เรามาศึกษากันจ้าว่า เคสไอโฟน มีกันกี่ประเภท ??

ปกติแล้ว เคสไอโฟน จะแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ด้วยกัน 4 ประเภท ดังนี้ค่ะ

1. Soft Case (เคสนิ่ม)

2. Hard Case (เคสแข็ง)

3. Hybrid Case (เคสลูกผสม)

4. Leather Case (เคสหนัง)

   
   
   
   
   นอกจากนี้เคสทั้ง 4 แบบยังสามารถแบ่งออกเป็นชนิดย่อยๆ ได้อีกหลายชนิดค่ะ แต่ที่เราแบ่งเป็น 4 แบบ คือการแบ่งประเภทเคสไอโฟน แบบคร่าวๆ เพื่อง่ายต่อความเข้าใจค่ะ
   
   
   ต่อไปเราจะมารู้จักชนิดเคสไอโฟนแต่ละแบบกันนะค่ะ
   
   

1 .เคสไอโฟนแบบ Soft Case (เคสนิ่ม) แบ่งได้อีก 2 ประเภทย่อย คือ

1.1 Silicone Case (เคสไอโฟนแบบซิลิโคน)

1.2 TPU Case (เคสไอโฟนเนื้อวัสดุ TPU)

1. เคสไอโฟนแบบ soft case ที่ขายตามท้องตลาดส่วนมากจะเป็นแบบ เคสซิลิโคนค่ะ เนื่องจากราคาถูก ผลิตง่ายทำให้ผลิตออกมาได้ทีละจำนวนมากๆ 

ข้อดีของเคสไอโฟน ประเภทซิลิโคนคือ

1. ทนทานสูง เนื่องจากมีความยืดหยุ่นที่ดี ตกมาแล้วไม่แตก ทำให้รับแรงกระแทกได้เยอะ (เหมาะสำหรับคนที่ซุ่มซ่ามหน่อย ชอบทำตกประจำ หุหุ)

2. เมื่อเคสไอโฟน สกปรกก็สามารถเอาไปทำความสะอาด โดยการล้างน้ำได้เลยค่ะ (เช่น เลอะคราบน้ำลาย ก็เอาไปล้างแล้วก็เช็ดๆๆ ได้เลยค่ะ ง่ายดี หุหุ)

3. สวมใส่กับตัวไอโฟนง่ายค่ะ เพราะตัวเคสไอโฟนจะมีความเหนียวและความยืดหยุ่นสูง เหมือนหนังยางมัดผมค่ะ ดึงยืดตามสะดวกเลยค่ะ ทำให้ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถใส่เคสไอโฟนแบบนี้ได้เองเลยค่ะ 

4. เป็นเคสไอโฟน ที่มีแรงเสียดทานสูงค่ะ สามารถยึดเกาะ กับสภาพผิวอื่นๆ ได้ดี ไม่ลื่นหล่นง่าย เช่น การวางไว้ขอบโต๊ะ การถือใช้งาน เป็นต้น

   
   

ข้อเสียของเคสไอโฟนประเภทนี้ คือ

1. เป็นเครื่องดูดฝุ่นค่อนข้างดีเลยค่ะ เนื่องจากสภาพพื้นผิวมีความเหนียวและหนืดสูง เวลาฝุ่นเกาะแล้ว ยากจะปลดปล่อยค่ะ (แต่อย่างว่าค่ะ ตามเทรนด์ค่ะ ฝุ่นเกาะจนดำแล้วก็เปลี่ยนใหม่ค่ะ)

2. ห้ามโดนความร้อนหรืออยู่ใกล้ความร้อนค่ะ เพราะจะทำให้เคสไอโฟนเสียรูปทรงได้ เนื่องจากจะเกิดการขยายตัวของเคสไอโฟน พองตัวขึ้น จนกลายเป็นเคสไอโฟน ไซส์ใหญ่กว่าปกติ จึงมิสามารถใส่กับเครื่องไอโฟน ขนาดเดิมได้ค่ะ

