♪♭ มนต์รักนวลจันทร์ - สุเทพ-เพ็ญศรี♭♪
มนต์รักนวลจันทร์ - สุเทพ-เพ็ญศรี คำร้อง ทวีปวร และ สง่า อารัมภีร ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน |
ช. เดือนเด่นลอยคว้างกลางสรวง ทอแสงช่วง นวลอะคร้าวพราวพราย เมื่อมองเดือนใจเราสะเทือนไม่วาย สงสัยว่า เดือนอาย แก่นางฟ้าลาวัลย์
ลม ที่เคยพริ้วโชยมา ดูเหมือนว่า ตะลึงจนหลงงงงัน เพลินชมนาง ที่แสนสะอางพร่างพรรณ โอ้ลมและดวงจันทร์ หมายมั่นนางดั่งเรา
จงโปรดมองดูข้านี้ ในทรวงนี่ มีแต่รักนงเยาว์ อาบอิ่มใดแม้เห็นนวลนางเพียงเงา ก็คลายทุกข์คลายเศร้า หายร้อนรุ่มอุรา
นวลนางเอย ไยไม่เอ่ยคำ ร้องขับลำนำ เป็นมนต์รักตรึงตรา จงเอ็นดู ยวนยิ้มเผยวาจา ให้ฟ้าและดินถวิลท่ามกลางนวลจันทร์
ญ. แผ่นฟ้าพราวพรรณแจ่มใจ ตระหนกกระไร แม้มีใครจะมาสัมพันธ์ ถิ่นนี้เคยอยู่ นิรันดร์ สงบสพสรรค์ไร้คนข้องเกี่ยวเรานี้
กลิ่นซึ้งสุคนธ์ อบอวล แต่ใจยังครวญหวนแต่ในสิ่งเลอศรี หาใดในแหล่งปฐพี ฤาเทียบภาระเรามีซึ้งสุดใจ
คนธรรพ์จะครวญเพลงทิพย์วิมาน นภางค์ตระการวิภา เพราะจันทร์แจ่มเลอไฉไล
สุด แดน แม้นองค์เทพทวยรักใด จากชั้นทิพย์ประทาน สถานฟ้องฟ้า
จิตนี้ธำรง ยั่งยืน หากหน่ายกลับคืน เป็นบาปอยู่ ตรึง ตรา รักเราที่มุ่ง ศรัทธา ให้ทั่วโลกา สุดซึ้งสุดดังใจ
ช. นาง นภาพรรณผ่องอำไพ สิ่ง ซึ่ง วิ ไล นั้น เลิศ เลอ เพราะ ด้วยใดกัน
ญ. นั้นฤา สิ่งอันผจงห่อฟ้า อำพัน สิ่งนั้นสรรค์ให้จิตใจ ใหลหลง นามว่าเมฆา
ช. นาง สายลมบรรเจิดชีวา แจ่มใจ นี้นานั้นเลิศเลอ เพราะด้วยอันใด
ญ. ดอก ไม้ สุคนธ์ มนต์รัก ชื่นใจ
ช. เหตุใดหนอนางว่ารัก
ญ. เมื่อจันทร์ซบพักตร์เมฆา
ช. เหตุใดหนอจึงจันทราแมกมน
ญ. สุดซึ้งเสาวคนธ์
ช. ดุจมนต์ดลใจ
พร้อม แจ่มจันทร์ ขวัญ ใจ สอง เรา
เพลง "มนต์รักนวลจันทร์" นอกจากมีลีลาครบลักษณะเพลงไทยสากลสมัยก่อนแล้ว ยังมีลักษณะเด่นที่คนฟัง คาดไม่ถึง คือมีความเป็นวรรณคดีอยู่ในตัว ใจความของเพลงเป็นฉากที่เทพบุตร ซึ่งคงจะสุดหล่อด้วย เข้าทำลายพิธีทอผ้าใยบัวภายใต้แสงจันทร์ของนางประจัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นสาวสวย เมื่อเทพบุตรจีบเอาซึ่งหน้าด้วยคำหวานไพเราะ มีหรือใครสุดท้ายจะไม่ใจอ่อน เรื่องทั้งหมดมีว่า…
