ไม่เหงาไม่มาใช่ไหม
<<
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
25 มกราคม 2552

มรดกโลก-หลวงพระบาง-เส้นทางสายวัฒนธรรม-วังเวียง-เวียงจันทน์-หนองคาย

มรดกโลก-หลวงพระบาง-เส้นทางสายวัฒนธรรม-วังเวียง-เวียงจันทน์-หนองคาย

ปีใหม่เราตั้งใจไปเที่ยวที่ประเทศลาว เพราะเคยดูรายการทีวี ที่พาไปเวียงจันทร์ วังเวียง หลวงพระบาง ทำให้ใฝ่ฝันว่าจะไปเที่ยวให้ได้สักครั้งหนึ่ง และเมื่อทีมงาน Travel Route Club ส่งโปรแกรม มรดกโลก-หลวงพระบาง-เส้นทางสายวัฒนธรรม-วังเวียง-เวียงจันทน์-หนองคาย มาให้ กำหนดการเดินทางไปช่วงปีใหม่ที่เราได้หยุดหลายวันพอดี เราไม่ได้ดูรายละเอียดหรอกว่าไปไหนบ้าง ไปเที่ยวกี่ที่ ด้วยความอยากไปเต็มที่ ทำให้เราตกลงไปทันที และราคาก็ไม่แพงด้วย เรานัดกันออกเดินทางเย็นวันที่ 29 ธันวา ประมาณ 1 ทุ่ม หลังจากรอสมัครพรรคพวกกันไปมา แบบเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ก็ได้สมาชิกร่วมลุยกัน 18 ชีวิต ออกเดินทางไปด้วยรถตู้วีไอพี กว้างขวาง เบาะนิ่ม นั่งสบาย แถมมีผ้าห่มให้บริการ น้ำดื่มก็มีให้ลูกทัวร์กินตลอดการเดินทาง เริ่มออกเดินทาง พี่แมน คนขับรถตู้คันที่เรานั่ง ก็เริ่มส่งแผ่นหนัง วีซีดีคอนเสิร์ตให้เลือกดูกันจุใจ ดูหนังกันไป 1-2 เรื่อง ยังไม่ทันจบเรื่องก็ทะยอยหลับกันไปหมดทั้งคันรถ พี่แมนขับรถมาเรื่อยๆ ตามเส้นทางสระบุรี ขับนิ่ม เราหลับสบายจนมาตื่นตอนรถจอดให้กินข้าวต้มกันที่โคราช หลังกินข้าวต้มอุ่นๆ สบายท้องแล้ว ขึ้นรถหลับต่อได้ทันทีเลย และเมื่อรถจอดอีกครั้ง ลูกทัวร์ตื่นขึ้นมาแบบงงว่าอยู่ที่ไหนนี่ โอ๋หัวหน้าทัวร์บอกว่าเราถึงหนองคายแล้ว มาจอดรถที่ปั๊มให้ล้างหน้าแปรงฟัน หลังจากนั้นก็พาพวกเราไปกินไข่กระทะที่ร้านทานตะวัน เป็นร้านขายอาหารเช้าแบบสบายๆ เมนูมีหลายอย่าง เราเลือกสั่งไข่กะทะมากิน เพราะเป็นเมนูเด่นของร้านนี้


หน้าตาไข่กะทะน่ากินทีเดียว กินกับกาแฟโบราณ แถมมีขนมปังยัดไส้หมูยอกุนเชียงมาให้กินคู่กันอีก หรือจะลองกินขนมปังหน้าหมูซึ่งกรอบอร่อยจนต้องสั่งมากินเพิ่มอีก กินอาหารเช้ากันเสร็จประมาณ 8 โมงเช้าก็ออกเดินทางต่อไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย-ลาว เพื่อตรวจหนังสือเดินทางเข้าลาว วันนี้ใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากนักท่องเที่ยวเยอะมาก วันนี้เราได้พบไกด์ลาวซึ่งจะทำหน้าที่นำพวกเราเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ตลอด 4 วัน คนหนึ่งเป็นผู้หญิงชื่อวัน ทำงานมานาน 4 ปีแล้ว อีกคนเป็นผู้ชายชื่อ กร เพิ่งมาเป็นไกด์ หลังจากรอเข้าเมืองสักพักพวกเราเริ่มลงไปถ่ายรูปเล่น แล้วไปแลกเงินกีบ(251 กีบ = 1 บาท)กันเพื่อใช้ช็อปปิ้ง พอประทับตราหนังสือเดินทางให้เข้าเมืองเรียบร้อย พวกเราก็ขึ้นรถเดินทางต่อเข้าเมืองเวียงจันทร์


