Let's go to Veitnam
เออ..วันนี้ว่างเลยเข้าไปดูสถานที่น่าท่องเที่ยวดีกว่า บังเอิญมีลูกค้าอยู่โฮจิมินทร์ เค้าบอกว่าจะให้ไปพักที่บ้านเค้าฟรี อุ้ย..เลยอยากไปทันที(อิอิ) แล้วเราก็เรากลุ่มกัน ถามว่าใครจะไปบ้าง สรุปคนร่วมทิปนี้ก็ 6 คนค่ะและบังเอิญอีกลูกค้าเค้ากำลังจะกลับไปบ้านที่โฮจิมินทร์พอดี พวกเราเลยรีบ booking ตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวเดียวกับเค้าเลย (กลัวหลง)ตอนนี้ได้วันเดินทางเรียบร้อยแล้ว เอะจะหาข้อมูลของเมืองที่จะไปได้ที่ไหนดีหล่ะ..เมืองที่จะไปคือโฮจิมินทร์ และไปหาซื้อหนังสือ มีแต่เมืองฮานอยฮาลองเบล์...หาหนังสืออยู่หลายวัน ก็บังเอิญไปเจอหนังสือเกี่ยวกับการเที่ยวที่เมืองโฮจิมินทร์ (เหลือเล่มสุดท้ายด้วย โชคดีจัง) เลยซื้อมา และก็ได้ข้อมูลสมใจอยาก ได้หลังสือมารีบอ่านเพราะใกล้วันเดินทางแล้ว....พรุ่งนี้แล้วซินะ ที่จะต้องเดินทาง...อุ้ยพี่ลูกค้าโทรมา จะนัดเวลาไปเจอกันที่สนามบินแน่เลย...แต่ว่า...เค้าโทรมาบอกว่าไปด้วยไม่ได้แล้ว ติดธุระด่วน และเค้าบอกว่าอีกอย่างโดยกฏหมายของเวียดนาม ถ้ามีบุคคลนอกประเทศมาพักหรืออาศัยที่บ้าน ต้องมีการแจ้งต่อทางการ ไม่เช่นนั้น ถือว่าผิดกฏหมาย เอาไงดีหล่ะเรา ทุกอย่างและผู้ร่วมทิปก็เตรียมกันจนครบหมดแล้ว...เอ้ย แต่นึกขึ้นได้ มีลูกค้าเพื่อนอีกคนไปทำงานที่เวียดนามอยู่นี่นา แต่ไม่เคยติดต่อกันเลย ต้องไปค้นเอกสารเก่าว่าจะมีเบอร์โทรหรืออีเมลล์เค้าอยู่มั้ย พอได้เบอร์กับอีเมลล์มา เลยส่งอีเมลล์ไป โชคเข้าข้างเค้ารีบตอบเมลล์ แล้วก็แอ๊ดจนได้คุยเอ็มกัน...เฮ่อ..โล่งอกเราก็บอกให้เค้าจองรถตู้ให้ และเค้าก็จะไปเป็นไกด์ให้ น่ารักจัง..อิอิวันเดินทางแล้ววววววววววววววว....................เราและเพื่อนๆนัดเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิประมาณ เที่ยงๆๆ ออกเดินทางตอนบ่ายก่าๆๆถึงสนามบินโฮจิมินทร์ก็ประมาณ เกือบบ่ายสามโมงใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 นาทีเค้าบอกว่าถ้าถึงสนามบินแล้ว ให้ไปรอที่ห้างใกล้ๆๆ แถวสนามบินเราก็ไปรอ..อึมเด๊วโทรบอกเค้าหน่อยดีกว่า ว่าเรามาถึงแล้ว...เราไม่ได้เอามือถือไป ก็เลยยืมพี่ในกลุ่ม ..กรรมแล้วมือถือพี่เค้าลืมเปิดการโทรระหว่างประเทศ...อุ้ย ทำไงดีหล่ะเรา คนเวียดนามพูดอังกฤษก็ไม่ค่อยได้ใช้โทรศัพท์บ้านเค้าก็ไม่เป็น..