|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
OP Mahidol Part 2 Faculty of Medicine( I )
มาอัพตามสัญญาแล้วค่าาาาา อ่ะ วันนี้ขอเล่าถึงคณะแพทยศาสตร์ก่อนเล้ย
บูธของคณะแพทยศาสตร์จะอยู่ในตัวอาคารทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสองซึ่งเป็นชั้นลอยคล้ายๆดาดฟ้าไม่รู้เค้าเรียกอะไร เริ่มจากชั้นสองก่อนละกันนะ เราเริ่มเดินเข้าไปในชั้นลอย โดยด้านขวามือจะเป็นการแสดง Gross หรืออาจารย์ใหญ่นั่นแหละ ด้วยความที่ยังเช้ามากอยู่คนก็เลยไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่(แต่ก็ถือว่าเยอะอยู่ดี[-*-] )ก๊กเรา (แป้ง ด้าย ติ๊ก) สนใจก็รีบเดินเข้าไปดู ว้าวๆๆๆๆ (ความจริงก็เห็นมาหลายรอบแล้วอ่ะนะ แต่ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี)
อาจารย์ใหญ่ที่เป็นร่างก็มีอยู่ 2 ท่านด้วยกันโดยท่านแรกที่เราไปดูจะเป็นในเรื่องของระบบอวัยวะภายใน อันได้แก่ ตับ ไต ไส้ พุง หัวใจ ปอด ม้าม ฯลฯ แล้วก็มีรุ่นพี่เค้ายืนอธิบายให้ฟัง ซึ่ง.....เราไม่ได้ยิน-*- ง่ะคนเยอะ ไปดูเตียงนู้นก่อนก็ได้วะ แล้วเราก็เดินไปดูอีกเตียงใกล้ๆกันซึ่งไม่มีคนเลย (ทำไมมันแตกต่างกันจังวะ) อาจารย์ใหญ่ท่านนี้จะเป็นในเรื่องของระบบกล้ามเนื้อโดยมีพี่ๆประมาณ 3 คนกำลังยืนเลาะออกเป็นแผ่นๆ(เอ๊ะ หรือมัดๆ)อยู่ พอพี่เค้าเห็นเราเดินเข้ามาก็ทำหน้าตาดี๊ด๊าใหญ่ ประมาณว่า 'เย้ มีคนสนใจกูซักที'แล้วรีบแย่งกันพูดใหญ่ "หวัดดีค่ะน้อง มาจากโรงเรียนกันเนี่ย" พี่ผู้หญิงผมหยิกน่าตาน่ารักคนนึงทักก่อน แล้วเราก็ทำเหมือนเดิม....เปิดเสื้อ พอพี่เค้าอ่านชื่อโรงเรียนเสร็จก้อ "อ้อ....."แล้วพี่ผู้ชายก็เริ่มถาม "น้องอยากรู้อะไรกันครับ อ๊ะนี่!(ยื่นกล่องถุงมือให้)ลองจับอาจารย์ใหญ่กันได้นะครับน้อง" เราก็ใส่ถุงมือกัน แล้วปฏิบัติการ หนึบหนับ หมุบหมับ จึ๊กๆ จับกันใหญ่ ดึงโน่น พลิกนี่กันพัลวัน แล้วเราก็ถามพี่เค้าว่า "พี่คะ หนูอยากเห็น Gartronemius ค่ะ" แล้วพี่ผู้หญิงเค้าก็ชี้ให้ดูแล้วก็ดึงกล้ามเนื้อตรงน่องขึ้นมาอธิบายเพิ่มเติมว่า "ส่วนอันนี้ เรียกว่า Gastrog(หรืออะไรซักอย่างเนี่ยแหละไม่แน่ใจ)นะ มันเป็นกล้ามเนื้อตรงส่วนน่องอ่ะค่ะน้อง เวลาน้องเจอเพื่อนที่ขามันเป็นโต๊ะสนุ๊กน่ะ น้องก้อจะมีศัพท์ใหม่ไว้ด่ามัน 'E gastrog ใหญ่' อะไรอย่างงี้อ่ะค่ะน้อง" แล้วพี่แกก้อหัวเราะหลุดโลกไปเลย