space
space
space
<<
กันยายน 2560
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
space
space
2 กันยายน 2560
space
space
space

ขั้นตอนการปลูกกวาวเครือขาว โดยการศึกษาแบบธรรมชาติ



กวาวเครือขาว ประโยชน์คุณประโยชน์ รวมทั้งงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยข้อดีข้อตำหนิ
กวาวเครือขาว ผลดีกวาวสรรพคุณ และก็งานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัย
ชื่อสมุนไพร กวาวเครือขาว
ชื่ออื่นๆ/ ชื่อประจำถิ่น กวาวเครือ , จานเครือ (อีสาน) ,ตานเครือ , ทองนอกรือ , จอมทองคำ , (ใต้) ตานจอมทองคำ (ชุมพร) โพ้ต้น ( จังหวัดกาญจนบุรี) .โพะตะข้า
ชื่อวิทยาศาสตร์ Pueraia candollei Graham ex Benth. Var mirifica
ชื่อตระกูล Leguminosae-Papilionoideae

ถิ่นเกิด
กวาวเครือขาวเป็นพืชที่ขึ้นบริเวณป่าเบญจพรรณ เจอกระจากทั่วๆไปตั้งแต่ ประเทศอินเดีย กลุ่มประเทศอินโดจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน ประเทศญี่ปุ่น และ ไทย สำหรับในประเทศไทย พบกระจากในป่าเบญจพรรณในภาคเหนือ ภาคตะวันตก รวมทั้งภาคอีสาน แต่จะพบบ่อยในภาคเหนือของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่มีอินทรีย์สารสูงตามชายเขา ดินที่มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างราว 5.5 ที่สูงจาก