ยืนเก้ๆๆกังๆๆ อยู่หน้าห้างกันแป๊บนึง เอาวะลองคุยกับพนักงานหน้าห้างดูซิ เผื่อเค้าจะช่วยเราได้ (พนักงานรับฝากของ)เราก็พูดเป็นภาษาอังกฤษกับเค้านะ พูดประมาณว่า ไม่ทราบว่าพอจะมีโทรศัพท์มั้ยคะ พอดีมาจากประเทศไทย มาเที่ยวที่เวียดนาม แล้วนัดเพื่อนไว้ แต่ติดต่อไม่ได้ เพราะมือถือ.......เราก็อธิบายไปเรื่อยๆๆๆๆอุ้ย... โชคดีจัง น้องเค้าฟังเราออก แล้วเค้าก็ใช้มือถือของเค้าโทรหาเพื่อนเราให้ทันที จนเราได้คุยกับเพื่อนคนนั้น (เค้าชื่อพี่เอก) แล้วก็นัดแนะกันเสร็จ....โล่งอก...ขอบคุณพระเจ้า ...ขอบคุณน้องเค้าด้วย คนเวียดนามน่ารักจัง..รู้สึกประทับใจ พวกเราเลยรีบเดินทางเข้าห้าง ไปซื้อของมาให้น้องเค้าเลย แบบเป็นสิ่งขอบคุณจากพวกเรา...ขอบคุณนะเราออกจากสนามบิน เราจะพาไปเมืองแห่งความรักเลยนะคะ นั่นก็คือเมืองดาลัดค่ะ ดาลัดรู้จักกันอีกชื่อว่า หุบเขาแห่งความรัก หรือเมืองดอกไม้ ชาวต่างชาติจะนิยมมาเที่ยวที่เมืองนี้ ประมาณว่าพากันมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์เลยหละ เราเดินทางโดยรถตู้ถึงเมืองดาลัดประมาณตี 3 พอเราลงจากรถ สัมผัสได้ถึงอากาศที่หนาวเย็น อ้อ..ลืมบอกว่าเมืองนี้จะอากาศตลอดปีเลยค่ะ เราเดินหาโรงแรมสักครู่ก็ได้ที่นอนกันวันรุ่งขึ้น เรารีบตื่นเพื่อมาดูบรรยากาศยามเช้าของเมืองนี้กัน บรรยากาศตอเช้าจะมีคนเอาดอกไม้มาขายแต่เช้า ดอกไม้ส่วนใหญ่ปลูกโดยเมืองนี้ อาหารเช้าของเมืองดาลัด จะนิยมกินขนมปังกัน เพราะได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศศ ขนมปังที่นี่เป็นลักษณะแท่งยาว แล้วนำไปปิ้ง ข้างในมีใส้หรือไม่ใส่ก็ได้ รับประทานพร้อมกาแฟ พิพิธภัณฑ์กระดูก เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโครงกระดูกไว้มากมาย หรือพวกสัตว์ประเำภท ไปเที่ยวน้ำตกกันต่อนะจ๊ะ น้ำตกที่ว่านี้สามารถเดินทางเข้าไปได้ 2 แบบ แบบแรกคือเดินเท้า แบบที่สองก็คือนั่งรถราง เดี๋ยวเราพานั่งรถราง แบบดูบรรยากาศข้างทางกัน ต้องบอกว่าตื่นเต้นตอนลงไปน้ำตก ส่วนตอนกลับก็มีนิดหน่อย ที่บริเวณน้ำตกเต็มไปด้วยคนที่มาพักผ่อน ส่วนตัวน้ำตกต้องบอกว่าบ้านเราสวยก่า..