แล้วก็ต่อด้วย 浸食 -lose control- (Shinshoku -lose control-) เพลงมันส์ๆอีกเพลง จริงๆก็ปล่อยผ่านกับเพลงนี้ แต่คือเพลงนี้น่ะปกติจริงๆแล้วเวลาฟังในซีดีก็จะเฉยๆนะ แต่พอมาฟังในไลฟ์รู้สึกว่ามันสะใจกว่าเยอะ
แล้วก็มาถึง HONEY เห็นคุณไฮด์หยิบกีตาร์ออกมา ก็เดาได้ไม่ยาก มีอยู่ไม่กี่เพลงที่คุณเธอจะเล่นกีตาร์ด้วย แต่พอคุณเธอขึ้นเพลงมาก็รู้เลย ฮันนี่โซสวีท...เพลงน่ารักๆ ที่เพลงนี้ก็ยังคงความสดใสของคุณไฮด์เอาไว้ (เอ๊ะ....จำไม่ได้ว่าเพลงไหนนะ ที่คุณไฮด์ไปทำแฟนเซอร์วิสกับป้าด้วย แต่ไม่น่าจะใช่เพลงนี้มั้ง เพราะนางเล่นกีตาร์ด้วย น่าจะเซอร์วิสลำบาก 5555)
จบเพลงแล้ว พอได้ยินเสียงโซโล่กีตาร์ของป๋าเคนขึ้นมา ก็เดาได้เลยว่า เพลงต่อมาก็คือ...MY HEART DRAWS A DREAM เป็นอีกครั้งแล้วที่ได้ร้องท่อน Yume wo egaku yo ไปพร้อมๆกับชาวเลอเซียลทั้งญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศ และก็ไม่ผิดหวัง เสียงร้องท่อนนั้น ดังสนั่นไปทั่วทั้งโตเกียวโดมเลยทีเดียว
แล้วก็มาถึงเพลงเซอร์ไพร้ส์อีกเพลง NEO UNIVERSE ที่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ฟังเพลงนี้สดๆ เพราะก็เป็นอีกเพลงที่ชอบมากๆๆๆ และเคยคิดมาตลอดว่าอยากฟังแบบสดๆในไลฟ์ซักครั้งจัง มันเป็นเพลงที่ซาวน์ดนตรีมีความเป็นเทคโนล้ำยุค(เหมือนชื่อเพลง) และทั้งๆที่เพลงนี้ก็ออกมาตั้งแต่ช่วงปี 2000 (นี่มัน..17 ปีมาแล้วนะ) แต่ยังรู้สึกได้เลยว่า เป็นเพลงร่วมสมัย ที่ไม่ว่าจะฟังเมื่อไหร่ก็เข้ากับยุคสมัยนั้นเสมอ
แล้วก็เข้าสู่ STAY AWAY เพลงนี้ก็ได้โดดกันอีกแล้ว เหมือนเดิม ตามธรรมเนียมที่ก่อนเข้าเพลง ป้าก็ต้องมาแจกกล้วยให้กับคนดู ก็ยังคงความรู้สึกเดิม ได้โดดร้องตบมือไปกับเพลง (คราวนี้ก็ยังแอบผิดจังหวะไปนิดนึงเหมือนเดิม 555)
และเมื่อสิ้นเสี้ยงสตาร์ทรถ ทำนองเพลง Driver's High ก็ดังขึ้น อยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว ลุกขึ้นร้องลุกขึ้นโดด ตะโกนท่อน Clash! Flash! ไปตามเพลง แล้วก็รู้สึกว่าเพลงนี้(อีกแล้ว)แหละมั้ง ที่คุณไฮด์ทำแฟนเซอร์วิสกับป้าให้แฟนๆได้กรี๊ดกันอีกแล้ว
และก็ยังคงมันส์กันต่อเนื่องกับ READY STEADY GO ที่ก็ก่อนเข้าเพลง คุณไฮด์ก็จะต้องถามคำถามกับคนดูว่า...Are You Fxxking Ready? โอยยย ความรู้สึกเดิมๆมันกลับมา ชั้นจำได้ เคยตอบไปว่า Ready และครั้งนี้ อิชั้นก็ Ready อีกเหมือนเดิม 5555 แล้วก็รู้สึกจะเพลงนี้แหละ ที่ปล่อยเอฟเฟคสายรุ้งออกมา และอิชั้นก็ไปตบตีแย่งชิงกับแม่สาวใต้หวันคนข้างๆ จนได้มาตั้งเส้นนึงแน่ะ 5555
หลังจบเพลงนี้ ก็เหมือนเดิม พี่กี้โชว์โซโล่กลอง (แต่คราวนี้เหมือนจะไม่นาน) แล้วก็เข้าสู่ช่วงพัก พวกคุณๆเธอก็หายเข้าไปพักนึง แฟนๆที่รอกันอยู่มีกิจกรรมอะไรกันมั้ยน๊าาา จำไม่ได้แฮะ(ปกติจะมีเล่นเวฟกัน แล้วก็ตะโกนเรียกชื่อวง) แต่ก็พักไม่นานมาก ก็จะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายกันแล้ว(จริงๆก็เป็นช่วงอังกอร์กันแล้วมากกว่า)
