Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
2526272829 
 
26 กุมภาพันธ์ 2567
 
All Blogs
 
ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

Mao Ni : เขียน
สมาพันธ์พลิกฟ้า : แปล
จำนวน : 22 เล่มจบ

💥งานเขียนของมาวนี่
-สยบฟ้าพิชิตปฐพี
-หาญท้าชะตาฟ้า
-มหามรรคาเทียมฟ้า
-ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา
-ตำนานแห่งจูเชวี่ย (ยังไม่มีแปล)
💥ซีรีส์เรื่องนี้เขียนเนื้อหาใหม่หมดเหรอ ยังกะไม่ใช่เรื่องเดียวกันต่างจากนิยายมาก
💥ยกให้เป็นนิยายจีนอันดับหนึ่งในใจตอนนี้ ชอบนิยายที่ไม่สามารถคาดเดาเนื้อหาต่อไปได้ว่ามันจะไปในแนวทางไหน

🍂เล่ม 1
เฉินฉางเซิง เป็นเด็กกำพร้าแรกเกิดล่องลอยผ่านสายน้ำเกือบตกเป็นอาหารของมังกรทองยักษ์โชคดีที่ศิษย์อาจารย์ลัทธิเต๋าคู่หนึ่งช่วยเหลือเอาไว้ นับจากนั้นสามชีวิตจึงอาศัยอยู่ด้วยกันในวัดร้างเก่าแก่ในเมืองซีหนิง

นักพรตเต๋าผู้เป็นอาจารย์เพียงสอนพวกเขาสองคนท่องคัมภีร์เต๋าสามพันม้วน กระทั่งเฉิงฉางเซิงอายุหกขวบกลับได้ว่าที่ภรรยาในอนาคตมาคนหนึ่งจากจิงตู ต่อมาเด็กชายป่วยด้วยโรคประหลาดที่ไม่อาจรักษา เส้นลมปราณไม่เชื่อมต่อกันทำให้อาจมีชีวิตไม่ยืนยาว  เขารอจนอายุสิบสี่จึงตัดสินใจออกจากวัดเพื่อเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเอง 

วิธีแรกต้องฝึกบำเพ็ญเพียรถึงขั้นเทพอำพรางในตำนาน อีกวิธีเป็นการพลิกฟ้าเปลี่ยนโชคชะตา ซึ่งต้องฝึกบำเพ็ญถึงขั้นชำระล้างกระดูกเพื่อเข้าสอบใหญ่ที่เมืองต้าโจวให้ติดอันดับแรกเพื่อเข้าสู่หอหลิงเยียนแห่งสุสานเทียนซูเพื่อดูว่าผู้พลิกฟ้าเปลี่ยนโชคชะตาในอดีตได้ทิ้งเบาะแสวิธีพลิกฟ้าเปลี่ยนโชคชะตาอะไรไว้บ้างบนแผ่นศิลาจารึก

เขาเดินทางมายังจวนขุนพลเทพตงอวี้สวีซื่อจี้ที่เมืองจิงตูหวังยกเลิกหนังสือสมรสแต่กลับถูกสวีฮูหยินเหยียดหยามทำให้เด็กหนุ่มเกิดเปลี่ยนใจ

เฉินฉางเซิงไม่รู้ว่าในโลกหล้าต่างไม่มีใครยินดีที่จะให้คนธรรมดาอย่างเขาได้แต่งงานกับสวีโหย่วหรง เพราะสายเลือดหงส์ฟ้ากลับชาติมาเกิดทำให้นางถูกคาดหวังว่าจะได้ครองตำแหน่งธิดาเทพแห่งนิกายฝ่ายใต้รุ่นต่อไป มีเพียงชิวซานจวินแห่งแดนใต้ที่เป็นมังกรกลับชาติมาเกิดเท่านั้นที่ผู้คนทั่วหล้าเห็นว่าคู่ควรกับนางทั้งด้านฐานะและความสามารถ

หลังจากนั้นเฉินฉางเซิงเลือกสมัครเข้าสอบสำนักศึกษาแห่งจิงตูทั้งสี่แห่งแต่ไม่มีสำนักไหนรับเขาเพราะคำสั่งจากจวนขุนพลเทพตงอวี้และคำสั่งจากคนในวังหลวง ส่วนคำสั่งสุดท้ายเป็นคำสั่งสังหาร ทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นเพราะไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของว่าที่ธิดาเทพในอนาคตต้องด่างพร้อย อีกทั้งหนึ่งปีข้างหน้าชิวซานจวินจะเดินทางมาสู่ขอสวีโหย่วหรงจึงต้องไม่มีความผิดพลาดใดๆเกิดขึ้น

ทว่าสวีโหย่วหรงแม้ไม่ปรารถนาแต่งงานกับเฉินฉางเซิงก็ไม่อยากให้เขาต้องตาย นางจึงช่วยเขาทางอ้อมทำให้นอกจากเขาไม่ตายแล้วยังสามารถเข้าเรียนในสำนักศึกษาต่างๆในเมืองจิงตูได้ เพียงแต่เขาต้องไม่เปิดเผยเรื่องหนังสือสมรสออกไป

ความจริงเฉินฉางเซิงหาได้สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาสนใจเพียงการเข้าสอบใหญ่ ซึ่งมีเพียงศิษย์ของสถานศึกษาหกแห่งในเมืองจิงตูเท่านั้นที่ได้อภิสิทธิ์ที่ไม่ต้องเข้าร่วมคัดเลือกการเตรียมสอบแต่สามารถเข้าสอบใหญ่ได้เลย เพียงแต่โชคชะตากำหนดให้เขากลายมาเป็นศิษย์สำนักศึกษาศาสนาหลวงที่รกร้างไร้ผู้คน มีเพียงต้นหญ้ากับซากปรักหักพังของอาคารและตำรามากมายอยู่เป็นเพื่อน

เด็กหนุ่มพบว่าที่จริงแล้วเขาฝึกการบำเพ็ญเพียรมาตั้งแต่เริ่มพูดได้ วิชาบำเพ็ญเพียรที่มีอยู่ในหอตำราของสำนักศึกษาศาสนาหลวงเขาเคยอ่านมาแล้วแทบทั้งสิ้น ทว่าเพราะเส้นลมปราณมีปัญหาหากจะฝึกฝนต่อต้องค้นหาแนวทางใหม่ทั้งหมด

ลั่วลั่วอาศัยอยู่ในสวนไป่เฉาติดกับสำนักศึกษาศาสนาหลวงมาครึ่งปี นางทันได้เห็นดวงดาวที่ถูกจุดขึ้นโดยเฉินฉางเซิง  จึงเสาะหาเขาหวังกราบเขาเป็นอาจารย์  นางคาดเดาว่าคนผู้นั้นอาจอยู่อีกฟากของกำแพงจึงตัดสินใจหนีข้ามไปดูแต่ถูกคนของเผ่าปีศาจดักลอบสังหาร ในช่วงเวลาเป็นตาย เฉินฉางเซิงกับขุนพลเทพอวี้เทียนยื่นมือช่วยเหลือ จับกุมตัวบุรุษเผ่าปีศาจไว้ในที่สุด

ลั่วลั่วที่มโนไปเองว่าเฉินฉางเซิงเป็นอาจารย์ จึงติดหนึบเขาราวกับเป็นเงาตามตัว เพราะอยากให้เขาใจอ่อนรับนางเป็นศิษย์ให้ได้ แน่นอนว่าสุดท้ายเขาก็รับนางเป็นศิษย์เพราะสถานะการณ์บีบบังคับ

หลังการเตรียมสอบใหญ่สิ้นสุดลง งานชุมนุมไม้เลื้อยของหกสำนักสถานศึกษาก็เริ่มต้นขึ้นก่อนจะถึงการสอบใหญ่ ปีนี้แตกต่างจากหลายปีที่ผ่านมาเพราะมีสองอาจารย์กับศิษย์สำนักศึกษาศาสนาหลวงเข้าร่วมงานหลังจากว่างเว้นไปนานหลายปี

ในงานชุมนุมไม้เลื้อยลั่วลั่วได้ลงมือทำร้ายเทียนไห่หยาเอ๋อร์หลานชายของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์จนพิการเพราะความชั่วร้ายป่าเถื่อนของอีกฝ่าย พร้อมกันนั้นสำนักศึกษาศาสนาหลวงก็ได้สมาชิกใหม่อย่างเซวียนหยวนพั่วเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง

🌼หลังอ่าน🌼
สนุกมาก เพียงแต่สามสี่บทแรกการบรรยายวกวนเวิ่นเว้ออ่านแล้วนึกภาพตามไม่ออก จากนั้นก็เริ่มสนุกไปเรื่อยๆลุ้นไปกับชีวิตของพระเอก

แค่เล่มแรกสาวๆออกมาหลายคน  เรื่องนี้จะฮาเร็มปะเนี่ย  ลิ่วลิ่วคงเป็นองค์หญิงเผ่ามาร ธิดาองค์เดียวของจักรพรรดิและจักรพรรดินีเผ่ามารแน่ๆ ของวิเศษเพียบพร้อมเปย์อาจารย์หมดหน้าตัก น่ารักสุดๆ ทำไงดีลั่วลั่วเราก็เชียร์ สวีโหย่วหรงเราก็เชียร์ หนักใจเลือกไม่ถูก😂

ทางด้านการเมือง คลื่นใต้น้ำลับบลาๆ อ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

🍂เล่ม 2
ในที่สุดก็ถึงวันที่ชิวซานจวินส่งตัวแทนมาสู่ขอสวีโหย่วหรงงานถูกจัดขึ้นในวังเว่ยยาง เฉิงฉางเซิงต้องการเข้าไปดูพิธีดังกล่าว แต่ก็มีผู้ที่ไม่ต้องการให้เขาเข้าร่วมงานนี้ หนึ่งในนั้นเป็นแม่หญิงโม่อวี่ ผู้มีอำนาจเป็นรองเพียงจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าโจว นางใช้ผนึกของสระเฮยหลง(มังกรดำ)กักขังเขาเอาไว้

