ่งที่ไม่อยากคาดหมาย และดันวิ่งอย่างรวดเร็วมาถึงนั้น แม้ไม่อยากได้ แต่ก็ต้อง เต็มใจรับมันเอาไว้ในมือ ... ใครจะหลีกหนีความตายไปได้ วันที่สิ้นเสีย ฉันจำได้ว่า วันนั้น 6 เมษายน ตรงกับวันหยุดที่ฉันยังอยู่กรุงเทพ ซึ่งผิดจากปกติของตัวเองไปนัก หากเมื่อหยุดสามวันทีไร ฉันมีอันหายหัวไปจากเมืองกรุง แต่ครานั้นไม่ได้ไปไหน อาจจะด้วยติดขัดเรื่องอะไรสักอย่างที่นึกไม่ออก ทำให้ฉันไปทำงานในช่วงเช้าก่อนจะเตร็ดเตร่ที่ห้างระหว่างมื้อบ่าย พ่อโทรมาหา ว่า อยู่ไหนลูก ทำงานหรือเปล่า ยุ่งไหม ฉันว่าไม่ยุ่ง งานเลิกแล้ว กำลังเดินอยู่ชิดลมกับนาย หาของกินอยู่ พ่อว่า เสร็จแล้วซื้อข้าวหน้าเป็ดเข้ามาด้วยยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า พ่อไม่เคยโทรหา ไม่เคยรบกวน ไม่เคยต้องให้ดูแล เหมือนลางสังหรณ์หรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่เป็นความผิดปกติที่รู้สึกได้แน่ ๆ เจ้านายรีบพาฉันกลับบ้านทันที และซื้อตามที่สั่งทุกอย่างไปให้ทาน เท่าที่เห็นอาการปกติดี พ่อยังคงส่องพระเดินไปเดินมา กินข้าวชามโตที่ยกไปให้ เห็นแต่แค่ว่าหน้าขาวไปหน่อย และพ่อก็บ่นว่าร้อน เวียนหัว สงสัยคงจะหิว ฉันก็ว่า อากาศก็ค่อนข้างร้อน ยังไม่ได้ทานข้าวคงจะอย่างนั้น แต่ก็ถาม ว่า ไปหาหมอไหม ไปนะ วันนี้มีรถด้วยเดี๋ยวขับไปหาหมอกัน พ่อว่าไม่เป็นไร แค่หิว เดี๋ยวกินข้าว กินยา แล้วก็นอน เย็น ๆ เข้ามาดูสักหน่อยนะ นี่แหละตามประสาแบบบ้านฉัน เมื่อว่าไงก็ว่างั้น ว่ากันภาษาง่าย ฉันนั่งโอ้เอ้อยู่พักใหญ่ ยังได้ยินเสียงพื้นไม้ลั่นไปตามแรงเดินที่หมุนเปลี่ยนไปตามมุม สักพักใหญ่ก็หยุด ฉันแวะเวียนขึ้นไปดู เห็นหลับ ก็ออกไปซื้อกับข้าวเข้ามาทำ ต้มจืดไก่ใส่มันแบบอิสลาม ผัดมะระใส่ไข่ เต้าหู้ผัด แล้วหุงข้าวแดงผสมไว้ หกโมงแล้ว พ่อยังไม่ตื่น อืมม ไม่เป็นไรรอถึงทุ่มก็แล้วกัน ฉันนั่งอยู่หน้าคอมพ์ ไม่ทันถึงเวลา พ่อเข้ามาเคาะเรียก พาไปโรงพยาบาลหน่อย หายใจไม่ออก เข่าที่เจ็บอยู่ทำให้ฉันพยุงน้ำหนักพ่อไม่ไหว ต้องเรียกคนช่วย โชคดีที่บ้านเจ้านายและฉันอยู่ใกล้กัน แค่ยี่สิบนาทีรถก็ถึง ฉันกดโทรหาทันที เราค่อย ๆ ประคองออกไปปากซอยบ้าน ระยะทางเดินประจำยังไม่ทันจบเพลง วันนี้ทำไมเหมือนจะเล่นไปทั้งอัลบั้ม ดูทางช่างแคบอึดอัด แล้วเดินไกลเหลือเกิน ยังไม่ถึงต้นซอยที่รถวิ่งผ่านได้ พ่อยืนหอบ เหงื่อแตกเต็มไปทั้งตัว เหมือนกับคนเพิ่งอาบน้ำแล้วใส่เสื้อเลย เนื้อตัวเย็นจนตกใจ พ่อว่า ให้ไปหาอาที่โรงพยาบาลแถวสะพานควาย ถึงไม่ไกลนัก แต่ฉันไม่รู้จัก เราหลงตรงทางตัดวิภาวดีเข้าสะพานควาย รถขึ้นสะพานเลยไปลาดพร้าวอ้อมกลับมา ฉันโทรหาอีกคนที่รออยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้รถอยู่หน้าทางเข้า และคนไข้หมดสติ แค่ป้ายรถเมลล์เดียวรถเลี้ยวเข้าไม่ได้ ลมหายใจที่ยื้อไว้ ก็ไปต่อไม่ได้ วันที่สิ้นสูญ ไม่กี่นาทีเอง ฉันไม่ทันได้เสียใจ ทุกอย่างในสมอง วิ่งวุ่นไปหมด ทุกอย่างถูกเรียงลำดับที่ต้องทำ ที่ควรเป็น ในขณะบุคคลที่เหลือร้องไห้เจียนตาย ฉันถูกต่อว่าต่าง ๆ นานา ทำไมถึงพาพ่อมาที่นี่ มันห่างจากบ้านเราร่วมชั่วโมง ใครจะรู้ล่ะ ใครจะคิดล่ะ ใครมันจะอยากให้เป็นแบบนี้ ฉันเป็นลูกนะ เข้าใจไหม โธ่เว้ย !! ฉันจัดเตรียมพิธีการทางวัด และทุกอย่างในรูปแบบประเพณีไทย และตามคำขอ ที่จะไม่ให้ไปวัดนี้ ไม่เอาแบบนี้ และไม่ให้มีใครต้องวุ่นวาย แม้กระทั่งการขอพระราชทานเพลิงที่ควรได้รับตามนั้น