โอตาคุติดblog
 
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
18 กันยายน 2549

สึซึมิยะ ฮารูฮิ เล่ม 3 ตอน Bamboo leaf Rhapsody (1)

ใครที่ไม่เคยรู้จัก สึซึมิยะ ฮารูฮิ มาก่อน เรื่องนี้คือ นิยายสุดฮิตจากประเทศญี่ปุ่นที่ถูกทำเป็นTV อนิเมชั่นมาแล้ว แถมยังฮือฮาในบอร์ดเฉลิมไทยของเราอีกด้วย

สำหรับตอนที่เอามาให้อ่านเป็นตอนที่ยังไม่ได้ทำเป็น TV อนิเมชั่น ครับ เอาใครที่เป็นแฟน หรืออยากรู้จักเชิญอ่านได้เลยครับ


Bamboo leaf Rhapsody (ส่วนที่ 1)
เดือนพฤษภาคมมันก็ร้อนพอตัวอยู่แล้ว แต่เดือนกรกฎาคมเนี่ยมันแทบทนไม่ได้แล้ว ความชื้นก็แย่สุดๆจนทำให้ดัชนีไม่มีความสุขของผมพุ่งสูงจนเกือบทะลุเพดาน ซึ่งโรงเรียนที่สร้างตึกแบบถูกๆน่ะ ไม่มีทางจะติดเครื่องอำนวยความสะดวกชั้นสูงอย่างแอร์ให้ร้อก การทนนั่งเรียนในห้อง ม.4/5ตอนนี้ เหมือนนั่งรอรถเมล์ไปนรกยังไงยังงั้น คนออกแบบห้องมันคงไม่รู้หรอกมั้งว่าตึกที่อยู่สบายเป็นยังไง?

และที่แย่กว่านั้นสัปดาห์นี้เป็นแรกของการสอบปลายภาค ความสุขของผมตอนนี้เลยเหมือนออกไปเที่ยวบราซิลอยู่ ไม่ยอมกลับบ้านซะที…

ผลสอบกลางเทอมของผมที่เข้าขั้นหายนะไปแล้ว คงไม่มีหวังจะเกิดปาฎิหาริย์ในการสอบปลายภาคได้หรอก นี่คือผลของการที่ใช้เวลาไปกับ หน่วยSOS มากจนไม่มีเวลาให้กับการเรียน ซึ่งจริงๆผมก็ไม่อยากทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ แต่..ตั้งแต่เดือนเมษายนมา พอฮารูฮิจะเริ่มทำอะไรซักอย่าง ผมก็ต้องทำตามเธอไปอย่างมึนๆ ซึ่งมันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผมไปเรียบร้อยแล้ว ผมเองเริ่มที่จะเกลียดตัวเองที่ชินกับเรื่องนี้ซะแล้วล่ะ

ในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนวันหนึ่ง ตอนเวลาที่แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องเข้ามาในห้องเรียน เด็กผู้หญิงที่นั่งหลังผมใช้ดินสอกดจิ้มหลังผมแล้วถามว่า

"นายรู้มั้ย วันนี้เป็นวันอะไร ? "
สึซึมิยะ ฮารูฮิ ถามผมด้วยตาเป็นประกายเหมือนเด็กน้อยในคืนวันคริสมาสต์อีฟ ทุกครั้งที่ยัยนี่มาพร้อมกับท่าทางแบบที่ว่า มันจะเป็นสัญญาณเตือนว่า ยัยนี่จะทำอะไรซักอย่างอีกแล้ว ผมแกล้งทำเป็นคิดซัก 3 วินาที และถามกลับไปว่า

"วันเกิดเธอรึไง?"
"เปล่า"
"งั้นก็วันเกิดคุณอาซาฮินะ"
"ม่ายถูก"
"หรือเป็นวันเกิดของนางาโต้ หรือ โคอิสึมิ"
"ฉันจะไปรู้วันเกิดของพวกนั้นได้ไง?"
"ส่วนวันเกิดของฉันน่ะ.."
"เรื่องนั้นไม่เกี่ยวซะหน่อย ตกลงนายไม่รู้จริงๆเหรอ ว่าวันนี้สำคัญยังไง?"

มันจะสำคัญยังไงก็ช่างเหอะ วันนี้ก็ยังเป็นอีกวันที่ร้อนสุดๆอยู่ดีแหล่ะ

"ว่าไง? วันนี้เป็นวันอะไร?"
"7 ก.ค. ไม่อยากจะคิดหรอกนะ แต่เธอคงไม่ได้หมายถึง"วันทานาบาตะ" หรอกนะ
"แน่นอนสิยะ วันทานาบาตะไงล่ะ ถ้าไม่รู้จักวันนี้จะเรียกตัวเองว่าเป็นคนญี่ปุ่นได้ยังไง?"

จริงๆแล้ววันนี้ ญี่ปุ่นรับมาจากจีนนะ และถ้านับตามแบบจีน วันทานาบาตะต้องเป็นช่วงเดือนหน้าด้วยซ้ำ

ฮารูฮิถือดินสอกด และส่ายไปมาตรงหน้าของผม

"ชาวเอเชียอพยพมาจากทะเลแดงมาจนถึงที่นี่"

เอ่อ..วิชาประวัติศาสตร์ประเทศไหนเนี่ย?