3. เคสซิลิโคนจะเสื่อมสภาพหลังใช้ ประมาณ 6 เดือนค่ะ ใครปู้ยี้ปู้ยำ มันเยอะหน่อย สภาพอาจจะเสื่อมเร็วก่อนกำหนดค่ะ หุหุ อีกทั้ง เคสซิลิโคน ถ้าซื้อเกรดต่ำมากๆ อายุการใช้งานก็จะสั้นเร็วกว่า 6 เดือนอีกค่ะ เนื่องจากคุณภาพซิลิโคนไม่ได้มาตราฐาน ค่ะ 

2. เคสไอโฟน แบบ soft case อีกชนิด คือ TPU Case หรือย่อมาจาก Thermoplastic Polyurethanes  เคสไอโฟนชนิดนี้มีแตกต่างจากเคสไอโฟน แบบซิลิโคน อย่างเห็นได้ชัดคือ ความยืดหยุ่นจะน้อยกว่า แต่จะมีการคงรูปที่มากกว่า ทำให้เวลาใช้ไปนานๆ เคสไอโฟนประเภทนี้จะไม่มีการเสียรูปทรง หรือถ้าเสียก็น้อยมาก

ข้อดีของเคสไอโฟน แบบ TPU Case คือ

1. อายุการใช้งานจะยาวนานขึ้น เนื่องจากมีความคงทนที่มากกว่าเคสซิลิโคน

2. ทนทานต่อแรงกระแทก แม้อาจไม่มากเท่าเคสซิลิโคน แต่ก็ยังเป็นปราการด่านหน้าให้เรา ตอนเราทำเครื่องไอโฟนเราหล่นได้

3. ฝุ่นไม่เกาะติดง่ายเหมือนซิลิโคน ทำให้ไม่ดูมอมมากเมื่อใช้ไปนานๆ 

4. การสวมใส่กับเครื่องไอโฟน ยังง่ายอยู่ เนื่องจากเคสประเภทนี้ยังมีความยืดหยุ่นอยู่บ้าง ทำให้สามารถสวมใส่เองได้สะดวก

ข้อเสียของเคสไอโฟนประเภท TPU Case คือ

1. การเกาะติดพื้นผิว จะน้อยกว่าเคสซิลิโคน ทำให้การลื่นหลุดมือจะง่ายกว่าเคสซิลิโคน (ดังนั้น ถ้าใครซุ่มซ่ามมาก แนะนำให้ใช้เคสซิลิโคน จ้า หุหุ)

2. ความยืดหยุ่นน้อยกว่า ทำให้รับแรงกระแทกได้น้อยกว่าเคสซิลิโคน เวลาตกพื้น จะเกิดปัญหามากกว่าการใช้เคสซิลิโคนค่ะ

2.เคสไอโฟนแบบ Hard Case (เคสแข็ง) สามารถแบ่งได้หลายแบบ ทั้งแบ่งตามวัสดุที่ใช้ทำ หรือแบ่งตามรูปแบบการใส่ ดังนี้

2.1 แบ่งตามวัสดุที่ใช้ทำ แบ่งออกเป็นออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 

2.1.1. Plastic ราคาถูก-ปานกลาง

2.1.2 Aluminium ราคาสูง เช่น Elementcase, Xcelcase (ถ้าได้เคส aluminuim ในราคาไม่แพง แสดงว่าเป็น เคส aluminium แบบเกรดต่ำ ค่ะ)

2.2 แบ่งออกตามรูปแบบการใส่ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 

2.2.1. Snap On เคสไอโฟนจะถูกแยกออกมาเป็น 2 ส่วน เวลาใช้ก็นำเคสไอโฟนส่วนบน มาประกบกับเคสไอโฟนส่วนล่าง เคสไอโฟนประเภทนี้ 

2.2.2. Slide In สวมใส่โดยการนำโทรศัพท์ไอโฟนเลื่อนเข้าไปใน เคสไอโฟนชิ้นใดชิ้นนึงก่อน แล้วจึงประกบอีกชึ้นเข้ากับอีกด้าน

ข้อดีข้อเสีย ของเคสไอโฟนแบบ Hard Case ทุกแบบจะแตกต่างกันไม่มากค่ะ ดังนี้

ข้อดี 

1. ความทนทานต่างกันเท่านั้น เนื่องด้วย เคสไอโฟนแบบ Plastic ย่อมแตกหักง่ายกว่าเคสไอโฟนแบบ Aluminium 

