เมื่อว่าที่สามีบ่นว่า ภาษาไทยยากมากนะครับ
เมื่อคืนคุณคู่หมั้นบอกว่า "เธอชั้นจะกลับไปเรียนต่อภาษาไทยอีก" หลังจากที่หยุดเรียนมาแล้วเกือบสองปี เหตุผลมีอยู่ว่า จะได้คุยกะคนไทยได้รู้เรื่องและเข้าใจคนไทยมากขึ้น เพราะอยากจะตั้งรกรากที่เมืองไทย ในที่สุดค้าก็หาที่เรียนได้และเริ่มเรียนวันศุกร์นี้ โดยบริษัทออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งนึง ก็ดีนะจะได้ไม่เปลืองมาก เราก็กะว่าจะเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นเหมือนกัน หลังจากที่เลิกเรียนมานานมาก เกือบ 4 ปี อยากจะเรียนเพื่อลูก เพราะในอนาคตถ้ามีลูกจะได้คุยภาษาญี่ปุ่นกับลูกได้ แต่คุณว่าที่สามีบอกว่า เธอไม่จำเป็นต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นนะ เพราะว่าเราคุยภาษาอังกฤษกันก็พอ (เพราะปกติเราพูดแต่ภาษาอังกฤษกันตลอด บางคนอาจจะสงสัยว่าถ้าคนญี่ปุ่นพูดภาษาอังกฤษแล้วฟังอยาก ไม่ต้องห่วงค่า คุณคู่หมั้นเค้าเด็กนอก ไปเรียนภาษาทีอเมริกาแล้วไปเรียนต่อ ป ตรี ที่ ออสเตรเลีย เพราะฉะนั้นหายห่วงเลย แฮะ แฮะ ขอเม้าท์ด้วยความภูมิใจ) ไม่ ไม่เอาหรอกถ้าเกิดวันนึงคุณกะลูกนินทาชั้นเป็นภาษาญี่ปุ่น ชั้นก็ไม่รู้เรื่องอะดิ ไม่เอาอ่ะ ไม่ยุติธรรม ก็เลยคิดว่าเริ่มหาที่เรียนดีกว่า ถ้าใครมีที่เรียนที่น่าสนใจก็แนะนำให้บ้างนะคะ เอาแบบ private course ไม่แพงด้วยนะจริงๆแล้วคุณคู่หมั้นเค้าก็เรียนภาษาไทยด้วยตัวเองอยู่ตลอดอะนะ หลังจากเลิกเรยนจากโรงเรียนเมือสองปีก่อน เค้าจะมีสมุดพกเล่มเล็กๆจดคำศัพทืที่คิดว่าจำเป็นลงไบในนั้นเยอะแยะ แล้ววันเสาร์อาทิตย์ก็ไปนั่งตามร้านกาแฟเพื่ออ่านหนังสือกัน อาทิตยืที่แล้วก็มีเรื่องขำขันเพราะว่าความอินโนเซนต์ของเค้า เพราะเข้าใจผิด คำว่า ข่าวสาร (information) กับ ข้าวสาร Grain Rice) เพราะเค้าแยกไม่ออกว่าออกเสียงต่างกันยังไง ก้เลยพาลเข้าใจผิดว่าถนนข้าวสาร คือ ถนน information ในที่สุดก็เลยต้องออกเสียงให้ฟังว่าโทนสียงต่างกัน ก็เลยบ่นอีกว่า (จริงๆเค้าบ่นทุออาทิตย์แหละ) ภาษาไทยยากมากนะครับ แล้วถอนหายใจ เฮ้อ ชั้นว่าใช้ชั้นสอนดีว่านะที่รัก ภาษาไทยนะ ไม่เปลืองตังค์ไปเรียนที่โรงเรียนด้วย
--------------------------------------------------
//sites.google.com/site/acupofidea/