"ตอนเตะบอลโลกรอบคัดเลือก เขาก็รวมประเทศพวกนี้เข้าด้วยกันไม่ใช่เหรอ (รวมเป็นโซนเอเชีย) ก็เหมือนเดือนกรกฎาคมกับสิงหาคมนั่นแหละ เป็นเดือนของฤดูร้อนไง"
จริงเร้อ ?

"ช่างเถอะ ยังไงเราก็จะทำกิจกรรมช่วงทานาบาตะด้วย ฉันอยากให้พวกเราจริงจังกับวันทานาบาตะนะ"
ฉันคิดว่ามันมีอย่างอื่นที่น่าจะจริงจังกว่านี้นะ แต่เธอต้องบอกฉันจริงๆเหรอ ไม่เห็นอยากจะรู้แผนในใจของเธอเล้ย

"ก็ทำด้วยกันมันสนุกกว่าไม่ใช่เหรอ? ขอประกาศตรงนี้เลยนะ ว่าเราจะจัดงานใหญ่บิ๊กสำหรับวันทานาบาตะทุกๆปี เริ่มตั้งแต่ปีนี้เลย"

"อย่าตัดสินใจเอาเองเซ่"

ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่พอเห็นยัยฮารูฮิท่าทางตื่นเต้นสุดๆแบบนี้ รู้เลยว่าจะขัดยัยนี่ไปก็เปล่าประโยชน์

"รอฉันที่ห้องชมรมนะ อย่าแอบกลับบ้านไปก่อนล่ะ" เธอพูดจนได้

ไม่ต้องรอให้ยัยนั่นบอกหรอก ยังไงผมก็จะไปที่ห้องชมรมอยู่แล้ว เพราะที่นั่นมีคนที่"ขอให้ได้เห็นซักนิดก็ยังดีอยู่" แค่เธอคนนั้นเท่านั้นแหละ

สมาชิกคนอื่นๆไปรอกันที่ห้องชมรม ที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของตึกชมรมสายศิลป์แล้ว แต่แทนที่จะเรียกเป็น"ห้องชมรมของหน่วยSOS" หน่วยSOSน่ะ ยืมห้องนี้จากชมรมวรรณกรรม หรือจะพูดอีกที น่าจะเรียกว่า"เป็นฐานบัญชาการที่หน่วยSOSไปยึดเขามา" มากกว่า

"อ๊ะ สวัสดีค่ะ"

คนที่ยิ้มแย้มทักทายผมอย่างสดใสคือ คุณอาซาฮินะ เธอเหมือนเป็นที่พักใจของผม ถ้าไม่มีเธออยู่ในหน่วยSOSล่ะก็ มันก็เหมือนกินข้าวแกงกะหรี่ ที่ไม่ได้ใส่ผงแกงกะหรี่นั่นแหล่ะ

ตั้งแต่เข้าเดือนกรกฎาคมมา คุณอาซาฮินะเปลี่ยนชุดเป็น ชุดเหมดฤดูร้อนที่ฮารูฮิซื้อมาให้ จนถึงวันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่ายัยนั่นไปหาซื้อชุดพวกนี้มาจากไหน พอๆกับการที่ไม่เข้าใจว่า ทำไมคุณอาซาฮินะที่มักจะขอบคุณอย่างไม่เต็มใจ (เวลาได้ชุดพวกนี้) ประมาณ"อ่า..ขะ ขอบคุณมากนะคะ" กลับเต็มใจเป็นสาวเสิร์ฟในชุดเหมด ที่คอยชงชาข้าวสาลีให้ผมนั่งจิบอยู่ทุกวั้นทุกวัน แบบเนี้ยน่ะ

"วันนี้เป็นไงบ้างล่ะครับ?"

โคอิสึมิทักทายผม เขานั่งอยู่หน้ากระดานหมากรุกฝรั่ง ที่วางอยู่บนโต๊ะ โดยถือตำราหมากรุกในมือ และเดินหมากไปมาอยู่

"ตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่ ก็ไม่มีวันไหนเป็นวันธรรมดาสำหรับฉันแล้วล่ะ"

โคอิสึมิบอกว่าเขาเบื่อโอเตลโล่แล้ว ก็เลยเอากระดานหมากรุกมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อน แต่พอดีที่ชมรมไม่มีใครรู้วิธีเล่นหมากรุกฝรั่ง หมอนี่เลยต้องเล่นคนเดียว แต่ดูหมอนี่รีแลกซ์มาก ทั้งๆที่การสอบกำลังมาถึงแล้วแท้ๆ

"แหม..ผมเองก็ไม่ได้รีแลกซ์อะไรหรอกนะครับ ผมแค่พยายามบริหารสมองในเวลาที่ไม่ต้องเรียนเท่านั้นแหล่ะ พอแก้ปัญหาแต่ละข้อ แต่ละข้อได้ การไหลเวียนของเลือดก็จะดีขึ้น เล่นกันซักเกมมั้ยล่ะครับ"

ไม่เอาด้วยหรอก ตอนนี้ไม่อยากบริหารสมองที่ล้าอยู่แล้วซักนิด ถ้าตอนนี้ให้ผมคิดเรื่องแปลกๆอีกล่ะก็ คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่กว่าจะจำได้ คงจะหายไปจากสมองซะก่อนล่ะนะ