ระดับน้ำทะเล 300 – 800 เมตร ในภาวะธรรมชาติมีการตะกร้าชนิดด้วยเมล็ด โดยทั้งนี้พบว่าจะมีการออกดองช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมี.ค.และติดฝักในม.ย. สามารถพบกวาวเครือขาวพันอยู่กับต้นไม้ใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นสักในจังหวัดกาญจนบุรี ตาก จังหวัดลำปาง จังหวัดเชียงใหม่ ในบริเวณที่เป็นดงไผ่ในจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสระบุรี จังหวัดลพบุรี ชัยภูมิ พบว่ามีกวาวเครือขาวกระจากประเภทอยู่ได้ดิบได้ดีเช่นเดียวกัน
ลักษณะทั่วไปของกวาวเครือขาว
กวาวเครือขาวเดินถูกให้มีชื่อทางด้านวิทยาศาสตร์ว่า Butea superba Roxb. เป็นพืชตระกูลถั่ว ขึ้นในป่าเบญจพรรณ ลักษณะเป็นไม้เถาเนื้อแข็งขนาดใหญ่ ผลัดใบ เลื้อยพิงพันบนต้นไม้เปียกชื้น
ลำต้นเกลี้ยง บางทีอาจยาวถึง 5 เมตร ใบเป็นในประกอบ มีใบย่อย 3 ใบ (Pinnately trifoliate) เรียงสลับกันปลายใบมีลักษณ์รูปไข่ปลายแหลม เนื้อใบข้างบนสะอาดด้านล่างมีขนสั้นๆกระจายเส้นแขนงใบข้างละ 5 – 7 เส้น ใบย่อยด้านข้างโคนมีลักษณะเบี้ยว หูใบรูปไข่ มีเยื่อก้านใบเห็นกระจ่าง ใบประดับประดามีลักษณะเป็นเกล็ดมีขนาดเล็กมาก
ดอกออกในระยะผลัดใบ เป็นช่อยาวราวๆ 30 เซนติเมตร ดอกจะออกตามาซอกกิ่ง ข่อดอกเป็นข่อลำพังแล้วก็ช่อแยกกิ่งก้านสาขาออกปลายกิ่ง ดอกมีกลีบแต่งแต้มรองรับ ดอกย่อยเป็นรูปถั่วเป็นดอกสมบูรณ์เพศมีทั้งปวงศผู้และก็เพศภรรยาในดอกเดียวกัน ทรงดอกเป็นแบบ Zygomorphic แบบที่เรียกว่า Papilionacaceous form ดอกมีกลีบดอกไม้ 5 กลีบ ที่มีขนาดแล้วก็ลักษณะไม่เหมือนกัน กลีบที่อยู่นอกสุดมีขนาดใหญ่สุด เรียกว่ากลีบ Standard กลีบที่ตามติดอยู่ทางด้านข้างทั้งสอง มีลักษณะคล้ายกัน คืองอนโค้งเหมือนปีกนกเรียกว่า กลีบ wing กลีบที่อยู่ด้านในสุด 2 กลีบ จะเชื่อมรวมกันเป็นกระพุ้งคล้ายท้องเรือ เรียกว่า กลีบ (keel) เป็นกลีบที่ห่อเกสรไว้ มีก้านชูอับเรณูชิดกัน ดอกมีสีฟ้าอมม่วงถึงสีน้ำเงิน 2 – 3 ดอกต่อช่อ มีเกสรตัวผู้ 10 อัน รังไข่ยาวเป็นแบบ superior ข้างในมี 1 ห้องมีเม็ดไข่อยู่ข้างใน
ฝักมีลักษณะแบน เมื่อแก่มีสีออกน้ำตาล ผิวมีขนสั้นๆเล็กน้อยถึงสะอาด ฝักมีความกว้างราว 7 มิลลิเมตร ยาวโดยประมาณ 3 เซนติเมตร มีเมล็ด 3 – 5 เมล็ดต่อฝัก เมล็ดมีลักษณะกลมมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ราวๆ 2 – 4 ซม. เมล็ดแก่จะมีลายสีเขียวปนม่วง หรือ สีน้ำตาลปนม่วง
หัวเป็นหัวใต้ดินเหมือนหัวมันแกว (Tiberous root) จะมีฤทธิ์ทางยามากเวลาที่ผลัดใบ มีหลายขนาด หัวที่มีอายุมากมีขนาดใหญ่ อาจมีน้ำหนักมากถึง 20 กิโลกรัม ที่เปลือก เมื่อเอามีดปาดจะมียางสีขาวคล้ายน้ำนม เนื้อในสีขาวคล้ายมันแกว เนื้อจะเปราะ มีเส้นมาก รสเย็นเบื่อเมา หัวที่ยังเล็ก เนื้อในจะละเอียด มีน้ำมาก
การขยายพันธุ์กวาวเครือขาว
ขยายพันธุ์โดยการปลูกแบบเพาะเมล็ด โดยอาจจะเริ่มต้นโดยการสร้างต้นประเภทจากเมล็ดหรือโดยแนวทางอื่น การผลิตต้นประเภทจากเม็ดจะต้องรอเก็บเมล็ดในตอนต้นถึงกึ่งกลางฤดูร้อน เนื่องด้วยกวาวเครือขาวออกดอกติดฝักในตอนกึ่งกลางหน้าหนาวจนถึงกึ่งกลางฤดูร้อน แหล่งเกิดของเมล็ดคือต้นกวาวเครือขาวที่อยู่ในป่า แกะเมล็ดออกจากฝัก เก็บเอาไว้ในที่แห้งหรือในภาชนะที่มีการระบายอากาศได้ ทำเพาะเมล็ดในกระบะใส่ดินผสมปุ๋ยอินทรีย์โดยให้เมล็ดถูกฝังกลบไว้ลึกประมาณ 1 ซม. รดน้ำให้ชุ่มแต่ละวัน ชี้แนะให้กระทำเพาะเมล็ดในตอนที่อากาศร้อนมากที่สุด ความร้อนจะช่วยทำให้เมล็ดผลิออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น โดยทั่วไปเม็ดที่เก็บจากฝักที่แห้งคาต้นแล้วนำมาเพาะในปีนั้นจะมีอัตราการงอกแทบ 100% เมล็ดที่ถูกเก็บไว้ข้ามปีจะมีอัตราผลิออกลดลง
ส่วนประกอบทางเคมี
หัวกวาวเครือขาวมีสารที่เป็นประโยชน์อยู่อีกหลายชนิดรวมทั้งสารที่ออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมน เอสโตรเจน ยิ่งไปกว่านี้ยังพบข้อมูลทางด้านโภชนาการดังนี้




