ตอนที่ 1
1 หมอนี่เป็นเจ้าพ่อแนววินเทจหรือไงถึงได้มีของโบราณเยอะแยะขนาดนี้ ไหนเจ้าไกด์ปากม่วงบอกว่าทะเลคาริบเบียนเป็นหนึ่งในทะเลที่สวยที่สุดน่าไปที่สุด และสงบที่สุดไง...สงบกับผีน่ะสิ! แล้วไอ้อภิมหาโคตรคลื่นนี่มันคืออะไรกันหา! มิราคิดอย่างโมโหขณะที่พยายามว่ายขึ้นเหนือน้ำแต่ยิ่งตีขาเท่าไหร่ ร่างกลับยิ่งจมสู่ก้นทะเลลงราวกับมีหินถ่วงขาเธอเอาไว้เด็กสาวทรมานแทบขาดใจ ตัวเกร็งไปหมด พยายามจะไม่อ้าปากหรือหายใจเอาน้ำเข้าไปแต่หลังจากผ่านไปเกือบนาที ขาและมือที่ตีน้ำอย่างแรงก็ค่อยๆ ผ่อนลง มีเพียงสร้อยเพชรโพไซดอนที่ลอยขึ้นราวกับพยายามจะบินออกจากคอเธอ ต้องเป็นเพราะเพชรนี่แน่ๆ...ไอ้เพชรบ้า... มิราคิดอย่างเจ็บใจไม่น่าเชื่อเลยว่าอาถรรพ์จะมีจริง ทั้งที่ผ่านมาเกือบสี่ร้อยปีแล้วนะ! เด็กสาวกระตุกสร้อยออกประหลาดที่มันหลุดอย่างง่ายดายราวกับไม่ได้ติดตะขอ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะแงะจะแซะอย่างไรก็แทบไม่หลุดเธอปามันออกไป แต่แรงดันใต้น้ำทำได้แค่ส่งมันขึ้นไปอย่างนุ่มนวล จังหวะเดียวกันนั้นเองที่ดวงอาทิตย์ผุดขึ้นสาดแสงอรุณกระทบเพชรโพไซดอน แสงสีแดงโชติช่วงพุ่งออกจากใจกลางเพชรทรงหัวใจแผ่ซ่านไปทั่วท้องทะเล คำพูดของพิธีกรในงานประมูลผุดขึ้นในหัวของมิรา เมื่อใดก็ตามที่เพชรโพไซดอนเรืองรองยามต้องแสงแรกแห่งอรุณกงล้อแห่งเวลาจะหมุนคืน แล้วผู้กล้าต่างภพจะปรากฏ ...จากนั้นสติของเด็กสาวก็หายวับไป
ฉันตายหรือยัง คำถามผุดขึ้นในหัวขณะที่ได้ยินเสียงคลื่นซัดสาดสายลมหวิว คลอประสานด้วยเสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว ใต้ทะเลมีนกด้วยหรือแปลกดีแฮะ แล้วนี่ฉันตายหรือยัง ทำไมยังคิดได้ล่ะ หรือฉันกำลังอยู่ในสวรรค์ แต่มันมืดไปหมดสวรรค์ต้องสว่างไม่ใช่หรือไง สงสัยจะเป็นนรก เด็กสาวแว่วเสียงนุ่มทุ้มของบุรุษคนหนึ่งขณะที่พยายามจะขยับตัว นางเป็นอย่างไรบ้างทำไมนางจึงยังไม่ฟื้น เสียงนั้นเต็มไปด้วยความสงสัยและห่วงหา กระผมตรวจดูแล้วนางไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ ที่ต้องกังวล ส่วนเหตุที่นางยังไม่ฟื้นคงเป็นเพราะอ่อนเพลียจากการจมน้ำขอรับอีกเสียงที่ตอบกลับเป็นเสียงแหบๆ เหมือนชายสูงอายุ อีกนานหรือไม่กว่านางจะฟื้นเสียงนุ่มเสียงเดิมถามอีก คงอีกไม่นานขอรับ แล้วข้าต้องทำเช่นไรบ้างเมื่อนางฟื้น คราวนี้เจ้าของเสียงแหบอธิบายยาวนางคงจะหิวท่านต้องคอยหาน้ำและซุปร้อนให้นาง เสร็จแล้วให้นางทานยาที่ผมจัดไว้อย่าให้นางใส่เสื้อผ้าหนาเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายร้อนท่านต้องคอยระบายไอร้อนให้นางขอรับ เข้าใจละขอบคุณมากท่านหมอ ท่านออกไปพักเถอะ ขอรับ มิราได้ยินเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดเหมือนคนกำลังเดินบนแผ่นไม้ ฉันอยู่ที่ไหนผู้ชายพวกนั้นเป็นใคร เขาหมายถึงฉันหรือเปล่า ความสงสัยทำให้มิราดิ้นหนักไม่ช้าปลายนิ้วก็เริ่มมีความรู้สึก จากหนึ่งนิ้ว เป็นสองนิ้ว และค่อยๆไล่ไปยังส่วนบนของร่างกาย ซึ่งก็คือเปลือกตาที่บัดนี้ปรือขึ้นแล้ว สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานไม้สีเข้มแสงระเรื่อส่องมาทางฝั่งซ้ายมือ เมื่อหันไปมองจึงได้เห็นบานหน้าต่างกระจกขอบมนเรียงรายเป็นตับปิดทับด้วยผ้าม่านสีน้ำเงิน เมื่อมองลอดช่องว่างระหว่างผ้าม่านและหน้าต่าง มิราก็เห็นนกหลายสิบตัวที่ล้วนมีลำตัวสีขาวปีกยาวสีน้ำตาลตัดกับเทาสยายออกยามพวกมันบินร่อนไปท่ามกลางท้องฟ้าสีครามใส ทำไมถึงมีนกเพทเร็ลหัวดำเต็มไปหมดเลยล่ะเขาบอกว่ามันแทบจะสูญพันธ์ไปหมดแล้วตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ไม่ใช่เหรอ มิราขมวดคิ้ว นึกถึงสารคดีเกี่ยวกับนกแถบคาริบเบียนที่เคยดู ตื่นแล้วหรือเสียงนุ่มทุ้มดังใกล้ๆ ทำให้มิราหันไปมอง เขาเป็นชายวัยราว 30 ปีใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครา คิ้วเรียวสีดำเหนือดวงตาสีฟ้าอ่อนกำลังฉายแววฉงนปนห่วงใยจมูกโด่งเป็นสันยาวตรงหยุดเหนือริมฝีปากสีแดงธรรมชาติ ข้างใบหน้าคลุมด้วยผมสีดำดัดเป็นลอนเหนือใบหูแลบออกจากใต้หมวกสามมุมสีกรมท่า ขอบหมวกคาดด้วยแถบสีเหลืองทอง มีริบบิ้นสีดำติดที่ปีกหมวกฝั่งซ้าย มิรามองรูปร่างกำยำที่ประดับด้วยเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินเข้มขอบด้านหน้าและตะเข็บเป็นสีทองเหลืองสีเดียวกับกระดุมตามแนวชายเสื้อซึ่งแหวกออกจากกันเผยให้เห็นเสื้อสีขาวขลิบกระดุมทอง 7 เม็ด เรียงจรดลงไปถึงกางเกงสีขาว เครื่องแต่งกายแบบนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ อ้อ...เครื่องแบบทหารอังกฤษสมัยศตวรรษที่ 17 ว่าแล้วเชียว มิราโล่งอกที่นึกออกก่อนจะกลับมาตกใจอีกครั้ง ทำไมหมอนี่ถึงใส่เครื่องแบบนี้ล่ะ! เจ้าคงจะตกใจไม่น้อยแต่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว เขาบอกด้วยเสียงอ่อนโยน คุณ...คุณ...เป็นใคร ข้าคือเรือโทคริสโตเฟอร์เลอแกน เป็นกัปตันเรือลำนี้ เรือโทคริสโตเฟอร์เลอแกน...เหมือนเคยได้ยินที่ไหน...กัปตันเรือ...แสดงว่านี่คงเป็นเรือกู้ภัยมิรานึกย้อนไปถึงความทรงจำสุดท้าย เธอกำลังร่องเรือสำราญกลางทะเลคาริบเบียนร่วมงานประมูลเครื่องประดับโบราณหายาก พ่อของเธอประมูลเพชรโพไซดอนได้ จากนั้น... เจ้าว่าอะไรนะเรือโทคริสโตเฟอร์ทวนถาม ภาพคลื่นโคตรยักษ์หายวับไปมิราสบดวงตาสีฟ้าอ่อนโยนของเรือโทคริสโตเฟอร์ แล้วถามกลับแทนว่า แล้วพ่อฉันล่ะคะ พ่อของเจ้า?