1-9 DEC 2012
"Egypt" 1 of our dream destination






3 ธ.ค. 2555 (จ)

วันที่สามของการเดินทาง
ต่อจากตอนที่แล้ว

ช่วงเช้าเรานั่งเครื่องจากไคโรไปยังอัสวาน ก่อนจะบินต่อไปยัง อะบูซิมเบล (Abu Simbel)
เพื่อไปชมวิหารอะบูซิมเบลของฟาโรห์รามเสสที่ 2 กับพระนางเนเฟอตารี
ออกจากอะบูซิมเบล เราก็กลับมานั่งเครื่องกลับไปที่ เมืองอัสวาน (Aswan) กันอีกครั้ง





จุดที่เราไปชมเป็นที่แรกของเมืองอัสวาน (Aswan) คือ เขื่อนอัสวาน ซึ่งเป็นเขื่อนยักษ์
สร้างขึ้นขวางลำน้ำไนล์ที่ทอดยาวจากเหนือจรดใต้ เพื่อป้องกันน้ำท่วม
และยังเป็นเขื่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในอียิปต์ได้ทั้งประเทศ
โดยเขื่อนแห่งนี้ได้รับความช่วยเหลือในการก่อสร้างจากรัสเซีย เพราะว่าอียิปต์มีเงินไม่พอจ้ะ

อยู่ที่นี่กันแป๊บเดียว เพราะไม่มีอะไรน่าสนใจมากเท่าไหร่ แล้วก็เดินทางกันต่อ







จากนั้น ทัวร์พาเราไปลงเรือ เพื่อไปยังเกาะอากิลคีย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งใหม่ของ วิหารฟิเล (Philae Temple)
ซึ่งเดิมตั้งอยู่บนเกาะฟิเล ตามชื่อของวิหาร
แต่เนื่องจากผลของการสร้างเขื่อนยักษ์อัสวาน ทำให้สถานที่สำคัญๆ รวมทั้งวิหารต่างๆ ต้องจมน้ำ
ซึ่ง 1 ในนั้นก็คือ วิหารฟิเล ที่จมน้ำไปด้วยเหมือนกัน
ยูเนสโก้จึงเข้ามาช่วยเหลือจนย้ายมาอยู่บนเกาะอากิลคีย์ในปัจจุบัน

บริเวณท่าเรือ





จากท่าเรือ ใช้เวลาในการนั่งเรือข้ามไปที่เกาะประมาณ 15 นาที





คนข้างๆ พ่อตัวดีคือ "พี่นัท" ที่เป็นหัวหน้าทัวร์ไทย





บริเวณท่าเรือที่เรือออกมา





เรือล่องมาจนเกือบถึงเกาะอากิลคีย์ มองเห็นวิหารฟิเลอยู่ตรงหน้า





วิหารฟิเล (Philae Temple) ได้ชื่อว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำไนล์” ถือเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์
สร้างขึ้นในสมัยราชวงษ์ปโตเลมี เพื่อบูชาเทพีไอซิส ชายาของเทพโอซิริสและเป็นมารดาของเทพฮอรัส
โดยเทพีไอซิสได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพีแห่งความรัก เทพแห่งมารดา และเทพแห่งเวทย์มนตร์

ที่นี่ใช้เวลาถึงกว่า 8 ปี ในการเคลื่อนย้ายจากเกาะฟิเลเดิม ให้มาอยู่บนเกาะเกาะอากิลคีย์ในปัจจุบัน





กำแพงสูงใหญ่เบื้องหน้า
รูปสลักบนกำแพง (จากขวาไปซ้าย) คือ เทพโอซิริส (Osiris), เทพฮอรัส (ลูกชาย มีหัวเป็นเหยี่ยว) และเทพีไอซิส (Isis)





