หลังจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานในพิธีเปิดหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ นครราชสีมา พระชนมพรรษาอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2557
หอดูดาวแห่งนี้ของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่วันนี้
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า หอดูดาวสำหรับประชาชนเต็มรูปแบบแห่งแรกของประเทศแห่งนี้ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์สำหรับประชาชนที่สมบูรณ์แบบที่สุด มุ่งหวังให้คนไทยใฝ่รู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สอดคล้องกับนโยบายการสร้างสังคมแห่งนวัตกรรมของรัฐบาล และนโยบายสร้างชาติด้วยความรู้กลุ่มสะเต็ม (STEM - วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) เปิดโอกาสให้นักเรียนในพื้นที่ใกล้เคียงได้เข้าถึงแหล่งเรียนรู้ระดับชาติได้ง่ายขึ้น ทำให้พื้นฐานความคิดวิเคราะห์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ศักยภาพการแข่งขันของชาติก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
�การเรียนรู้ดาราศาสตร์จะเป็นหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนหันมาสนใจงานด้านวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้น� รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าวและว่า โครงการด้านดาราศาสตร์ยังเป็นประโยชน์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะงานวิจัยดาราศาสตร์ไม่สามารถทำได้โดยลำพัง ต้องอาศัยความร่วมมือกับหลายประเทศทั่วโลก
เครือข่ายความร่วมมือนี้จะเอื้อประโยชน์ให้แก่กันในด้านวิชาการและงานวิจัย ความรู้ของเราจะเพิ่มพูนมากขึ้นตลอดเวลา และขณะนี้สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ร่วมมือหลายประเทศ เช่น สาธารณรัฐชิลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ฯลฯ ติดตั้งกล้องโทรทรรศน์อัตโนมัติควบคุมระยะไกล เสริมทัพให้นักวิจัยดาราศาสตร์ไทยแข็งแกร่ง
หอดูดาวสำหรับประชาชนเต็มรูปแบบแห่งแรกของไทยที่นครราชสีมา ให้บริการประชาชนด้านวิชาการและกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์ จัดเต็มกล้องโทรทรรศน์เพื่อการเรียนรู้ นิทรรศการดาราศาสตร์ ท่องดาวเคราะห์ผ่านแบบจำลองระบบสุริยะ ห้องฉายดาวระบบฟูลโดมดิจิตัลเสมือนจริง เทคโนโลยีระดับโลก และระเบียงดาวเพื่อสังเกตการณ์ท้องฟ้า
เริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2553 บนพื้นที่ 25 ไร่ ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) นครราชสีมา เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ดาราศาสตร์สำหรับประชาชนและสถานศึกษาในท้องถิ่น สนับสนุนการบริการวิชาการด้านดาราศาสตร์แก่ชุมชน การจัดการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษา รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวิชาการ
ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กล่าวถึงหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา นครราชสีมา ว่า สถาบันทุ่มทุนสร้างเพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาใช้ประโยชน์การเรียนรู้อย่างเต็มที่ มีอาคารหอดูดาวโดมเปลือกหอยเปิดได้รอบทิศทางติดตั้งกล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 50 เซนติเมตร และกล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็กเพื่อใช้สังเกตวัตถุท้องฟ้าอีก 5 ชุด และมีอาคารฉายดาว เพดานโค้งรอบทิศทาง ติดตั้งเครื่องฉายดาวระบบฟูลโดมดิจิตัล ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล ฉายสื่อการเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์มาตรฐานโลก ที่รองรับการฉายภาพที่มีลักษณะหลากหลาย
สำหรับรายละเอียดของกล้องโทรทรรศน์ขนาดต่างๆ มีรายละเอียดดังนี้
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 เมตร
เป็นกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ และเป็นกล้องหลักของหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯ นครราชสีมา ติดตั้งบนฐานแบบ German Equatorial ควบคุมการทำงานได้จากคอมพิวเตอร์ และการควบคุม ผ่านระบบโครงข่ายอินเตอร์เน็ต บนตัวกล้องติดตั้ง CCD Camera ความละเอียดสูงขนาด 9.3 ล้านพิกเซล
ติดตั้งฟิลเตอร์สี LRGB และฟิลเตอร์ชนิด narrow band filter เพื่อใช้เก็บข้อมูลงานวิจัย และบันทึกภาพถ่ายของวัตถุท้องฟ้าหรือปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์สำคัญๆ ได้
มีช่องสำหรับใส่เลนส์ใกล้ตาแยกต่างหาก โดยไม่ต้องถอด CCD Camera ออก ทำให้สะดวกในการใช้งาน ทั้งการสังเกตด้วยตาเปล่า และการถ่ายภาพผ่าน CCD Camera รองรับการทำงานวิจัย ทั้งระดับเบื้องต้น และระดับสูง
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 14 นิ้ว
ประจำการอยู่ 2 ตัวในหอดูดาวแห่งนี้ เพื่อใช้บริการและจัดกิจกรรมทางดาราศาสตร์ ผลิตด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มีระบบค้นหา และติดตามการเคลื่อนที่ของดาวอัตโนมัติ สั่งงานจากรีโมตควบคุมเพื่อให้กล้องปรับไปยังตำแหน่งดาวที่ต้องการได้ ด้วยระบบรับแสง แบบ Advanced Coma-Free ช่วยให้ภาพคมชัดตั้งแต่กลางภาพถึงขอบภาพ ใช้ในการศึกษาและถ่ายภาพการเกิดพายุบนดาวเสาร์ และดาวพฤหัสบดี ศึกษาหลุมบนดาวอังคาร การเก็บข้อมูลงานวิจัยของวัตถุจำพวก Deep-Sky ได้
แบบหักเหแสง 150 ม.ม.