เมื่อพระรามเสร็จศึกทศกัณฐ์แล้ว ยังมีศึกต่อเนื่อง (after shock) อีกหลายครั้ง หนึ่งในจำนวนนั้นคือศึกอุณาราช อุณาราชนี้เดิมเป็นเทพบุตร แต่ถูกพระอิศวรสาปให้มาเกิดเป็นยักษ์ ครองกรุงมหาสิงขร ได้รับพรว่าอาวุธมีฤทธิ์จะฆ่าอุณาราชไม่ได้ เมื่อพระรามเดินดงเพื่อไถ่บาปที่หึงนางสีดา ระหว่างทางได้แวะสรงน้ำในสระน้ำของอุณาราช พวกพลลิงลงเล่นน้ำด้วยพากันเล่นสนุกเจี๊ยวจ๊าวตามประสาลิง หักดอกบัวดอกไม้ป่นปี้ พลยักษ์จึงเข้าต่อตีผลปรากฏว่าสู้ไม่ได้ สุดท้ายท้าวอุณาราชต้องยกรบ เมื่อพระรามแผลงศรต้องอุณาราช อุณาราชก็ร่ายเวทย์มนต์แล้วลูบลูกศรก็หลุดออก ร้อนถึงพระฤาษีโคศภ เข้าฌานอยู่รู้เหตุการณ์ จึงแนะพระรามให้ใช้ต้นกกทำเป็นลูกศรแผลงไปปักอกอุณาราชตรึงไว้กับแผ่นหิน แม้ไม่ตาย แต่ก็ต้องคำสาปพระรามให้ทรมานอยู่แสนโกฏิปี ท้าวอุณาราชจึงมีฉายาหรือชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ท้าวกกกระหนาก หรือท้าวกกขนาก ซึ่งเป็นชื่อของต้นกกชนิดสามเหลี่ยม ที่พระรามนำมาใช้ทำเป็นลูกศรนั่นเอง
อุณาราช มีมเหสีชื่อนางไวยกาสูร มีธิดาชื่อนางประจัน เมื่ออุณาราชต้องศรต้นกกของพระรามปลิวไป นางประจันเศร้าโศกคร่ำครวญ ข้อความพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 มีว่า "ธิดาว่าโอ้พระบิตุรงค์ ทรงคุณไม่มีที่เปรียบได้ รักลูกดั่งหนึ่งดวงใจ ถนอมเลี้ยงมิให้ราคี"
เรื่องในพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์มีเท่านี้ แต่เรื่องเล่าอันเป็นที่มาของเพลง "มนต์รักนวลจันทร์" มีแยกต่อมาว่า นางประจัน ธิดาท้าวกกขนาก ได้เพียรทำบุญ หวังให้พ่อพ้นทุกข์ทรมานได้ฟื้นคืนชีวิตอีกหน ในคืนเดือนเพ็ญ นางจะทอผ้าจีวรด้วยใยบัวเพื่อถวายแด่พระศรีอาริย์ วันใดพระศรีอาริย์มาโปรด บุญกุศลที่ลูกสาวทำเพื่อพ่อ ก็จะช่วยให้ศรคลายออก ท้าวกกขนากก็จะฟื้นขึ้นมาเร็วขึ้น แต่ปัญหาก็คือว่า หากท้าวกกขนากฟื้น ก็จะต้องจับมนุษย์กิน โลกจะเดือดร้อนอีก เหล่าเทวดาจึงประชุมกัน ส่งเทพบุตรองค์หนึ่งลงมาทำลายพิธีทอผ้าของนางประจัน โดยทำให้นางเคลิ้มหรือหลงรักเทพบุตร จิตของนางก็จะหมองด้วยกิเลส การทอผ้าใยบัวถวายพระศรีอาริย์ก็เป็นอันล้มเหลว ท้าวกกขนากก็ต้องถูกตรึงทนทุกข์ทรมานไปจนครบแสนโกฏิปี โลกก็ยังปลอดภัยไปอีกนาน
ฉากของเพลง "มนต์รักนวลจันทร์" จับความเมื่อเทพบุตรปรากฏกายขึ้นขณะนางประจันกำลังทอผ้าด้วยใยบัวภายใต้แสงจันทร์ เทพบุตรรำพึงรำพันค่อยซักถามนางทีละเรื่องสองเรื่อง ทีแรกๆนางก็ตั้งป้อมรับ ตอบคำถามเฉไฉ แต่เพราะความหล่อแบบเทพบุตรไม่เข้าใครออกใคร สุดท้ายของเพลงจึงลงท้ายร้องพร้อมกันว่า "….แจ่มจันทร์ขวัญใจ…..สองเรา"