ระหว่างทางนั่งรถเข้าเมื่องเวียงจันทร์มาตามถนนท่าเดื่อโดยคนขับต้องปรับสมองมาเป็นเลนส์ซ้ายเรียกว่าขับคนละเบื้อง และมีกำหนดความเร็วไม่เกิน 60กม./ชม. ไกด์วันให้ข้อมูลว่าลาวมีประชากรแค่ 6 ล้านคน มี 17 จังหวัด แบ่งเป็น 3 ภาค ทำอาชีพเกษตรกรเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นบ้านเมืองยังไม่หนาแน่นและดูสงบดี ตามถนนในเมืองเราเห็นเด็กนักเรียนหญิงยังนุ่งผ้าถุงอยู่ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของที่นี่ว่า ถ้าผู้หญิงทำงาน หรือติดต่อราชการต้องนุ่งผ้าถุงเท่านั้น เราดูแล้วรู้สึกว่าเรียบร้อยดี แต่เราคงไม่ชอบนุ่งแบบนั้นแน่ เฮ้อ โชคดีที่เราอยู่เมืองไทย นั่งรถมาสักพักเราก็มาถึงประตูชัยสัญลักษณ์แห่งการประกาศอิสรภาพจากฝรั่งเศสซึ่งประเทศอินโดนีเซียเป็นผู้มอบให้ลาว เมื่อปี คศ 1960 ประตูชัยแห่งนี้เป็นที่นิยมของคนลาวเพราะลาวถูกปกครองจากฝรั่งเศสอยู่ถึง 50 ปี ดังนั้นการได้รับอิสรภาพจึงเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง พวกเราขึ้นบันไดประตูชัยถึงยอดโดมประมาณ 100 กว่าขั้น ค่าขึ้นแค่ 8 บาทเอง พอขึ้นไปเรื่อยๆ จะมีร้านขายของที่ระลึกให้แวะดูเพื่อพักเหนื่อยเป็นระยะๆ เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนสุด จะมีระเบียงให้ชมวิวเพื่อมองเมืองเวียงจันทร์ได้โดยรอบ เห็นว่าบ้านเมืองส่วนใหญ่ยังมีต้นไม้เขียวมากอยู่และอยู่กันไม่หนาแน่นเหมือนกรุงเทพ เราเดินขึ้นบันไดเวียนไปบนโดมยอดบนสุดของประตูชัยด้วย เห็นวิวอะไรก็ดีอยู่หรอกแต่มีคนไปขีดเขียนชื่อกันบนฝาผนังจนเต็มพรืดไปหมด แย่จริงๆ




ชมวิวบนประตูชัยกันจนเพลิน เหลือบมองนาฬิกาเกือบเที่ยงแล้ว โอ๋และไกด์รีบพาพวกเราขึ้นรถไปกินอาหารกลางวันกันที่ร้านขอบใจเด้อ เป็นร้านอาหารที่ตัวตึกสวย ตกแต่งดี อาหารเป็นบุฟเฟ่ต์มีให้เลือกกินหลายอย่าง ทั้ง ขนมจีน ติ่มซำ ส้มตำ สลัดผัก ซุป ไก่ทอดฯลฯ อาหารหลายอย่างคล้ายอาหารไทย สังเกตุว่าตอนเที่ยงคนจะมากินเยอะมากเป็นร้านอาหารที่ได้รับความนิยมทั้งชาวลาวและนักท่องเที่ยว กลางวันเป็นร้านอาหารกลางวันทั่งไป กลางคืนเป็นแบบกึ่งผับมีดนตรีเล่น พวกเดินวนไปตักอาหารกันหลายรอบ จนอิ่มแปร้ เครื่องดื่ม ผลไม้และขนมหวานก็มีหลายอย่างให้เลือก




