ปอมเปอี
Pompeii ชื่อนี้คิดว่าใครๆก็รู้จัก เรื่องราวมีให้ศึกษามากมายเพราะฉะนั้นเราจะไม่กล่าวถึงประวัติว่าเป็นยังไง แต่ที่เราสามารถรู้เรื่องราวของปอมเปอีได้เพราะจดหมายเหตุของผู้ที่เห็นเหตุการณ์ในครั้งนั้น คือ Pliny the Younger และไม่ใช่ Pompeii ที่เดียวที่โชคร้าย ยังมีอีก4เมืองที่ล่มสลายจากภัยพิบัติในครั้งนั้นด้วยอีก4เมือง คือ Ercolano,Oplontis,Stabia,Antiquarium
เรามาปอมเปอีทางรถไฟเพราะคนท้องถิ่นบอกว่าสะดวกกว่า จากเนเปิลส์นั่งมาประมาณ 45 นาทีก็ถึง ลงรถไฟที่สถานี POMPEI ก็เกือบถึงหน้าประตูเข้าเมืองแล้ว เรามาถึงกันเกือบเที่ยงได้และออกมาอีกครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่มาเตือนว่าหมดเวลาตอน5โมงเย็น (ฤดูหนาว) รวมเวลาที่เดินชมเมืองก็5ชั่วโมง ไม่ได้แวะพักทานข้าวทานน้ำที่ไหน เดินดูตามแผนที่จริงๆ แต่เราก็ไม่สามารถเดินดูได้ครบ(อาจเพราะพินิจพิจารณานานไปหน่อย) ในอนาคตถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวชมเมืองอื่นๆอีก4เมืองแล้วจะมาเล่าให้ฟังเพิ่มค่ะ
Temple of Apollo
ใกล้ๆมีโรงเรือนจัดแสดงข้าวของ เครื่องใช้ไม้สอยบางส่วน
ถนนสายสุสาน ตรงนี้น่าจะเป็นวิหารเล็ก มีที่นั่งพักด้วย
tombe คำๆนี้ได้เรียนมาตั้งแต่สมัยมอต้น เกี่ยวกับเรื่องราวของอีทรุสคัน แต่นี่เก่ากว่าแล้วก็สวยด้วย อึ้งเลยค่ะ (tombe คือสุสาน ที่เก็บกระดูก)
ทางเดินไป Villa the Mystery เจอโรสแมรี่ออกดอกเป็นพุ่มใหญ่มาก
ภายใน Villa the Mystery กำลังซ่อมแซมอยู่ ยังเข้าไปดูไม่ได้ค่ะ
ครัวของบ้านใครซักคน
เพดานในโรงอาบน้ำสาธารณะ Terme del Foro
ห้องสตีมไอร้อน น้ำจะมาจากหลังคา ลงอ่างน้ำพุและไหลนองไปทั่วห้อง ด้านนอกมีทาสคอยสุมไฟให้อุณภูมิห้องร้อนประมาณ50-55 องศา อีกด้านมีอ่างใหญ่ไว้แช่น้ำเย็น
เตียงไว้นวดตัวหลังออกมาจากห้องสตีม
บ้านอีกหลังหนึ่งที่กำลังซ่อมแซม
บ้านของเศรษฐี ตั้งชื่อตามรูปปั้นของเทพเจ้าที่พบ House of the Faun (งานปั้นเป็นของcopy)
พื้นโมเสคในสวน
จากนี้ถ่ายให้เห็นงานจิตรกรรมแบบเฟรสโก้ในสมัยนั้น แต่สถานที่ลืมแล้วค่ะว่าเป็นบ้านไหน
เราก็เดินไปดูแผนที่ไปอย่างนี้เลยค่ะ สนุกดี ไม่มีคำว่าเบื่อเลย ถ้าไปเที่ยวที่ไหนคนเดียวจะพกแผนที่ตลอดเป็นนิสัยประจำตัว