เอ่อ เป็นไรมากมั๊ยคะพี่สาว พี่ผู้ชายเริ่มทำหน้าระอากัน แล้วเพื่อให้ไม่เป็นการเสียชื่อนักศึกษาแพทย์ พี่แกก็รีบเปลี่ยนเรื่อง "เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่จะเริ่มสอนชื่อกล้ามเนื้อให้น้อง 1 รอบ แล้วพี่ก้อจะถามน้องว่ากล้ามเนื้อต่างๆนี้มีชื่อว่าอะไรนะครับ" แล้วพี่แกก้อเริ่มสอนไปทีละชื่อ ทีละชื่อ รีบๆซึมเข้าในในสมองสิลูกแม่ เดี๋ยวเสียหน้าแย่เร็วๆเข้า
พอให้เวลาจำซักพัก พี่เค้าก้อเริ่มถาม "อันนี้เรียกว่าอะไรครับน้อง" แล้วพี่แกก็หยิบกล้ามเนื้อแถวๆหน้าท้องขึ้นมา แล้วเราก็ตอบ "External abdominal oblique ค่ะ" โอ๊ยขอบคุณพระเจ้า ดีที่ลูกจำได้ หันไปดูหน้าพี่อีกทีตาแทบถลนออกมาละ 55555+ สะใจ แล้วพี่แกก้อหยิบอันใหม่ขึ้นมา อันนี้รู้สึกว่าเพื่อนๆจะจำได้ด้วย เลยประสานสามเสียง "Deltoid ค่ะ" พี่แกก้อยังไม่ละความพยายาม ชี้ไปที่กล้ามเนื้อซิกซ์แพ็ค เอ่อ....มันชื่อไรวะนั่น "Rec...เอ่อ..Rec..(พี่แกเริ่มทำหน้าตามีชัย)..Rectus abdominis ค่ะ" แล้วพี่แกก็เหี่ยวไปตามระเบียบ 555+ ไม่ต้องตกใจไปค่ะคุณพี่ มันคือความฟลุค(ย้ำ ฟลุค)ค่าาาาาา
หลังจากที่ผ่านอาจารย์ใหญ่แห่งกล้ามเนื้อมาแล้ว เหลือบไปมองอาจารย์ใหญ่แห่งอวัยวะภายในก็ยังไม่ว่างซักที ไปที่ skeleton ก่อนก็ได้วะ แล้วเราก็เดินไปที่ฐาน skeleton กันซึ่งฐานนี้มีพี่ผู้หญิงยืนอยู่คนเดียว บนโต๊ะมีกระดูกแยกชิ้นวางอยู่มากมาย ข้างโต๊ะด้านขวาก็มีโครงกระดูกต่อกันเป็นรูปคนแขวนอยู่ แต่สิ่งที่แตกต่างจากฐานอื่นอย่างเห็นได้ชัดคือ สีหน้าหวาดกลัวน้องๆของพี่เขา แล้วเมื่อเราเดินเข้าไปถึงโต๊ะที่วางกระดูกของอาจารย์ใหญ่อยู่พี่แกก็ทัก(อย่างจำใจ) "หวัดดีค่ะน้อง" แล้วเราก็ยกมือไหว้พี่พร้อมกับ "หวัดดีค่ะพี่" เอ่อ....พี่เอายาดมมั๊ยคะเนี่ย ท่าทางเหมือนอยากจะเป็นลม แล้วพี่แกก้อเริ่มพูด "เอ่อ...พอดีพี่เพิ่งอยู่ปีหนึ่งนะคะน้อง ก้อเลยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก" อ้อ...นี่เองสาเหตุของอาการขาดเลือดบนใบหน้าพี่แก แล้วพี่แกก็เริ่มสอนโดยหยิบกระดูกเท้าด้านขวามา "นี่เป็นกระดูกเท้านะคะ นี่เรียกว่า tarsal metatarsal และก้อ phalanges ค่ะ" แล้วพี่แกก้อเริ่มชี้ไปที่กระดูกต้นขา "นี่เรียกว่า Fe...