อิ่มหนำสำราญกันดีก็ไปเที่ยวต่อ กันที่ วัดพระแก้ว ซึ่งเราสามารถเดินจากร้านอาหารไปได้เลย วัดพระแก้วลาวหรือหอแก้วแห่งนี้ สร้างสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช (คศ 1565 ประมาณ 200 กว่าปี) โปรดเกล้าให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่อัญเชิญมาจากหลวงพระบาง แต่ปัจจุบันพระแก้วมรกตได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วมรกตที่ประเทศไทยนั่นเอง





เที่ยววัดพระแก้วชมพระพุทธรูปเก่าแก่ที่ประดิษฐานรอบโบสถ์ จนได้เวลาพอสมควรก็ขึ้นรถตู้เดินทางต่อไปที่วังเวียง เมืองวังเวียงเป็นเมืองธรรมชาติที่สวยสดงดงาม อากาศเย็นสบาย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาตินิยมมาท่องเที่ยว ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำซอง ล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูง มองเห็นสายน้ำกว้างสลับกับเนินทราย โดยมีเทือกเขาหินปูนเป็นฉากหลัง วังเวียงได้ฉายาว่า “กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว” ใช้เวลา 3 ชั่วโมงถึงวังเวียงตอน 6 โมงเย็น คณะเราเข้าเช็คอินที่โรงแรมถาวรสุข ซึ่งตั้งริมแม่น้ำซองเลย พอเข้าห้องพักพบการตกแต่งแบบสบายๆ มีระเบียงกว้างเปิดออกไปเห็นวิวแม่น้ำซองตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน งดงามมากเหมือนภาพวาดเลย




โอ๋ให้เวลาพวกเรา 5 นาทีในการเก็บของและเตรียมตัวไปล่องขี่กงเด้ง พวกเรารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปที่ร้านเช่าห่วงยางคนละ 200 บาท แล้วรีบเดินลงเนินไปริมแม่น้ำซอง ลงนั่งหย่อนก้นบนห่วง น้ำเย็นสบายไม่ถึงกับหนาว พอลงปุ๊บห่วงยางแล่นฉิวไปตามกระแสน้ำทันที ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว บรรยากาศรอบตัวมืดมองไม่เห็นอะไรเลย แต่เรานอนหงายมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นดาวพร่างพราวระยิบระยับเต็มไปหมด เราใช้เวลาดื่มด่ำธรรมชาติประมาณ 20 นาที ห่วงยางก็พาเราล่องมาถึงหน้าโรงแรมพอดี เข้าห้องอาบน้าเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมเสื้อกันหนาวกันครบครัน เพราะอากาศเริ่มเย็นลง จากนั้นรถตู้พาออกไปดินเนอร์ที่ร้านนางโบ๊ท รสชาดอาหารอร่อยใช้ได้ คล้ายอาหารไทย กินกับข้าวสวยหรือข้าวเหนียวลาวก็ดี แต่ข้าวเหนียวของลาวจะแข็งกว่าของไทย เราได้ลองชิมเบียร์ลาว รสชาดคล้ายเบียร์ลีโอของเรา พอรับประทานอาหารเสร็จ โอ๋ให้พวกเราเดินย่อยอาหารชมเมืองวังเวียงกลับโรงแรมกันเอง ระหว่างทางมีร้านขายของที่ระลึก ของชำ เปิดขายกันเกือบทุกบ้าน แต่พวกของอุปโภคส่วนใหญ่มาจากเมืองไทย เราเห็นสินค้าเมดอินไทยแลนด์เกือบทุกอย่างที่นี่ เพราะเขายังไม่สามารถผลิตเองได้ ต้นทุนคงไม่คุ้ม เพราะประชากรยังน้อยอยู่ และที่นี่รับทีวีไทยได้ทุกช่อง คนลาวจึงพูดไทย ฟังไทยได้สบายๆ ระหว่างทางแวะซื้อโรตีกิน อร่อยดี แต่ราคาแพง 40 บาท คนขายบอกว่าว่าวัตถุดิบอย่างแป้ง นม น้ำตาลต้องนำเข้าจากไทย พวกเราเดินคุยกันมาเรื่อยๆ กลับถึงโรงแรม 3 ทุ่มกว่าจบการเดินทางวันที่ 2