ข้อเสีย

1. เคสไอโฟนแบบAluminium มีปัญหาใหญ่ คือเรื่องการรับสัญญาณของโทรศัพท์ และทำให้จับ GPS ได้ไม่ดีหรืออาจจะไม่ได้เลย ดังนั้นหากจะเลือกซื้อเคสไอโฟน ประเภทนี้ควรเลือก เคสไอโฟนแบบพลาสติก จะดีกว่า ยกเว้น เคสไอโฟน aluminium อันนั้นจะแก้ไขปัญหานี้แล้ว อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากทางเว็บไซค์ผู้ผลิต เช่น Xcelcase จะใช้ วัสดุที่เป็น Plastic แทนในส่วนของการรับสัญญาณ ทำให้ไม่มีปัญหา แต่การติดตั้งมักยุ่งยาก และมีน้ำหนักมาก

เคสไอโฟนแบบ Slide In 

3.เคสไอโฟนแบบ Hybrid Case เป็นเคสไอโฟนแบบลูกผสมระหว่าง Soft Case กับ Hard Case ดังนั้นจึงเป็น เคสไอโฟน ที่รวมเอาข้อดีของเคสไอโฟน ทั้ง 2 ชนิดเข้ามาไว้ด้วยกัน โดยปกติแบบที่ขายกันส่วนมากจะเป็น Silicone + Plastic ซะส่วนมาก 

ข้อดีของเคสไอโฟนประเภท Hybrid Case คือ

1. ได้ข้อดีเรื่องความยืดหยุ่นจาก Soft Case ที่มักอยู่ติดกับตัวเครื่อง

2. ได้ข้อดีเรื่องความแข็งแรงทนทาน คงรูปนานและไม่เสียรูปทรงจาก Hard Case ซึ่งส่วนนี้เองที่ทำหน้ารักษารูปทรงของ Soft Case ภายในทำให้ไม่เกิดการขยายตัวมากเกินไป

3. มีความเสียดทานของ soft case อยู่ ทำให้เพื่มการยึดเกาะในทุกพื้นผิวได้ดี

4. รับแรงกระแทกได้ดีที่สุด เมื่อเทียบกับเคสไอโฟนทุกแบบ

ข้อเสีย

1. เคสไอโฟนประเภทนี้มักมีขนาดใหญ่กว่าเคสไอโฟนแบบอื่นๆ ทำให้เรื่องความถนัดมืออาจน้อย เพราะขนาดจะดูใหญ่เทอะทะ

2. มักมีปัญหาเรื่องฝุ่นเกาะเคสภายใน เนื่องจากมีส่วนประกอบของ soft case อยู่

3. ส่วนประกอบที่เป็น Plastic ที่ให้มามักแตกหักง่าย เนื่องจากความใหญ่ของเคสทำให้ต้องลดขนาดของเคสลง ทำให้ปริมาณพลาสติกน้อยลง เพื่อให้ไม่ดูใหญ่จนเกินงาม 

Case ประเภทนี้เช่น OtterBox ทุกรุ่น Switcheasy Reptile, Capsule Rebel

4. Leather Case หรือ Case หนัง  สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทมาก แล้วแต่การดีไซน์ผลิตภัณฑ์ของแต่ละที่ จึงมีรูปลักษณ์และรูปทรงแตกต่างกันตามการดีไซน์

ข้อดี

1. สวยงาม ตามแต่การดีไซน์

2. มีความ classic และทันสมัย

3. ง่ายในการสวมใส่เคสไอโฟน  

4. อายุการใช้งานทนทาน เสียหายยาก

ข้อเสีย