เริ่มต้นกันด้วยเพลงใหม่ Don't be Afraid เพลงนี้เรายังไม่คุ้น เพิ่งเคยฟังไม่กี่ครั้ง เพราะเพิ่งออกซิงเกิ้ลใหม่ ก็เลยยังร้องไม่ได้(ท่อนฮุคก็พอจะดำน้ำไปได้หน่อย) ก็ได้แต่โยกๆตามเพลงไปเท่านั้น แต่ก็ถือว่าโชคดีนะที่ได้ฟังเพลงใหม่สดๆในไลฟ์นี้
ต่อกันด้วย Blurry Eyes ที่เพลงนี้ก็ยังคงความสนุกน่ารักเหมือนเดิม ที่สำคัญ คุณไฮด์เธอก็ยังคงมีนกหวีดมาแจกแฟนๆเหมือนเดิม เป่าปรี๊ดดดดดด ควงๆๆ แล้วก็โยนแจกคนดู เห็นแล้วอิจฉาคนอยู่แถวหน้าๆซะจริง
และเพื่อไม่ให้ขาดช่วง Link จึงเป็นเพลงที่เล่นต่อมา เพลงนี้ก็มีลูกบอลยักษ์ลงมากจากด้านบนอีกแระ เราก็อยากจะได้แตะเจ้าลูกบอกยักษ์มั่งนะ แต่มันแค่เฉียดไปเฉียดมา ไม่ถึงเราซะที ก็ไม่เป็นไร ร้องโดดตามเพลงไปเหมือนเดิมก็ได้
จบเพลงนี้...เหมือนว่าจะเป็นช่วงคุยกับคนดู แล้วก็...เล่นเวฟกับคนดูเหมือนเดิม แล้วก็นะ ขนาดว่าผ่านการเล่นมารอบนึงแล้ว แต่ก็ยังเล่นกันไปงงกันไปเหมือนเดิม 5555 เสร็จแล้ว คุณไฮด์ก็พูดอะไรบางอย่างกับคนดู...ฟังไม่ออกเหมือนเดิม แต่...เข้าใจว่า มันต้องเป็นอะไรที่ซึ้งมากๆแน่ เห็นคนดูตบมือกันเราก็ตบตาม ซึ่งตอนหลังมีคนถอดความที่ไฮด์พูดออกมาได้ประมาณว่า...
"ลองมาคิดดูอีกทีแล้วใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตอยู่กับ 'L'Arc-en-Ciel' ต่อจากนี้ ระยะเวลานั้นคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ผ่านมามีทั้งเรื่องสนุก แล้วก็ ความยากลำบากมากมาย แต่รอยยิ้มของทุกคนช่วยให้ผ่านพ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเลยถ้าหนทางยาวไกลที่ผ่านมามีไว้เพื่อให้ได้มาพบกับรอยยิ้มของทุกคนในวันนี้ ขอบคุณ"
โอยยยย อ่านแล้วน้ำตาจะร่วง นี่ถ้าฟังญี่ปุ่นออก คงจะซึ้งมากกว่านี้แน่ๆ เราฟังออกแค่ อาริกาโตะ แต่เราก็ตอบ อาริกาโตะ กลับไปเหมือนกันนะ เพราะเราก็อยากขอบคุณพวกเค้าเหมือนกัน ที่ทำงานครบรอบครั้งนี้ขึ้นมา
และแล้ว งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา 瞳の住人 (Hitomi no juunin) เพลงสุดท้ายของคอนเสิร์ตครั้งนี้เริ่มขึ้น เราก็ได้แต่ร้องแล้วก็โยกตามไปกับเพลง แล้วพอเพลงจบ คือไงล่ะ ความรู้สึกเดิมมันกลับมาอีกแล้ว มันไม่อยากให้จบ แบบพอแต่ละคนค่อยๆเดินกลับเข้าไปหลังเวที จำไม่ได้ว่าใครเป็นคนสุดท้าย ไม่รู้ป๋าเคนหรือว่าป้า แต่ที่แน่ๆ คือ เรายังนั่งต่อ นั่งมองบรรยากาศภายในนั้น พยายามเก็บภาพโตเกียวโดมไว้ในความทรงจำ แล้วน้ำตา...มันก็ไหลออกมา
