|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เกษตรนเรศวร ครั้งที่ 7 (ไปเรียนปลูกผักไร้ดินกับนายกะร่อน)
เมื่อปีก่อนคณะเกษตรศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับเลือกให้จัดงานเกษตรแห่งชาติในส่วนภูมิภาคเป็นครั้งแรก จากประสบการณ์ครั้งนั้น ดูเหมือนจะทำให้การจัดงานเกษตรครั้งยิ่งใหญ่ของภาคเหนือตอนล่างในครั้งนี้ดูมีอะไรๆน่าสนใจมากขึ้นกว่าปีก่อนๆ ลักษณะการจัดกิจกรรมก็ดูว่าจะปรับเปลี่ยนมากขึ้น ปีก่อนๆกิจกรรมพวกการสัมมนาอบรม จะฟิกรายชื่อไว้แล้วจากที่หน่วยงานของกระทรวงเกษตรจัดหาให้ ทำให้คนภายนอกหมดสิทธิสมัครไปเลย แต่ปีนี้เปิดหว้างมากขึ้น ใครอยากไปก็ไป ฟรีครับ
เรื่องอาหารสมองเสริฟฟรีๆ เป็นอะไรที่ผมและเพื่อนโปรดปรานมากครับ ก็แหม มีคนมาสอนให้ดีกว่านั่งศึกษาจากตำราเป็นไหนๆ งานนี้จะพลาดได้อย่างไรกัน
เอาว่างานนี้แอบตามเพื่อนผมไปกันนะครับ
แนะนำตัวเพื่อนผมซะหน่อยนะครับ เพื่อนผมชื่อร่อนหรือนายกะร่อนครับ คงไม่มีใครรู้จักนะครับ แฮะๆ แต่องค์ความรู้เรื่องการปลูกผักและเกษตรอินทรีย์ของเพื่อนผมคนนี้ก็วนเวียนอยู่ในบล๊อกนี้มาเนิ่นนานแล้วครับ ตั้งแต่กระทู้ในห้องต้นไม้เรื่องการนำวอเตอร์เครสจากตู้แช่มาปลูกที่ผมเคยโพสไว้จนวอเตอร์เครสกลายเป็นผักยอดฮิตติดลมบนไปเลย หรือเรื่องของผักบุ้งมันก็เป็นเรื่องราวจากเพื่อนคนนี้ของผมนี่เอง กะร่อนปลูกผักได้เก่งและงามน่ากินมากครับ แถมปราศจากสารเคมี เป็นธรรมชาติวิถีล้วนๆ แม้ปุ๋ยเคมีก็ไม่ใช้ครับ ว่างๆถ้ามีโอกาส จะนำเพื่อนๆบล๊อกไปชมแปลงผักเล็กๆของนายกะร่อนกันครับ แต่วันนี้แอบตามเพื่อนไปหาวิชาความรู้กันก่อน
มากันแต่เช้าครับ ถึงแล้วก็ต้องลงทะเบียนกันซะก่อน ที่ห้อง AG2103 ที่ต้องบอกห้องเพราะว่ายังมีการอบรมอีกมากมายหลายหลักสูตรครับ ถ้าเพื่อนๆที่อยู่แถวนี้ สนใจก็ไปได้ครับ ก็พูดไปทั้งที่รู้นะครับว่าคนไทยไม่ค่อยนิยมบริโภคความรู้เท่าไร อันนี้เรื่องจริงครับ คนไทยส่วนมากบอกว่าสาระไม่สนุกแล้วก็ทานไม่อร่อย แต่ติดตามผมกับร่อนต่อนะครับ จะบอกว่าสาระวันนี้ทานได้ทานอร่อยนะครับ
ที่นายกะร่อนต้องปิดหน้าปิดตาไม่ใช่กลัวหวัด 2009 ตามสมัยนิยมนะครับ แต่กลัวเด็กๆเห็นว่าอาจารย์โดดสอนมาเรียนปลูกผักอยู่แถวนี้ครับ
ก่อนจะลงมือปฏิบัติลงสนามกันก็มาเรียนทฤษฏีกันก่อนนะครับ
การปลูกกพืชไม่ใช้ดิน Soilless culture หมายถึง การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินมาเป็นพื้นที่ปลูก การปลูกพืชไม่ใช้ดินนั้นเป็นความหมายที่กว้าง โดยรู้จักกันมาก คือ การปลูกพืชในสารละลาย ที่ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Hydroponics