โม่อวี่คิดว่าเด็กหนุ่มไม่มีวันหนีออกมาได้ แต่ในความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม เฉินฉางเซิงได้พบมังกรน้ำค้างแข็ง สัตว์เทพในตำนานที่มีฐานะเทียบเท่ามังกรทองยักษ์และมังกรเก้าสวรรค์ มันถูกกักขังอยู่ในถ้ำใต้พระราชวัง เขาเคยเรียนรู้ภาษามังกรจากคัมภีร์ม้วนที่สามพันจึงสามารถสื่อสารกับมังกรน้ำค้างแข็งได้ในระดับหนึ่ง มังกรน้ำแข็งยอมปล่อยเขาออกมาและหวังว่าเด็กหนุ่มจะรักษาสัญญามาเยี่ยมหามันบ่อยๆ

เฉินฉางเซิงมาทันในช่วงสุดท้ายของพิธีสู่ขอพอดี ผู้ที่ช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้เขาก็คือคู่หมั้นของเขาสวีโหย่วหรงนั่นเอง(ปรบมือรัวๆ 555)

หลังจากค่ำคืนวุ่นวายนี้ผ่านพ้นไป เฉิงฉางเซิงคือว่าที่สามีของสวีโหย่วหรง เขาได้แสดงความสามารถจนทุกคนตกตะลึงไปตามๆกัน เด็กหนุ่มที่เคยถูกดูถูกเหยียดหยามได้เจิดจรัสขึ้นภายในคืนเดียว และได้รับถังซานสือลิ่วเพิ่มมาเป็นศิษย์อีกหนึ่งคน ตอนนี้สำนักศึกษาศาสนาหลวงจึงมีศิษย์ร่วมสำนักทั้งหมดสี่คน 

จุดหมายต่อไปของพวกเป็นการเข้าร่วมการสอบใหญ่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ในคืนวันงานสู่ขอสวีโหย่วหรง ลั่วลั่วได้เปิดเผยฐานะองค์หญิงเผ่ามารของตน ทำให้ทั่วหล้าต่างรู้ว่านางอยู่ที่จิงตู เพื่อความปลอดภัยใต้เท้าสังฆราชจึงให้องค์หญิงมาประทับในตำหนักหลีกงแทน ทว่าแท้จริงเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้มีอำนาจในจิงตูเข้าทำลายสำนักศึกษาศาสนาหลวง คนของสกุลเทียนไห่ถึงกับออกหน้าเป็นรายแรก 

ทางด้านโม่อวี่หว่านล้อมให้เฉินฉางเซิงทำลายหนังสือสมรสนั่นเสีย เพราะในความเป็นจริง สวีโหย่วหรงเพียงอาศัยเขาเป็นเกราะกันชิวซานจวินออกไปจากชีวิตของนาง นางไม่มีความคิดที่จะสมรสกับผู้ใดทั้งสิ้น เฉินฉางเซิงเองก็รู้ดี แต่เขาก็สร้างเงื่อนไขผ่านโม่อวี่ให้อีกฝ่ายมาคุยกับเขาโดยตรงในเรื่องนี้ ทว่าเรื่องราวยังคงไม่จบเมื่อฝูงชนในจิงตูต่างไม่ยอมรับหนังสือสมรสฉบับนี้ พวกเขาคิดว่า เฉินฉางเซิงไม่คู่ควรกับสวีโหย่วหรงอยู่ดี สร้างความวุ่นวายหน้าสำนักศึกษาศาสนาหลวงจนทางการต้องล้อมปราบเหล่าฝูงชนสถานการณ์จึงสงบลงชั่วคราว

ความจริง...การผูกสัมพันธ์แดนเหนือใต้ งานแต่งระหว่างสวีโหย่วหรงกับชิวซานจวิน เป็นเพียงหมากที่เทียนไห่เฉิงอู่ผู้นำตระกูลเทียนไห่ วางไว้เพื่อก้าวสู่การโค่นล้มราชบัลลังก์ของจักรพรรดินีศักดิศิทธิ์ ขณะเดียวกันเทียนไห่หยาเอ๋อร์เป็นคนที่เขาคาดหวังที่สุดในรุ่นเยาว์ของตระกูลแต่ถูกลั่วลั่วทำร้ายจนพิการ ความแค้นทั้งหมดจึงไปตกยังเฉิงฉางเซิง เขาต้องการให้ขุนพลเทพสวีซื่อจี้สังหารเด็กหนุ่ม แต่สวีซื่อจี้ปฏิเสธ

เฉินฉางเซิงได้พบจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์สองครั้งแต่เขาไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของพระนาง  ส่วนพระนางกลับรู้ความลับของเด็กหนุ่มทั้งหมด  ทรงมีรับสั่งไม่ให้ผู้ใดไปก่อกวนสำนักศึกษาศาสนาหลวงจนกว่าการสอบใหญ่จะผ่านพ้นไป

🌼หลังอ่าน🌼
ฉากต่อสู้อย่างมันส์เลย ชนิดที่ไม่ให้หายใจหายคอ  สนุกจริงๆ เรื่องนี้ ใครไม่ได้อ่านถือว่าพลาดเลยนะ

🍂เล่ม 3
เฉินฉางเซิงขอเข้าพบกับลั่วลั่วที่ตำหนักหลีกง เพื่อเตรียมการล่วงหน้าให้นางจะเข้าสู่ขั้นทะลวงอเวจีได้อย่างปลอดภัย

ในอดีตที่ผ่านลำดับขั้นการบำเพ็ญเพียรเริ่มจากจุดแสงสว่างดาวโชคชะตา ชำระล้างกระดูก ถอดจิต ทะลวงอเวจี ยังไม่มีใครที่สามารถก้าวกระโดดแบบข้ามขั้นเพราะล้วนเป็นอันตรายถึงชีวิต ทว่าเฉินฉางเซิงกลับแตกต่างเมื่อเขาไม่สามารถก้าวผ่านชำระล้างกระดูกได้สักที เขาจึงตัดสินใจแบบบ้าระห่ำข้ามขั้นตอนไปสู่การถอดจิตโดยเลือกสถานที่เป็นคุกที่ขุมขังมังกรน้ำค้างแข็งอันเหน็บหนาว 

มังกรดำคาดคิดว่าแทนที่เขาจะหยุดอยู่ที่ขั้นตอนการถอดจิตกลับเข้าสู่ขั้นทะลวงอเวจี ทว่าเขามีเพียงหัวใจที่เต้นอยู่ขณะที่ร่างกายเสียหายอย่างหนัก มังกรน้ำค้างแข็งที่เฝ้าอยู่ข้างกายเขาได้ใช้โลหิตของมันช่วยฟื้นฟูร่างกายของเขายังทำให้เขามีแข็งแกร่งยิ่งกว่าเผ่ามาร (นับแต่อดีตมีเพียงจ้าวครองภพโจวที่ได้อาบโลหิตมังกร คนที่สองกลับเป็นเฉินฉางเซิง) ขณะที่ตัวมันเองเกิดการเปลี่ยนแปลงจากร่างมังกรกลายเป็นเด็กสาวแสนงดงามผู้หนึ่ง

ในที่สุดการสอบใหญ่ก็มาถึง แต่งานนี้สวีโหย่วหรงกับชิวซานจวินกลับไม่ได้เข้าร่วม ส่วนเทียนไห่เซิ่งเสวี่ยได้สละสิทธิ์เพราะเขามีจุดมุ่งหมายอื่นและไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของคนในตระกูล เขาเพียงรอพบกับองค์หญิงลั่วลั่วพร้อมกับข้อตกลงบางอย่างที่มีเพียงพวกเขาสองคนรับรู้

ทางด้านเฉินฉางเซิงสามารถผ่านเข้ารอบสี่คนสุดท้าย สร้างความสะท้านสะเทือนต่อจิตใจผู้คนเหลือเกิน

🌼หลังอ่าน🌼
ตั้งแต่นี้ไปคงเป็นfcของมาวนี่แล้วล่ะ(แต่ขอยกเรื่องสยบฟ้ากับหาญท้าชะตาฟ้านะเพราะอ่านไม่รอดจริงๆ) เขียนสนุกมาก ใดใดคือสำนวนการแปลดีงามสุดๆ

🍂เล่ม 4
อาจารย์และศิษย์พี่ของเฉินฉางเซิงเดินทางไปยังพิภพตงถู่

ทางด้านเมืองจิงตูผลการท้าชิงอันดับแรกของการสอบใหญ่ระหว่างเฉินฉางเซิงกับโก่วหานสือ ผู้ที่ได้รับชัยชนะเป็นเฉิงฉานเซิง ทว่าเหตุชนะเพราะโก่วหานสือยอมถอยให้เขาก้าวหนึ่ง

วันประกาศผลอย่างเป็นทางการ ใต้เท้าสังฆราชถึงกลับมาร่วมงาน สร้างความตกตะลึงต่อผู้ยิ่งใหญ่และขุมอำนาจทั้งหลาย ความจริงอาจารย์ของเฉินฉางเซิงนักพรตจี้เป็นศิษย์พี่ของใต้เท้าสังฆราช ในปีที่ท่านล้มล้างสำนักศาสนาหลวงจนนองเลือด เรื่องราวที่ซ่อนอยู่ก็คือเวลานั้นจักรพรรดิองค์ก่อนประชวรหนัก จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ออกว่าราชการหลังม่าน พวกเชื้อพระวงศ์เก่าแซ่เฉินไม่อยากให้สตรีปกครองแผ่นดินจึงคิดก่อกบฏและลักพาตัวลูกชายของพระนางไป ทำให้พระนางออกคำสั่งสังหารเชื้อพระวงศ์เก่าทั้งหมด(ยกเว้นองค์ชายเฉินหลิว) ซึ่งมีสองคนอยู่ในสำนักศานาหลวง เวลานั้นผู้ปกครองสำนักคือนักพรตจี้ ทุกคนคิดว่าเขาถูกใต้เท้าสังฆราชสังหารไปแล้วแท้จริงใต้ท่านกลับไว้ชีวิตเขา (เดาว่าศิษย์พี่ของเฉินฉางเซิงต้องเป็นลูกของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์แน่ๆ)

