คุณสามารถรับประทาน Belara ได้นานแค่ไหน
- ถ้าหากต้องการที่จะคุมกำเนิดด้วยยาปรับฮอร์โมน ก็สามารถทานยาต่อเนื่องไปได้ เป็นระยะเวลาหลายปี แต่ในเอกสารกำกับไม่ได้ระบุระยะเวลาที่แน่นอนค่ะ แจ้งไว้ว่า หากต้องการรับประทานต่อ ควรให้ความใส่ใจกับ ข้อห้ามใช้ยา รวมถึงข้อมูลที่ควรทราบต่างๆ ที่ได้พูดถีงไปแล้วจาก รีวิวในบล๊อกแรก
- หลังจากที่หยุดรับประทาน Belara แล้ว อวัยวะที่เกียวกับการเจริญพันธุ์ จะกลับมาทำงานในสภาวะปกติ และสามารถตั้งครรภ์ได้ โดยรอบเดือนจะมาตามปกติภายใน 1 สัปดาห์ (หากรอบเดือนยังไม่มาภายใน 2-3 เดือน ควรปรึกษาแพทย์)
รายละเอียดที่ควรทราบโดยสังเขปเกียวกับการใช้ยาปรับฮอร์โมนก็มีข้างต้นที่นำเสนอไปนะคะต่อไปก็มาสรุปผล และแนวโน้มของการใช้ยากันค่ะ
***เกริ่นเรืองราวจากประสบการณ์ส่วนตัว :
พบปัญหา ฮอร์โมนไม่สมดุลตั้งแต่สมัยวัยรุ่นช่วงมหาวิทยาลัย จนถึงปัจจุบัน มีผลให้ (เมือก่อน)มีสิวอักเสบเรื้อรังที่หน้าเป็นจำนวนมาก เป็นระยะเวลาหลายปีค่ะ 4ปีในมหาวิทยาลัยนี่มีสิวอักเสบ หนองตลอด รักษาหายด้วยการพบแพทย์ผิวหนัง รักษาด้วยยากรดวิตามินเอช่วงที่เป็นสิวมาก จะมีสิวผดที่หลังด้วย ผิวหน้ามัน หนังศรีษะและเส้นผม มันเส้นขนหนา ดก
(ปัจจุบันก็เป็นอยู่) มีรอบเดือนไม่ปกติด้วย ถ้าไม่ทานยาปรับประจำเดือนคือ จะมีรอบเดือนไม่ตรงบางทีข้ามไปเลย 2 เดือน มี อาการ pms บวมน้ำ + ท้องอืด + ท้องเสีย + ปวดท้อง(แต่หลายๆ ปีจะปวดท้องซักหน แต่เวลาปวดจะปวดมาก ทำอะไรไม่ได้เลย นอนอย่างเดียว)เจ็บจิ๊ดๆ หน้าอกบ้าง (นานๆ ที)
ในเบื้องต้นนี้ลองทานไป 3 เดือนตั้งแต่ เดือน กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน 2555 ค่ะเดือนนี้ก็เลยมาสรุปผลการรับประทานว่าทานแล้ว แนวโน้มจะเป็นอย่างไรบ้าง
ระยะเวลาทดลองการรับประทานแผงที่ 1 เดือน กรกฎาคม 2555 :
- วันจันทร์ 09-07-2012 เริ่มรับประทาน Belara แผงแรก
- วันอาทิตย์ 29-07-2012 สิ้นสุดรับประทาน Belara แผงแรก ในช่วงนี้ ให้เว้น 7 วัน จะมีรอบเดือนภายใน 2-4 วัน
- วันพุธ 01-08-2012 มีรอบเดือน (วันที่ 3 หลังรับประทานยาหมดแผงแรก)
ระยะเวลาทดลองการรับประทาน แผงที่ 2 เดือน สิงหาคม 2555 :
- วันจันทร์ 06-08-2012 เริ่มรับประทาน Belara แผง 2
- วันอาทิตย์ 26-08-2012 ทานยาหมดแผง 2
- วันพุธ 29-08-2010 มีรอบเดือน (วันที่ 3 หลังรับประทานยาหมดแผงแรก)
ระยะเวลาทดลองการรับประทานแผงที่ 3 เดือน กันยายน 2555 :
- วันจันทร์ 03-09-2012 เริ่มรับประทาน Belaraแผง 3
- วันอาทิตย์ 23-09-2012 ทานยาหมดแผง 3
