ถ้าจะพูดแบบกว้างๆ มานุษยวิทยา หรือ Anthropology ในภาษาอังกฤษ เป็นวิชาที่ ศึกษาเกี่ยวกับทุกแง่มุมของมนุษย์ ไล่ตั้งแต่ อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่หน่วยที่เล็กที่สุดอย่าง DNA ไปจนถึงหน่วยที่ใหญ่ที่สุดอย่าง วัฒนธรรม
โดยทั่วไป ถ้าพูดถึง นักมานุษยวิทยา หรือ Anthropologist แล้วล่ะก็ ต่างคนก็มักจะมีรูปแบบในจินตนาการที่ต่างกันออกไป บางคนอาจคิดถึงนักผจญภัยหาสมบัติอย่าง อินเดียน่า โจนส์ หรือบางคนอาจจะคิดถึงภาพของนักสำรวจที่เดินทางขุดค้นกระดูกมนุษย์โบราณไปกับกรมศิลป์ หรือแม้กระทั่งนักค้นคว้าที่เข้าไปอยู่ในชนเผ่าต่างๆเพื่อเรียนรู้และจดบันทึกวัฒนธรรมแปลกๆใหม่ๆ
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ก็ต้องถูกต้องทุกข้อที่กล่าวมา
มานุษยวิทยาเป็นสาขาวิธีที่ศึกษาค่อนข้างกว้าง จึงแตกต่างจากวิชาเฉพาะทางต่างๆ เช่น สังคมวิทยา เศรษฐศาสตร์ หรือ รัฐศาสตร์ การจะศึกษามานุษยวิทยานั้นจึงจำเป็นจะต้องดึงเอาวิธีการและศาสตร์่ต่างๆจากหลายๆแขนงมาประยุกต์ใช้ร่วมกัน หรือที่เรียกกันว่า วิธีการศึกษาแบบองค์รวม (Holistic Studies) เช่น นักมานุษยวิทยาจะรู้จักตั้งคำถามว่า ศาสนาและเศรษฐศาสตร์ มีความสัมพันธ์กันในแง่ใดบ้างเป็นต้น
อีกจุดหนึ่งที่ทำให้มานุษยวิทยาโดดเด่นกว่าศาสตร์ชนิดอื่นก็คือ มานุษยวิทยามีทั้งความเป็น ภววิสัย (Objective) ซึ่งหมายถึงความคิดด้วยเหตุผลบริสุทธิ์อย่างวิทยาศาสตร์ คือต้องมีการทดลองกำหนดตัวแปรเพื่อพิสูจน์สมมติฐานต่างๆ อย่างไรก็ดีมานุษยวิทยาก็มีความเป็น อัตวิสัย (Subjective) หรือความคิดที่ผูกพันกับอารมณ์ความรู้สึกต่างๆอย่างศิลปศาสตร์ ดังจะสังเกตได้จากงานบันทึกทางชาติพันธุ์ (Ethnography) ต่างๆ ที่จะมีทั้งลีลาความงดงามทางวรรณกรรมและองค์ความรู้ทางการศึกษา
มานุษยวิทยาสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 สาขาใหญ่ๆดังนี้
1. มานุษยวิทยาวัฒนธรรม (Cultural Anthropology) ศึกษาการเปลี่ยนแปลงและแง่มุมต่างๆของวัฒนธรรมมนุษย์ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงการออกสำรวจค้นคว้าหาวัฒนธรรมใหม่ๆตามสถานที่ต่างๆด้วย ในประเทศอังกฤษ สาขานี้จะเรียกว่า มานุษยวิทยาสังคม (Social Anthropology) แทน
2. มานุษยวิทยากายภาพ (Biological Anthropology หรือ Physical Anthropology) ศึกษาว่า ในทางชีววิทยาแล้ว เราเป็นมนุษย์ได้อย่างไร และอะไรบ้างที่ประกอบสร้างเราให้เป็นมนุษย์? ดังนั้น นักมานุษยวิทยากายภาพจะศึกษาตั้งแต่เรื่องของ DNA และยีน ไปจนถึงหลักฐานและวิวัฒนาการของมนุษย์ ซึ่งจำเป็นจะต้องทำงานร่วมกับนักโบราณคดีในการขุดค้นหาหลักฐานโครงกระดูกต่างๆ ในระยะหลังมานี้ มานุษยวิทยากายภาพได้แตกออกมามีสาขาย่อย คือ มานุษยวิทยานิติเวช (Forensic Anthropology) ที่ศึกษาเชี่ยวชาญแต่เรื่องโครงกระดูก เพื่อใช้ในงานสืบสวนทางนิติเวชโดยเฉพาะ
3. โบราณคดี (Archaeology) ศึกษาเรื่องวิธีการขุดค้นและวิเคราะห์วัฒนธรรมโบราณ ซึ่งรวมถึงเครื่องมือเครื่องใช้โบราณต่างๆ โดยปกติแล้ว นักโบราณคดีมักจะทำงานคู่กับนักมานุษยวิทยาวัฒนธรรม
4. ภาษาศาสตร์ (Linguistics) ศึกษาเกี่ยวกับทุกแง่มุมของภาษา ตั้งแต่ระบบหน่วยเสียง ว่ามีการวางตำแหน่งอวัยวะที่ใช้ในการออกเสียงอย่างไร ไปจนถึงเรื่องของตระกูลภาษาทั้งเก่าใหม่ การเปลี่ยนแปลงของภาษา ความสัมพันธ์ระหว่างจิตใจกับการใช้ภาษา การรับรู้ภาษาของมนุษย์ เป็นต้น
หนูนึกถึงงานที่ป๊ะป๋าทำให้
อิอิ