โดยไม่ได้นัดหมาย
4 สาวจากไทยแลนด์
ก็เดินหน้าเข้าร้านทันที
แต่แล้วสายตาก็พลัน
ไปสบตากะลุงคนหนึ่ง
ใช่แล้ว เขาคือยันต์ประจำร้าน
คนที่อยู่ในป้ายโฆษณาของร้านนั่นเอง
ว่าแล้วไม่รอช้า รีบเอาเมนูมาสั่งดีฝ่า
ทั้งซูชิหน้าไข่หอยเม่น โอทาโร่ กุ้ง
ปลาไหล ปลาหมึก สาหร่าย และอื่นๆ
จากนั้นก็ติ๊กในใบนี้ ดูเบอร์จากเมนูแล้วก็สั่งไม่ยั้ง
ซูชิปลาไหลยาวเป็นวาเบย
จัดมาเต็มๆ จนโต๊ะข้างๆ ต้องแอบชำเลืองมอง
ประมาณว่ามันอดอยากกันมาจากไหน
....บอกได้เบยว่า ไทยแลนด์เด้อ
ที่ฮายิ่งกว่าก็คือ สั่งซุปมากินกันคนละถ้วย
ไหนๆ เรามาญี่ปุ่นทั้งที่ต้องกินของ ออริจินัล
แม่ลาเต้บอกแบบนั้น พวกช้านเลยจัดกัน
ทั้งซุปหอยและสาหร่าย
แต่พอเห็นขนาดถ้วยแล้ว
ลมแทบจับ
ทำไมถ้วยซุปมันใหญ่เท่าชามข้าวเลยอะ
ไหนๆ เสียเงินแล้วซดให้เรียบ
อิ่มอร่อยจนพุงกางในราคา 9,676 เยน
อิ่มแล้วมีแรงเดินต่อ
ไปช้อปตามที่ต่างๆ
และแล้วก็เดินมาหยุดที่จุดสุดท้ายของทริปในชิบูย่า นั่งดูคนข้ามถนนเพลินๆ
ที่ชิบูย่า Crossing ในร้านสตาร์บัค ที่เค้าบอกว่าเป็นร้านที่ขายดีที่สุดในโลก
โอว้แม่เจ้าอะไรจะขนาดนั้น แต่กว่าที่จะได้วิวดีๆ แบบนี้ต้องเข้าแถวเพื่อเข้าร้าน
แล้วก็ต้องมีการกระแซะหนุ่มเจ้าของประเทศ ที่นั่งอ่านหนังสือโดยไม่มีท่าทีว่าจะลุกซักที
ทั้งๆ ที่มีสาวงามโสด สลด จากไทยแลนด์มายืนล้อมหน้า ล้อมหลัง ให้พ่อหนุ่มแดนปลาดิบเคลิ้ม
แต่ช้านไม่ขอเล่านะ ว่าได้ทำอะไรลงไปบ้าง...เพื่อรักษาชื่อเสียงของประเทศ 555
ไม่มีงานเลี้ยงใด ไม่มีวันเลิกลา ก็เหมือนกับการเที่ยวในวันนี้ที่ชิบูย่า....ช้านจะกลับไปหาเธออีก
(ถ้าช้านมีตังส์นะ อิอิ)