ตัวกำแพงช่างสูงใหญ่ซะจริงๆ





เดินเข้าไปด้านใน จะเห็นเสาสูงใหญ่มากมาย





ยืนเทียบกับเสาให้รู้เลยว่าเสาแต่ละต้นสูงใหญ่แค่ไหน





บนกำแพงต่างๆ จะมีลวดลายสลัก
แต่ที่จะสังเกตเห็นได้ชัดก็คือลายที่เกิดจากการตอก หรือรูปกากบาท
ซึ่งอันนี้คือ การทำลายเมื่อครั้งคริสเตียนจากฝรั่งเศส เข้ามาตีอียิปต์ในสมัยนั้น

ซึ่งในการเผยแพร่ศาสนา จึงทำให้เกิดการทำลายความเชื่อเรื่อง สมมติเทพ ของชาวอียิปต์ ว่าไม่มีอยู่จริง
โดยเราจะเห็นลายตอกบนกำแพงได้เกือบทุกวิหารที่เราไป โดยเฉพาะรูปสลักของเทพโอซิริส และไอซิส ซึ่งเป็นมหาเทพและเทพีของชาวอียิปต์

เห็นแล้วทำให้รู้สึกเสียดายลวดลายสลักเก่าแก่มากๆ เลยทีเดียว TT











รูปสลักด้านในวิหาร วิจิตรบรรจง ตื่นตาตื่นใจ







ดูจนทั่วก็เดินกลับออกมาด้านนอก
ส่วนนี้เรียกว่า Great Court หรือ Open Court ซึ่งเป็นลานกว้าง ไม่มีหลังคา อยู่ด้านหน้าวิหาร
ซึ่งผังแบบนี้จะเป็นเหมือนกันในทุกๆ วิหาร







จากวิหารฟิเล เราขึ้นเรือนั่งกินลมชมวิวกลับมาที่ท่าเรือ
ก่อนจะนั่งรถต่อไปยังท่าเรืออีกที่ เพื่อไปล่อง เรือใบเฟลุกก้า ซึ่งเป็นเรือใบเสาเดี่ยว ไม่มีเครื่องยนต์ ใช้กำลังคนล้วนๆ ในการขับเคลื่อน
และใช้เวลาในการล่องราวครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง จากท่าเรือไปยังโรงแรมที่อยู่คนละฝั่งของแม่น้ำไนล์

บริเวณท่าเรือ







ลักษณะของเรือใบเสาเดี่ยว
สารภาพว่าก่อนมา อ่านหนังสือมาหลายครั้ง ยังนึกภาพว่าเรือใบเสาเดี่ยวเฟลุกก้าจะมีขนาดเล็กกว่านี้ซะอีก
แต่จริงๆ เรือลำนึงจุคนได้เกือบ 30 คนเลยทีเดียว







บรรยากาศของแม่น้ำไนล์ ในเมืองอัสวานยามโพล้เพล้
แสงสวย ลมพัดเย็นๆ บรรยากาศดีมากๆ







ระหว่างล่องเรือ คนบนเรือก็จะนำเราปรบมือร้องเพลง สนุกสนานกันไปซักพักใหญ่ๆ
ก่อนจะเปิดการขายของที่ระลึก

ไกด์บอกว่า ถ้ายังขายของไม่ได้ ก็จะพาล่องแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ไปส่งที่โรงแรม
เลยมีพี่คนนึงช่วยซื้อของไป เลยได้กลับขึ้นฝั่งซะที
เพราะพระอาทิตย์ตกดิน มืดๆ แล้วก็มองไม่เห็นอะไรในแม่น้ำแล้วหล่ะ





เรือล่องพาเรามาส่งที่ท่าเรือของโรงแรม Movenpick Aswan
ซึ่งเป็นโรงแรมที่ว่ากันว่าสวยและวิวดีที่สุดของเมืองอัสวาน





เย็นนี้เราทานอาหารเย็นแบบ Buffet กันที่โรงแรม แล้วก็เข้านอนจ้ะ
good night & sweet dream @ aswan, egypt

Create Date : 29 กรกฎาคม 2558
Last Update : 29 กรกฎาคม 2558 11:09:12 น.		0 comments
Counter : 1325 Pageviews.
Share Tweet