ใต้เท้าสังฆราชไม่อยากให้เรื่องราวของคนรุ่นก่อน มาพัวพันกับเฉินฉางเซิง ท่านจึงมีความคิดจะปกป้องหลานศิษย์คนนี้

ในคืนวันเดียวกันเฉินฉางเซิงก็ได้ตอบรับคำเชิญของว่าที่พ่อตาไปเยือนจวนขุนพลเทพ เขาตั้งใจคืนหนังสือสมรสเพื่อจบเรื่องนี้ และได้รู้ว่าทั้งสวีโหย่วหรงและซิวซานจวินต่างไม่รู้เรื่องการหมั้นหมายจริงๆ ชิวซานจวินร่องรอยเงียบหายไปนับครึ่งปีรวมทั้งไม่ได้เข้าร่วมงานสอบใหญ่เพราะเขาติดภารกิจลับเดินทางไปยังสวนโจว(โลกใบเล็กของผู้ครองภพโจว-ผู้ครองภพโจวคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบหนึ่งพันปี)

สถานที่ที่เผ่ามนุษย์และปีศาจแย่งชิง ประตูสวนจะเปิดทุกๆสิบปี นับแต่เจ้าของคนแรกผู้ครองภพโจวได้หายสายสูญไปมาจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครครอบครองมันได้ ถ้าไม่มีใครเปิดได้มันก็จะหายไปแล้วปรากฏขึ้นอีกครั้งทุกๆสิบปีและมีเพียงผู้ฝึกถึงขั้นทะลวงอเวจีถึงจะเข้าไปได้ ขั้นสูงหรือต่ำกว่านั้นไม่สามารถเข้าสวนโจวได้

ผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าและบรรดาผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าปีศาจของเมืองเสวี่ยเหล่าติดตามเรื่องนี้กันอยู่
ผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าลงมติส่งชิวซานจวินไปเพียงลำพัง ซึ่งชิวซานจวินสามารถหาประตูใหญ่ของสวนโจวกับลูกกุญแจได้แล้ว

เฉินฉางเซิงคืนหนังสือสมรสแล้วออกจากจวนขุนพลเทพแต่เมื่อมาถึงสำนักศึกษาศาสนาหลวงหนังสือสมรสถูกส่งกลับมาก่อนหน้าเขาเสียอีก ทางด้านขุนพลเทพสวีซื่อจี้กลับต้องการให้เขาไปบอกกล่าวต่อหน้าสวีโหย่วหรงเอง เพราะพวกเขาจะไม่สอดมือเข้ามายุ่งอีก

ก่อนเข้าสุสานเทียนซู ทางราชสำนักจะจัดเลี้ยงผู้ที่สอบผ่านทั้งหมดสี่สิบสองคน เพียงแต่ผู้ชนะอันดับหนึ่งจะไม่ได้ร่วมงานเลี้ยงแต่จะต้องไปยังหอหลิงเยียน สถานที่ที่เป็นแรงมุ่งมั่นให้เขามายังจิงตู ในหอหลิงเยี่ยนมีภาพวาดบุคคลในประวัติศาสตร์แห่งจิงตูยี่สิบสี่ภาพ(คุ้นๆเหมือนมีฉากสั้นๆในเล่มก่อน เดาว่าถ้าไม่ใช่หวังจือเช่อในตำนานก็เป็นผู้ครองภพโจว) จุดประสงค์ของเฉินฉางเซิงเพียงต้องการหนังสือบันทึกของหวังจือเช่อที่ถูกซ่อนไว้ตามที่อาจารย์บอกมา เขาหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงดาวโชคชะตาของตัวเองได้ เฉกเช่นสามคนในอดีต

พันกว่าปีก่อนมีเรื่องเล่ากันอย่างลับๆว่า คนที่สามารถท้าลิขิตพลิกโชคชะตามีเพียงสามคน คือจักรพรรดิไท่จู่ จักรพรรดิไท่จงและจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์

ทว่าความจริงในบันทึกของหวังจือเช่อกลับกว่าว่าการท้าลิขิตพลิกโชคชะตาไม่มีอยู่จริง แต่เฉินฉางเซิงกลับไม่เชื่อ เข้าค้นหาจนเจอศิลาดำก้อนหนึ่ง หลังจากสัมผัสมันก็ได้รับรู้เหตุการณ์ในอดีต ศิลาดำก้อนนี้เป็นสิ่งที่จักรพรรดิไท่จงมอบให้อาจารย์ของเขาก่อนสวรรคต(เดิมทีเป็นของที่จักรพรรดิไท่จู่มอบให้หวังจือเช่อ ไม่รู้ว่าตอนหลังไปตกอยู่กับจักรพรรดิไท่จงได้อย่างไร)

หนึ่งคืนพ้นผ่านถึงเวลาที่เฉิงฉางเซิงและผู้ผ่านการสอบคนอื่นๆจะต้องเข้าสู่สุสานเทียนซูเพื่อเข้าชมศิลาจารึกหวังยกระดับฝีมือของตัวเอง พร้อมๆกับราชสำนักได้แจ้งข่าวมาว่าอีกหนึ่งเดือนจะมีการเปิดสวนโจ

เฉินฉางเซิงพบเจอแนวทางของตนในการถอดความศิลาจารึกซึ่งแตกต่างจากวิธีการที่สืบทอดกันมา ทว่าทางสายนี้กลับต้องใช้เวลา เหลืออีกไม่กี่วันสวนโจวจะเปิดแล้ว มีเพียงเขาที่ยังคงอยู่เบื้องหน้าศิลาจารึกแผ่นแรก 

ในวันที่เขาเห็นเรื่องราวในอดีตผ่านก้อนศิลาดำ เขาไม่คิดจะทำตามวิถีทางเส้นนั้นเพื่อท้าลิขิตพลิกโชคชะตา  ในวันนี้เขาตัดสินใจก้าวไปให้ถึงขั้นเทพอำพรางเพื่อท้าลิขิตพลิกโชคชะตาของตัวเอง เขาจะต้องไปสวนโจว แต่หากก้าวไม่ถึงเขาจะมีชีวิตอีกเพียงห้าปี ห้าปีที่เหลือขอท่องเที่ยวไปทั่วหล้า

เขาเริ่มต้นจากการถอดความบนศิลาจารึกด้วยแนวทางที่เรียกว่าเข้าใจมัน ดังนั้นเขาจึงถอดความตั้งแต่แผ่นแรกรวดเดียวไปจนถึงแผ่นที่สิบเจ็ดในสุสานส่วนหน้าภายในหนึ่งวัน 
ซึ่งก่อนหน้ามีเพียงผู้ครองภพโจวที่ทำได้ เขาถือว่าเป็นคนที่สอง ทว่าเด็กหนุ่มไม่คาดคิดว่าหลังศิลาจารึกแผ่นที่สิบเจ็ดกลับมีแผ่นที่สิบแปดซึ่งหักไปเกือบทั้งหมดดำรงอยู่

🍂เล่ม 5
เฉินฉางเซิงย้อนกลับมายังศิลาจารึกแผ่นที่หนึ่งอีกครั้ง เขาคิดว่าที่ผ่านมาขั้นตอนการถอดความศิลาจารึกทีละแผ่นล้วนไม่ถูกต้อง จึงตัดสินใจนำข้อความบทแผ่นศิลาสิบเจ็ดแผ่นมาเชื่อมต่อกันแล้วถอดความใหม่และเพราะศิลาดำก้อนนั้นทำให้เขาสามารถเติมส่วนที่หายไปของศิลาจารึกแผ่นที่สิบแปด สามารถถอดความจารึกสิบแปดแผ่นได้เหมือนผู้ครองภพโจวในอดีต ซึ่งอีกฝ่ายคงไม่คิดว่าต่อให้เขาตัดแผ่นจารึกแผ่นที่สิบแปดไปกลับมีชนรุ่นหลังอย่างเฉินฉางเซิงที่มีความสามารถไม่ต่างจากเขา

การถอดความศิลาจารึกทั้งสิบแปดแผ่นของเด็กหนุ่มส่งผลให้ผู้คนมากมายในสุสานเทียนซูส่วนหน้าเข้าสู่ขั้นทะลวงอเวจีได้สำเร็จ ส่วนเฉินฉางเซิงก็เข้าสู่ขั้นปลายของทะลวงอเวจีด้วยอายุที่น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาค้นพบเส้นทางของตัวเองเชื่อมั่นว่าสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเองได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนโชคชะตาของคนรอบข้างเหมือนวิธีการที่สามจักรพรรดิเคยใช้แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าเขาต้องถึงขั้นเทพอำพรางก่อนอายุยี่สิบปี(ปาดดดดด เทพไปละ)

เฉินฉางเซิงออกจากสุสานเทียนซูก่อนกำหนดด้วยไม่คิดจะไปต่อ ณ  วันใดที่เขาบรรลุขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์เขาจะกลับมาอีกครั้ง ขณะที่โก่วหานสือตัดสินใจอยู่ต่อเพราะเขาไม่ไปสวนโจว

ก่อนเดินทางไปสวนโจวเฉินฉางเซิงเข้าพบใต้เท้าสังฆราช ทำให้เขาได้รู้ความจริงเกี่ยวกับอาจารย์และสถานการณ์ที่ผ่านมา เขาถูกวางตัวให้เป็นใต้เท้าสังฆราชรุ่นต่อไป ทั้งยังมอบแผ่นป้ายเจ้าสำนักศึกษาศาสนาหลวงให้เขาเท่ากับเขาคือเจ้าสำนัก

การไปสวนโจวคราวนี้ สวีโหย่วหรงก็เข้าไปด้วยนางพึ่งบรรลุทะลวงอเวจีขั้นปลายจึงเข้าไปได้ ขณะที่ชิวซานจวินพึ่งบรรลุขั้นรวบรวมดวงดาวจึงไม่อาจเข้าสวนโจวได้

