ประโยชน์ และ โทษของการเล่นเกมส์

สวัสดีทุกๆคนชาว blogang ด้วยนะครับถ้าใครได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ถ้าเขียนสั้น หรือ เขียนไม่เข้าใจยังไงก็ขออภัยด้วยนะครับ พอดีว่าผมจะมาเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่ผมเคยเป็น หรือ ถ้าใครอ่านแล้วกำลังเป็นอยู่ก็ลองอ่านๆดูก่อนนะ

สมัยมัธยมปลายผมและเพื่อนๆ ช่วงหลังเลิกเรียน    เรามักจะใช้เวลาไปร้านอินเตอร์เน็ตเพื่อไปเล่นเกมส์ออนไลน์ พวกเราใช้เวลากันประมาณ 2-3 ชั่วโมงในการเล่นเกมส์ สำหรับคนที่รู้สึกสนุกกับการเล่นเกมส์บ่อยครั้งมักมองว่าการเล่นเกมส์  2-3 ชั่วโมง เป็นเรื่องปกติต่อมาผมเริ่มจริงจังกับการเล่นเกมส์ออนไลน์มากขึ้น เพราะต้องการที่จะแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัล ทำให้พวกผมรู้สึกจริงจังกับการเล่นเกมส์ และใช้เวลาในการเล่นเกมส์มากยิ่งขึ้นจาก 2-3 ชั่วโมง ก็เพิ่มเป็น 4-6 ชั่วโมงต่อวัน มีครั้งหนึ่งที่ผมไปแข่งขันเล่นเกมส์ทีมของผมชนะการแข่งขัน และได้เงินรางวัลจำนวน 200,000 บาท ในตอนนั้นผมรู้สึกว่าการเล่นเกมส์ ไม่ได้เป็นสิ่งที่ไร้สาระ แต่เป็นการทำกิจกรรมที่สามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้ แต่เมื่อเกมส์ที่ผมเล่น มีเงินรางวัล และสปอนเซอร์สนับสนุน ก็ยิ่งเริ่มทำให้ผมรู้สึกกดดันมากยิ่งขึ้น จนเกิดเป็นความเครียดจากที่ผมเคยเล่นเกมส์กับเพื่อนเพื่อความสนุกสนาน ก็กลายเป็นว่าผมจริงจังกับมันมากขึ้นเรื่อยๆรู้สึกไม่ชอบการพ่ายแพ้ รู้สึกอยากเป็นผู้ชนะอยู่ตลอดเวลา เมื่อไหร่ที่ผมแพ้ขึ้นมาผมจะรู้สึกหงุดหงิดตัวเองและเพื่อนร่วมทีม คิดว่าฝีมือของเพื่อนน่าจะเล่นได้ดีกว่านี้เหมือนตัวเองทำได้ไม่เต็มที่ อารมณ์ของผมก็เริ่มรุนแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัวบางครั้งเมื่อผมเล่นเกมส์แพ้ก็มีการทะเลาะกับเพื่อนร่วมทีม จนถึงขั้นไล่เพื่อนที่ผมคิดว่าเป็นตัวถ่วงของทีมออกไปเพื่อดึงคนที่ผมคิดว่าเก่งกว่าเข้ามาอยู่ในทีมจนบางครั้งก็ทำให้เสียมิตรภาพที่ดีไปเพราะการเล่นเกมส์ นอกจากจะเสียเพื่อนแล้วผมยังเสียการเรียนเพราะใช้เวลาไปกับการเล่นเกมส์มากกว่าการอ่านหนังสือสอบเกรดของผมก็เริ่มตกลงมาเรื่อยๆ จนเข้ามหาลัยผมก็ยังติดเกมส์อยู่ตอนแรกผมเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งเรียนได้ 1 ปี ผมก็รู้สึกว่าการเรียนที่นี่ทำให้ผมไม่สะดวกในการซ้อมเล่นเกมส์กับเพื่อนๆ ผมจึงย้ายออกมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเปิดเพราะมันสะดวกและใกล้กับเพื่อนๆในทีม ผมเริ่มคุยกับคนที่บ้านไม่ได้คนที่บ้านเตือนอะไรผมก็ไม่ค่อยฟัง เป็นคนไม่ค่อยมีเหตุผล เริ่มก้าวร้าว โมโหรุนแรงถึงขั้นทำลายข้าวของ และมีปากเสียงกับคนที่บ้านอยู่บ่อยครั้งจนทำให้ผมเริ่มห่างเหินจากคนในครอบครัว เป็นอย่างนี้อยู่เกือบหลายปีผมก็เริ่มฉุกคิดได้ด้วยตัวของผมเองว่าสิ่งที่ผมทำอยู่มันส่งผลเสีย ต่อตัวผม และครอบครัว ผมได้มีการไปปรึกษากับจิตแพทย์ จิตแพทย์ได้บอกกับผมว่าผมไม่ได้ป่วยเพราะผมรู้ตัวว่าผมกำลังทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องถ้าคนที่ป่วยจริงๆจะคิดไม่ได้ จิตแพทย์ยังบอกอีกว่าทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวผมเมื่อคิดได้แล้วต้องแก้ปัญหาที่ตัวผมเอง