"แย่จังเลยนะ สงสัยคราวหน้า ผมคงต้องเอาโมโนโปลี่เกม (เกมทอยเต๋าเดินซื้อบ้าน) หรือเกมเรือดำน้ำ (คล้ายเกมบิงโก ที่ใช้การเดาที่อยู่ของเรือดำน้ำฝ่ายตรงข้ามด้วยการบอกตำแหน่งที่ยิงตอร์ปิโดใส่) มาแล้วล่ะ เออใช่ น่าจะเป็นเกมที่พวกคุณเล่นได้ทุกคนนะ มีเกมที่อยากเล่นหรือเปล่าล่ะครับ"

จะอะไรก็ช่างเถอะ แต่จริงๆไม่ต้องเล่นดีกว่านะ เพราะนี่ไม่ใช่ชมรมวิจัยบอร์ดเกม ที่นี่หน่วยSOSต่างหาก แต่ว่านะ ผมยังสงสัยในกิจกรรมที่หน่วยSOSจะทำน่ะนะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ชมรมประหลาดๆนี่น่าจะทำกิจกรรมแบบไหนกันแน่ แต่จริงๆผมก็ไม่อยากรู้หรอกนะ เพราะการไม่รู้อะไรเลยจะเปิดโอกาสรอดให้กับตัวเองมากกว่า ดังนั้นผมจึงไม่คิดจะทำอะไรทั้งนั้น นั่นเป็นวิธีเอาตัวรอดแบบสมบูรณ์แบบของผม

โคอิสึมิยักไหล่และกลับไปศึกษาตำราหมากรุกของเขา แล้วก็หยิบตัวไนท์สีดำเดินไปฝั่งตรงข้ามของกระดาน

ส่วนคนที่นั่งใกล้ๆ โคอิสึมิ ก็คือนางาโต้ ยูกิ ผู้แสดงอารมณ์น้อยกว่าหุ่นยนต์คนเดิม เธอกำลังยุ่งกับการอ่านหนังสือของเธออยู่ เอเลี่ยนผู้เย็นชาและเงียบงันคนนี้เบนความสนใจจากการแปลนิยายที่อ่านอยู่กลับไปหาภาษาต้นฉบับ มาเป็นการอ่านหนังสือปกแข็งที่เขียนด้วยภาษาที่อ่านไม่ออกแทน อย่างเล่มที่ถืออยู่ก็เป็นหนังสือเวทมนตร์เล่มหนา แถมเก๋ากึ้ก ผมเดาว่ามันคงเขียนด้วยภาษาเอลโทเรียโบราณ ไม่ก็ภาษาแปลกๆภาษาอื่นมั้ง? แต่ยังไงก็เชื่อว่าเธอคงไม่มีปัญหาในการอ่านพวกตัวหนังสือสลักบนแผ่นหินหรอก

ผมดึงเก้าอี้พับออกมาและนั่งลงไป คุณอาซาฮินะก็รีบเอาชามาเสิร์ฟ ใครเขาจะดื่มชาร้อนในวันร้อนๆแบบนี้กันเนี่ย ?.... แต่ผมก็ไม่คิดจะต่อว่าอะไรที่จะทำให้ความสุขดั่งสวรรค์แบบนี้ล่มหรอก แล้วผมก็จิบชาข้าวสาลีด้วยความอิ่มเอมใจ อา…มัน.. ก็ชาร้อน นี่แหละ…

ของที่ตั้งอยู่ที่มุมห้องก็พัดลมที่ฮารูฮิไปแฮ้ปมาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ไอ้ลมที่พัดออกมาเนี่ย มันก็เหมือนราดน้ำร้อนลงบนหินร้อนๆก็ไม่ปาน อุตส่าห์ไปแฮ้ปมาทั้งที ทำไมไม่ไปเอาแอร์คูลเลอร์แบบตั้งมาจากห้องพักครูมาเล่า ?

ผมละสายตาจากตำราเรียนภาษาอังกฤษ ที่หน้ากระดาษพัดไปเรื่อยๆตามสายลม และพิงหลังบนเก้าอี้พับ พร้อมกับเหยียดตัวแก้เมื่อย

ผมรู้ตัวเองดีว่าพอกลับไป ก็ไม่มีทางทบทวนบทเรียนเองอยู่แล้ว ก็เลยลองดูว่าถ้านั่งท่องหนังสือในห้องชมรมมันจะดีกว่ามั้ย ? แต่ก็มารู้เอาทีหลังว่าตราบใดที่ไม่สนใจในอะไรซักอย่างล่ะก็ ยังไงมันก็ไม่มีทางสำเร็จไม่ว่า จะอยู่ที่ไหนก็ตาม มันไม่ดีกับทั้งร่างกายและจิตใจที่จะฝืนตัวเองทำสิ่งที่ไม่อยากทำ หรือจะพูดอีกทีถ้าไม่ฝืนมันจะดีต่อตัวเองมากกว่า ดังนั้นผมก็เลยไม่ทบทวนซะงั้น ผมหมุนปากกาลูกลื่นไปมาและก็ปิดหนังสือลง และเปลี่ยนมานั่งมองที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ที่ยึดเหนี่ยวที่สามารถเยียวยาหัวใจของผมคนนี้กำลังใส่ชุดเหมดและนั่งตรงข้ามกับผม เธอกำลังนั่งทบทวนโจทย์เลขของเธออยู่อย่างเคร่งเครียด และก็ขีดๆเขียนลงบนสมุด ทำหน้าตาเฉยเมยตอนที่คิดโจทย์เลข แล้วจู่ๆก็เขียนลงบนสมุดอย่างบ้าคลั่งเหมือนค้นพบอะไรสักอย่างสำคัญมากขึ้นมา คนที่ทำซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ได้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณอาซาฮินะนั่นเอง