________________________________________
องค์ประกอบ ปริมาณ (เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักแห้ง)
________________________________________
พลังงานจากไขมัน 5.85 แคลอรีต่อ 100 กรัม
คาร์โบไฮเดรตรวม 67.66
เส้นใยรวม (dietary Fiber) 20.39
น้ำตาลรวม (Total Sugar) 19.35
คาร์โบไฮเดรต อื่นๆ 27.92
โปรตีน 7.88
ไขมัน 0.66
แคลเซี่ยม 7.56
เหล็ก 0.029
พลังงานรวม 308.01 แคลอรีต่อ 100 กรัม
________________________________________

ส่วนประกอบทางเคมีของหัวกวาวเครือขาว (Pueraria mirifica)
ที่มา : ชาลีและวันชัย (2544)

ส่วนสาระสำคัญกรุ๊ปต่างๆ
ที่พบในกวาวเครือขาวสามารถแบ่งเป็นกรุ๊ปๆได้ดังต่อไปนี้
7.1 สารกลุ่มคูมารินส์ (Coumarins)
อาทิเช่น Coumestrol, Mirificoumestan, Mirificoumestan Glycol และก็ Mirificoumestan hydrate

สูตรโครงสร้างทางเคมีของ Coumestrol
ที่มา : สุนิสา (2552)

สูตรส่วนประกอบทางเคมีของ Mirificoumestam
ที่มา : สุนิสา (2552)

7.2 สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids)
โดยในหัวกวาวเครือขาวมีสารประเภท lsoflavonoid หลายชนิด เช่น Genistain, Daidzein, Daidzin, Puerarin, Puerein-6-monoacetate, Mirificin, Kwakhurin และก็ Kwakhurin hydrate

Genistein : R1 = H , R2 = OH
Daidzein : R1 = H , R2 = H
Puerarin : R1 –Glucose, R2 = H
Mirificin : Glucose – Apiose , R2 = E
สูตรองค์ประกอบทางเคมีของสารกรุ๊ป Flavonoids
ที่มา : สุนิสา (2552)
7.3 สารกรุ๊ปโครมีน (Chromene)
สาระสำคัญอันดับหนึ่งในกวาวเครือ ดังเช่น Miroestrol ซึ่งเป็นสารที่มีรายงานว่ามีฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน พบปริมาณ 0.002 – 0.003 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักหัวแห้ง หรือโดยประมาณ 15 มิลลิกรัมต่อโลของกวาวเครือแห้ง มีรูปผลึก 2 แบบเป็นแบบที่มีน้ำหนักอยู่ในผลึก (hydrate form) ลักษณะเป็นรูปเข้มอ้วน และก็แบบผลึกที่ไม่มีน้ำอยู่ในผลึก (anhydrate form) มีลักษณะเป็นแผ่น ไม่มีสี มีจุดหลอมเหลว 268 – 270 องศาเซลเซียส

สูตรโครงสร้างทางเคมีของ Miroestrol
ที่มา : สุนิสา (2552)