เอ่อ...Fe..." " Femur ค่ะพี่" แล้วเราก้อช่วยพี่ตอบ พี่แกก้อทำหน้า้เหมือนนึกออกขึ้นมา "อ้อ ใช่ๆFemur ค่ะน้อง เป็นกระดูกที่รับน้ำหนักมากที่สุดในร่างกาย"แล้วพี่แกก็ชี้ไปที่กระดูกหน้าขา "แล้วอันนี้ก็เรียกว่า....เอ่อ....ว่า..." "Tibia รึเปล่าคะ?" "อ้อๆๆๆใช่ค่ะ Tibia" ขณะที่พี่แกทำหน้าตาอยากร้องให้อยู่ ก็มีพี่ปีสามคนนึงเดินผ่านมา พี่แกเหลือบไปเห็นก้อรีบไปคว้าตัวพี่ปีสามไว้เหมือนกลัวพี่แกจะสะดุดขาตัวเองล้มแล้วเกิดไปเป็นโกโก้ครั้นซ์ พร้อมกับลากมาที่โต๊ะ "พี่ๆช่วยหนูหน่อย น้องเค้าฟิตมากเลยอ่า รู้จักกระดูกหมด หนูสอนไม่ได้อ่าาา >.<" พี่แกเริ่มอธิบายเป็นการใหญ่ แล้วก็รีบจรลีหนีไปโดยปล่อยให้หน้าที่นี้ตกเป็นของพี่ปีสามผู้เคราะห์ร้าย แล้วพี่แกก็หันมาทางพวกเราแล้วเริ่มสอน พี่แกหยิบกระดูกสะบ้าหัวเข่าขึ้นมาแล้วถามพวกเรา "อ่ะน้องครับ กระดูกี้มีชื่อว่าอะไร" แล้วเราก็ตอบ "patella ค่ะ" แล้วพี่แกก็ถามต่อ "แล้วน้องรู้มั๊ยครับ ว่าอันนี้ข้างซ้ายหรือข้างขวา" โอ....ถ้าหนูรู้หนูคงไปเป็นหมอได้แล้วค่ะพี่ พอดีหนูไม่ได้ฉลาดขนาดน้านนนนนนนนน "ไม่ทราบค่ะ" พี่แกยิ้มแล้วเริ่มอธิบายให้ฟัง "น้องเห็นปลายแหลมๆนี่มั๊ยครับ น้องจับมันทิ่มลงไปข้างล่างแล้วดูซิ ว่ากระดูกมันเอียงไปทางไหน" เอ....ทางไหนหว่า แล้วเราก็ตอบ "ทางขวาค่ะ" พี่แกยิ้มแล้วอธิบายอีก "งั้นก็เป็น patella ด้านขวาครับ วิธีสังเกตง่ายๆเลย คือว่า ถ้ามันเอียงไปทางด้านไหนมันก็เป็นกระดูกด้านนั้นแหละครับ" ว้าวๆๆๆ ความรู้เพิ่มเติม ขอบคุณมากค่ะพี่
PS.เนื่องด้วยวันนี้ง่วงอย่างแรงขอพักการเล่าเรื่องไว้ก่อน ส่วนจะว่างมาต่อวันไหนนั้น โปรดติดตามชมตอนต่อไปค่ะ
Create Date : 23 สิงหาคม 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 23 สิงหาคม 2552 23:58:49 น. |
Counter : 321 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
"แล้วตกลงไอ้ curare นี่มันมีอยู่ในพืชชนิดไหนเหรอคะ จะเอาไปอาบหัวปากกาแล้วแทงเพื่อนเล่น 555+"
เออเอาเป็นว่ามีในภาคใต้ของประเทศไทยมีนะครับ ลองหา Google น่าจะเจอครับ ด้วยจรรยาบรรณคนหล่อไม่สามารถบอกได้จ๊ะ ฤทธิ์ของเจ้า curare นี้ไม่ใช่เล่นๆนะจ๊ะ หุหุ
พี่เข้ามาอ่าน blog น้องพี่ก็ตะลึงๆ อึ้ง เลยนะ
น้องเก่งมากๆครับตอนพี่อายุเท่าน้องยังมัวแต่ทำอะไรไม่รู้555+ แล้วอีกอย่างสมัยพี่เจอ อ. ใหญ่ใจยังหวิวอยู่เลยกว่าจะตั้งสติได้ โอ้วสุดยอดเลย
เด็กรุ่นใหม่เก่งมากเลยนะนี่