อีกฝ่ายขมวดคิ้ว ใช่คุณช่วยพ่อฉันได้ไหม คุณคงไม่รู้จักเขาสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันไปตามหาพ่อเองคุณพาฉันไปพบคนอื่นๆ ที่คุณช่วยขึ้นมาที เรือโทคริสโตเฟอร์เงียบครู่หนึ่งราวกับกลัวว่าคำพูดของเขาจะทำให้คนฟังสะเทือนใจ ข้าพบเพียงเจ้าเท่านั้น คุณว่าอะไรนะหมายความว่า...คนอื่นๆ ตายหมดเลยหรือ มะ...ไม่จริง!ไม่มีใครรอดได้ยังไง หน้าของเด็กสาวซีดเผือดราวกระดาษ ข้าไม่รู้หรอกแต่ข้าเจอเพียงเจ้าลอยอยู่กลางทะเลเมื่อสามวันก่อน สามวัน!นี่ฉันหลับไปนานถึงสามวันเลยเหรอ! เรือโทหนุ่มพยักหน้า เดี๋ยวก่อนแล้วที่ว่าไม่มีใครรอด ไม่จริงใช่ไหม พ่อฉันละ...พ่อ! มิราสะบัดผ้าห่มผืนบางออกจากกายก้าวพรวดลงจากเตียงแล้ววิ่งไปยังประตูไม้ที่สลักด้วยลวดลายอันวิจิตรแปลกตา เดี๋ยว!อย่าเพิ่งออกไป เจ้ายังไม่ได้... เด็กสาวสติแตกจนไม่รอฟังจบรีบผลักบานประตูออกไป ทว่าก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว ร่างก็แข็งทื่อประหนึ่งถูกสาป ภาพตรงหน้าคือใบเรือเหลี่ยมสองเสาขึงสายระโยงระยางพาดผ่านเสากระโดงใหญ่กำลังโต้ลมเหนือบรรดาชายในชุดน้ำเงินขาวราว 100 คน สวมหมวกสามมุมสีทรมท่าตัดขอบขาว มือข้างหนึ่งของพวกเขาถือปืนคาบศิลาและเหน็บดาบคัตลาสส์ไว้ข้างเอว ทะ...ทำไมถึงได้มีทหาร...แล้วทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้...แล้วเรือนี่มัน...มิราขมวดคิ้วราวกับนี่เป็นภาพวาด...ใช่ มันดูเหมือนภาพวาด
ภาพวาดของทหารอังกฤษบนเรือบริแกนทีน...ในศตวรรษที่ 17! ดวงตาหลายคู่จ้องมองมาที่เธอฉงน ตกตะลึง บางสายตาเลื่อนลงต่ำไปที่ระดับหน้าอกและส่วนแสนบอบบางของสตรี มิราเอะใจจึงได้ก้มมองตัวเองพบว่าบัดนี้เธอสวมเพียงเสื้อสีขาวตัวโคร่ง ชายเสื้อยาวถึงเข่า...แค่นั้นจริงๆ ยามลมพัดผ้าจนแนบเนื้ออะไรต่อมิอะไรที่อยู่ภายใต้เสื้อจึงมองเห็นได้ง่ายดาย มิรากอดอกแล้วก้าวถอยจนชนแผงอกกว้างพอหันไปมองก็เห็นว่าเรือโทคริสโตเฟอร์ เลอแกนที่กำลังถือผ้าคลุมผืนใหญ่ เขากางมันออกแล้วคลุมร่างเล็กจนมิด ข้าบอกแล้วว่าอย่าเพิ่งออกไปเพราะเจ้ายังไม่ได้สวมเสื้อให้เรียบร้อย เรือโทคริสโตเฟอร์ลดเสียงเบาเพื่อให้ได้ยินกันเพียงลำพังมิรากระชับผ้าคลุมตัวแน่น ก้มหน้างุดอย่างอับอาย กลับไปทำงานได้แล้วเรือโทคริสโตเฟอร์สั่งเสียงเฉียบแก่ลูกน้องใต้บังคับบัญชา พวกเขารีบสลายตัวราวกับผึ้งแตกรังจากนั้นกัปตันเรือก็ประคองเด็กสาวกลับเข้าด้านใน พาไปนั่งที่เตียง มิราหยุดเท้า แล้วถอยห่างจากเขา เสื้อผ้าฉันไปไหนทำไมฉันถึงได้สวมแค่เสื้อตัวเดียว เธอมองอย่างระแวง ตอนที่เราพบเจ้ากลางทะเลเจ้าไม่มีเสื้อผ้าแม้สักชิ้น กัปตันเรืออธิบาย อะ...