ทางด้านจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ด้วยความสงสัยต่อความเป็นมาของเฉินฉางเซิง(นางไม่แน่ใจว่าเขาจะใช่ลูกนางหรือเปล่า)จึงยื่นข้อเสนอต่อมังกรดำให้ติดตามเฉินฉางเซิงไปยังสวนโจวเพื่อสืบเรื่องราวของเขาในหลายๆด้าน หากมังกรดำตกลงอีกสิบปีนางจะปล่อยมันไป แต่ก่อนไปนางใช้วิชาพรากวิญญาณดึงบางส่วนของจิตวิญญาณมังกรน้ำแข็งค้างออกมาจากร่างของอีกฝ่าย นางปล่อยมังกรดำน้อยที่ดึงออกมาให้ไปพบกับเฉินฉางเซิง

เจ๋อซิ่วรับเงินจากถังซานสือลิ่วจ้างให้คุ้มกันเฉินฉางเซิงระหว่างอยู่ในสวนโจว พวกเขาจะเดินทางไปด้วยกัน นอกจากเจ๋อซิ่วแล้วยังมีมังกรดำตัวเล็กร่วมทางไปกับเขาด้วย ขณะที่ขบวนเดินทางไปสวนโจวผ่านเมืองเวิ่นสุ่ย ผู้นำตระกูลถังได้ให้พ่อบ้านมอบศาสตราวุธที่เรียกว่าร่มกระดาษทองให้เด็กหนุ่มพกติดตัวไว้ เดิมทีมันเป็นสิ่งที่อาจารย์อาเล็กของหอกระบี่เขาหลีซานคิดค้นและให้สกุลถังประดิษฐ์ให้แต่ค่าใช้จ่ายแพงเกินไปสุดท้ายเขาก็ไม่ได้มาเอา

สวนโจวเปิดแล้ว ผู้เข้าไปมีเวลาเพียงหนึ่งร้อยวันที่จะอยู่ในนั้นเพื่อตามหามรดกที่ผู้ครองภพโจวเก็บเอาไว้ หากในร้อยวันไม่ออกมาพวกเขาจะถูกการแปรผันของเศษเสี่ยวช่องว่างในสวนโจวบดขยี้เป็นจุณ การค้นพบสวนโจวครั้งนี้เป็นกุนซือเสื้อคลุมดำเผ่าปีศาจเป็นผู้คาดเดาตำแหน่ง เผ่ามนุษย์ที่รู้ข่าวนี้เนื่องมากจากมือสังหารเผ่าปีศาจที่ลอบสังหารลั่วลั่วถูกจับกุม จนสามารถสืบเสาะเบาะแสมาถึงตำแหน่งของสวนโจว ดังนั้นชิวซานจวินจึงต้องเร่งค้นหากุญแจประตูสวนโจวให้ทันก่อนเผ่าปีศาจจะได้ไป

ทว่าไม่มีใครรู้ว่าสวนโจวมีทางเข้ามากกว่าหนึ่งทาง กุนซือปีศาจได้ส่งคนของเขาเข้าไปในสวนโจว ทั้งยังสามารถมองเห็นเหตุการณ์และผู้ในสวนโจวราวกับอยู่ตรงหน้า(หยังกะติดกล่องวงจรปิดแหนะ)ทั้งยังระบุตำแหน่งของบุคคลที่ถูกกำหนดว่าเป็นหมากบนกระดานไว้ให้ลูกน้องของเขาที่เข้าไปเสร็จสรรพ(จะเทพไปไหม)

แต่เพราะเฉินฉางเซิงรู้สึกเหมือนถูกจับตามองเขาจึงกางร่มกระดาษทองโดยมีเจ๋อชิวตามไปด้วยทำให้ตำแหน่งของทั้งสองคนหายไปในพริบตา และเพราะเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ซูหลีอาจารย์อาเล็กแห่งหอกระบี่หลีซานล่วงรู้ตำแหน่งของกุนซือปีศาจทันที 

เรื่องราวมาถึงจุดนี้...นับตั้งแต่มีการส่งคนเผ่าปีศาจไปลอบสังหารองค์หญิงลั่วลั่วกระทั่งการเปิดสวนโจว ล้วนเป็นแผนการของกุนซือปีศาจที่คิดกำจัดรุ่นเยาว์เผ่ามนุษย์ที่สำคัญเขาต้องการสังหารซูหลีมาตลอดเพราะในสายตาของกุนซือปีศาจซูหลีเป็นบุคคลที่น่ากลัวอย่างแท้จริง  หนนี้ที่ซูหลียินยอมปรากฏตัวเพราะเขาเป็นห่วงบุตรสาวที่เข้าไปในสวนโจว

หลังจากทุกคนเข้าสู่สวนโจวกันครบแล้ว อยู่ๆประตูสวนโจวก็ถูกปิดราวถูกสิ่งใดรบกวนทำให้เส้นทางขาดๆหายๆ ไม่อาจเห็นชัดตา สร้างความตื่นตระหนกต่อเหล่าผู้อาวุโสและยอดฝีมือที่มาเฝ้าอารักขาบริเวณรอบสวนโจวอย่างยิ่ง

ตอนนี้ทุกคนที่อยู่ในสวนโจวรู้แล้วว่าประตูสวนโจวถูกปิด พวกเขาไม่สามารถออกมาได้ทั้งยังเกิดเหตุมีคนทะยอยถูกวางยาพิษเสียชีวิตสร้างความระสำระส่ายในกลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรที่เข้ามา

เฉินฉางเซิง เจ๋อซิ่วและคนของหอกระบี่เขาหลีซานต่างต้องการค้นหาสระกระบี่ในตำนานให้เจอ ขณะค้นหาเขาสองคนเผชิญกับการลอบสังหารจากเผ่าปีศาจ ที่เลวร้ายกว่านั้นเป็นการเผชิญหน้ากับสองขุนพลปีศาจ เฉินฉางเซิงปล่อยวิญญาณมังกรที่ไม่มีผู้ใดมองเห็นให้ไปตามคนมาช่วย มันคิดไปตามสวีโหย่วหรงมาช่วยพวกเขา ระหว่างนั้นชีเจียน  เหลียงเซี่ยวเสี่ยว เข้ามาร่วมวง แต่สถานการณ์พลิกผันเพราะเหลียงเซี่ยวเสี่ยวกลับร่วมมือกับเผ่าปีศาจ เจ๋อซิ่วถูกพิษขนนกยูงในตำนานกัดกิน ชีเจียนได้บาดเจ็บสาหัส มีเพียงเฉินฉางเซิงที่สภาพดีหน่อย เขาอาศัยร่มกระดาษทองปกป้องชีวิตตัวเองและสหายเอาไว้ พร้อมกับให้เจ๋อชิ่วและชีเจียนหลบหนีไปด้วยกระดุมพันหลี่ พวกเขาสองคนหนีเข้าไปยังทุ่งหญ้าตะวันไม่ลาลับซึ่งเป็นส่วนลึกของสวนโจว ทุ่งหญ้าที่ใครเข้าไปแล้วไม่มีวันได้กลับออกมา

ทางอาจารย์อาเล็กซูหลีถูกขุนพลปีศาจระดับต้นๆล้อมสังหาร กุนซือชุดดำย่อมไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอดชีวิต

ณ ยอดเขามู่อวี้ในสวนโจวสวีโหย่วหรงสายเลือดหงส์ฟ้ากับหนานเค่อองค์หญิงเผ่าปีศาจผู้มีสายเลือดนกยูง ศิษย์หนึ่งเดียวของกุนซือปีศาจได้เผชิญหน้ากันแล้ว สวีโหย่วหรงถูกพิษขนนกยูงบาดเจ็บสาหัส  ปราณแท้เหือดแห้ง พิษร้ายแทรกซึม ความตายรออยู่ไม่ไกล แต่นางไม่ยินยอม เมื่อไม่ยินยอมวิญญาณของหงส์ฟ้าจึงตื่นขึ้น ปรากฏเป็นปีกไฟหงส์ฟ้าพานางบินจากไป ส่วนหนานเค่อไม่คิดว่าสวีโหย่วหรงที่ควรตายไปแล้วกลับเกิดใหม่ นางเรียกปีกคู่หนานเค่อเพื่อไล่ตามอีกฝ่าย

หลังจากเฉินฉางเซิงถูกปีกคู่หนานเค่อไล่ล่า ร่มกระดาษทองช่วยชีวิตเขาเอาไว้ สวีโหย่วหรงบินมาเจอเขาตอนร่วงลงมาจากฟ้าในสภาพสลบไสล 

ในที่สุดโชคชะตาระหว่างคนทั้งสองก็ได้เชื่อมต่อกันแล้ว

🍂เล่ม 6
หลังจากสลัดหลุดจากการไล่ล่าของหนานเค่อ สวีโหย่วหรงเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เฉียดตายเหตุการณ์หนึ่ง เหตุการณ์นี้ทำให้นางกับเฉินฉางเฉิงเข้าใจผิดต่อความเป็นมาของอีกฝ่าย ทั้งๆที่พบกันกลับไม่รู้ว่าต่างเป็นคู่หมั้นกัน

ส่วนเฉินฉางเซิงรอดตายมาได้เพราะวิญญาณมังกรดำเข้าไปในร่างกายของเขาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้ ส่งผลให้มันหลับลึกอยู่ในทะเลสาบรอบห้วงอเวจีของเขา

เฉินฉางเซิงแบกสวีโหย่วหรงเข้าไปในทุ่งตะวันไม่ลาลับที่น่ากลัว พวกหนานเค่อเข้ามาในสวนโจวเพื่อตามล่าคนทั้งสอง