ป้ายบอกทางไปสถานที่ต่างๆ เล็กๆแม้จะรู้สึกว่าดูยากหายากซักหน่อย แต่เราว่าดีเพราะจะได้ไม่รู้สึกรบกวนสถานที่
ทางข้ามถนนที่รถม้า เกวียนก็สามารถใช้ถนนได้ รวมถึงมีการปล่อยน้ำเพื่อทำความสะอาดถนนเป็นประจำ บ้านเมืองจะได้สะอาด
บ้านเศรษฐีคนนึง ยังจำไม่ได้ค่ะว่าชื่ออะไร
ภาพจิตรกรรมตามข้างถนน
ป้ายแบบนี้คาดว่าน่าจะเป็นทางชี้ไปซ่องค่ะ
ร้านซักผ้า ทาสจะเข้าไปทำความสะอาดผ้าในบ่อ สารพิเศษที่ใช้กำจัดคราบสกปรกคือโคลนชนิดหนึ่งและยูเรีย (ปัสสาวะ) ชั้นบนเป็นลานตากผ้า
จิตกรรมฝาผนังในร้านขายอาหาร
โรงอาบน้ำอีกแห่งหนึ่งที่ดูใหญ่โต หรูหรา ด้านในมีการจัดแสดง (Terme stabiane)
เพดานที่วิริศมาหรา
เห็นหนูน้อยคนนี้แล้วก็นึกได้ เป็นครอบครัวฝรั่งเศส พ่อก็เดินลิ่วๆหาบ้านหลังนึง เจ้าหนูก็วิ่งตามแต่ไม่เลี้ยวที่แยกตามพ่อ ทำให้ต้องตะโกนเรียก PAPA! ให้หันมาแล้วชี้มือบุ้ยบ้ายให้ไปตามทาง เจ้าหนูเลยวิ่งกลับมา เกือบหลงแล้วไอ้หนูเอ๊ย...
ร่างของผู้เสียชีวิต นักโบราณคดีได้ทำการเจาะรูและหยอดปูนปลาสเตอร์ลงไปในร่างที่เป็นโพรงด้านใน ทำให้เราได้เห็นท่าทางสุดท้ายของผู้ตาย
ผนังด้านนอกโรงอาบน้ำ สวยมาก...
แล้วก็มาถึงซ่องโสเภณีซึ่งมีหลายที่ แต่ที่นี่เป็นที่ที่โด่งดังชื่อ Lupanare (wolves)มาจากเสียงเรียกของโสเภณีที่คอยเรียกแขก เสียงเวลาเรียกนั้นจะดังคล้ายเสียงหอนของหมาป่า คงคล้ายชะนีบ้านเราเวลาส่งเสียงกระมัง ชั้นล่างมี 5 ห้อง ส่วนชั้นบนบ้างก็ว่าเป็นห้องกว้างๆห้องเดียว บ้างก็ว่ามี5ห้อง
เตียงเล็กมาก แสดงว่าคนสมัยก่อนนั้นตัวเล็กจริงๆ
ภาพแบบนี้จะมีอยู่ในบ้านหลังนี้ซัก4-5 ภาพ
ห้องสุขา เล็กมาก
วัดเล็กๆมีสวนเล็กๆด้านหลัง น่ารักมาก
กลับมาที่Forumกันอีกครั้ง ต้องออกแล้วเนื่องจากถึงเวลาปิด ฉากหลังเป็นวิซูเวียสเจ้ากรรม
เดินออกมาด้านนอกปอมเปอีจะเห็นซากโบราณสถาน นั่นคือซากอาคารใหม่ที่สร้างทับขึ้นบนเถ้าถ่านของลาวา และที่เห็นเป็นช่องขาวๆเรียงอยู่ นั่นเป็นช่องใส่อัฐิของคนตายค่ะ
จบทริปปอมเปอี เดินจนเมื่อยขามาก ดีที่วางแผนมาหน้าหนาวไม่งั้นจะร้อนแดดแผดเผา ไม่สามารถเดินอึดได้จนเย็นแน่ๆ
สวัสดีค่ะ
Create Date : 29 มิถุนายน 2558 |
|
5 comments |
Last Update : 6 กรกฎาคม 2558 12:11:58 น. |
Counter : 1494 Pageviews. |
|
|
|
ตอนเราไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ได้ดูไม่กี่ส่วนเองหละค่ะ