- วันพุธ 26-09-2012 มีรอบเดือน (วันที่3 หลังรับประทานยาหมดแผงแรกเด๊ะๆ ร่างกายรู้ได้ยังไงนะ ร่างกายคนนี้มหัศจรรย์จริงๆนิ อิอิ)
ความเปลียนแปลงที่สังเกตุได้จากการทาน Belara 3 Cycles :
[ในช่วงการรับประทานยา เปรียบเทียบกับก่อนรับประทานยา]
- 3 เดือนมานี่ ระหว่างรับประทาน แทบจะไม่มีสิวฮอร์โมนขึ้นเลยค่ะ ถ้ามีก็เม็ดจิ๋วๆไม่อักเสบ ยุบหายเอง [โดยปกติ ในช่วงใกล้มีประจำเดือน จะมีสิวบริเวณ กราม คาง บริเวณขมับ(บางครั้ง)]
- เรื่องอาการ PMS ต่างๆ เช่น คัดหน้าอก ปวดท้อง เมื่อยตัวแทบจะไม่มีเลยค่ะ [ปกติจะไม่ปวดท้อง นานๆ ทีจึงจะมีอาการ แต่การเมื่อยหลังเมือยตัวมากในวันแรก ก็ดีขึ้นค่ะ เมื่อยตัวน้อยมาก มักจะเป็นตอนตื่นนอนพอได้ยืดเส้นยืดสาย อาการก็หายไป]
- อาการท้องอืด แก๊สในกระเพาะมาก ท้องบวม ท้องผูก เข้ามาเดือนที่ 3 ดีขึ้นมากค่ะเกิดอาการท้องอืดน้อยลงไปเลยค่ะ น่าจะเริ่มเข้าที่
- น้ำหนักค่อนข้างคงที่นะคะ ที่เห็นชัดๆ เลยคือ ไม่บวมน้ำและไม่ได้รู้สึกอยากอาหารมากเป็นพิเศษน้ำหนักจะสวิงอยู่ที่ -1.5 ถึง +1.5 กิโลกรัมดังนั้นก็จะอยู่ที่ 45.5 -46.5 พีคสุดๆไม่เกิน 47 กก. แต่ไม่กีวันก็จะลงมาได้อยู่มาตรฐานเดิม [ปกติที่ยังไม่ได้ทานBelara น้ำหนักขึ้น 1-1.5 กก บวมน้ำบ้าง และอยากทานอาหารรสจัดๆ มาก]
- สภาพผิวจากมันมาก ก็กลายเป็น ผิวผสม มัน T-Zone แต่งหน้าทาแป้งติดดีขึ้น^ ^ อีกอย่างพอไม่มีสิวมากวนใจก็ไม่ต้องมานั่งโบก รองพื้นคอนซีลเลอร์มากมายด้วยค่ะ สบายดี
- สภาพเส้นผมยังคงมันง่าย หลังสระวันที่ 2 จะเริ่มมันค่ะ
- การร่วงของเส้นผม ร่วงปกติ เนื่องจากไว้ผมยาวระหว่างวันก็ไม่ค่อยร่วงนะคะเพราะจะสางหลังตื่นนอนตอนเช้าทุกวัน
จากการลองทาน Belara 3 cycle ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นซึ่งถ้าทานต่อเนื่องไปก็น่าจะได้ผลที่น่าพอใจในเรืองการปรับฮอร์โมนให้สมดุล พอร่างกายเริ่มสมดุลก็ส่งผลให้ได้ผลพลอยได้ในเรืองผิวพรรณไปด้วย เช่น ผิวพรรณดูละเอียด สดใสขึ้น ดูไม่กร้านเหมือนตอนไม่ได้ทาน เพราะทานแล้วผิวขับน้ำมันลดลง รูขุมขนก็ไม่กว้างมาก และช่วยเรืองสิวรวมถึงใบหน้าหมองไปในตัวด้วย ก็เรียกว่า ทานแล้วก็ได้อานิสงฆ์ในด้านดีหลายทอดไปค่ะ
เพิ่มเติม ในเดือนที่ 4 รอบเดือนมาปริมาณปกติไม่กระปริดกระปรอยแล้วนะคะ เนื่องจากการเริ่มทานฮอร์โมนครั้งแรก หรือ การเปลี่ยนฮอร์โมนจะทำให้รอบเดือนมาปริมาณยังไม่ปรกติใน 1-3 cycle แรกค่ะ ^ ^ ไม่ต้องกังวลนะคะ นอกจากว่า เดือนที่ 4 แล้วยังรอบเดือนยังมาไม่ปกติ ก็แนะนำว่าไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหาเป็นเคสๆ ไปค่ะ