ผมแค่ได้มองเธอก็รู้สึกผ่อนคลายมากๆ แล้วจู่ๆผมก็รู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใจ เหมือนประมาณ สงสารจนสามารถโยนเงินทั้งกระเป๋า เงินจากเบี้ยเลี้ยงของผม ลงกล่องบริจาคข้างถนนทั้งหมดยังได้เล้ย คุณอาซาฮินะไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ผมกำลังจ้องเธออยู่ เธอกำลังตั้งสมาธิอยู่ที่โจทย์เลขของเธอ ทุกอากัปกิริยาของเธอทำให้ผมยิ้มออก แต่จริงๆแล้วผมนั่งยิ้มอยู่นานแล้ว แบบว่าเหมือนดูลูกแมวน้ำงั้นเลยแหล่ะ

และเราก็สบตากัน
"มีอะไรคะ ฉะ..ฉันทำอะไรแปลกเหรอคะ?"

แล้วคุณอาซาฮินะ ก็ลนลานเก็บข้าวของ จัดเครื่องแต่งกายเป็นการใหญ่ แค่นี้ก็ทำให้ใจผมละลายมากขึ้นไปอีก และพอผมจะร้องเพลงแห่งสรวงสวรรค์..

"ยะโฮ"

ประตูถูกเปิดอย่างรุนแรง และ เด็กสาวป่าเถื่อนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาอย่างเร่งร้อน

"โทษที มาช้าไปหน่อย"

ไม่ต้องขอโทษหรอก ไม่มีใครรอเธอซะหน่อย

ฮารูฮิมาพร้อมกับหอบไม้ไผ่พาดไหล่มา มันเป็นต้นไผ่สดๆ ต้นยาวที่ยังมีใบไผ่เขียวๆติดอยู่ เธอจะหอบไม้ไผ่นี่มาทำไมที่ห้องนี้เนี่ย? เอามาทำกระปุกหมูน้อยหรือไง?

ฮารูฮิกอดอกและตอบข้อสงสัย
"อ้าว ก็เอามาห้อยกระดาษอธิษฐานสิยะ ถามได้"

ทำไม? ทำไปทำไม?

"ก็ไม่มีอะไรหรอก พอดีฉันไม่ได้แขวนใบอธิษฐานกับต้นไผ่มานานแล้ว ก็เลยเอามาให้พวกเราร่วมกันทำไง อุตส่าห์เป็นวันทานาบาตะทั้งที"

ก็ไม่มีความหมายอะไรพิเศษตามเคย

"ไปเอาต้นไผ่มาจากไหน?"
"ป่าไผ่หลังโรงเรียนไง"

ถ้าจำไม่ผิด นั่นมันที่ส่วนบุคคลเฟ้ย ยัยโจรขโมยต้นไผ่

" แล้วไงล่ะ? ต้นไผ่มันแทงขึ้นมาจากใต้ดินนะ ถึงจะถูกตัดครึ่งบนไปทั้งหมดก็ไม่ผิดซะหน่อย ถ้าจะเอาผิดให้ได้ต้องให้ฉันถอนรากถอนโคนมันทั้งต้นสิยะ ฉันโดนยุง 2-3 ตัวกัดด้วย คันชะมัดเลย มิคุรุจังช่วยทายาแก้คันบนหลังฉันทีสิ"

"ค่ะ เดี๋ยวนะคะ"

คุณอาซาฮินะเดินก้าวเล็กๆไปหยิบชุดปฐมพยาบาล เธอดูเหมือนพยาบาลฝึกหัดตัวน้อย เธอหยิบยาทาแก้คัน เทลงในมือตัวเองและสอดมือในเข้าไปในเสื้อฮารูฮิเพื่อทาหลังเธอ ส่วนฮารูฮิโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า

" ไปทางขวาหน่อย…. เยอะไปแล้ว อ๊ะ ตรงนั้นแหล่ะ"

ตอนนี้ฮารูฮิดูยังกับลูกแมวน้อยที่กำลังโดนเกาคางและหลับตาพริ้มรีแลกซ์เต็มที่ จากนั้นยัยนั่นเอาต้นไผ่ไปวางข้างหน้าต่าง และยืนเงียบอยู่ตรงโต๊ะผ.บ.หน่วย จากนั้นก็ดึงกระดาษอธิษฐาน 3-4 ใบออกมาจากไหนไม่รู้และหันมายิ้มอย่างสุขสุดๆ

"งั้น เรามาเขียนคำอธิษฐานลงในนี้เลยดีกว่า"

นางาโต้เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย, โคอิสึมิยิ้มได้น่าคลื่นไส้ตามเคย และ คุณอาซาฮินะตาเบิกโต ตอนนี้เธอคิดอะไรอยู่ในใจนะ? ฮารูฮิกระโดดจากโต๊ะของเธอ กระโปรงพลิ้วตามลมพร้อมกับพูดว่า

" แต่มันมีเงื่อนไขนะ"
"เงื่อนไขอะไร?"
"เคียวน์ นายรู้มั้ยว่าใครเป็นคนทำให้พรสมหวังในวันทานาบาตะ?"
"ไม่ใช่โอริฮิเมะ กับ ฮิโคโบชิรึไง?"
"ถูกต้อง เอาไป 10 คะแนน งั้นนายรู้มั้ยว่า ดาวดวงไหนคือ โอริฮิเมะ กับ ฮิโคโบชิ?"
"ไม่รู้"
"อัลฟ่า ไลเล่ (Alpha Lyrea) กับ อัลฟ่า อควีเล่ (Alpha Aquilae) ใช่มั้ยครับ?"
โคอิสึมิตอบอย่างทันควัน
"ถูกต้อง 85 คะแนน! ดาว 2 ดวงนั้นแหล่ะ! หรือพูดอีกอย่างนั่นคือ นายต้องตั้งต้นไผ่ที่มีกระดาษอธิษฐานชี้ไปทางทิศทางของดาว 2 ดวงนั้น เข้าใจมั้ย?"