เพลง "มนต์รักนวลจันทร์"ที่นำมาเสนอ ขับร้องโดยสุเทพ วงศ์กำแหง และเพ็ญศรี พุ่มชูศรี มีด้วยกัน 2 แบบ (version) แบบแรก เป็นแบบที่ได้ยินกันบ่อยๆ คุ้นหู มีแผ่นจำหน่าย และสถานีวิทยุมักเปิดเพลงนี้ออกอากาศ ให้พอได้ฟังกัน ส่วนแบบที่สอง ไม่มีแผ่นจำหน่าย แต่เป็นเพลงจากการแสดงสดหาฟังไม่ได้ทั่วไป ข้อแตกต่างที่สำคัญก็คือ ในแบบที่สอง มีบทสนทนาของเทพบุตรกับนางประจัน ก่อนที่จะขับร้องเป็นเพลงด้วย
ที่มา //www.radiophetchabun.com/view3.php?No=502
Create Date : 20 ธันวาคม 2550 |
|
10 comments |
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2551 11:39:07 น. |
Counter : 2492 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ~Or@nge~ IP: 61.7.160.205 22 ธันวาคม 2550 18:00:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: กานตาลัย IP: 118.172.25.212 12 มกราคม 2551 18:00:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหมู IP: 117.47.48.37 13 มกราคม 2551 1:03:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหมู IP: 117.47.114.161 13 มกราคม 2551 22:03:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้หมู IP: 117.47.55.160 14 มกราคม 2551 12:55:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]
|
blog นี้ได้จัดทำขึ้นด้วยจุดประสงค์ เพื่อให้ทุกท่านที่เข้ามาฟัง ได้รำลึกถึงเพลงเก่าและความหลังในอดีต เพลงทุกเพลงใน blog นี้ มีได้มีเจตนาที่จะละเมิดลิขสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าอยากได้เพลงใด ก็ช่วยอุดหนุนเจ้าของลิขสิทธิ์ด้วยนะครับ
ในส่วนของเพลงไทย ผมขอลบเพลงที่มีขายในท้องตลาด เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้นในภายหลังครับ ส่วนเพลงที่ไม่มีวางขาย จะสามารถเปิดฟังได้ใน "เก็บตก" นะครับ ถ้าท่านใดพบว่าเพลงที่เปิดอยู่ ยังมีวางขาย รบกวนช่วยแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ ผมจะได้ย้ายไปอยู่ใน "เหลือแต่เนื้อเพลง"
กรุ๊ป เพลินเพลงสุนทราภรณ์ ผมขอลบออกทั้งหมด ถ้าต้องการฟังเพลงหรือเนื้อเพลงของชาวคณะสุนทราภรณ์ ขอเชิญที่บ้านคนรักสุนทราภรณ์ ตาม link ข้างล่างนะครับ
ในส่วนของเพลงสากล และเพลงญี่ปุ่น ถ้าท่านใดเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ และไม่ต้องการให้มีการเปิดฟังในบล็อคแห่งนี้ รบกวนให้ช่วยแจ้งทาง Comment หรือ ทางเมล์ ผมจะได้ลบเพลงนั้นทันทีที่ได้รับแจ้งครับ
ขอให้ทุกๆ ท่านที่เข้ามา มีความสุขในการฟังเพลงเก่ากันนะครับ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|