อะไรนะ! บนเรือลำนี้มีแต่ทหารกะลาสีรับจ้าง พ่อครัว หมอ ล้วนแล้วแต่เป็นชาย ข้าไม่มีเสื้อผ้าสำหรับสตรีท่านหมอบอกข้าว่าเจ้ามีไข้ ตัวร้อน ต้องสวมเสื้อน้อยชิ้นเพื่อระบายไอร้อน ข้าจึงให้เจ้าสวมแค่เสื้อตัวเดียวความจริงข้าก็อยากให้เจ้าใส่กางเกงของข้า แต่ตัวเจ้าเล็กเกินไป หมายความว่า...คุณก็เห็นฉันโป๊ไม่สิ...ฉันเปลือยอยู่กลางทะเล ป่านนี้คนทั้งเรือคงเห็นฉันไปแล้ว! มิราร้อนฉ่าไปทั้งตัว อายจนอยากจะกระโดดลงน้ำแล้วไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลย ฮือ! ข้าเป็นคนแรกที่เห็นเจ้ามีผู้ช่วยอีก 2-3 คน ส่วนทหารบนเรือ ข้ากำชับแล้วว่าให้หันหลังเราเป็นทหารมีเกียรติ ไม่ทำรุ่มร่ามต่อสตรีเด็ดขาด เจ้าไปนั่งพักก่อนเถอะเดี๋ยวข้าจะไปรินน้ำให้ เด็กสาวรู้สึกเหมือนจะหมดแรงปิดตาแน่น มือคลึงขมับ ปวดหัว สับสน งุนงงไปหมด มีคำถามมากมายวิ่งในหัวจนไม่รู้จะให้อะไรออกมาก่อนดี เจ้าอยากได้อะไรหรือไม่ เรือโทคริสโตเฟอร์ถามหลังจากส่งแก้วน้ำให้ ฉันอยากได้มือถือ มือถือ?เจ้าพูดถึงอะไร มือถือไงคะฉันจะโทรหาพ่อ กัปตันเรือมองอย่างประหลาดใจข้าจะไปตามหมอมาดูเจ้าบางทีเจ้าอาจต้องการหมอมาดูอาการ เดี๋ยวก่อนคุณบอกว่าไม่เจอคนอื่นๆ เลย แต่จะเป็นไปได้อย่างไร มีคนตั้งพันกว่าคนเชียวนะต้องมีรอดบ้างสิ หรือว่ามีเรือกู้ภัยลำอื่นมาช่วยไปแล้ว ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูด คุณได้ยินข่าวเรือเฮฟเวนบ้างไหมนั่นเป็นเรือที่ฉันขึ้น ข้าไม่เคยได้ยินเรือที่เจ้าว่า จะไม่มีได้ยังไงก็ฉันนั่งมา แถมเป็นเรือสำราญที่ดังที่สุดอีกด้วย กัปตันตอบเสียงแข็งเล็กน้อยถึงข้าจะเพิ่งกลับมาประจำการที่นี่แต่ข้าก็รู้จักชื่อเรือทุกลำ หากมีเรือที่เจ้าว่า ข้าคงคุ้นหูบ้างแล้ว มิรายิ่งสับสนเรือใหญ่และมีชื่อเสียงปานนั้น อย่างน้อยก็น่าจะเจอซากบ้าง แล้วไหนจะคนอีกนับพันต่อให้ตายหมดก็ต้องมีศพลอยขึ้นมาให้เห็น หรือบางทีพวกเขาคงขึ้นเรือกู้ภัยลำอื่นไปแล้ว เด็กสาวตัดสินใจหาโทรศัพท์โทรถามใครสักคนคงจะไขปริศนาให้เธอได้ เธอกวาดสายตาดูข้าวของบนโต๊ะไม้แข็งแรงขนาดใหญ่เห็นเชิงเทียนที่ยังไม่ได้จุดไฟ แผนที่ วงเวียนทองเหลือง หมุดเหล็กเล่มยาว เข็มทิศหนังสือสองเล่มวางซ้อนกัน กล้องส่องทางไกลตาเดียวแบบโบราณ สมุด ปากกาโลหะ ขวดหมึก หมอนี่เป็นเจ้าพ่อแนววินเทจหรือไงถึงได้มีของโบราณเยอะแยะขนาดนี้ ขณะที่กวาดตามองสายตาก็สะดุดอยู่ที่รูปวาดกรอบทองบนฝาผนัง รูปวาดครึ่งตัวของบุรุษวัยราว50 ผมหยักศกสีทองยาวปกบ่า สวมชุดเกราะสีเงิน ปกคอสีขาวจมูกโด่งคมจรดเหนือริมฝีปากสีส้ม ดวงตาสีฟ้ามองตรงมานี้ นั่นใครคะมิราขมวดคิ้ว