ทางด้านจีเชียนกับเจ๋อชิ่วยังวนอยู่ในทุ่งหญ้าไร้ทิศทาง เจ๋อชิ่วตาบอดเพราะพิษนกยูงเขารักษาบาดแผลให้จีเชียนถึงรู้ความว่าอีกฝ่ายเป็นสตรีนางหนึ่ง(ว่าละเชียวถึงทะแมงๆนึกว่าคนเขียนจะเขียนคู่ชรช.ซะอีก😂)

หลังจากสวีโหย่วหรงกับเฉินฉางเซิงรอดตายจากการโจมตีของเหล่าสัตว์อสูร เฉินฉางเซิงอาศัยร่มกระดาษทองที่สัมผัสกับจิตกระบี่ได้นำทางพวกเขาไปยังสระกระบี่ในตำนาน พวกเขาสอบถามชื่อกันและกันแน่นอนว่าล้วนเป็นชื่อสมมุติ(อารมณ์ประมาณหนุ่มสาวแอบชอบพอกันในใจเลยไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ชื่อแล้วทราบว่าต่างมีคู่หมั้นแล้ว😂) พวกเขาใช้ชีวิตร่วมกันกระทั่งไปถึงสุสานผู้ครองภพโจว
พบเจอโลงหินสีดำปริศนาและแก่นวิญญาณของเมืองไป๋ตี้สมบัติล้ำค่าของเผ่ามาร ใช้ในการป้องกันสัตว์อสูรตั้งแต่ระดับต่ำไปจนถึงระดับสูง รวมถึงสมบัติในห้องต่างๆของสุสานเฉินฉางเซิงเก็บเรียบ

สวีโหย่วหรงเข้าใกล้ความตายเข้าไปทุกขณะ เฉินฉางเซิงจึงตัดสินใจใช้วิชาต้องห้ามเข็มทองต้อนโลหิตที่ผู้เป็นอาจารย์ได้ปรับปรุงแก้ไขรักษาอีกฝ่ายแต่ไม่ได้ผลเพราะในร่างของนางแทบไม่เหลือเลือดอยู่อีกแล้ว เขาจึงถ่ายเลือดของตัวเองเข้ายังเส้นเลือดของนาง ทำให้นางรอดชีวิตมาได้อย่างแท้จริง(อยากรู้ว่าเฉิงฉางเซิงมีสายเลือดอะไรกันแน่) แต่กลิ่นเลือดของเฉินฉางเซิงกลับดึงดูดกองทัพสัตว์อสูรทำให้พวกเขาตกอยู่ในวงล้อมของสัตว์อสูร

ขณะที่พวกเขาคิดเพียงว่าพรุ่งนี้คงไม่รอดแล้ว โลงดำก็เปิดออก พวกเขาพบวิชาดาบของผู้ครองภพโจวจึงร่วมกันจำจด เมื่อจดจำหมดแล้วข้อความก็สลายไป พร้อมๆกับเวลาที่หมดลงพวกเขาเผชิญหน้ากับพวกหนานเค่อและคลื่นสัตว์อสูรที่อีกฝ่ายควบคุมไว้ ไม่ว่าจะมองจุดไหนเฉิงฉางเซิงไม่มีทางที่จะเอาชนะหนานเค่อได้ ทว่าเขาอาศัยจิตกระบี่สายนั้นที่เขาตามมา มันเข้าไปอยู่ในร่างเขาทำให้เขากลายเป็นประหนึ่งกระบี่ไร้ต้าน ต่อมามันกลับเข้าไปอยู่ในร่มกระดาษทองที่มันแสนคุ้นเคยและโหยหามาตลอด

ร่มกระดาษทองที่จริงด้ามร่มเป็นกระบี่บังฟ้าของเจ้าสำนักหอกระบี่เขาหลีซานผู้เป็นอาจารย์ของอาจารย์อาน้อยซูหลี หลังจากอาจารย์ของเขาพกกระบี่บังฟ้าเข้ามาสวนโจวก็ไม่เคยได้กลับออกไปอีก กระทั่งวันหนึ่งสวนโจวเปิดซูหลีได้พบกับกระบี่ของอาจารย์แต่หาจิตกระบี่ไม่เจอจึงนำกระบี่ดังกล่าวไปให้ผู้เฒ่าถังซ่อมแซมหวังฟื้นคืนชีวิตของกระบี่บังฟ้าทว่าผู้เฒ่าถังทำออกมาเป็นร่มกระดาษทอง ใครจะคาดคิดว่าสุดท้ายเฉินฉางเซิงกลับเป็นผู้ชักนำให้จิตกระบี่หวนคืนสู่ตัวกระบี่ได้ในที่สุด

เฉินฉางเซิงสามารถต้านรับการโจมตีของหนานเค่อทำให้นางบาดเจ็บ ที่สร้างความตื่นตะลึงยิ่งกว่าคือเขาสามารถเรียกกระบี่ในสระกระบี่เล่มอื่นๆมาใช้ได้ พวกหนานเค่อสู้ไม่ได้ นางจึงใช้ไม้จิตวิญญาณบังคับคลื่นสัตว์อสูรโจมตีเขา

สมรภูมิระหว่างหมื่นอสูรกับหมื่นกระบี่ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว

🌼หลังอ่าน🌼
เอาจริงนะพระเอกเนี่ยมันจะครอบครองกระบี่ทุกเล่มในสระกระบี่ไว้เลยเหรอ😂

🍂เล่ม 7
หมื่นกระบี่สังหารหมื่นอสูรสุดท้ายพญาปักษาปีกทองสัตว์วิเศษของผู้ครองภพโจวจึงต้องออกโรง เฉินฉางเซิงเผาห้วงอเวจีของตัวเองเพื่อปลุกจิตกระบี่มังกรคำรณที่เข้าไปอยู่ในกระบี่กระสั้นของเขา ส่งผลให้จิตวิญญาณของมังกรน้ำค้างแข็งตื่นขึ้นมันเข้าไปอยู่ในกระบี่สั้น พร้อมๆกับจิตกระบี่มังกรคำรณตื่นขึ้น หนึ่งเป็นมังกรทองยักษ์หนึ่งเป็นมังกรน้ำแข็งค้างรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว จู่โจมจนพญาปักษาปีกทองพ่ายแพ้ สระกระบี่หายไปทำให้พลังที่ใช้สะกดศิลาจารึกคัมภีร์สวรรค์สิบเอ็ดแผ่นที่ผู้ครองภพโจวนำมาค้ำจุนสวนโจวเสียสมดุล สวนโจวกำลังจะถล่ม หนานเค่อถูกพายุหอบพัดหายไปในพริบตา

เวลานั้นสวีโหย่วหรงตื่นขึ้นมาพอดี นางรู้ความลับของสวนโจวรู้ว่าแท้จริงมีศิลาจารึกสิบเอ็ดแผ่นที่ถูกผู้ครองภพโจวตัดอออกมาจากสุสานเทียนซู ทว่าที่มีในสุสานกลับมีเพียงสิบแผ่น กับอีกแผ่นที่เหลือเพียงฐาน เฉินฉางเซิงใช้ศิลาดำที่ได้มาจากผนังภาพวาดของหวังจือเช่อวางบนฐานศิลาจารึกที่ขาดหาย จึงปรากฏศิลารึกแผ่นสุดท้ายขึ้นมา(ความจริงเป็นแผ่นเดียวกับที่หายไปเพราะหวังจือเช่อแอบมาขโมยแผ่นนี้ไปจากสวนโจว)

หมายเหตุ : คิดว่าคงเขียนคงลืมในเรื่องจำนวนแผ่นศิลาจารึกที่อยู่ในสุสานผู้ครองภพโจว ตอนแรกว่ามีสิบสองแผ่น ตอนหลังเปลี่ยนเป็นมีสิบเอ็ดแผ่น(สิบเอ็ดแผ่นคือจำนวนที่ถูกต้อง)

หลังจากหวังจือเช่อขโมยไป ผู้ครองภพโจวใช้จิตหมื่นกระบี่(สระกระบี่)แทนแผ่นศิลาจารึกที่ถูกขโมยไปทำให้สวนโจวคงอยู่ได้ดังเดิม

เฉินฉางเซิงทำได้เพียงชะลอเวลาให้สวนโจวถล่มช้าลง เขารู้ว่าประตูสวนโจวกำลังจะเปิด จึงให้สวีโหย่วหรงออกไปก่อนโดยมีไก่ฟ้าตัวจ้อย(ร่างจริงเป็นพญาปักษาปีกทอง)พานางออกไป ส่วนเขาอยู่ต่อในนี้ใช้ร่มกระดาษทองและหมื่นกระบี่ค้ำยันท้องฟ้าสวนโจวเอาไว้ด้วยหวังว่าผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆจะออกจากสวนโจวทันเวลา

ในที่สุดสวนโจวก็หายไปแล้ว เฉินฉางเซิงไม่ได้ออกมา สวีโหย่วหรงจากไปด้วยด้วยความเศร้าเพราะคนที่นางเฝ้ารอก็ไม่ได้ออกมาเช่นกัน ชีเจียนรอดชีวิตแต่นางสลบไม่รู้จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ซีเจ๋อถูกจวงฮ่วนอวี่แห่งสำนักเทียนเต้ากล่าวหาว่าร่วมมือกับเผ่าปีศาจ เจ็ดบัญญัติแดนเทพเหลียงเซี่ยวเสี่ยวกล่าวหาเฉินฉางเซิงว่าทำร้ายเขาก่อนสิ้นใจ ซีเจ๋อถูกเหมยหลี่ซาพาตัวไปยังจิงตูเพื่อรอการสอบสวนตอนนี้ถูกกักขังในคุกหลวง

ทางด้านเฉินฉางเซิงไม่รู้ว่าตัวเองมาโผล่ยังทุ่งหิมะกลางสมรภูมิระหว่างเผ่าปีศาจกับซูหลีได้ยังไง แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ซูหลีใช้จิตกระบี่บังฟ้าฟันท้องฟ้าของค่ายกลให้เปิดออกพาตัวเองที่บาดเจ็บสาหัสกับเฉินฉางเซิงจากไป แผนล้อมสังหารซูหลีของกุนซือปีศาจจึงล้มเหลว 