โดยมีรากศัพท์จากภาษากรีก 2 คำ คือ Hydro (water) แปลว่าน้ำ Ponous (working) แปลว่าทำงาน ผสมรวมกันว่า Hydroponics ซึ่งหมายถึงการทำงานเกี่ยวกับน้ำ อาจฟังดูแปลกๆนะครับ ก็แหมนักวิชาการเกษตรนะครับ ไม่ใช่นักภาษาศาสตร์
นอกจากนี้การปลูกพืชไม่ใช้ดินอาจปลูกให้รากลอยอยู่ในอากาศ (Aeroponics) หรืออาจปลูกในวัสดุอื่นๆที่มีอยู่ในท้องถิ่น เช่น แกลบ ทราย เปลือกไม้ เป็นต้น แม้แต่วัสดุที่เหลือใช้ เช่น โฟม หรือกระดาษที่ไม่มีสารพิษตกค้างที่จะส่งผลร้ายต่อผู้บริโภคต่อไปก็นำมาปลูกพืชได้
ข้อดีของการปลูกพืชไร้ดินก็คือ 1. ผลผลิตสะอาด สด คุณภาพดี 2. สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดโดยเฉพาะในสภาพที่มีสิ่งแวดล้อมไม่เหมาะสม 3. ประหยัดพื้นที่ปลูกโดยสามารถกำหนดระยะเวลาปลูกได่ตามเหมาะสม 4. ไม่มีปัญหาในการกำจัดวัชพืช 5. ไม่ต้องมีการเตรียมพื้นที่ปลูก 6. ประหยัดน้ำและปุ๋ยเพระาสามารถควบคุมปริมาณได้
ผัก Hydroponics หวานกรอบกว่าผักทั่วไปครับ แต่ว่านั่นหมายถึงต้องเกี่ยวเกี่ยวตามเวลาเท่านั้น คือ ผัก Hydroponics ต้องเก็บเกี่ยวผักก่อนผักทั่วไปจะปล่อยให้ต้นใหญ่โตมากเกินไปไม่ได้ โดยปกติคือ 25-30 วัน ขึ้นกับชนิดของผัก หากมากกว่านั้นแทนที่ผักจะหวานกรอบก็จะเหนียบหนึบแทนครับ
แต่ข้อเสียก็มีอยู่บ้างเช่นกันคือ 1. ผู้ปลูกต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีแบะพืชปลูก 2. ต้นทุนการลงทุนคร้งแรกสูงในการสร้างโรงเรือนและอุปกรณ์ที่ใช้ปลูก 3. ด้านการตลาดยังไม่กว้างขวางและกลุ่มผู้บริโภคยังมีจำกัด
เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวเกี่ยวกับสารพิษตกค้างในผัก Hydroponics จนทำให้หลายๆท่านกลัวที่จะรับประทาน ซึ่งนั่นก็มีความเป็นจริงปนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่จะตรวจสอบได้ด้วย 2 ตาครับ
สารพิษตกค้างนั้นคือสารประกอบไนโตรเจนที่ชื่อ ไนเตรด เป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งพบในธรรมชาติ ไม่เพียงแต่ผัก Hydroponics เท่านั้นที่พบ แต่พบได้ทั่วไป ปกติไนโตรเจนเป็นธาตุอาหารหลักที่พืชดูดซมเข้าไปอยู่แล้ว แต่ไนเตรดจะถูกทำลายโดยแสงแดด แต่หากว่าพืชได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ ก็จะเกิดการสะสมไนต้นพืช ผักที่ปลูกโดยการพลางแสงจะมีการสะสมไนเตรดด้วยกันทั้งสิ้น
