|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
@ อยู่ที่ไหน ไม่สำคัญ
กลับมาอยู่บ้านเราเถอะ ที่นี่ก็มีงานให้ทำ ตำแหน่งงานที่อำเภอก็ยังพอมีนะ หรือไม่ก็มาเป็นอาจารย์สอนหนังสือก็ได้ ทำอย่างกับมันง่ายไปหมดยังงั้นแหละ แล้วถ้ามันไม่ได้ล่ะ ต้องมาเริ่มต้นอะไรอีกหลาย ๆ อายุก็ไม่น้อยแล้วไม่เอาดีกว่า อยู่โน่นเงินเดือนจะเท่าไหร่ จ่ายค่าบ้าน ค่ารถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอะไรต่อมิอะไร เดือนๆ จะเหลือสักเท่าไหร่ จะไปคิดอะไรมากล่ะ เหลือเท่าไหร่ก็ช่างเถอะ ตายก็เอาไปไม่ได้ ขอแค่มีความสุขก็พอแล้วน่า คิดอย่างนี้ไง ถึงมีแต่ตัว ไม่ร่ำรวยกะเขาสักที นึกถึงถ้อยคำที่เคยคุยกับพี่ชายเมื่อเดือนก่อน ในช่วงวันหยุดที่หลบหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง กลับไปนอนกินลมชมวิว ที่บ้านต่างจังหวัด แน่ละพ่อกับแม่คงดีใจที่ฉันจะกลับไปอยู่ใกล้ ๆ ไม่มีใครหรอก ที่อยากจากบ้านต่างเมืองไปตั้งรกรากอยู่ที่อื่น ที่ไม่ใช่ถิ่นฐานบ้านเกิดของตัวเอง รวมทั้งตัวฉันเองด้วย ลึก ๆ ในใจก็ปรารถนาเสมอที่จะกลับไป ฉันทบทวนหลายครั้งหลายหนถึงการพลิกผันอนาคตของตัวเองกลับไปอยู่ในอ้อมกอดมารดา
แต่ชีวิตฉันเริ่มต้นที่นี่ ที่มหานครอันยิ่งใหญ่ เรียนรู้ทั้งให้และรับ สุขและทุกข์อยู่ที่นี่มาเกือบครึ่งชีวิต บางครั้งก็อยากกลับไปอยู่บ้านดูแลพ่อแม่บ้างในยามที่ท่านแก่เฒ่า และก็คงจะดีอยู่หรอกถ้าได้มีโอกาสเอาความรู้ไปพัฒนาบ้านเกิด แต่บางทีอายุที่ผันผ่านไปตามวันเวลาก็ทำให้เราหวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง เพราะหากพลาดพลั้งหรือไม่ใช่ทางที่หัวใจปรารถนา กำลังใจและเรี่ยวแรงที่จะลุกมาเริ่มต้นหาเส้นทางใหม่คงเหลือน้อยเต็มที บางทีคงเป็นอย่างที่พี่ชายเคยพูด เพราะฉันไม่ค่อยดิ้นรนอยากได้อยากมี นอกจากมีความสุขกับชีวิตไปวันวัน จึงไม่ร่ำรวยเหมือนคนอื่นๆ ฉันไม่เถียงหรอกแต่ฉันก็ภูมิใจในสิ่งที่ฉันเลือกทำ และเลือกเป็น
บ้านนอกในวันนี้ ก็ไม่ได้ต่างจากเมืองหลวง ที่ต้องใช้เงินซื้อทุกสิ่งทุกอย่าง หาใช่แลกเปลี่ยนได้ด้วยน้ำใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เหมือนวันคืนก่อนเก่า รั้วรอบขอบชิดที่เคยนับถือเป็นญาติสนิทสมัยปู่ย่าตายาย แต่กลับกลายเป็นคนแปลกหน้า เมื่อมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ที่ต่างคนก็ต่างอยู่
ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปแล้ว หลายอย่างเปลี่ยนตามรวมทั้งวิถีการดำเนินชีวิตของชาวนา กลับบ้านไปคราวนี้มีแต่ข่าวการขายที่นา ที่ทำกินกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด บางคนเพื่อต้องการไถ่ถอนหนี้สินที่ทับถมมาจากการลงทุนทำนาที่ขาดทุนย่อยยับเพราะแล้งน้ำเมื่อปีที่แล้ว และบางคนก็เพื่อย้ายหลักปักฐานมาทำมาหากินต่างถิ่น และอีกหลายคนที่ขายที่นา เพื่อให้ได้มาซึ่งรถกระบะคันโตป้ายแดง เพื่อให้เท่าเทียมกับบ้านเรือนข้างเคียง
พ่อเคยมองท้องนาอย่างทอดถอนใจ พลางเปรยให้ฉันฟังอย่างไม่ต้องการคำตอบหรือคำมั่นสัญญา นอกจากระบายความรู้สึกข้างในของพ่อ ในวันที่เรานั่งจิบเบียร์ดูทุ่งข้าวที่พลิ้วไหวสะท้อนแสงสีล้มลำสุดท้ายของวันอย่างเหงาหงอย อยู่ด้วยกันสองคน ว่าวันหนึ่งที่พ่อตายลูกๆ คงขายที่นา ไปตั้งรกรากและครอบครัวที่อื่นเหมือนกันกับลูกหลานของบ้านอื่น ๆ ในละแวกนั้น ฉันนั่งฟังเงียบงัน ไม่ได้สัญญากับพ่อว่า ฉันจะไม่ขายที่ในส่วนของฉัน เพราะฉันไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ฉันให้คำมั่นกับตัวเองว่าจะเก็บมันไว้ด้วยชีวิต เพื่อจะได้มีผืนดินบ้านเกิดให้กลับมาเมื่อยามแก่เฒ่า กลับมาเพื่อมองข้าวเขียว ๆ ในท้องนาที่เคยรดด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของพ่อกับแม่ จนทำให้ฉันเติบโตมาถึงวันนี้
ฉันว่าเราทำอะไรอยู่ที่ไหนไม่สำคัญหรอก สำคัญที่เราทำหน้าที่ของเราได้สมบูรณ์หรือเปล่า เพราะถึงตัวฉันจะอยู่ที่นี่ แต่ทุกขณะจิตของหัวใจ ไม่เคยลืมบ้านเกิดแม้สักเสี้ยวนาที และสุดท้ายของบั้นปลายชีวิตฉันยังคิดฝังศพของตัวเองที่พื้นดินบ้านเกิดอันแสบอบอุ่น บ้านที่ฉันปรารถนาจะกลับไปอยู่เสมอ
Create Date : 13 ตุลาคม 2548 |
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2549 20:26:52 น. |
|
1 comments
|
Counter : 579 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อมยิ้ม ตาหยี IP: 58.147.54.97 วันที่: 6 สิงหาคม 2549 เวลา:17:48:14 น. |
|
|
|
|
|
|
|