วันที่ 31 วันสิ้นปีแล้วจ้า พวกเรานัดกันประมาณ 7 โมงเช้า ไปกินอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมริมระเบียงติด ม.ซอง มีบางคนไปเที่ยวตลาดเช้าเอาหมูวงมาฝาก ซาลาเปา ข้าวเหนียวห่อ อร่อยดี อาหารเช้าเป็นไข่ดาวกินกับขนมปังฝรั่งเศส มี ชา กาแฟร้อน ข้าวเหนียว ข้าวต้ม ให้เลือกกิน พอได้เวลาเกือบ 8 โมงพวกเราออกเดินทางโดยรถตู้ไปหลวงพระบางกันแล้ว เส้นทางที่ไปต้องผ่านเขาหลายรูป มีโค้งเยอะมากเหมือนเส้นทางไป อ.ปาย แม่ฮ่องสอน ดังนั้นหัวหน้าทัวร์รีบแจกยาแก้เมารถก่อนออกเดินทาง ถนนที่แล่นผ่านยังเป็นถนนดิน มีบางครั้งกำลังก่อสร้างทาง คิดว่าครั้งหน้าทางการลาวน่าจะทำถนนเสร็จแล้ว แต่เส้นทางผ่านทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงามและยังผ่านหมู่บ้านชาวเขาของลาวได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวลาวที่ดูสงบ เรียบง่าย เราผ่านจุดชมวิวที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จ มีห้องน้ำสะอาด และร้านขายอาหาร กาแฟไว้บริการนักท่องเที่ยง จุดชมวิวแห่งนี้ถือเป็นจุดที่สวยมาก อากาศเย็นสบาย คณะเราก็ไปถ่ายรูปกันสนุกสนาน จากนั้นก็ไปเดินทางต่อแล้วไปแวะกินอาหารกลางวันที่หมู่บ้านชาวเขา บรรยากาศสบายๆ เหมือนเราไปกินข้าวบ้านญาติที่อยู่ต่างจังหวัดเลย หลังกินกินอิ่มหนำ หัวหน้าทัวร์ เอา ชาร้อน กาแฟร้อน มาปิดท้าย หลังกินอิ่มเดินเล่นสักพัก เห็นมีร้านขายแซนวิสด้วยใช้ขนมปังอันโตสไตล์ฝรั่งเศสแต่เราไม่ได้ลองกินเพราะอิ่มข้าวมาแล้ว นอกนั้นก็มีร้านขายของพวกหนังควายแห้ง ขนม แผ่นเพลง ผลไม้ แต่ขนมกินเล่นของลาวไม่ค่อยมีอะไรให้ลองซื้อมากิน ได้เวลาเดินทางต่อ เราอิ่มจนขึ้นรถหลับต่อทันทีที่รถออกเดินทาง บางคนไม่หลับก็ชมวิวสองข้างทางซึ่งเป็นเส้นทางลอยฟ้าที่สวยงามมากที่สุดเส้นหนึ่ง ระหว่างทางจะพบวิวภูเขาหินปูน เนื่องจากระยะทางค่อนข้างไกลและขับรถเร็วไม่ได้เพราะเป็นโค้งเขาตลอด ทำให้เรามาถึงหลวงพระบาง เกือบ 16.00 น. พอเข้าหลวงพระบางอากาศเย็นสบายเหมือนอยู่ห้องแอร์เลย เพื่อไม่ให้เสียเวลา ไกด์รีบพาไปที่น้ำตกตาดกวงชี ห่างจากหลวงพระบางไปประมาณ 30 กม. เราไปถึงน้ำตกประมาณ 16.30น รีบเดินเข้าไปข้างในก่อนเวลาปิด เราเดินเข้าไปเรื่อยๆ จะพบกรงหมีควาย เราเดินต่อไปพบน้ำตกเป็นชั้นๆ พร้อมสัมผัสบรรยากาศของป่าเขา เดินไปเรื่อยๆจนเจอน้ำตกชั้นที่ 3 ที่สวยงามมาก ตกมาจากชะง่อนผาสูง น้ำตกไหลลงมาเป็นสาย มีละอองสายน้ำของน้ำตกมาโดนตัวเรา เย็นชื่นใจมาก สีของน้ำตกเป็นสีฟ้าครามน่าลงเล่นมาก แต่อากาศค่อนข้างเย็น ก็เลยมาไม่มีใครลงเล่นน้ำเลย แต่ที่น้ำตกเขามีห้องบริการเปลี่ยนเสื้อผ้าใกล้ๆจุดลงเล่นน้ำด้วย สะดวกมาก ห้องน้ำสำหรับนักท่องเที่ยวก็มีบริการพร้อม