แต่ Hydroponics ตกเป็นจำเลยเพราะว่า Hydroponics มักปลูกในโรงเรือน และมักมีการพลางแสงเพื่อให้่ผักพยายามขยายขนาดของใบให้มีพื้นที่รับแสงให้มากพอกับแสงแดดที่มีอยู่จำกัด ผักก็จะงามใบ แต่จะมีสารพืษเข้ามาแทนที่ ฉะนั้นการเลือกซื้อผัก ไม่ว่าจะ Hydroponics หรือไม่ก็ตาม ควรเลือกผักที่มีขนาดใบปกติ ลำต้นอวบอ้วน อย่าเลือกผักที่ใบใหญ่น่าทาน เพราะนั่นแปรว่าปลูกโดยการพรางแสง
แต่ในปัจจุบันหากปลูกโดยวิธี Hydroponics เกษตรกรจะงดให้ปุ๋ย 7 วันก่อนการเก็บเกี่ยว ทำให้พืชไม่ได้รับไนโตรเจน และไนเตรดในต้นพืชจะถูกทำลายดยแสงแดดหมดภายใน 7 วัน ผัก Hydroponics ที่เก็บเกี่ยวอย่างถูกวิธีนี้พบว่ามีสารไนเตรดแทบจะเป็นศูนย์ทีเดียว น้อยกว่าไนเตรดที่ตรวจพบในผักที่ปลูกกับดินเสียอีก
ฉะนั้นหากว่าเราไปเที่ยวสวนผัก Hydroponics อาจจะที่รังสิต อยุธยา หรือที่เชียงใหม่ หากคนขายบอกว่าไม่มีผักที่ได้ขนาดขาย ก็อย่าตื้อที่จะซื้อนะครับ เพราะเงินมันอาจล่อใจ ให้เขาขายผักที่ยังไม่ได้ลดปุ๋ยก่อนเก็บเกี่ยวให้กับเราก็ได้
รูปแบบการปลูกพืชไม่ใช้ดิน 1. ปลูกในสารละลาย (Waterculture) - แบบน้ำไหลเวียน โดยอาจไหลผ่านรางปลูกแบบฟิล์มบางซึ่งเรียกว่า Nutrient Film Technique (NFT) และแบบน้ำลึกประมาณ 5-10 ซม. ไหลผ่านรางปลูกเรียกว่า Deep Flow Technique (DFT) - แบบน้ำซึมเข้าสู่ระบบรากพืช (passive system) โดยการปลูกพืชแล้วมีส่วนที่เป็นท่อนำสารละลายปุ๋ยให้ได้สัมผัสกับรากพืช 2. การปลูกพืชโดยพ่นสารละลายใต้โคนรากพืช (Aceroponics) โดยควบคุมให้รากพืชสัมผัสสารละลายต่อเนื่องตลอดที่ต้นพืชต้องการ 3. การปลูกโดยใช้วัสดุปลูก (Substrate culture) - วัสดุที่ปลูกเป็นอินทรีย์ (Organic Substrate) เช่น ข้เลื่อย แกลบ ถ่าน เปลือกไม้ ฮิวมัส ปุ๋ยหมักต่างๆเป็นต้น - วัสดุปลูกที่เป็นอนินทรีย์ (Inorganic Substrate) เช่น กรวด ทราย ฟองน้ำ เป้นต้น
ธาตุอาหารและสารละลายธาตุอาหาร การปลูกพืชไม่ใช่ดินจะต้องให้ธาตุอาหารและปัจจัยแวดล้อมให้เหมาะสมและสมดุลย์กัน พืชก็จะสามารถเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ซึ่งความจำเป็นของธาตุต่อพืชมีดังนี้
กลุ่มธาตุที่พืชต้องการสูง (Macro elements) C,O,N,P,K,Ca,Mg และ S
กลุ่มธาตุอาหารที่พืชต้องการเล็กน้่อย (Micro elements) Fe, Cl, B, Mn, Cn, Zn และ Mo
พอทราบแล้วว่าพืชต้องการธาตุอาหารอะไรบ้าง ก็มาดูการเตรียมปุ๋ยสำหรับพืช Hydroponics กันนะครับ