เป็นอันว่า จบในส่วนของคอนเสิร์ตไปแล้ว ทีนี้ก็มีเก็บตกเล็กๆน้อยๆมาฝาก ก็อย่างที่รู้ๆกันว่าจุดประสงค์หลักๆของการไปญี่ปุ่นครั้งนี้คือการไปดูคอนเสิร์ต และก็แน่นอนว่า ภายในงานต้องมีการจำหน่ายสินค้าที่ระลึกด้วย ซึ่งสินค้าของคุณๆที่รักก็มีมากมายหลายอย่างให้เลือกซื้อกันตามใจชอบ(แต่ต้องดูตังในเป๋าด้วย) ครั้งนี้อิชั้นก็ยังคงคอนเซปต์เดิม คือ ต้องมีเสื้อประจำคอนฯใส่ แต่คราวนี้ได้โอกาสซื้ออย่างอื่นมาด้วย และนอกจากนี้ก็ยังได้ของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆจากคอนเสิร์ตกลับมาอีกด้วย ถือเปนการมาดูคอนเสิร์ตครั้งที่ประทับใจสุดๆจริงๆ จะมีอะไรบ้างก็มาดูกันเลย
เสื้อประจำคอนฯครั้งนี้ จริงๆมีสีดำด้วย อยากได้สีดำมากกกกกกก(สีดำสวยกว่าง่ะ) แต่ตอนไปถึงมัน sold out แล้ว ก็เลยเอาสีขาวก็ได้ แถมหลือแต่เบอร์ L (ตัวใหญ่มาก ใส่แล้วหลวมโพรก) แต่เพื่อรักษาคอนเซปท์เลยต้องซื้อ
ผ้าพันคอ นี่คือด้านหน้า ด้านหลังจะเปนสีรุ้งด้วย
อ่ะ นี่เปนด้านหลังผ้าพันคอน่ะ
โปสเตอร์ ที่ลืมไปว่านี่คือไปดูที่ญี่ปุ่นนะ(นึกว่าไปดูที่อิมแพค ฮาาาา) อิชั้นเลยต้องหอบหิ้วเอาโปสเตอร์ถือติดตัวมาด้วย (พับใส่กระเป๋าโหลดก็ไม่ได้ ต้องถือขึ้นเครื่อง เกือบไปลืมไว้ที่สนามบินฮานอยด้วย)
L'ED wrist band หรือเรียกอีกอย่างว่าแท่งไฟดิจิตอลระบบแอลอีดี อันนี้ได้มาฟรีเพราะแถมให้ทุกที่นั่งที่ซื้อตั๋วเข้าชม แท่งไฟนี้สามารถควบคุมสีได้จาก...สตาฟ 5555 เพราะตอนอยู่ในไลฟ์ สีมันจะเปลี่ยนไปเองตามที่สตาฟควบคุม ตามเพลงน่ะ เจ๋งสุดๆไปเลย
และในส่วนของแท่งไฟดิจิตอลนี้ หลังจบคอน เราสามารถเปิด แล้วมันจะขึ้นเปนสีต่างๆมาให้ (แล้วแต่สภาวะอากาศ..มั้งนะ) เท่าที่ลองเปิดๆปิดๆเล่นดู ก็ได้สีมาตามนี้ สีแรก ออกฟ้าๆ น่าจะเปนสีหลักมั้ง เปิดทีไร ส่วนใหญ่ได้สีนี้
ต่อมาเปนสีส้มจ้าาา
เล่นต่อ เปิดปิดอยู่หลายรอบ ฮาาาา ได้สีแดงขึ้นมาแว้ววว
และสุดท้าย(รึเปล่าไม่รู้ ขี้เกียจเปิดๆปิดๆแระ) ได้สีเขียวจ้าาาา (แต่ถ่ายออกมาแล้วออกสีเหลืองแฮะ)
สายรุ้งงงงงงง สุดยอดมากที่ครั้งนี้ไปดูแล้วได้ของที่ระลึกกลับมา เพราะอย่างที่บอก ได้ที่นั่งถือว่าค่อนข้างใกล้เวที(ฝั่งป๋าเคน) ตอนเพลง...น่าจะ READY STEADY GO (มั้งนะ) ที่เค้ายิงสายรุ้งนี้ออกมา มันก็ลอยมาด้านที่เรานั่งอยู่ด้วย เลยไปตบตีแย่งชิงกับยัยหมวยใต้หวันข้างๆ แล้วก็ได้มาเท่านี้แหละ(ตัดแบ่งให้รูมเมทไปนิดนึงด้วย)
อันนี้เปนโปสการ์ดที่ชาวอินโด คนที่ต่อคิวรอแลกตั๋วด้วยกันให้มา แต่พอแลกตั๋วเสร็จ นางก็หายไปเลย ไม่รู้ได้ที่นั่งตรงไหน
เอาล่ะ ก็เป็นอันว่า รีวิวคอนเสิร์ตครบรอบ 25 ปี ของวง L'Arc~en~Ciel ก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว อิชั้นก็คงต้องขอจบแต่เพียงเท่านี้ก่อน สำหรับอนาคต ถ้ามีอะไรเกี่ยวกับคุณๆที่รัก ก็อาจจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งก็ได้ เรื่องของอนาคต ก็ปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาลิขิตก็แล้วกันนะ
จนกว่าจะพบกันใหม่...ที่ใดซักแห่ง บนโลกใบนี้...
bbL'®2017©