ผมจึงเริ่มค่อยๆห่างๆจากเกมส์ออนไลน์ พยายามหากิจกรรมอื่นๆเช่น ปั่นจักรยาน,ช๊อปปิ้ง ทำแทนการเล่นเกมส์เอาเวลาไปใส่ใจกับการเรียนมากขึ้น จากเมื่อก่อนไม่ค่อยเข้าเรียนก็พยายามไปเรียนทุกคาบ พยายามปรับความเข้าใจกับคนในครอบครัวมีเวลาว่างก็พูดคุยปรึกษากับพี่สาวและพ่อแม่ พยายามควบคุมอารมณ์ ไม่ให้ใจร้อนไม่หงุดหงิดง่ายหลังจากนั้นชีวิตผมก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ เหมือนคนทั่วไป มีเวลาให้กับตัวเอง และครอบครัวมากขึ้น ทำให้ผมได้ใช้เวลาทำอย่างอื่นนอกจากการเอาแต่นั่งเล่นเกมส์หน้าคอมพิวเตอร์ ผมได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่ามากขึ้น จากเรื่องต่างๆที่ผมได้ผ่านมาทำให้ผมได้รู้ว่าการเล่นเกมส์ออนไลน์มีทั้งผลดี และ ผลเสียถ้าเราติดเกมส์มากจนเกินไป จนไม่รู้จักแบ่งเวลา ไม่รู้จักการแบ่งหน้าที่ไม่รู้สิ่งที่ควรทำ ลืมใส่ใจคนในครอบครัว มันจะกลายเป็นโทษ แต่ถ้าเรารู้จักบริหารเวลาให้เป็น เล่นเกมส์แบบพอประมาณ พอให้ผ่อนคลายมันก็จะเป็นประโยชน์เพราะเกมส์ช่วยให้เราได้ฝึกฝนความคิด ฝึกความอดทน และความพยายามผลดีและผลเสียของการเล่นเกมส์ ก็ขึ้นอยู่กับ วิจารณญาณ ของผู้เล่นเกมส์

ข้อดี และ ข้อเสีย ของการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์

ข้อดีหรือประโยชน์
1. เพิ่มทักษะและความสามารถในการพิมพ์ดีด

2. ฝึกการวางแผน

3. ฝึกการทำงานเป็นทีม และรู้จักแบ่งหน้าที่ เพราะตัวละคร แต่ละตัวมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป

4. ฝึกการเข้าสังคม

5. ฝึกการขอโทษ และให้อภัยผู้อื่น

6. ฝึกปฏิบัติตามกฎกติกาของสังคม

7. ฝึกสมาธิ

8. ฝึกทักษะความสัมพันธ์ระหว่าง มือ และ ตา ความรอบคอบ

9. ฝึกความอดทนและความพยายาม

ข้อเสีย

1. โทษต่อสุขภาพร่างกาย เช่น แสบตา ปวดข้อมือ ไม่รับประทานอาหารอดนอน ตื่นสาย เพลียง่วงในเวลาเรียนหรือเวลางาน

2. โทษต่อสุขภาพจิต เช่น เกิดความทุกข์ ไม่สุขใจเกิดความขัดแย้งภายในหรือขัดแย้งกับผู้คนรอบข้าง

3. ส่งผลต่อทักษะทางสังคม เช่น เห็นเพื่อนเปป็นศัตรูของความสนุกสนาน

4. ทำให้ผลการเรียนตกต่ำ

5. ใช้จ่ายเงินในทางที่ไร้สาระ เกินความจำเป็น

อันนี้ทิ้งท้ายนะครับ ถ้าใครรู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนี้ ก็ลองไปหาจิตแพทย์ ลองไปปคุย ไปปรึกษากับคุณหมอดูได้นะครับ ส่วนรายละเอียดเรื่องโรงพยาบาล ก็ใครสะดวกที่ไหนยังไงก็ ติดต่อกันเองนะครับ

Create Date : 05 ตุลาคม 2558 Last Update : 5 ตุลาคม 2558 17:16:39 น. Counter : 5311 Pageviews.		1 comments
Share Tweet