กราบพระ เวียนเทียน เมืองสมุทรสงคราม
หลังจากกราบพระที่เมืองราชบุรีกันแล้วเจ๊กรกนก กับลูกสาวก็เอาใจลูกค้าที่ไปพักโฮมสเตย์บ้านสวน ด้วยการขับรถจากราชบุรีพามาส่งที่อัมพวา สมุทรสงคราม เส้นทางนี้สองข้างทางจะเป็นสวนผลไม้ มีคลอง ทางโค้งเยอะจริงๆ บรรยากาศน่าเอาจักรยานมาปั่นเล่น ...แล้วก็แวะกราบพระ เข้าวัดระหว่างทางจากเมืองราชบุรี มาอำเภออัมพวา สมุทรสงคราม
จังหวัดสมุทรสงคราม ในสมัยโบราณ มีวัดรวมทั้งสิ้น ประมาณ 200 วัด จากข้อมูลของทางราชการ คือ กรมศาสนา และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสงคราม ปรากฏหลักฐานในทะเบียนศาสนสถานปัจจุบัน มีจำนวน 110 วัด (ข้อมูลเดือน มิถุนายน พ.ศ. 2546) นอกจากนี้ยังมีวัดร้างหลังเสียกรุงครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 อีกจำนวน 15 วัด ที่ยังปรากฏมีศาสนสมบัติหลงเหลือยู่ และวัดที่สูญหายไป แปรสภาพเป็นเรือกสวน ไร่นา ที่ดินของเอกชน สถานที่ราชการ และสถานที่ตั้งของศาสนาอื่น (วัดสร้อยฟ้า) อีกจำนวนมาห บางวัดก๊มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ แต่ยังมิได้ขึ้นทะเบียนเป็นศาสนาสถาน
ค่ายบางกุ้ง เป็นค่ายทหารเรือไทยที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายที่ค่ายบางกุ้ง เรียกว่า "ค่ายบางกุง้" โดยสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งให้อยู่กลางค่าย เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นที่เคารพบูชาของทหาร ภายหลังเสียกรุงครั้งที่ 2 ค่ายบางกุ้งก็ร้างไปจนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรี เป็นราชธานีจึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ชาวจีนจากระยอง ชลบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรีรวบรวมผู้คนมาตั้งกองทหารรักษาค่าย จึงมีชื่อเรียกอีกหนึ่งว่า "ค่ายจีนบางกุ้ง" ในปี พ.ศ. 2311 พระเจ้ากรุงอังวะทรงยกทัพผ่านกาญจนบุรีมาล้อมค่ายจีนบางกุ้ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระมหามนตรี (บุญมา) เป็นแม่ทัพยกไปช่วยเหลือทหารจีนขับไล่กองทัพพม่าทำให้ข้าศึกแตกพ่าย หลังจากนั้นค่ายบางกุ้งแห่งนี้ก็ถูกปล่อยให้รกร้างเกือบ 200 ปี จนมาถึง พ.ศ.2510 กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ตั้งเป็นค่ายลูกเสือขึ้น (ปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว) และได้สร้างศาลพระเจ้าตากสินไว้เป็นอนุสรณ์
โฉมหน้าทหารไทย ที่ต่อสู้กับทหารพม่า...อิอิ
วัดบางกุ้ง เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน อยู่คนละฝั่งกับค่ายบางกุ้งโดยมีถนนผ่านกลาง สิ่งที่น่าสนใจในวัดนี้ได้แก่ คัมภีร์โบราณ ส่วนมากจะเป็นตำรายาโบราณ และบริเวณหน้าวัดด้านที่ติดกับแม่น้ำแม่กลอง จะมีปลาน้ำจืดต่างๆ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จนได้ชื่อว่า "วังมัจฉา"
โบสถ์ปรกโพธิ์ เป็นอุโบสถหลังเดิมที่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จะถูกปกคลุมด้วยรากไม้ใหญ่ทั้งโพ ไทร ไกร และกร่าง มองจากภายนอกคิดว่าเป็นกลุ่มต้นไม้ใหญ่ มากกว่ามีโบสถ์อยู่ข้างใน รากไม้เหล่านี้ช่วยให้โบสถ์คงรูปอยู่ได้ ทั้งยังให้ความขรึมขลังอีกด้วย ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐาน ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโบสถ์น้อย (หลวงพ่อนิลมณี) และเรียกโบสถ์ว่า "โบสถ์ปรกโพธิ์" และมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง สมัยปลายกรุศรีอยุธยาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ
เวียนเทียนในตอนกลางวันที่โบสถ์ปรกโพธิ์แล้ว จากนั้นก็นั่งรถไปกันต่อ ระหว่างสองข้างทางก็มีวัดเก่า วัดใหม่ หลายวัดเลย แต่เราไม่แวะ คณะเรามาสะดุดตรงวัดนี้...เห็นป้ายบอกว่าลอดโบสถ์เลยสังสัยใคร่อยากรู้ ลงไปดูและกราบพระกันดีกว่า...