แม้ซูหลีจะรอดตาย แต่คนในต้าโจว แดนใต้และแดนปีศาจต่างต้องการเอาชีวิตเขา เฉิงฉางเซิงที่ทำหน้าไม่ต่างจากสารถีและองครักษ์เพื่อพาเขาไปให้ถึงสำนักหอกระบี่เขาหลีซานจึงร่วมเป็นร่วมตายกับอีกฝ่ายไปด้วย ตลอดเส้นทางล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยยอดฝีมือที่เข้ามาสังหาร

ตลอดเส้นทางการต่อสู้ทำให้ระดับการฝึกปรือของเฉินฉางเซิงก้าวกระโดดจนแม้แต่ซูหลียังตื่นตะลึงในศักยภาพของเด็กหนุ่ม

เฉินฉางเซิงเผชิญหน้ากับยอดฝีมือสองคนแห่งทำเนียบเซียวเหยา ในช่วงเวลาคับขันที่เขาไม่สามารถยื่นมือช่วยเหลือซูหลีได้ หวังพั่วอันดับหนึ่งของทำเนียบเซียวเหยาก็ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือและตั้งใจพาซูหลีกลับเขาหลีซาน  ตอนนี้พวกเขาจึงมีกันสามคน ขณะที่คิดจะเดินทางต่อกลับไม่มีใครคาดว่าจูลั่วอันหนึ่งในลมฝนแปดทิศได้ปรากฏกายเพื่อสังหารซูหลี ยอดฝีมือเทียบเท่าห้าผู้ศักดิ์สิทธิ์มาถึงพวกเขาสามคนจะรับมือได้อย่างไร

🌼หลังอ่าน🌼
สนุกขึ้นเรื่อยๆไม่มีแผ่ว แล้วก็ผิดคาดตกลงจีเชียนเป็นลูกของอาจารย์อาเล็กเหรอเนี่ย

🍂เล่ม 8
ชิวซานจวินบาดเจ็บสาหัสเพราะต้องใช้ปราณแท้และกลิ่นอายของสายเลือดมังกรเปิดประตูสวนโจวก่อนเวลาเพื่อให้ผู้บำเพ็ญหนีออกมาก่อนสวนโจวจะถล่ม

ภายในเขาหลีซานกำลังเกิดปัญหาร้ายแรง ผู้อาวุโสพรรคฉางเซิงปรารถนาจะฮุบกลืนหอกระบี่เขาหลีซานให้กลับมาอยู่ในพรรคเหมือนเช่นอดีต เจ้าสำนักหอกระบี่เขาหลีซานพยายามปกป้องชิวซานจวินและจีเชียนที่บาดเจ็บสาหัสเอาไว้

นอกจากพรรคฉางเชิงยังมีผู้นำตระกูลชิวซานและผู้อาวุโสในสำนักกระบี่เขาหลีซานรวมตัวกันมากดดันเจ้าสำนักให้มอบตัวจีเชียนไปสอบปากคำตามคำกล่าวก่อนตายของเหลียงเซี่ยวเสี่ยว ทว่าเหล่านี้เป็นเพียงข้ออ้าง เหนืออื่นใดพวกเขาต้องการให้ซูหลีตาย จึงทำทุกวิธีขัดขวางไม่ให้คนของสำนักหอกระบี่เขาหลีซานเดินทางไปช่วยเหลือซูหลี ทั้งยังเปิดเผยชาติกำเนิดของจีเชียนที่มารดาของนางเป็นถึงองค์หญิงเผ่าปีศาจ

คนที่มาแก้ไขสถานการณ์กลับเป็นชิวซานจวิน เจ้าสำนักกระบี่เขาหลีซานมอบค่ายกลใหญ่หมื่นกระบี่ให้เขานานแล้ว เขาจึงใช้ค่ายกลหมื่นกระบี่ส่งข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม(ยอดเขาเซิ่งหนี่ว์ พรรคฉางเซิง ตำหนักหลีกง)  เขายินยอมแตกหักกับบิดาและวงศ์ตระกูลไม่ยอมทรยศสำนักเด็ดขาด (คนนี้ก็ดีงามจริงๆเสียแต่เป็นแค่พระรอง) ทว่าสุดท้ายเรื่องราวกลับยุติลงแบบคาดไม่ถึง

ทางด้านพวกซูหลี เฉินฉางเซิงใช้ร่างตัวเองรับกระบี่จากนักฆ่านามหลิวชิง ปกป้องซูหลีด้วยชีวิต หวังพั่วยังคงรับมือกับจูลั่วอย่างไม่กลัวตาย แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่หลิวชิงต้องการฆ่าหาใช่ซูหลีแต่เป็นจูลั่ว ทว่าจูลั่วแข็งแกร่งเกินมนุษย์เพราะเขาอยู่เขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว หลิวชิงก็ไม่อาจสังหารเขาได้

เฉินฉางเซิงไม่คิดจะยอมแพ้ หมื่นกระบี่ของเขากลับทำลายกระบี่ของจูลั่วทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสสร้างความตกตะลึงต่อโลกหล้า แต่ว่าลมฝนแปดทิศจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร ไม่ได้มีเพียงจูลั่วที่มาสังหารซูหลี ยังมีกวนชิงเค่ออีกคน แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้นเทพธิดาแดนใต้อาจารย์ของสวีโหย่วหรงพลันปรากฏกายมาช่วยเหลือชายคนรักอย่างซูหลี(ท่านปู่ซูนี่มีเสน่ห์ไม่เบาเลยนะเนี่ย แต่ละแม่นางไม่ธรรมดาเลย😂) แม้แต่จูลั่วกับกวนชิงเค่อร่วมมือกันก็ยังพ่ายแพ้แก่นาง การล่าสังหารซูหลีจึงสิ้นสุดเพียงเท่านี้ และแล้วสาวงามก็พาท่านปู่ซูหลีกลับไปจัดการปัญหาที่สำนักหอกระบี่เขาหลีซาน  ส่วนเฉินฉางเซิงก็เดินทางกลับจิงตู

การกลับมาของเฉินฉางเซิง ทำให้จวงฮ่วนอวี่ตัดสินใจฆ่าตัวตาย เจ๋อชิวยังคงถูกกักขังในคุกโจว สุสานเทียนซูเปิดแล้ว ถังซานสือลิ่วออกมาด้วยระดับทะลวงอเวจีขั้นปลาย เหมยหลี่ซาเสียชีวิตด้วยโรคชราเขาเดินมาสุดทางได้แค่นี้เห็นชีวิตของเฉินฉางเซิงเพียงเท่านี้

🍂เล่ม 9
เฉินฉางเซิง  ถังซานสือลิ่วและเซวียนหยวนพั่วเดินทางไปยังคุกโจวเพื่อให้โจวทงปล่อยตัวเจ๋อชิ่ว เรื่องที่พวกเขาทั้งสามทำแน่นอนว่ามีแต่คำว่าเป็นไปไม่ได้ ทว่าโจวทงกลับปล่อยตัวเจ๋อชิ่วซึ่งเป็นเรื่องผิดคาดหมายสร้างความสะท้านสะเทือนไปทั่วจิงตูเลยทีเดียว

โจวทงได้รับคัมภีร์กาลเวลาที่เหมยหลี่ซาก่อนตายพกติดตัวอยู่เวลา 

ณ เขาหลีซาน สวีโย่วหรงไปเยี่ยมชิวซานจวิน เข้าพบกับอาจารย์หญิงเทพธิดาแดนใต้กับซูหลี ซูหลีฝากร่มกระดาษทองให้นางนำไปมอบให้เฉินฉางเซิงเพราะนางต้องไปจิงตูนอกจากคิดจะถอนหมั้นเขาแล้วนางต้องไปรับกระบี่ชำระศีลที่ได้มาจากสระกระบี่คืนสำนัก ทว่าพอเห็นร่มกระดาษทองนางก็รู้แล้วที่แท้เด็กหนุ่มที่นางอยากแต่งงานด้วยกลับเป็นเฉินฉางเซิง

การกลับจิงตูของเฉินฉางเซิงหนนี้ ต้องเผชิญกับการแบ่งฝักฝ่ายระหว่างใต้เท้าสังฆราชกับจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ สำนักศึกษาศาสนาหลวงต้องรับศึกหนักจากกฏของหัวหน้าปกครองศาสนาหลวงที่ตั้งขึ้นมาใหม่(ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับตำหนักหลีกงของใต้เท้าสังฆราชเป็นกลุ่มอำนาจใหม่ของศาสนาหลวง+คนสกุลเทียนไห่)ให้สำนักศึกษาศาสนาหลวงรับศึกจากผู้ท้าประลองระหว่างสำนักต่างๆโดยไม่อาจปฏิเสธ จนพวกเฉินฉางเซิงต้องประกาศรับศิษย์ใหม่ หนึ่งในถึงกับมีซูโม่อวี๋แห่งตำหนักหลีกง และอีกไม่นานสวีโหย่วหรงจะเดินทางกลับจิงตูเพื่อมาประลองกับเขา มันเป็นการต่อสู้ระหว่างศาสนาหลวงฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ที่ยืดเยื้อมานับพันปี (แผ่นดินแบ่งเหนือ-ใต้ ศาสนาก็มีแบ่งเหนือ-ใต้อีก)

เฉินฉางเซิงได้พบกับหญิงวัยกลางคน(จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์)ในสวนไป่เฉาอีกครั้ง หนนี้นางจ้องมองเขาเพราะคิดว่าเขาจะเป็นบุตรชายของนางหรือไม่ แล้วนางก็พบว่าโจวทงได้ใช้วิชาภูษาสีชาดซุกซ่อนดวงจิตส่วนหนึ่งเข้าไปยังดวงจิตของเฉินฉางเซิงหวังสอดแนมการกระทำของเขาและสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ นางจึงทำลายวิชาดังกล่าวอย่างไม่ลังเล ส่งผลให้โจวทงบาดเจ็บสาหัสทันที