พูดอะไรของเธอเนี่ย? แล้วถ้าคำตอบถูกต้อง อีก 15 คะแนนมันหายไปไหนล่ะเฟ้ย?

เฮ้ย เฮ้ย ฮารูฮิจู่ๆก็ส่งบรรยากาศเจ้าเล่ห์ออกมาเฉยเลย

"ขออธิบายเลยนะ ตามทฤษฎีสัมพันธภาพ เราไม่มีทางเดินทางได้เร็วกว่าความเร็วแสง"

จู่ๆงัดอะไรมาพูดอีกล่ะเนี่ย? ฮารูฮิกำลังอ่านด้วยเสียงอันดัง ตามแผ่นโน้ตที่เธอดึงออกจากกระเป๋าของ
กระโปรง
"แล้วรู้มั้ยว่า ระยะทางระหว่างโลกกับอัลฟ่า ไลเล่ และ อัลฟ่า อควีเล่นั้นอยู่ที่ 25 กับ 16 ปีแสงเลยเชียวนะ นั่นหมายถึงต้องใช้เวลา 25 ปี กับ 16 ปี กว่าที่ข้อความจากโลกจะไปถึงดาวทั้งสอง นี่เป็นเรื่องจริงนะ ฟังแล้วเข้าใจใช่มั้ย?"

แล้วไง? พูดขึ้นทำไม? แล้วเธอไปค้นคว้าอย่างจริงจังเพื่อเรื่องนี้ด้วยเนี่ยนะ?

"นั่นก็คือมันเท่ากับเวลาที่คำอธิษฐานของเราจะเดินทางถึงมือพระเจ้า..ถูกมั้ย? เราต้องรอนานขนาดนั้นเพื่อให้คำอธิษฐานของเราเป็นจริงเลยเชียวนะ ดังนั้นพวกเธอก็ควรจะเขียนคำอธิษฐานที่จะส่งผลในอีก 25 กับ 16 ปีลงไปซะ ไอ้การเขียนจำพวก"ฉันขอให้ได้กอดกับแฟนภายในคริสมาสต์นี้" ไม่มีทางเวิร์ค เพราะคำอธิษฐานจะไม่ถูกให้พรทันเวลาแน่นอน"

ฮารูฮิกวาดมือไปมาและอธิบายต่อไปเรื่อยๆ

"เดี๋ยวสิ ถ้ามันใช้เวลายี่สิบกว่าปีเพื่อให้คำอธิษฐานไปถึงที่นั่น แล้วกว่าที่คำให้พรจะกลับมาหาเรามันไม่ใช้เวลาเท่ากันเหรอไง? งั้นเราต้องรอกว่า 50 ปี และ 32 ปี กว่าจะให้คำอธิษฐานของเราเป็นจริงด้วยสิ"

"แหม พวกนั้นเขาเป็นพระเจ้านะยะ พวกเขาต้องหาทางช่วยเราอยู่แล้วล่ะ แบบพวกลดราคาล้างสต๊อก 50% ที่มีทุกๆปีไงล่ะ"

เออ.เออ.. พอจะหาเหตุสนับสนุนตัวเองเนี่ย ถึงกับแย้งทฤษฎีที่ตัวเองอ้างขึ้นมา แล้วโยนทิ้งออกนอกหน้าต่างเฉยเลยนะ

"ตอนนี้ ทุกคนเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดแล้วใช่มั้ย? ฉันมีกระดาษอธิษฐาน 2 แบบ อันหนึ่งของ อัลฟ่า ไลเล่ อีกอันของ อัลฟ่า อควีเล่ ต่อไปก็แค่เขียนคำอธิษฐานสำหรับอีก 25 ปี และ อีก 16 ปีลงไปนะ"

นี่มันเพี้ยนจริงๆ ไอ้การขอให้คำอธิษฐาน 2 ข้อ เป็นจริงในเวลาเดียวกันนี่มันน่าอายนะ อีกอย่าง เราไม่มีทางรู้เลยว่า อีก 25 ปี กับ 16 ปี เรากำลังทำอะไรอยู่ ใครจะรู้ว่า"อีก 20 กว่าปีเราอยากขออะไร"กันตอนนี้ล่ะ? ดังนั้นการขอที่เหมาะสมคงจะเป็นพวกขอให้เงินบำนาญหรือเงินที่ลงทุนไปไม่มีปัญหา ประมาณนี้ล่ะมั้ง? ผมว่า