เที่ยวชมน้ำตกกันเพลิดเพลินจนสมควรแก่เวลาก็เดินทางกลับหลวงพระบาง เพื่อเช็คอินที่โรงแรมสายน้ำคาน ซึ่งติดกับแม่น้ำคาน หัวหน้าทัวร์เวลาให้เก็บของเข้าห้องพัก พอออกจากโรงแรมสัมผัสอากาศเย็นสดชื่นทันที วันนี้เราไปฉลองวันสิ้นปีที่ร้านเทพบุบผา เมนูวันนี้มี อาหารน่ากินหลายอย่าง อร่อยด้วย ร้านตกแต่งบรรยากาศฉลองปีใหม่ อากาศในร้านอุ่นสบาย พอกินอาหารกันเสร็จรถตู้พาพวกเราไปหย่อนกลางเมืองเพื่อให้เดินเล่นที่ ตลาดมืดหรือ Night Bazar ซึ่งจัดเป็นโซนถนนคนเดิน มีสินค้าพื้นเมืองมากมาย แต่ต้องต่อราคากันมากหน่อย เพราะราคาค่อนข้างแพง และเป็นงานหัตถกรรมที่คล้ายคลึงกับงานทางภาคเหนือของไทยแต่ยังคงมีสไตล์ลาวอยู่


หลังเดินเล่นกันสักพัก ประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ร้านค้าเริ่มเก็บร้านกัน เราเดินกลับไปรวมตัวที่โรงแรม แล้วชวนกันไปฉลองปีใหม่ที่ดาวฟ้า บันเทิง หรือ เธคเมืองสั่ว ไกด์ว่าดังสุดในหลวงพระบางแล้ว เราไปเต้นรำกันสนุกสนานจนถึงเที่ยงคืน เพลงแบบเปิดแผ่น และเป็นวงเล่น เพลงมีทั้งเพลงสากล เพลงลาว เพลงไทย หลังเที่ยงคืนออกจากเธคเรียกรถสกายแลปกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นเช้ามากๆ เพื่อไปตักบาตรข้าวเหนียว


วันที่ 1 มกราคม สวัสดีปีใหม่ วันนี้ตื่นกันตีห้า แล้วเดินจากโรงแรมมานิดเดียว นิดเดียวจริงๆ ไกด์วันเตรียมสถานที่จับจองไว้ให้เสร็จบนเสื่อผืนยาวจะมีเก้าอี้นั่งยองๆพลาสติก พร้อมกระติบข้าวเหนียวใบใหญ่วางอยู่สำหรับคณะเรา เราคิดว่าจะใส่บาตรหมดกระติบได้ไงนี่ แต่ไกด์บอกว่าพระเดินมาบิณฑบาตรหลายรูป ให้ปั้นข้าวเหนียวขนาดพอดีอย่าเยอะมาก พวกเราไปนั่งรอพระเดินมาบิณฑบาฑ ซึ่งเป็นประเพณีของชาวหลวงพระบางที่ปฏิบัติสืบต่อไปมานานแล้ว แล้วเขาจะตักเฉพาะข้าวเหนียวจริงๆ ไม่มีกับข้าวอย่างอื่นเลย รอสักพัก พระอาทิตย์เริ่มส่องแสงสว่างไปทั่ว ทำให้อากาศอบอุ่นขึ้น พอแถวของคณะสงฆ์ผ่านมาจุดที่เรานั่งคอย เรารีบคว้ากระติบข้าวเหนียวอุ่นๆ ขึ้นแนบอก แล้วใช้มืออีกข้าง ปั้นข้าวเหนียวขนาดพอดีใส่ลงในบาตรพระ วัฒนธรรมที่นี่ให้ความเคารพพระมาก ดังนั้นเราห้ามยืนสูงเสมอพระ ต้องคุกเข่าใส่บาตร หลังจากตักบาตรเสร็จ อิ่มบุญกันถ้วนหน้า เราก็ชักชวนไปเดินเล่นชม ตลาดเช้า