เฉินฉางเซิงค้นพบประตูที่จะกลับเข้าไปยังสวนโจวในช่องว่างมิติในกระบี่สั้นของเขา เขาพยายามที่จะเข้าไปหลายครั้ง จนในที่สุดเขาตัดสินใจใช้จิตทั้งหมดเปิดเข้าไปยังสวนโจวความพยายามของเขาจึงประสบผล เขามีความหวังว่าแม่นางซูเจียงจะมีชีวิตอยู่ อาจอยู่ในนี้เขาอาจตามหานางพบ แต่เขาก็ไม่พบนาง เขากลายเป็นผู้ครอบครองสวนโจวและพยายามจะฟื้นฟูให้มันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เพราะที่นี่มีความหมายต่อเขา ที่นี่เคยมีนางและเขาร่วมเป็นร่วมตาย

เมื่อเขาออกมาสู่โลกภายนอกศิลาจารึกคัมภีร์สวรรค์สิบเอ็ดแผ่นในสุสานผู้ครองภพโจวกลายเป็นสร้อยหินมุกสิบเอ็ดเม็ดปรากฏตรงข้อมือของเขาอย่างอัศจรรย์

ก่อนสวีโหย่วหรงจะกลับจิงตู เขาไปจวนขุนพลเทพตงอวี้อีกครั้งฝากจดหมายสมรสไว้ให้อีกฝ่ายก่อนไปตำหนักหลีกงเข้าพบใต้เท้าสังฆราชขอให้ท่านจัดการเรื่องการถอนหมั้นให้เขา จากนั้นไปพบลั่วลั่วมอบหินมุกให้นางเม็ดหนึ่งโดยยังไม่บอกความจริงว่าเป็นอะไร  ต่อมานางกับเขาต้องแยกจากเพราะลั่วลั่วต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองที่เผ่ามาร ส่วนสวีโหย่วหรงในที่สุดนางก็มาถึงจิงตูแล้ว

🍂เล่ม10
การมาจิงตูของสวีโหย่วหรงยังมีหนึ่งข่าวที่น่าแตกตื่นคือธิดาเทพรุ่นก่อนสละตำแหน่ง ตอนนี้สวีโหย่วหรงรับตำแหน่งเป็นธิดาเทพยอดเขาเซิ่งหนี่ว์แห่งสำนักศึกษาหนานซีอีกเจ็ดวันนางกับเฉิงฉางเซิงจะประลองกันที่สะพานไน่เหอ

การต่อสู้อันตื่นตะลึงระหว่างเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงจบลงแล้ว เขาชนะสวีโหย่วหรงพร้อมๆกับรู้ความจริงเกี่ยวกับนาง ตามมาด้วยการลอบนัดพบของหนุ่มสาว(ฮิ้ววววว โอ้ยน่ารักเกินไปละคู่นี้ นี่มันไม่ใช้นัดประลองละ นี่มันงานนัดออกเดทนี่นา เจ้าโง่เฉินเอ้ย ทำไมต้องให้ผู้หญิงเริ่มก่อนฟะเนี่ย😂-เป็นพระ-นางที่น่ารักมากเลยเวลาอยู่ด้วยกัน)

สวีโหย่วหรงมอบร่มกระดาษทองและจดหมายที่ซูหลีฝากมาให้เขา ก่อนซูหลีเดินทางไปโลกอื่นกับธิดาเทพแดนใต้เขายังฝากจดหมายให้จูลั่ว ส่งผลให้อีกฝ่ายไม่อาจยืนหยันอยู่ในลมฝนแปดทิศได้อีกต่อไป ล้มเลิกแผนการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับจิงตู  

ฝากจดหมายให้พรรคฉางเซิงสถานศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแดนใต้เทียบเคียงยอดเขาเซิ่งหนี่ว์(อดีตพรรคฉางเชิงจับองค์หญิงเผ่าปีศาจภรรยาเขาไปกักที่น้ำสระน้ำหนาวจนส่งผลให้หลังคลอดบุตรนางจึงเสียชีวิต พวกเขาบีบให้ซูหลีไปสังหารจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์แต่ซูหลีไม่เล่นด้วยจึงเข้ามาสังหารผู้อาสุโสพรรคฉางเซิงไปนับสิบคน ทั้งยังไปสังหารคนทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในวังเหลียงอ๋องที่เมืองสวินหยาง นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมพอซูหลีบาดเจ็บสาหัสผ่านเมืองสวินหยาง ทุกคนถึงอยากฆ่าเขา) จิตกระบี่ในจดหมายทำลายค่ายกลใหญ่ของพรรค ทำร้ายผู้อาสุโสพรรคหนึ่งคนตายหลายคนบาดเจ็บสาหัสรวมถึงฉูซู(ยังไม่รู้ว่าคืออะไรหรือใคร) ครั้งนี่พรรคฉางเซิงเสียหายอย่างหนักจนประกาศปิดสำนักสามปี

และฝากจดหมายสุดอหังการ์ไว้ให้กับวังหลวง การที่ซูหลีจากไปทำให้แผนการรวมดินแดนเหนือใต้เริ่มรุดหน้ารอเพียงถึงเวลาลงนามสัญญาระหว่างกันเท่านั้น

เฉินฉางเซิงมาหาสวีโหย่วหรงขอให้นางช่วยเขาปลดปล่อยมังกรน้ำแข็งค้างในวันที่พวกเขาสามารถจะทำได้ซึ่งสวีโหย่วหรงรับปาก ต่อมาพวกเขานัดพบกันในสุสานเทียนซู ร่วมกันศึกษาเคล็ดวิชาดาบสองท่อนที่ได้มาจากสุสานผู้ครองภพโจวกับคัมภีร์กาลเวลา

พวกเขามาหาฮั่นชิงขุนพลเทพอันดับหนึ่งแห่งพิภพที่เฝ้าสุสานแห่งนี้มาหลายร้อยปีตามคำสั่งของจักรพรรดิไท่จง เพื่อถามถึงความลับในสุสานเทียนซู

แท้จริงแล้วศิลาจารึกคัมภีร์สวรรค์ถูกนำออกไปจากสุสานเทียนซูทั้งหมดสิบสองแผ่น ผู้ครองภพโจวนำไปสิบเอ็ดแผ่น หนึ่งแผ่นในสุสานภพโจวที่หายไปไม่ได้ถูกหวังจือเช่อขโมยไปอย่างที่พวกเขาเข้าใจ คนที่ขโมยไปเป็นราชาปีศาจ ส่วนอีกแผ่นจักรพรรดิไท่จู่นำออกไปและมอบหวังจือเช่อเป็นคนเก็บไว้

ในที่สุดก็ถึงวันที่พวกเขาสองคนต้องจากกัน ไว้รอพบกันอีกครั้งในงานชุมนุมต้มศิลา

ทางด้านเขาหลีซานก็จัดการปัญหาภายในเสร็จสิ้นกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง

ชิวซานจวินจากไปโดยไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน เขากลายเป็นพลทหารเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จัก ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความเหน็บหนาวต่อสู้กับเผ่าปีศาจ 

🍂 เล่ม 11
งานชุมนุมต้มศิลามาถึงแล้วมันถูกจัดขึ้นที่ทะเลสาบเทียนฉื่ออันห่างไกล แน่นอนว่าเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงหาได้สนใจรางวัลที่เป็นเพียงศิลาสวรรค์เหล่านั้นไม่ในเมื่อพวกเขาต่างมีศิลาจารึกคัมภีร์สวรรค์อยู่กับตัว ศิลาสวรรค์แทบไม่มีค่าอะไร พวกเขาเพียงแค่อยากไปพบเจอกันเท่านั้น(นับถือนับถือ😂)

ระหว่างผู้ร่วมเดินทางขึ้นเขาหานซาน  เกิดเหตุการณ์ไม่คาดหมายเมื่อพวกเขาถูกกักในค่ายกล ผู้ดูแลหอเทียนจีถูกสังหาร เหล่านักสู้ผู้เยาว์จากจิงตูบาดเจ็บเพราะปกป้องเฉินฉางเซิง

หลิวชิงผู้เป็นนักฆ่ากลุ่มที่ซูหลีสร้างมากับมือ รวมถึงหนุ่มเผ่ามารนามเสี่ยวเต๋อที่หมายปององค์หญิงลั่วลั่วร่วมมือกันต่อสู้ถึงกับบาดเจ็บสาหัสปางตาย ใครจะคาดคิดว่าราชาปีศาจจะมาปรากฏตัวที่นี่

ผู้อาวุโสหอเทียนจีอันดับแห่งหนึ่งลมฝนแปดทิศใช้ศิลาสวรรค์สร้างค่ายกลกักราชาปีศาจและพวกเฉินฉางเซิงไว้ด้านใน ทำให้เหมาชิวอวี่และราชันย์แห่งหลิงไห่สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งศาสนาหลวงไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้
ผู้อาวุโสเทียนจียอมแลกชีวิตเหล่าผู้เยาว์เพื่อกักราชาปีศาจรอผู้ศักดิ์สิทธิ์และผู้แข็งแกร่งมาสังหารอีกฝ่าย

เฉินฉางเซิงคาดเดาว่าอีกฝ่ายมาเพราะตนเขาใช้ร่มกระดาษทองปกป้องชีวิตใช้กระดุมพันหลบหนีเข้าไปในส่วนลึกของเขาหานซาน แต่ก็หนีไม่พ้น เขาเผชิญหน้ากับราชาปีศาจ อีกฝ่ายต้องการกินเนื้อเขาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมด เพื่อก้าวเข้าไปสู่ขั้นมหาอริยะ  ในระหว่างที่เฉินฉางเซิงตัดสินจะเผาผลาญตัวเองให้เป็นเถ้าถ่าน  หวังจือเช่อพลันปรากฏกายขึ้น
หวังจือเช่อพูดเพียงไม่กี่ประโยค ราชาปีศาจก็ยอมจากไป