และถ้าโอริฮิเมะ กับ ฮิโคโบชิได้ยินพวกคำอธิษฐานล่ะก็ ผมคิดว่าพวกเขาคงปวดหัวกันไม่น้อย พวกเขามีโอกาสพบกันเพียงแค่ปีละครั้ง แล้วยังถูกขอให้ทำคำอธิษฐานเป็นจริงอีก ถ้าผมเป็นพวกเขาต้องพูดว่า"ทำไมไม่ไปขอให้พวกนักการเมืองทำให้แทนเล่า?" แน่นอน

แต่ยังไง ยัยนี่ก็มาพร้อมกับความคิดไร้สาระเป็นประจำอยู่แล้ว ผมอดคิดไม่ได้ว่า ในสมองของเธอมีไวท์โฮลตั้งอยู่แทนหรือเปล่านะ เพราะสามัญสำนึกของเธอเหมือนจะมาจากคนละจักรวาลกับของคนธรรมดาเขายังไงชอบกล
"แหม คงไม่ถูกต้องไปซะหมดหรอกครับ"

โคอิสึมิพูดเหมือนค้านความเห็นของฮารูฮิ แต่เขาพูดเบามากจนมีแค่ผมเท่านั้นที่ได้ยิน

"มันก็จริงอยู่ที่พฤติกรรมและสุนทรพจน์ของคุณสึซึมิยะน่ะไม่มีใครเหมือน แต่ถ้าเราลองตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบันก็ชัดเจนแล้วล่ะว่า เธอรู้ว่าอะไรคือสามัญสำนึก"

โคอิสึมิเผยรอยยิ้มอย่างเคยให้ผม และพูดต่อ

"ถ้ารูปแบบความคิดของเธอมันไม่ปกติจริงๆ โลกใบนี้คงไม่ปกติอยู่แบบนี้หรอก และถ้าเป็นอย่างที่คุณว่าจริงๆ โลกนี้คงกลายเป็นโลกที่แปลกไปจากปกติไปในทางใดทางหนึ่งแล้ว

"นายรู้ได้ไง" ผมถาม

"คุณสึซึมิยะอยากให้โลกเปลี่ยนไปเล็กน้อย และตัวเธอเองก็ใช้พลังสร้างโลกใหม่จากจุดนั้น ซึ่งคุณเองก็เห็นมากับตาตัวเองแล้ว"

เออ รู้แล้วน่า ถึงจะยังข้องใจก็เถอะ

"ที่ผ่านมา การที่โลกยังไม่ถูกเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด นั่นเพราะเธอยังยึดติดกับสามัญสำนึกมากกว่าคำขอส่วนตัวของเธอ"

"อาจจะฟังดูเหมือนเด็กๆ แต่ว่า…" โคอิสึมิเงยหน้าและพูดขึ้นว่า
"ลองยกตัวอย่างดูนะ เช่น เธออยากให้ซานตาคลอสมีอยู่จริง แต่จากความรู้ทั่วไป ซานตาคลอสไม่มีอยู่จริง เพราะเอาแค่ประเทศญี่ปุ่นประเทศเดียวมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ใครบางคนที่จะบุกเข้าบ้านที่ล็อกอยู่ในช่วงกลางดึก ทิ้งของขวัญไว้และจากไปโดยไม่มีใครรู้ แล้วซานตาคลอสรู้ได้ไงว่า เด็กทุกคนอยากได้อะไรในช่วงคริสมาสต์ และยิ่งไม่มีทางใหญ่เลยที่จะส่งของขวัญไปให้เด็กทั่วโลกในช่วงเวลาแค่ 1 คืน ในทางกายภาพมันไม่มีทางเป็นไปได้"

แต่สำหรับใครซักคนที่เอาเรื่องนี้มาคิดจริงจัง คงมีปัญหาทางความคิดเหมือนกันแหละ

"แน่นอน นั่นแหละ ทำไมซานตาคลอสจึงไม่มีอยู่จริง"

เหตุผลที่ผมค้านหมอนี่ เพราะหมอนี่ถือหางฮารูฮิอยู่ และนั่นทำให้ผมหงุดหงิดมาก ผมเลยยิงคำถามออกไป

"ถ้าเหตุผลของนายถูกต้อง มันจะหมายความว่า การมีอยู่ของมนุษย์ต่างดาว ,นักเดินทางข้ามเวลา และ มนุษย์พลังจิต ไม่มีทางมีอยู่จริงงั้นสิ แล้วนายมาอยู่ที่นี่ได้ไงล่ะ?"

"เหตุผลที่ผมพอจะนึกออกนะ คุณสึซึมิยะน่ะรู้สึกไม่พอใจกับสามัญสำนึกที่ติดอยู่ในหัวเธอ ซึ่งเจ้าสามัญสำนึกที่ว่าก็ปฏิเสธคำขอของเธอมาตลอด คำขอที่ว่า อยากให้โลกนี้มีสิ่งเหนือธรรมชาติน่ะ"

จะบอกว่าความคิดเถื่อนๆของยัยนั่น เริ่มทำลายสามัญสำนึกของตัวเองแล้วงั้นสิ

"บางทีเธอคงไม่อาจจะเลิกคิดเรื่องแบบที่ว่าได้ นั่นก็เลยทำให้ผม , คุณอาซาฮินะ และคุณนางาโต้ถูกตามตัวมาที่นี่ และเป็นเหตุให้ผมได้รับพลังเหนือธรรมชาติ แต่ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณคิดยังไง?"