สูตรปุ๋ยพืช Hydroponics จะแยกเป็นปุ๋ย A และ B ที่ต้องแยกเป็น 2 ชนิดก็เพราะว่าไม่สามารถผสมธาตุอาหารต่างๆทั้งหมดให้พืชในคราวเดียวได้ แร่ธาตุจะทำปฏิกริยากันเกิดเป็นตะกอนที่พืชดูดซึมนำไปใช้ไม่ได้ ฉะนั้นการให้ปุ๋ยจะละลายน้ำให้เพียงชนิดใดชนิดหนึ่งก่อน จากนั้นอย่างน้อย 4 ชม. จึงให้ปุ๋ยอีกชนิดหนึ่ง
การเตรียมสารละลายเพื่อการปลูกพืชกินใบโดยผสมน้ำ 200 ลิตร
ปุ๋ย A ประกอบด้วย Calcium nitrate 210 g, Iron chelate 2.488 g
ปุ๋ย B ประกอบด้วย Mono-ammonium Phosphate(MAP) 4.168 g, , Mono-potassium nitrate Phosphate(MKP) 29.75 g, Potassium nitrate 157 g Magnesium sulphate 107 g, Trace element 4 g
มาดูแบบโรงเรือนกันบ้างครับ จริงๆไม่ต้องมีหลังคาและมุ้งก็ได้ครับ แต่ถ้าไม่มีมุ้ง แมลงก็จะลงจนต้องใช้ยาฉีด และถ้าไม่มีหลังคา ฝนก็จะทำให้ผักเกิดเชื้อราและเป็นโรค
เรียนทฤษฏีกันแล้ว ตามนายร่อนไปลงมือปฏิบัติกันได้เลยครับ เอาเพื่อนมาขายรึเปล่าเนี้ย ก็นะ... กล้องอยู่กะเรานี่นะครับ ก็เลยไม่มีรูปคนถ่าย ฮิๆ ช่วยไม่ได้
ระบบโรงเรือนที่จะพาไปชม เป็นระบบน้ำหมุนเวียนนะครับ ถ้าวันไหนว่างๆ จะพาไปชมระบบน้ำลึกอัดอากาศที่เขาค้อครับ
ที่ใต้โรงเรือนเราจะวางถังน้ำไว้สร้างระบบให้น้ำหมุนเวียน ถังจะต้องปิดกันแสงและฝุ่น เพื่อไม่ให้เกิดตระไคร่ และป้องกันไม่ให้ปุ๋ยถูกทำลายโดยแสงแดด
ที่ด้านหนึ่งของโรงเรือน ตรงข้ามกับจุดวางถังน้ำ จะเป็นจุดปล่อยน้ำ
อีกด้านหนึ่งของโรงเรือน จะเป็นจุดระบายน้ำออกลงถังกักเก็บ เรียกว่า "สะดือ"
สะดือนี้จะออกแบบให้สามารถปรับระดับน้ำให้สูงต่ำได้ โดยการหมุนเกลียวปรับระดับ
พื้นของโรงเรีอนจะปูด้วยแผ่นซีแมน และปูทับด้วยแผ่นพลาสติกกันน้ำ แบบที่ใช้ทำสวนน้ำประดับ
หลังคาคลุมด้วยแผ่นพลาสติกกันฝน และพลางแสง
มุ้งด้านข้าง จะล๊อกปิดยึดด้วยคลิบ
มาเตรียมต้นกล้ากันครับ เราจะเพาะต้นกล้าในแผ่นฟองน้ำหนาสัก 1 นิ้ว ตัดเป็นตาราง 1*1 นิ้ว กรีดตรงกลางของแต่ละชิ้นแล้วใส่เมล็ดผักลงไป รูละ 2-3 เมล็ด การจับเมล็ดผักนั้น หากว่าเมล็ดเล็กมาก จะใช้ไม้จิ้มฟันจุ่มน้ำแตะเมล็ดผักแทนใช้มือหยิบ
เมื่อใส่เมล็ดผักแล้ว แราจะใส่น้ำหล่อฟองน้ำ จนต้นกล้าออกมีใบจริง 2-4 ใบ จึงย้ายต้นกล้าลงแปลงปลูก
โรงเรือนเรียบร้อยแล้ว ระบบน้ำพร้อม ต้นกล้าพร้อม มาเราเตรียมปลูกผักกันครับ เริ่มจากต้องมีแผ่นโฟมลอยน้ำหน้าตาแบบนี้นะครับ โฟมถูกเจาะเป็นรูปขนาดประมาณ 1 นิ้ว ถ้ามีโพลงใต้โฟมให้อากาศไหลผ่านจะก็ดีมากเลยครับ
การย้ายกล้านั้น จะบีบฟองน้ำเล็กน้อย แล้วยัดเข้าไปในรูปลูก