ก็ขอสละสิทธิ์ไป หากแต่มีคำขอ .. ที่ร้องขอจัดบางส่วนตามประเพณีจีนแบบบ้านเธอคนนั้น ฉันก็ว่ามันไม่ได้เลวร้าย อะไรที่ทำแล้วดี ไม่ได้เดือดร้อน ฉันก็ยอมเสมอ พิธีการไม่ได้ยุ่งยากวุ่นวายที่ต้องใส่เสื้อผ้าสามชั้นทำนองนั้น หากแต่เป็นความเรียบง่ายที่เธอว่า ควรให้ลูกชายได้กระทำต่อบิดาเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อความเจริญของลูกหลานสืบไป ลูกชาย .. ถูกให้เข้าไป ป้อนข้าว ป้อนน้ำหวีผม ลูกสาว .. ถูกให้เข้าไป ทำคล้าย ๆ กัน เพียงแต่ที่มัน .. ทำให้ฉันร้าวร้านใจมากที่สุด มือทั้งสองของลูกจะประคอง แล้วห่มผ้าให้ พลิกซ้าย พลิกขวา ประหนึ่งเหมือนอ้อมแขนเราที่ถูกโอบลงไป โธ่เว้ย!!! ไม่เอาแบบนี้ ได้ไหม กอดสุดท้ายที่ไม่อยากให้ ฉันไม่อยากให้ กอด แบบนี้เลย เข้าใจไหม รายละเอียดของพิธีกรรมอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้าง ต้องขออภัยสำหรับผู้รู้และเคยปฏิบัติ กอดสุดท้ายนี้ลึกล้ำนัก ทำดีที่สุดแล้ว
โดย: ตาพรานบุญ วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:19:46:40 น.
อ่าน กอด ของพี่แล้วเศร้าจังครับ
สำหรับผมถ้าเป็นกอดสุดท้ายของชีวิตก้อยากได้โอบกอดนั้นจากคนที่เรารักครับ โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:20:19:28 น.
อย่างน้อย ก็ได้กอด ได้มองเห็นและจดลึกเข้าไปในความทรงจำ.......ทั้งสมองและหัวใจ
.... โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 1 กันยายน 2552 เวลา:12:38:20 น.
อืมม
โดย: .. IP: 202.57.129.65 วันที่: 1 กันยายน 2552 เวลา:13:10:49 น.
อ่านแล้วรู้สึก โธ่เว้ย!! ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วยนะ
เข้าใจความรู้สึกคำ ๆ นี้จัง "โธ่เว้ยยย!" เนี่ย เข้าใจจนพาลจะน้ำตาไหลตามไปด้วยเลย ทำไมกอดสุดท้ายต้องเป็นอย่างนี้ด้วยนะ โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 1 กันยายน 2552 เวลา:16:15:48 น.
ม่ายอยากบอกเลยว่า เมื่อวานเขียนไปเศร้าไป งือ ๆ ไปด้วย น้ำตาซึม น้ำมูกย้อยยย .. อ่านทีไร ก็ ยังอินอยู่เลย โธ่ว้อยยยยยย!!! โดย: inmemoir วันที่: 1 กันยายน 2552 เวลา:18:28:26 น.
คุณขา เป็นเรื่องจริงใช่ไหมเนี่ย
ทำดีที่สุดแล้วนะสำหรับอ้อมกอดนี้ โดย: BeCoffee วันที่: 2 กันยายน 2552 เวลา:1:25:47 น.
มา ๆ ผลัดกันโอ๋ ..
คนเขียนน้ำตาซึม คนอ่านน้ำตาซึม . . ปล. รอคุณไปรษณีย์ด้วยล่ะ เอามะ-หมาใส่กล่องส่งไปให้เลี้ยง แต่ดันลืมเจาะรูกล่อง จะเป็นไรไหมน๊อ โดย: Paulo วันที่: 2 กันยายน 2552 เวลา:8:30:15 น.
หายเศร้าหรือยัง มามะ มาช่วยกันทำงานหน่อย นั่งพิมพ์จนมือหงิก......หุหุ
โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:11:11:42 น.
ง่า... เข้าใจความรู้สึกเลยครับ
หายเศร้ายังครับ ถ้ายังมามะผมจะกอดพี่เอง อิอิ โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:18:40:49 น.
มาแล้ว
อย่ามาหลอก หัวเค้าเน่าอยู่ แง..แง.. โดย: ขาประจำห้าทุ่มกว่า.. IP: 110.49.126.46 วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:23:39:49 น.
|
inmemoir
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] -in memoir- งานเขียนย่อมจัดเป็นงานวรรณกรรม ซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 6 ซึ่งให้ความคุ้มครองแก่ท่านเจ้าของลิขสิทธิ์ ในงานเขียนดังกล่าวโดยอัตโนมัติ ไม่จำต้องจดทะเบียน |