7.4 สารกรุ๊ปสเตียรอยด์ (steroids)
สเตียรอยด์ที่พบในหัวกวาวเครือ เป็นต้นว่า B-sitosterol, Stigmasterol, Pueraria และ Mirificasterol
7.5 สารประกอบอื่นๆ
เว้นแต่สารกรุ๊ปที่กล่าวแล้วข้างต้น ในหัวกวาวเครือขาวยังมีสารประเภทแอลเคน แอลกอฮอร์และสารชนิดไขมันหมายถึงPuereria, Mififica glyceride lithium, Potassium, Sodium, Phosphate, แคลเซียม, โปรตีน, ไขมัน, แล้วก็ไฟเบอร์ นอกจากนั้นยังมีสารชนิด Saponim อยู่อีกหลากหลายประเภท
ซึ่งสารต่างๆกลุ่มนี้หลากหลายประเภทมีคุณสมบัติเป็นไฟโตเอสโตรเจน (phytoestrogen) ซึ่งมีความหมายว่าเป็นเอสโตรเจนที่ได้จากพึชรวมทั้งออกฤทธิ์เหมือนกับฮอร์โมนเอสโตรเจนทุกประการ หรือบางทีอาจเป็นสารที่ออกฤทธิ์ที่ตัวรับ (Receptor) เดียวกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งปัจจุบันเข้าใจดีแล้วว่า receptor นี้มี 2 Subtypeเป็นestrogen receptor alpha รวมทั้ง beta subtype ปัจจุบันไฟโตเอสโตรเจนที่มีอยู่ในกวาวเครือขาวสามารถแบ่งได้เป็นสารที่มีความแรงสูงและความแรงต่ำ โดยกรุ๊ปที่มีความรุนแรงต่ำ เช่น Coumestrol, Daidzein, Daidzin, Genistin, Genistein, Mirificn แล้วก็ Puerarin
สรรพคุณกวาวเครือขาว
หัว รสเย็นเบื่อเมา บำรุงเนื้อหนังให้เต่งตึง บำรุงสุขภาพ บำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะสำหรับคนชรา แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้เมื่อยล้า ผอมโซ นอนไม่หลับ มีฮอร์โมนผู้หญิงสูง ทาหรือรับประทานทำให้เต้านพขยายตัว เส้นผมดกดำ เพิ่มเส้นผม เป็นยาปรับรอบเดือนอาจจะเป็นผลให้แท้งบุตรได้ บำรุงความกำหนัด ทำให้อวัยวะสืบพันธุ์และก็มดลูกมีเลือดมาคั่งเยอะขึ้น บำรุงอวัยวะสืบพันธุ์ให้เจริญรุ่งเรือง แก้โรคจาฟาง ต้อกระจก ทำให้ความจำดี ทำให้มีพลัง ขยับเขยื้อนกระชุ่มกระชวย บำรุงเลือด กินได้นอน ผิวหนังเต่งตึงผุดผ่อง ช่วยลดลักษณะของสตรีวัยหมดประจำเดือน โดยมีการเล่าเรียนฤทธิ์ขของกวาวเครือขาวต่อการลดอาการร้อนวูบวาบ มีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระรวมทั้งช่วยให้เรื่องของความจำแล้วก็การเรียน ช่วยลดอาการช่องคลอดแห้งในสตรีวัยหมดระดูได้
รูปแบบแล้วก็ขนาดวิธีใช้กวาวเครือขาว
สถาบันการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข ระบุขนาดการใช้ดังนี้
การใช้เป็นส่วนประกอบในตำรับบำรุงปิ้งกาย ให้กินยาตำรับที่มีส่วนประกอบของผงกวาวเครือขาว ไม่เกิน 1 – 2 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัมต่อวัน หรือประมาณวันละไม่เกิน 50 – 100 มิลลิกรัม อาการข้างๆที่บางทีอาจพบได้คือ เจ็บเต้านม มีเลือดออกเปลี่ยนไปจากปกติทางช่องคลอด ปวดหรือเวียนศีรษะ อ้วกอาเจียน
แบบเรียนยาของหลวงอนุสารไพเราะ
ระบุขนาดที่ใช้ของหัวกวาวเครือขาว โดยให้กินกวาวเครือขาวผสมน้ำผึ้ง ขนาดเท่าเมล็ดพริกไทย 1 เม็ดต่อวัน กินมากมายจะก่อให้มึนเมาเป็นพิษคนหนุ่มสาวไม่ควรกิน
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของกวาวเครือขาว
การทดสอบในหนูเพศภรรยาที่รับประทานกวาวเครือขาวพบว่า มีผลยั้งการให้นมของหนูที่กำลังให้นม โดยไปยังยั้งการเจริญของต่อมน้ำนม แล้วก็การผลิตนม ส่งผลปกป้องการตั้งท้อง เมื่อให้หนูกินในตอนตั้งท้องวันที่ 1 – 10 ต่อเนื่องกัน หรือให้กินในช่วงที่มีการย้ายที่ของตัวอ่อน โดยทำให้เกินการแท้ง แล้วก็เมื่อให้ในหนูที่ตัดรังไข่ออก กินกวาวเครือพบว่าน้ำหนักของมดลูกและก็ปริมาณของเหลวในมดลูกเพิ่มขึ้น เหมือนกันกับที่พบในหนูที่ได้รับ ethinyl estradiol รวมทั้งมีแถลงการณ์ว่ากวาวเครือขาวมีฤทธิ์คุมกำเนิดที่ดีในหนูขาวเมื่อให้ในขนาด 1 กรัม/ตัว/สัปดาห์ ส่วนผลของกวาวเครือขาวต่อหนูเพศผู้พบว่าสัตว์มีพฤติกรรมการผสมพันธุ์ลดลง แล้วก็มีขนาด และก็น้ำหนักอัณฑะ epididymis ต่อมลูกหมาก รวมทั้ง seminal vesicles ลดลง และมีปริมาณตัวน้ำเชื้อ และเปอร์เซ็นต์การเคลื่อนไหวของตัวน้ำอสุจิน้อยลง
การศึกษาเล่าเรียนทางสถานพยาบาลในระยะที่ 2 ในอาสาสมัครกลุ่มก่อนและก็ข้างหลังวัยหมดระดู ที่มีลักษณะพร่องฮอร์โมนเอสโตรเจน ปริมาณ 37 ราย ใช้เวลา 6 เดือน เจอคะแนนของงอาการวัยหมดระดูน้อยลงจาก 35.6 เป็น 15.1 แล้วก็ 32.6 เป็น 13.69 ในกรุ๊ปที่ได้รับ 50 มิลลิกรัมต่อวัน รวมทั้ง 100 มก.ต่อวัน ตามลำดับ แต่พบอาการข้างๆ คือ อาการคัดเลือกตึงเต้านมโดยประมาณจำนวนร้อยละ 35 รวมทั้งอาการเลือดออกกระปริดกระโปรยปรายราวๆจำนวนร้อยละ 16.2

การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยาของกวาวเครือขาว
การศึกษาพิษฉับพลันของผงหัวกวาวเครือขาวในรูปผงยาแขวนตะกอนในน้ำ พบว่าไม่กระตุ้นให้เกิดอาการพิษรุนแรงในหนูถีบจักร ขนาดที่ทำให้สัตว์ทดสอบตายกึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากยิ่งกว่า 16 กิโล / น้ำหนักตัว 1 โล การทดลองพิษครึ่งเรื้อรังในหนูขาวจำพวกวิสตาร์โดยการป้อนผงหัวกวาวเครือขาวในรูปผงยาห้อยขี้ตะกอนในน้ำ ขนาด 10 และ 100 มก./กิโลกรัม/วัน ไม่ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อค่าโลหิตวิทยา รวมทั้งค่าทางวิชาชีวเคมี หรือพยาธิสภาพอะไรก็ตามแม้กระนั้นการให้ในขนาด 1000 มก./กก./วัน ทำให้หนูเกิดภาวะโลหิตจาง จำนวนเม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด ระดับวัวเลสเตอคอยล น้ำหนักอัณฑะ ของหนูเพศผู้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และก็มีอัตราการเกิด hyperemia ของอัณฑะ ในหนูเพศภรรยาที่ได้รับในขนาด 100 และก็ 1000 มิลลิกรัม/กก./วัน พบว่าระดับวัวเลสเตอรอคอยลต่ำลง มดลูกบวมเต่ง มีอัตราการเกิด cast ที่ไตสูงยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อเสนอแนะ
หากรับประทานเกินขนาด จะก่อให้เกิดอันตรายได้ ทำให้มีลักษณะเมา อ้วก คลื่นไส้ ห้ามใช้ในหญิงวัยเจริญพันธุ์ เนื่องจากว่าสารที่มีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนผู้หญิงในกวาวเครือขาวมีความแรงของตัวยาจะก่อกวนแนวทางการทำงานของฮอร์โมนเพศ แล้วก็ระบบเมนส์ได้
ข้อพึงระวัง ห้ามกินเกินขนาดที่เสนอแนะให้ใช้




 

Create Date : 02 กันยายน 2560
0 comments
Last Update : 2 กันยายน 2560 20:41:22 น.
Counter : 595 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

สมาชิกหมายเลข 3876128
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 3876128's blog to your web]
space
space
space
space
space