จำชื่อวัดนี้ไม่ได้ ....แต่โบสถ์วัดนี้ต้องลอดเข้าไปดูภายใน โดยมีทางเดินลงด้านข้างทั้งสองด้านของตัวโบสถ์ แล้วก็เข้าไปกราบพระด้านใน
นั่งรถต่อไป หันทางซ้าย ...โน่น สะพ๊าน ....พี่สาวคนขับบอกว่าแวะมั๊ย ไม่ขัดใจแวะจ้าแวะ..อิอิ (ลืมอ่านป้ายชื่อวัด แต่ด้วยความสามารถส่วนตัว เลยได้ชื่อวัดมาล่ะ...ซุงกิกี่ )
วัดปากน้ำ ต.แควอ้อม อ.อัมพวา รู้สึกจะมีงานแข่งเรือยนต์เสียงดังกระหึ่มเลย...แต่เราสนใจแต่ สะพ๊านแข๊วน
พระพุทธไสยยาสถ์วัดปากน้ำ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป (ข้อมูลหาได้ยากมากเลย..พยายามแล้วนะ)
วัดบางแคน้อย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง คุณหญิงจุ้ย (น้อย) วงศาโรจน์ เป็นผู้สร้างเมือ พ.ศ.2441 เดิมอุโบสถของวัดสร้างบนแพไม้ไผ่ผูกไว้กับต้นโพธิ์ ต่อมาพระอธิการรอด เจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ได้สร้างอุโบสถบนพื้นดิน ในปี พ.ศ.2418 ต่อมาอุโบสถหลังเดิมได้ชำรุดทรุดโทรม พระอธิการเขียว เจ้าอาวาสองค์ที่ 6 ได้สร้างอุโบสถขึ้นใหม่ ใรปี พ.ศ.2492 จนกระทั่งปี พ.ศ.2540 อุโบสถหลังเดิมเกิดชำรุดอีก เนื่องจากขาดแคลนวัสดุและคุณภาพเพราะตอนสร้างอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พระครูสมุทรนันทคุณ (แพร) จึงได้ดำเนินการสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น อุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่นี้ ภายในจะเป็นไม้สักแกะสลักทั้งหมด
แวะหม่ำข้าวกลางวันกันที่ วัดภุมรินทร์กุฎีทอง ริมแม่น้ำแม่กลอง อากาศเย็นสบาย อาหารเต็มโต๊ะ แต่..เมมโมรี่การ์ดเต็มซะแล้ว เลยไม่มีภาพวัดและอาหารมาฝาก...ไว้โอกาสหน้านะ
อิ่มแล้วก็มีบางคน ต้องขอตัวกลับไปทำงานที่กทม. ต่อ ...ซึ่งจริงๆ ต้องไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา หรือวัดกันต่ออีกหลายวัดเลย ....แต่ ทู้กคนก็พร้อมใจกันบอกว่ากลับด้วยกันนั่นแหละ เลยให้เจ๊กรกนก และพี่สาวขับรถไปส่งเราที่คิวรถตู้ เพื่อนั่งกลับกทม. ....ถึงกทม. ก็บ่ายสามกว่าๆ แยกย้ายกันกลับบ้าน บางคนต้องไปรับกำ... ไว้ทริปหน้าไปบ้า..ด้วยกันอีกนะจ๊ะ
ขอบคุณ ครอบครัวป้าบัว ณ โพธาราม ให้ที่นอน ที่กิน, พี่พัชรี ขับรถพาเที่ยวเมืองเพชร ขอบคุณ เจ๊กรกนก ลุงจวบ พี่สาว ซุงกิกี่ ลุงป้า น้า อา ณ โฮมสเตย์ในสวนเมืองราดรี ให้ที่นอน ที่กิน และขับรถพาเที่ยว ที่สำคัญคำสอนเด็ดๆ จากเจ๊กรกนก
ขอบคุณ น้องๆ ร่วมทริปทู้กคน ที่ทนป้าตา ได้ตลอดทริป รึป่าวหว่า....และเสียสละเวลาการเที่ยวเพื่อกลับกทม.พร้อมกัน
ขอบคุณ ผู้ติดตามทริปบำบัดจิต ของป้าตา ทู้กคนที่เข้ามาติ มาชม
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากเวบจังหวัดสมุทรสงคราม , maeklongtoday.com
ขอบคุณ BG สวยๆ จาก ป้ามด
Create Date : 03 มีนาคม 2552 |
Last Update : 4 มีนาคม 2552 18:35:22 น. |
|
30 comments
|
Counter : 4469 Pageviews. |
|
|
|
พระนอน พักตร์เหมือนสตรีเลย พี่ตาครับ เหนื่อยใจจังเลย อยากอยู่สงบๆ ทำไมต้องมีอะไรวุ่นวายด้วยนะ