คลับคล้ายคลับคลา แต่เหมือนติดอยู่ที่ปลายลิ้น ท่านโอลิเวอร์ครอมเวลล์ มิราบางอ้อมิน่าถึงได้คุ้นๆ เขาคือเจ้าผู้พิทักษ์แห่งยุครัฐในอารักขายุคที่บัลลังก์กษัตริย์แห่งอังกฤษว่างเปล่า ตระกูลครอมเวลล์ครองตำแหน่งเจ้าผู้พิทักษ์ช่วง1649-1659 ตอนนี้ท่านโอลิเวอร์ครอมเวลล์คือผู้นำประเทศ เรือโทคริสโตเฟอร์เข้าใจดีว่าสตรีส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือและความเป็นไปทางการเมือง มิราพยักหน้าเข้าใจไม่คิดอยากจะโอ้อวดว่าเธอรู้ประวัติศาสตร์ดีเพราะตั้งใจจะเข้าคณะอักษรศาสตร์สาขาประวัติศาสตร์ ความจริงเธอสอบติดแล้วนะ อีกไม่กี่อาทิตย์ก็กำลังจะเปิดเทอม เด็กสาวดื่มน้ำไปอีกอึกหนึ่งก่อนจะสำลักออกมา แคก! เมื่อกี้...คุณพูดว่าอะไรนะ เรือโทคริสโตเฟอร์ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เด็กสาวข้าพูดว่าตอนนี้ท่านโอลิเวอร์ครอมเวลล์คือผู้นำประเทศบริติชใหญ่ รวมทั้งปกครองเวลส์ ไอร์แลนด์ และสกอตแลนด์ ตะ...ตลกน่า!มิราค้านผ่านดวงตาที่เบิกกว้าง ตอนนี้มันปี2016 อังกฤษปกครองโดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และมีเดวิด แคเมอรอนเป็นนายกรัฐมนตรีส่วนโอลิเวอร์ ครอมเวลล์นั่นครองสมัยเครือจักรภพแห่งอังกฤษในช่วงปี 1653-1658ไม่สิ หลังจากเขาตาย ริชาร์ดครอมเวลล์ซึ่งเป็นลูกชายก็ขึ้นเป็นผู้นำต่อ ก่อนจะถูกปลดในปีค.ศ. 1659
นั่นมันสามร้อยกว่าปีมาแล้วนะ! มิราฝืนหัวเราะแห้งๆ คิดว่าเขาเล่นมุขทว่าดวงตาสีฟ้าที่ฉายแววจริงจังนั้นทำให้เธอค้าง วูบหนึ่งที่คิดว่าเขาพูดจริงแต่จะเป็นไปได้อย่างไร.. จะว่าไปแล้วการแต่งกายของเขา ลักษณะของเรือลำนี้ และข้าวของในห้องนี้... มิราส่ายหัวรีบห้ามไม่ให้ตัวเองหลงเชื่อเรื่องพิลึกพิลั่น เจ้านอนพักเถอะไว้หายดีเมื่อไหร่เจ้าค่อยเล่าเรื่องของเจ้าเผื่อว่าข้าจะช่วยสั่งให้คนตามหาพ่อของเจ้าได้ ก่อนจะเล่าเรื่องของฉันฉันขอฟังเรื่องของคุณก่อนได้ไหมคะ เรื่องของข้าคิ้วสีดำขมวดเข้าหากัน ใช่เรื่องของคุณ ของที่นี่ ของยุคนี้ จากนั้นมิราก็ยิงคำถามมากมายแปลกนักที่เขาตอบอย่างใจเย็นแม้จะสงสัยบ้าง ทั้งที่นอกจากเจ้านายของเขาแล้วเขาแทบไม่เคยพูดคุยกับใครเกิน 10 คำหากไม่ใช่เรื่องงาน แม้แต่กับบิดาของเขาก็ตาม ยิ่งมิราฟังมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งอยากจะคิดว่าไอ้ที่ได้ยินน่ะเป็นเพราะยังหลับฝันอยู่เพราะแต่ละคำตอบนั้นช่างเหนือจินตนาการเสียเหลือเกิน!
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2560 |
|
0 comments |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2560 20:06:22 น. |
Counter : 611 Pageviews. |
|
|
|