อิอิเราออกเดินทางจากพิพิธภัณ์ที่ดาลัด แล้วใช้เวลาเดินทางไปยังหวุงเต่าประมาณ 3 ชั่วโมงเศษๆๆ เขาบอกว่าจริงๆ แล้วสถานที่ไม่ได้ห่างกันมากนัก แต่กฏหมายของเวียดนามเค้าบอกว่าห้ามขับรถเร็วเกิน 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระหว่างทางไปแวะซื้อของฝากกันหน่อยดีกว่า ร้านของฝากก็ขายทุกอย่างเหมือนห้างๆ เล็กๆ ในบ้านเราอ่ะค่ะ ไปถึงฝนตกหนักพอดี เราเลยไม่ได้เดินรอบๆ เพื่อถ่ายภาพเก็บบรรยากาศมาให้ดูชแว๊บไปหวุงเต่ากันหน่อยดีกว่า ว่ากันว่าทะเลที่หวุงเต่าบรรยากาศดีมากๆๆ พื้นที่บริเวณริมทะเลสะอาดมากๆ เวลาค่ำๆ เย็นๆ จะมีผู้คนออกมาเดินกินลมชมวิวกันเยอะแยะ ที่เห็นได้ตลอดริมทะเลก็คือ คู่รักหนุ่มสาว ที่จับคู่คุยกัน และอีกบรรยากาศนึงริมทะเลก็คือการเล่นว่าว คนนิยมมาเล่นว่าวที่ริมทะเล เนื่องจากอากาศเย็นแล้วก็ลมแรง ห้องเช่าติดริมทะเล ห่างกัน 100 เมตร ราคาถูกมาก ถ้ามีแอร์อยู่ที่ประมาณ 800-1,000 ถ้าไม่มีแอร์ก็ประมาณ 300 -700 บาท หลังจากที่เที่ยวที่หวุงเต่ากันแล้ว เดี๋ยวเราจะพากลับมาที่โฮจิมินทร์ เพราะยังมีตลาดเบนถันยังไม่ได้ไป แล้วเค้าบอกว่าเป็นตลาดที่ของถูกมากๆๆ มีของหลายอย่างให้เลือกสรรค์ มีไปรษณีย์ที่สวยที่สุด และอีกเยอะแยะ แล้วหลังจากนั้นก็จะพาไปกินร้านอาหารพื้นเมืองของเวียดนามที่มีชื่อเสียงกัน...ไปดูจากรูปเลยจ้าไปดูไปรษณีย์ที่สวยที่สุด และบริเวณรอบๆไปรษณีย์กันเปลี่ยนบรรยากาศไปกินอาหารบนเรือกันบ้างนะ การล่องเรือกินอาหารก็ประมาณล่องเรือเจ้าพระยา กินอาหารไปด้วย เรือก็วิ่งไปเรื่อยๆ ให้ดูบรรยากาศรอบๆ แม่น้ำ เปลี่ยนรสชาติอาหารกันหน่อยดีกว่า เมื้อสุดท้ายในเวียดนามเราจะพาไปกินอาหารเกาหลีสไตล์เวียดนามกัน อาหารเกาหลีสไตล์เวียดนาม ต้องบอกว่าเค้าทำน่ากินมากๆ ปกติบ้านเราต้องปิ้ง ย่าง อาหารกินเอง แต่ที่เวียดนามไ่่ม่ต้อง เค้าจะมีคนมาปิ้ง ย่างให้กิน เครื่องเคียง ไม่ว่าจะเป็นผัก หรือ พวกกิมจิ เรากินได้ไม่อั้น ถ้าหมดสั่งมากินฟรีได้เลย เมื้อนี้อร่ิยจริงๆ ค่ะ (ถูกใจ)แวะซื้อเรือกันหน่อยนะ ที่เวียดนามนิยมทำเรือขายกัน เรือที่นี่ขายถูกมาก แล้วก็สวยๆ ทั้งนั้น แล้วก็ลากันด้วยภาพนี้กับการเดินทางในเวียดนาม 8 วัน 7 คืน ขอบคุณพี่เอกที่พาเราเที่ยวอยู่หลายวัน แล้วทิปหน้าเราจะพาไปตลุยดินแดนโสมกันนะคะ ช่วงนี้อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลค่ะ มีใครสนใจบ้างเอ่ย ..อิอิ.... แล้วเจอกันที่เกาหลีค่ะ
New 2024 club music https://0daymusic.org MP3, FLAC, Music Videos.
0daymusic Team