ระหว่างทางผ่านบ้านเรือนชาวหลวงพระบาง สวยงามมีเอกลักษณ์มากด้วยความที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลก ทำให้การก่อสร้างต้องขออนุญาตจากทางการก่อน ทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อยากให้เมืองไทยมีเมืองที่มีการอนุรักษ์วัฒนธรรม และตึกรามบ้านช่องอย่างนี้บ้างจัง เราเดินไปเรื่อยๆจนเจอตลาดเช้าซึ่งมีสินค้าพวกของกินหลายอย่าง บางอย่างเหมือนเมืองไทย แต่จะเห็นเขาเอาพวกของป่ามาขายด้วย อย่าง หมูป่า กบ นก แล้วเราก็ไปเดินไปเรื่อยๆจนมาถึงร้านกาแฟ ประชานิยม นิยมจริงๆ คนมารอกินเยอะมาก เราลองกินกาแฟแกล้มเฝอลาว รสชาดจืดๆ นั่งกินสักพักแดดเริ่มร้อนเราชวนกันนั่งรถสามล้อกลับโรงแรม แล้วไปกินอาหารเช้าโรงแรมต่ออีก พอกินอาหารเช้าเสร็จขึ้นรถตู้เดินทางไปวัดเชียงทอง สร้างโดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เมื่อ 400 กว่าปีมาแล้ว เดิมวัดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วสมัยที่หลวงพระบางยังเป็นเมืองหลวง จากนั้นมีการอัญเชิญพระแก้วไปไว้ที่วัดพระแก้วลาว วัดนี้ยังมีภาพปูนปั้นด้านหน้าอุโบสถที่สวยงามมาก



จากนั้นนั่งรถต่อไปอีกหน่อยมาถึง พระราชวังเก่าเจ้ามหาชีวิต (พิพิธภัณฑ์) อดีตเป็นพระราชวังหลวงซึ่งเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตลาว สร้างปี ค.ศ. 1904 โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบ ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ เราได้ไปนมัสการพระบาง พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ทำด้วยทองคำ 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบางและของชาวลาว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองหลวงพระบาง แล้วเราไปเที่ยวต่อที่ วัดวิชุนราช ที่สร้างในสมัยพระเจ้าวิชุนราช วัดนี้มีพระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่รูปทรงคล้ายแตงโม ชาวลาวเรียกว่าพระธาตุหมากโม ว่ากันว่าไว้ซ่อนวัตถุของมีค่า วัดวิชุนราชมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเดิมเป็นที่ประดิษฐานพระบางมาก่อน เที่ยวชมวัดจนทั่ว จากนั้นไปกินอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร Pak Houay Mixay(ภาษาลาวอ่านไม่ออก) ไส้กรอกลาวอร่อยดี สั่งมากิน 2 จานเลย ร้านนี้ยังมีของหวานแนะนำให้ลองกินคือ ขนมเผือกใส่ดอกนกยูง อร่อยดี ดอกนกยูงกรุบๆดี ขอกินเพิ่มอีกถ้วยไม่ได้ด้วย เพราะดอกนกยูงมีจำนวนจำกัด อยากกินต้องสั่งล่วงหน้า




ตอนบ่ายพวกเราไปนั่งล่องเรือชมเกาะแก่ง และทิวทัศน์สองฝั่งลำน้ำโขงเพื่อไปถ้ำติ่ง ข้อมูลบอกว่าถ้ำนี้เป็นศาสนสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของหลวงพระบาง ในอดีตเจ้ามหาชีวิตทุกพระองค์จะต้องเสด็จมาทำพิธีฮดสรง (สรงน้ำพระ) และฟังธรรมที่ถ้ำติ่งนี้ในวันสังขาร หรือวันสงกรานต์ เป็นประจำทุกปี ถือเป็นโบราณราชประเพณีของลาว เรานั่งเรือชมวิวทิวทัศน์เพลิดเพลินชวน ลมพัดเย็นสบายน่านอนมาก พอไปถึงท่าจอดเรือถ้ำติ่ง วันนี้มีเรือนักท่องเที่ยวมาเยอะมาก พอเราเดินขึ้นถ้ำ ก็เจอฝูงชนทันทีมายืนกันเต็มถ้ำไปหมด แต่เรายังได้เห็นหินงอก หินย้อยตามผนังถ้ำและในถ้ำมีพระพุทธรูปมากมายหลายองค์ เก่าแก่มาก เราสามารถเดินขึ้นเขาไปชมความงามในถ้ำต่อได้ แต่ระยะทางค่อนข้างสูง ทำให้ทุกคนบอกว่าชมความงามจากด้านล่างก็พอ ใช้เวลาที่ถ้ำติ่งพักหนึ่งก็เดินกลับไปขึ้นเรือเพื่อเดินทางกลับ พอถึงท่าเรือขึ้นฝั่งมาจะมีร้านขายผ้าทอมือ ผ้าคลุมไหล่ กระเป๋า ผ้าคลุมเตียง เลือกซื้อของกันได้หลายอย่าง ราคาไม่แพงมาก เพราะชาวบ้านที่นี่ทอกันเองและเป็นงานฝีมือด้วย