มีระบบรับแสงแบบ Apochromatic ซึ่งให้ภาพที่คมชัด จึงศึกษารายละเอียดของหลุมบนดวงจันทร์ การเกิดอุปราคาบนดาวพฤหัสบดี รองรับงานวิจัยในระดับพื้นฐานได้ และติดตั้ง CCD Camera เพื่อเก็บข้อมูลงานวิจัยได้
กล้องสองตาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 125 ม.ม.
เป็นกล้องสองตาขนาดใหญ่ เหมาะกับการสังเกตดาวเคราะห์ กระจุกดาวเปิด (Open Cluster) และดวงจันทร์ ผู้สังเกตจะเห็นมิติความลึกตื้นของหลุมบนดวงจันทร์ได้อย่างชัดเจน มิติภาพที่มองเห็นจากกล้องสองตาจะแตกต่างจากการกล้องโทรทรรศน์ที่ดูด้วยตาข้างเดียว ซึ่งเรียบแบนไม่มีมิติ
ชนิดหักเหแสงขนาดเล็ก
ใช้เลนส์รวมแสงคุณภาพสูง ติดตั้งบนฐานตามดาวแบบ German Equatorial ติดตามการเคลื่อนที่ของดาวแบบอัตโนมัติได้ตลอดคืน เหมาะสำหรับกากรดูวัตถุที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เช่น ดวงจันทร์ เนบิวลาในกลุ่มนายพราน กระจุกดาวลูกไก่ หรือกระจุกดาวเปิดอื่นๆ
กล้องดูดวงอาทิตย์
ออกแบบสำหรับศึกษาดวงอาทิตย์โดยเฉพาะจึงปลอดภัยต่อสายตาของผู้สังเกต ที่นี่มีกล้องดูดวงอาทิตย์ใน 2 ช่วงคลื่นคือ ช่วงคลื่นไฮโดรเจน-อัลฟา (656.28 นาโนเมตร) และช่วงคลื่นแคลเซียมเคลาน์ (393.4 นาโนเมตร) จะสังเกตเปลวสุริยะและพื้นผิวดวงอาทิตย์ได้อย่างชัดเจน เหมาะกับการเฝ้าสังเกตและทำนายการเกิดลมสุริยะ/พายุสุริยะ ซึ่งกล้องโทรทรรศน์ทั่วไปที่ใช้แผ่นกรองแสงดวงอาทิตย์แบบธรรมดา (Solar Filter) จะเห็นเพียงจุดสีดำเท่านั้น
มีพื้นที่จัดนิทรรศการดาราศาสตร์ทั้งถาวรและหมุนเวียน ท่องดาวเคราะห์ผ่านแบบจำลองระบบสุริยะภายนอกอาคาร มีระเบียงดาว และลานดูดาวสำหรับจัดกิจกรรมดูดาวช่วงหน้าหนาว ซึ่งสภาพท้องฟ้าปลอดโปร่ง
เปิดให้บริการประชาชนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. หยุดเฉพาะวันจันทร์ โทร.044-216254 หรือเว็บไซต์ //www.narit.or.th, //www.facebook.com/NARITPage
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์