ทางที่ดีก็ปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ละกัน อย่างน้อยฉันก็ไม่เหมือนนาย ฉันมั่นใจสุดๆ ว่าฉันเป็นคนธรรมดา 100%

แต่ผมไม่มีทางรู้ได้เลยว่า นี่เป็นพรจากสวรรค์หรือคำสาปจากนรกกันแน่?

"นี่พวกนาย อย่าแบคุยกันสิ ฉันกำลังพูดเรื่องซีเรียสอยู่นะ"

ความไม่พอใจที่พวกเราแอบคุยกันเอง แสดงออกทางดวงตาที่กลายเป็นทรงสามเหลี่ยมและน้ำเสียงของฮารูฮิที่ตะโกนมาหาพวกเรา และเราก็ได้รับกระดาษอธิษฐาน และดินสอจากฮารูฮิและกลับมานั่งที่ของตัวเอง

ฮารูฮิฮัมเพลงและเริ่มเขียน นางาโต้นั่งนิ่งพลางมองกระดาษอธิษฐาน คุณอาซาฮินะดูเหมือนกำลังกลุ้มใจในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ยากกว่าการแก้โจทย์เลข โคอิสึมิพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆว่า"อืม..คราวนี้ลำบากแฮะ" พลางก้มหัวลง เอ่อ..พวกนาย 3 คนต้องเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ขนาดนั้นเลยเหรอ? แค่เขียนอะไรลงไปก็ได้ ไม่ง่ายกว่าเหรอ?

…อย่าบอกนะ ว่าไอ้คำอธิษฐานที่เขียนอยู่เนี่ยจะกลายเป็นจริงได้น่ะ?

ผมหมุนดินสออยู่บนนิ้ว แล้วก็เหลือบมองต้นไผ่ที่ฮารูฮิ"ขโมยมา" วางอยู่พาดออกไปทางช่องหน้าต่างที่เปิดอยู่ ใบไผ่มันดูรุงรังเหลือเกิน แต่ลมที่พัดผ่านใบไผ่ทำให้เกิดเสียงที่รู้สึกเย็นๆและผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน
"ทุกคนเขียนเสร็จยัง?"

เสียงของฮารูฮิดึงวิญญาณผมกลับสู่ความเป็นจริง ที่หน้าโต๊ะของเธอมีกระดาษ 2 ใบ ที่เขียนไว้ว่า

"ขอให้โลกพัฒนาไปโดยมีฉันเป็นศูนย์กลาง"
"ฉันขอให้โลกพลิกกลับด้าน"

สิ่งที่เขียนเหมือนเรื่องที่เด็กๆอยากเขียน ถ้าเป็นเรื่องล้อกันเล่นก็คงไม่เป็นไร แต่ยัยฮารูฮิตอนแขวนกระดาษอธิษฐานเข้ากับกิ่งไผ่ดูเอาจริงเอาจังเหลือเกิน..

คุณอาซาฮินะเขียนคำอธิษฐานด้วยลายมือน่ารักๆว่า
"ขอให้เย็บปักร้อยเก่งขึ้น"
"ขอให้ทำอาหารเก่งขึ้น"

คำอธิษฐานของคุณอาซาฮินะน่ารักมาก เธอประสานมือและอธิษฐานกับกระดาษอธิษฐาน ก่อนที่จะแขวนกระดาษกับกิ่งไผ่ ผมคิดว่าเธอคงเข้าใจผิดอะไรซักอย่างมั้ง?

ไม่มีอะไรน่าสนใจกระดาษอธิษฐานของนางาโต้ เพราะเธอเล่นเขียนด้วยตัวพิมพ์ดีดตามเคย แถมความหมายคลุมเครืออย่าง"การปรองดอง" และ"การปฏิรูป" อีก

ของโคอิสึมิก็ไม่ได้ต่างอะไรกับนางาโต้ พี่แกเขียนคำความหมายกว้างๆ ด้วยลายมือธรรมดาๆว่า
"โลกมีสันติ"
"ครอบครัวมีภราดรภาพ"

แล้วของผมล่ะ? ของผมก็เขียนง่ายๆเหมือนกัน เพราะมันเป็นของอีก 25 และ 16 ปีข้างหน้า ตอนนั้นผมคงกลายเป็นตาลุงไปแล้วแหล่ะ ผมเลยเดาว่าตัวเองในตอนนั้นคงอยากจะขอว่า
"ผมอยากได้เงิน"
"ผมอยากได้บ้านเดี่ยวที่มีสวนให้ผมอาบน้ำให้หมาได้"

"เป็นคำอธิษฐานที่น่าเบื่อจริงๆ"
ฮารูฮิโพล่งความคิดในหัว หลังจากประหลาดใจที่เห็นกระดาษอธิษฐานของผม ก็ช่างหัวเธอเถอะ เพราะถ้าดูกันจริงๆ คำอธิษฐานของผมดูจะสมบูรณ์พูนสุขกว่า การขอให้โลกพลิกกลับเยอะ

"ช่างเหอะ! พวกเราขอให้จำให้แม่นนะว่าตัวเองเขียนอะไรลงไป ช่วงเวลาแรกที่จะมาถึงคืออีก 16 ปี มาแข่งกันว่า อัลฟ่า อควีเล่ จะทำให้คำอธิษฐานของใครเป็นจริงก่อนกัน"

"เออ..แน่ล่ะ"

ผมมองไปที่คุณอาซาฮินะผงกหัว พร้อมกับทำกับทำหน้าจริงจัง และพอผมแลไปที่นางาโต้ ก็เห็นว่าเธอกลับสู่โลกหนังสือของเธอเรียบร้อยแล้ว