พอเที่ยวที่นี่เสร็จเราก็เดินทางไปสักการะพระธาตุพูสี ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 150 เมตร พระธาตุแห่งนี้อยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง ไกด์บอกว่าใครก็ตามที่มาเยือนหลวงพระบางจะต้องขึ้นไปบูชาพระธาตุ ถ้าไม่ไปบูชาก็เหมือนมาไม่ถึงหลวงพระบาง แต่เราต้องเดินขึ้นบันไดกว่า 200 ขั้น ตอนแรกก็กลัวว่าจะเดินขึ้นไม่ไหว แต่สองข้างทางขึ้นพระธาตุเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น พอขึ้นไปถึงพระธาตุก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อมองวิวจากยอดพูสีเห็นเมืองหลวงพระบาง เห็นแม่น้ำโขง ล้อมรอบด้วยทิวเขาเป็นภาพที่งดงามมากจริงๆ ยิ่งตอนพระอาทิตย์ยอแสงยิ่งสวยมาก



พอเดินลงจากพระธาตุภูสี ก็ลงมาเจอตลาดมืด โอ๋ชวนเราไปกินกาแฟร้านโจมา กับเค็กแครอท อร่อยดีนั่งคุยเล่นสักพัก ได้เวลาอาหารเย็นอีกแล้ว เรานั่งรถกลับไปโรงแรม แล้วเดินไปร้านอาหารตำหนักลาว วันนี้มีพิธีบายศรีสู่ขวัญให้คณะของเราด้วย และยังมีการแสดงรำ มีดนตรีลาวบรรเลงให้เพลิดเพลิน พอกินอาหารเสร็จได้เวลาได้เวลาช็อปปิ้งต่อ เสร็จตอน 4 ทุ่มกว่า กลับโรงแรมพักผ่อน

วันที่ 2 มกราคม วันนี้เราต้องเดินทางกลับแล้ว เสียดายจังอยากอยู่ต่อ แต่ไม่เป็นไร คราวหน้าเราคงมีโอกาสกลับมาเที่ยวใหม่ วันนี้คงต้องบอกว่า ม่วนชื่นเมืองลาว





Create Date : 25 มกราคม 2552
Last Update : 14 ตุลาคม 2552 11:21:37 น. 8 comments
Counter : 950 Pageviews.  

 
มาดูไว้ก่อน ว่าจะไปตอนสงกรานต์


โดย: Doraemon789 วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:16:45:13 น.  

 
หวัดดีครับ
เค้าคิดค่าทัวร์คนละเท่าไหร่ครับ


โดย: c (chaiwatmsu ) วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:16:47:13 น.  

 
สนใจทัวร์ไปดูที่

www.travelrouteclub.com


โดย: ตุ๊ก (คนในที่ยังไม่อยากออก ) วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:19:05:01 น.  

 
อือ น่าสนใจ อยากไปจัง


โดย: p_tham วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:21:27:14 น.  

 


โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:0:32:16 น.  

 
มาแร้ว ... เราอยากไปลาวบ้าง นุกป่ะ


โดย: สุดสวย IP: 58.10.87.247 วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:9:10:00 น.  

 
หนุกมาก เรามีโปรแกรมจะไปลาวตอนสงกรานต์
สนใจไปป่าว


โดย: คนในที่ยังไม่อยากออก IP: 58.10.87.247 วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:14:16:12 น.  

 
แอบมาอ่านเรื่องและดูรูปด้วยคน อยากไปอีก ตืดถึงหลวงพระบางมาก


โดย: Innocent IP: 96.255.16.241 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:26:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนในที่ยังไม่อยากออก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งดีๆ ในชีวิต ขอบคุณสำหรับการทรงนำของพระองค์
[Add คนในที่ยังไม่อยากออก's blog to your web]