ให้เหลือฟองน้ำที่ด้านล่างมากพอให้ฟองน้ำสัมผัสน้ำ
นำโฟมไปวางบนแปลงปลูก และปรับระดับน้ำให้สูงมากพอที่ฟองน้ำจะสัมผัสน้ำ จนเมื่อรากผักยาวมากพอจนถึงระดับน้ำก้นแปลงปลูก ให้ปรับรดระดับน้ำลง จนรากพืชบางส่วนไม่สัมผัสน้ำ เกิดเป็นรากอากาศ การทำเช่นนี้จะทำให้ผักเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น
พอผักเจริญงอกงามได้ที่ ประมาณ 30-35 วัน เราจะงดปุ๋ยก่อนเก็บเกี่ยว 7 วัน จากนั้นก็เก็บเกี่ยวได้เลยครับ
ผักสวยๆสะอาดต้นอวบอิ่ม จับแล้วกรอบๆ ทั้งนั้นเลยนะร่อน ฮิๆ
ใช่แล้วมิน ร่อนว่าเรามาทดลองปฏิบัติจริงด้วยการช่วยอาจารย์เก็บเกี่ยวผลผลิตกันเถอะ เพราะดูแล้วจะเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากที่สุดเลย
อาจารย์ก็ใจดี เห็นว่านักเรียนตั้งใจศึกษาเป็นอย่างมากโดยเฉพาะขั้นตอนสุดท้าย ก็เลยอนุญาติให้มีของติดไม้ติดมือกลับบ้านได้คนละนิดๆหน่อยๆ
แปลงข้างๆ เป็นแปลงผักที่ปลูกลงดิน แบบไร้สารเคมี เตรียมไว้สำหรับการอบรมหลักสูตรปลูกผักอินทรีย์ปลอดสารในวันจันทร์ที่ 3 ส.ค. ซึ่งร่อนสนใจมากเป็นพิเศษ อาจารย์กระซิบว่า แปลงนี้มีผักหลายชนิดที่พร้อมเก็บเกี่ยว เลยฝากมาเชิญชวนหากใครสนใจไปเรียนในหลักสูตรนี้ จะได้เรียนกการเก็บเกี่ยวกันกับมือและติดมือทุกคนแน่นอนครับ
มากับนายร่อนก็ต้องเดินช๊อบไม้ทานได้ครับ ฮิๆ เริ่มจากต้นนี้เลยครับ กล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง กล้วยที่ชนะการประกวดจากกรมวิชาการเกษตร เครือสุดยอด มาเป็นต้นเพาะเนื้อเยื่อครับ 3 ต้นร้อย ถ้าเป็นหน่อ ก็หน่อละ 100 ครับ
ต้นนี้ไผ่ชื่อดัง ไผ่กิมซุง ที่เขาว่าหวานอร่อยนักหนา อยากชิมจังเลย
ม่วงกษัตริย์ บัวต้นนี้มามาในนามไม้ประดับครับ เป็นบัวสายยักษ์จากออสเตรเลีย แต่ผมมากระซิบให้ฟังนะครับ ว่าเขาเป็นบัวที่สายทานอร่อยมากครับ
ผักร้านนี้มีมากมายหลายชนิดจริงๆครับ มีฟักข้าวด้วย ผักมากคุณค่า มีวิตามินซีมากที่สุดในบรรดาผักทั้งหลายทั้งมวลเลยครับ ทานต้านหวัด 2009 ก็ไม่เลวนะครับ เสริมภูมิต้านทานได้ จะเอาเนื้อหุ้มเมล็ดไปหุงกับข้าวก็จะได้ข้าวสีสวยๆหอมๆทานอร่อยด้วยนะครับ แต่ว่าที่ร้านนี้ขายเป็นต้นเพาะเมล็ด ต้องลุ้นนิดนะครับว่าเขาจะเป็นต้นตัวผู้หรือต้นตัวเมีย ถ้าโชคไม่ดีได้ต้นตัวผู้ ก็อดทานผลกันตามระเบียบ
พวงแดงๆนี่อะไรเอ่ย... จำได้จากบล๊ิอกคุณ coji ว่าเป็นมะไฟป่า เห็นคุณภาบอกว่าเปรี้ยวปิ๊ด แต่ไฉนคนขายบอกว่าหวานฉ่ำ แฮะๆ หลอกลูกค้าอีกแล้ว เห้ย..