ฮารูฮิผูกต้นไผ่ยาวออกไปนอกหน้าต่าง และยึดมันอย่างแน่นหนา จากนั้นก็ลากเก้าอี้ไปนั่งข้างหน้าต่าง พร้อมวางข้อศอกไว้ที่กรอบหน้าต่าง และมองออกไปที่ท้องฟ้า หน้าด้านข้างของเธอห่อเหี่ยวชอบกล เหมือนไม่รู้จะทำอะไรต่อดี ยัยนี่เป็นคนที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆเร็วอยู่แล้วด้วย ขนาดเมื่อกี้ยังโวยวายเสียงดังอย่างมีความสุขอยู่เลยแท้ๆ

ผมกลับไปเปิดหนังสือเรียนและทบทวนบทเรียนเตรียมสอบอีกครั้ง แล้วก็พยายามนั่งจำคำคุณศัพท์ (adjective) ชนิดต่างๆต่อไป
" 16 ปี นานจริงๆ"
ผมได้ยินฮารูฮิพึมพำกับถอนหายใจอยู่ทางด้านหลังของผม

(ติดตามอ่านตอนต่อไปครับ)


Create Date : 18 กันยายน 2549
Last Update : 18 กันยายน 2549 21:17:30 น. 15 comments
Counter : 1635 Pageviews.  

 
ขอบใจที่เอามาให้อ่าน


โดย: haruhi IP: 125.27.19.14 วันที่: 16 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:55:42 น.  

 




อยากอ่านภาพมากมว่าตัวหนังสือนะครับ
อยากอ่านภาพมากมว่าตัวหนังสือนะครับ
อยากอ่านภาพมากมว่าตัวหนังสือนะครับ
อยากอ่านภาพมากมว่าตัวหนังสือนะครับ
อยากอ่านภาพมากมว่าตัวหนังสือนะครับ
อยากอ่านภาพมากมว่าตัวหนังสือนะครับ
อยากอ่านภาพมากมว่าตัวหนังสือนะครับ
++++++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++++++++++++



โดย: โจรใต้ IP: 222.123.237.176 วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:18:38:43 น.  

 
(จาก) วัฒนา ปัญญาดี อายุ17 นักเรียนปวช. ผมไม่สนใจมนุษย์ธรรมะดาทั้วไป ถ้าในกระทุ้งนี้มีมนุยษ์ต่างดาว คนจากอนาคต คนจากมิติอื่น หรือมนุยษ์ที่มีพลังจิตล่ะก็ จงแอดมาเมล์ผม wattanaaop@hotmail.com หรือ //aoppao8.hi5.com อย่าลืมซะล่ะ...


โดย: 008 IP: 118.174.0.119 วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:11:26:57 น.  

 
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: fha IP: 192.168.212.216, 203.172.151.138 วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:14:57:36 น.  

 
สนุกมากครับๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: SOS IP: 58.147.41.124 วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:10:20:46 น.  

 
น่าเบื่อจริงๆๆๆ โลกนี้มันช่างหน้าเบื่อเหลือเกิน


โดย: สึซึมิยะ ฮารุฮิ IP: 114.128.190.32 วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:16:39:14 น.  

 
55555


โดย: ชอบนางาดตะ IP: 158.108.197.25 วันที่: 25 มีนาคม 2553 เวลา:12:05:45 น.  

 
ผมชอบสึซึมิยะ ฮารุฮิเเละนางาตะ ยูคิ กับอาซาฮินะ มิคุรุผมชอบมาก


โดย: ิคิง IP: 101.109.145.241 วันที่: 30 สิงหาคม 2554 เวลา:19:41:04 น.  

 
ตอนนี้ผมก็ฟังเพลงสึซึมิยะอยู่เเละผมก็ดูการ์ตูนสึซึมิยะอยู่


โดย: คิง IP: 101.109.145.241 วันที่: 30 สิงหาคม 2554 เวลา:19:45:51 น.  

 
ผมยากอยู่ SOSกับคูณสึซึมิยะ ฮารุฮิ เพราะผมเป็นคนไม้ใช้คนทำมะดา


โดย: คิง IP: 101.109.145.241 วันที่: 30 สิงหาคม 2554 เวลา:19:51:52 น.  

 
จาก วิศรุต คุ้มเหลือ อายุ18 ผมไม้สนใจมนุษยษ์ทำมะดาทั้วไปถ้าในดลกนี้
มีมนุษยษ์ต่างดาวคนจากอนาคตคนจากมิติอื่นหรือมนุษยษ์มีพลังจิตมาหาผม
ทีร้านลิมผาได้เลย


โดย: คิง IP: 101.109.145.241 วันที่: 30 สิงหาคม 2554 เวลา:20:12:17 น.  

 
SOS


โดย: คิง IP: 113.53.53.139 วันที่: 1 กันยายน 2554 เวลา:18:52:21 น.  

 
ตอบกลับด้วย


โดย: คิง IP: 113.53.53.139 วันที่: 1 กันยายน 2554 เวลา:18:53:20 น.  

 
น่า่เบึอจริงๆๆๆๆๆ


โดย: คิง IP: 125.27.47.226 วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:18:58:37 น.  

 
ไม่""""


โดย: คิง IP: 125.27.47.226 วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:18:59:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Overtime
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add Overtime's blog to your web]