มะเขือม่วงยักษ์ครับ มีทั้งแบบลูกยาวลูกกลม น่าทานจังเลย
น้อยหน่าครั่งสีสวยๆ มีลูกติดมาทุกต้นเลยครับ ให้ผลง่าย แต่ไม่เคยทาน เลยไม่รู้อร่อยไหม
หิมาลายัน มัลเบอร์รี่ หม่อนผลยาวครับ มีสารแอนตี้อกซิแด๊นสูง น่าปลูกครับ
มะยมยักษ์ลูกโตๆ น่าเอาไปเชื่อมจังเลย ท่าจะเนื้อแยะ
มะเขือเปราะยักษ์หยกภูพาน กลายเป็นพระเอกไปทุกงานแล้วครับ
พริกกระดิ่งทานได้ไหมเนื้ย
มะละกอกลางดงต้นเตี้ยๆ ปลูกในกระถางก็ให้ผล แต่เหมาะทานดิบครับ สุกไม่อร่อย
มะรุมแดงครับ แปลกดี ไม้ตัวนี้กำลังดังครับ เพราะคุณค่าทางอาหารสูงมากๆ ทานได้ทั้งฝักและใบ
ไผ่เลี้ยงหวาน ต้นนี้แม่ผมอยากได้มากๆ ที่บ้านชอบทานหน่อไม้ครับ แต่พอถามว่าเวลามันรกใครตัด ก็เงียบกันหมด เพราะผมแพ้ขนไผ่ครับ คัน
เครื่องย่อยกิ่งไม้ใบไม้ อันนี้เครื่องที่สาธิต 2 หมื่นกว่าบาท เครื่องเล็ก 2 หมื่น เป็นอะไรที่อยากได้มากๆเลยครับ เพราะหาที่ทิ้งกิ่งไม้ยากมาก เอามาย่อยทำปุ๋ยดีกว่า
ได้ของกลับบ้านแล้ว ไม่มากไม่มายแค่โลกว่าๆเอง ฮิๆ เดี๋ยวงวดหน้าจะไปช๊อปต้นไม้กับเพื่อนอีกคนครับ
Create Date : 31 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2552 23:19:41 น. |
|
32 comments
|
Counter : 15379 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ชอบดอกแก้ว แต่ ไม่ทานผัก (tanH2O ) วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:44:09 น. |
|
|
|
โดย: endless man วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:59:46 น. |
|
|
|
โดย: เจ๊ดา วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:05:21 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าดอกแก้ว (tanH2O ) วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:21:40 น. |
|
|
|
โดย: kirofsky วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:0:14:00 น. |
|
|
|
โดย: endless man วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:6:37:53 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:7:53:25 น. |
|
|
|
โดย: endless man วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:8:51:11 น. |
|
|
|
โดย: puipom วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:11:30:52 น. |
|
|
|
โดย: พี่ม้ง (the mynas ) วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:11:37:25 น. |
|
|
|
โดย: cator วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:11:43:02 น. |
|
|
|
โดย: raya-a วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:11:52:26 น. |
|
|
|
โดย: coji วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:12:40:21 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:12:40:50 น. |
|
|
|
โดย: coji วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:12:42:03 น. |
|
|
|
โดย: หนูเมเปิล วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:16:52:09 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าดอกแก้ว (tanH2O ) วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:17:35:24 น. |
|
|
|
โดย: mutcha_nu วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:20:49:09 น. |
|
|
|
โดย: สวนสวยดอกไม้งาม (สวนสวยดอกไม้งาม ) วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:20:55:05 น. |
|
|
|
โดย: ยายเมี้ยน ฟันเหยิน.. (อสัญแดหวา ) วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:1:13:05 น. |
|
|
|
โดย: soda.jazz วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:5:51:55 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:7:30:56 น. |
|
|
|
โดย: fleuri วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:9:19:00 น. |
|
|
|
โดย: doyngam วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:13:05:31 น. |
|
|
|
โดย: keata IP: 58.9.156.47 วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:21:01:40 น. |
|
|
|
โดย: Ooy (ooybangyom ) วันที่: 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:23:19 น. |
|
|
|
โดย: จรูญ IP: 180.180.60.108 วันที่: 29 มิถุนายน 2562 เวลา:14:56:56 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เราเป็นคนไทยส่วนมากที่ไม่ค่อยชอบสาระสักเท่าไร แต่ถ้าให้ลองทำดูก็เป็นอีกเรื่องนะ (ตอนมัธยมชอบลงแปลงมากกว่าฟังครู (ก็เค้าอ่านให้ฟังอ่ะ) แต่ตอนนี้ไม่มีโอกาสเลย)
แอบบอกว่า อ่านข้ามช่วงทฤษฎีไปเยอะเลยค่ะ
มะไฟป่า น่าลองซะมัด
มะเขือลูกใหญ่มาก..แต่ไม่ทาน - -
"ต้นนี้ไฝ่ชื่อดัง ไฝ่กิมซุง ที่เขาว่าหวานอร่อยนักหนา"
ไผ่ หรือ ไฝ่คะ แล้วมันกินตรงไหนอ่ะ ทั้งต้นเลยหรอ
ปล.ที่เค้าให้กลับบ้านไม่น้อยเลยนะนั่น เห็นท่าทางคนถือ(หอบ) แล้วนึกถึงตัวเองตอนเก็บผลผลิต ^ ^