ราชาปีศาจจากไปและได้ปะทะกับจักรพรรดิขาวที่ทุ่งหิมะต่างบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย มีเพียงนักพรตจี้และศิษย์พี่ของเฉินฉางเซิงเฝ้ามองศึกสะท้านภพนี้ (ทั้งหมดเป็นหลุมพรางของนักพรตจี้ที่ล่อราชาปีศาจโดยใช้เฉิงฉางเซิงเป็นเหยื่อ รอให้ราชาปีศาจกลับออกจากเขาหานซานจักรพรรดิขาวได้ดักรออีกฝ่ายที่ทุ่งหิมะ แผนการนี้ผู้อาวุโสหอเทียนจีไม่ทราบ แม้แต่จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่รู้เช่นกัน)

เฉินฉางเซิงสลบไปห้าวัน ตื่นขึ้นมาสวีโหย่วหรงก็มาหาแล้ว(หายเจ็บพอดี😂)  

เฉินฉางเซิงเข้าพบกับผู้อาวุโสหอเทียนจีจึงได้รู้ถึงความลับหลายๆอย่างที่เขาสงสัยมาตลอด หลังเขาจากไป สวีโหย่งหรงเข้าพบผู้อาวุโสหอเทียนจี เขาฝากนางให้ไปบอกจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ว่า หลังจากเฉินฉางเซิงกลับจิงตูให้สังหารเขาทันที  เพราะเขาคำนวณแล้วว่าหากเฉินฉางเซิงกลับจิงตูครั้งนี้ จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์จะเสียชีวิต(ทำนายโคตรแม่นจริงๆ)

หลังจากเฉินฉางเซิงได้รับรู้เรื่องราวหลายๆอย่างทำให้เขาเกิดแรงกดดันมหาศาล จึงตั้งใจจะก้าวไปให้ถึงขั้นรวบรวมดวงดาว

ในที่สุดการชุุมนุมต้มศิลาก็เริ่มขึ้น แม้เฉินฉางเชิงแต่แรกไม่คิดจะเข้าร่วมประลอง แต่ก๋วนไป๋กลับมาที่นี่เพื่อจะประลองกับเขาโดยเฉพาะ เพราะเหตุนี้ระหว่างการประลองเฉินฉางเซิงจึงขอเวลาเพื่อเลื่อนขั้นเข้าสู่รวบรวมดวงดาว เขารวบรวมดวงดาวสำเร็จแต่อยู่ๆก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อเขาหมดสติไปขณะที่รอรับเพลงกระบี่วิถีฟ้าของกวนไป๋  สวีโหย่งหรงรับกระบี่แทนเขาอย่างไม่ลังเล เพราะไม่ได้ตั้งตัวจึงทำให้นางรับบาดเจ็บสาหัส แต่นางจำเป็นต้องรักษาเขาใช้เลือดหงส์ฟ้าในกายต่อชีวิตเขาเหตุการณ์ครั้งนี้คนทั้งโลกเริ่มมีความคิดว่าพวกเขารักกัน(ฮิ้วววว)

สวีโหย่วหรงพาเขากลับจิงตู นางและศิษย์พักอยู่สำนักศึกษาศาสนาหลวง  ส่วนอาจารย์ของเฉินฉางเซิงและศิษย์พี่ของเขาตอนนี้อยู่ในสุสานเทียนซู  

โจวทงมั่นใจว่าเฉิงฉางเซิงน่าจะเป็นรัชทายาทเจาหมิงที่รอดชีวิตมาได้ผู้เป็นบุตรแห่งจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์นั่นหมายความว่าการท้าลิขิตพลิกโชคชะตาของพระนางไม่สมบูรณ์ เพราะการแลกเปลี่ยนคือการครองบัลลังก์ของนางจะต้องไร้ทายาทสืบทอดดังนั้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์วงตะวันในร่างของทารกแตกออกทำลายเส้นชีพจรบางส่วนทำให้รัชทายาทเกิดมามีร่างกายอ่อนแอและอายุไม่ยืน 

โจวทงจึงตัดสินใจจะสังหารเฉินฉางเซิงแทนพระนาง แต่ที่เขาปกป้องคือตัวเอง หากพระนางตายใครเล่าในจิงตูจะไว้ชีวิตเขา

นอกจากโจวทงแล้วผู้นำสกุลเทียนไห่ก็เชื่อมั่นว่าเฉิงฉางเซิงเป็นรัชทายาทเจาหมิง ดังนั้นเฉินฉางเซิงจึงต้องตาย หากเขาตายผู้สืบทอดบัลลังก์คนต่อไปย่อมเป็นของเขา

สวีโหร่วหรงถูกเรียกตัวเข้าวังทำให้เฉินฉางเซิงมีโอกาสไปหามังกรน้ำค้างแข็ง ได้เห็นร่างมนุษย์ของนาง เขาทิ้งคัมภีร์กาลเวลาให้นาง ใช้เลือดกัดกร่อนโซ่เหล็กที่พันธนาการนางไว้อย่างน้อยอีกสิบปี โซ่นี้จะต้องขาดจากกันแน่นอน ถึงตอนนั้นนางจะได้มีอิสระอีกครั้ง

🌼หลังอ่าน🌼
ปู่ซูหลีนี่จะเกินไปไหม ขนาดเดินทางไปกับโลกอื่นกับธิดาเทพแล้ว นักฆ่าอันดับสองดันเป็นสตรีอีกคนก็ออกไปตามหาเขา

อ่านจบเล่มแล้วขอถอนใจสักเฮือก สวีโหย่วหรงรักพระเอกมากมายเหลือเกิน

🍂เล่ม 12
สวีโหย่วหรงเข้าพบจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ นางถูกอีกฝ่ายสะกดไว้ก่อนให้โม่อวี่พากลับไปยังยอดเขาเซิ่งหนี่ว์กักขังนางไว้ที่นั่นจนกว่าจะยืนยันได้ว่าเฉินฉางเซิงตายไปแล้ว

เฉินฉางเซิงคิดไว้แล้วว่าตอนที่เขาจะตายเขาจะตายเพียงลำพังในสวนโจว แต่ก่อนตายสิ่งที่เขาจะต้องทำคือสังหารโจวทง ขณะที่โจวทงให้ลูกน้องไปค้นหาตัวเฉินฉางเซิงทั่วจิงตู เขากลับปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าโจวทงอย่างไม่คาดคิด การมาคราวนี้ใช้เพียงคำว่าสละชีพ เขาไม่กลัวความตายอีกแล้ว เขาตัดสินใจรวบรวมดวงดาวจนสำเร็จเพื่อแลกชีวิตกับอีกฝ่าย แม้ไม่อาจสังหารโจวทงได้เพราะถูกขัดขวางจากอาจารย์ของเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดแต่โจวทงก็กลายเป็นคนพิการบาดเจ็บสาหัสปางตาย 

เฉินฉางเซิงถูกองค์ชายเฉินหลิวพาตัวไปภายใต้การคุ้มครองของศาสนาหลวงเดินทางกลับสำนักศึกษาศาสนาหลวงส่วนโจวทงถูกขุนพลเทพเซวียสิ่งชวนคุ้มกันเพราะเขาเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน

ในตำหนักหลีกง ซางสิงโจวอาจารย์ของเฉินฉางเซิงได้มาพบกับใต้เท้าสังฆราช  แต่ไหนแต่ไรมาซางสิงโจวไม่เคยเห็นด้วยกับการครองบัลลังก์ของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ เขาเชื่อว่านางไม่สามารถจะเป็นผู้นำที่ทำให้เผ่ามนุษย์เอาชนะเผ่าปีศาจได้ เขาเป็นเหมือนปณิธานที่จักรพรรดิไท่จงฝากฝังเอาไว้(พวกบ้าคลั่งอุดมการณ์)

เมื่อยี่สิบปีก่อนที่ใต้เท้าสังฆราชปล่อยเขาไปพวกเขาตกลงกันอย่างลับๆว่า ซางสิงโจวจะทำหน้าที่ปกป้องเชื้อพระวงศ์สกุลเฉิน ส่วนใต้เท้าสังฆราชจะเฝ้าดูการปกครองของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์

เฉินฉางเซิงเข้าไปยังสวนไป่เฉาได้เจอกับหญิงวัยกลางคนอีกครั้งได้รับรู้ฐานะที่แท้จริงของนาง นางพาเขาไปยังสุสานเทียนซูในจุดที่สูงที่สุดบนถนนเสินเต้า คืนนี้เป็นคืนที่นางรู้ว่าศัตรูของนางทั้งในที่มืดและสว่างจะปรากฏตัวอย่างชัดเจน

เหตุผลที่พวกเขาปรากฏพร้อมกันเพราะไม่อยากให้นางสังหารเฉิงฉางเซิง หากเขาตายภายใต้น้ำมือของนางเท่ากับการท้าลิขิตพลิกโชคชะตาของนางก็จะสมบูรณ์บัลลังก็นี้จะเป็นของนางไปตลอดกาล

ดังนั้นสี่คนในลมฝนแปดทิศ สิบแปดอ๋องแซ่เฉิน สี่ตระกูลใหญ่(ยกเว้นตระกูลถัง)และขุมกำลังอื่นๆอีกมากมายได้มากันแล้วที่หน้าสุสานเทียนซู

ทางสำนักศึกษาศาสนาหลวงก็ตึงเครียดกับการหายตัวไปของเฉินฉางเซิง ท่านรองสกุลถังพาตัวถังซานสือลิ่วไป  สิ่งที่สกุลถังต้องทำในคืนนี้เป็นการทำลายค่ายกลพิฆาตสวรรค์ของเมืองจิงตู สกุลถังเลือกร่วมมือกับอาจารย์ของเฉินฉางเซิง

เฉินฉางเซิงเป็นพยานรู้เห็นการสนทนาระหว่างอาจารย์ของเขาซางสิงโจว(อีกฐานะหนึ่งคือนักพรตจี้ผู้ลึกลับในรัชสมัยของจักรพรรดิไท่จง) กับจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ผ่านระยะทางที่ไม่อาจคำนวณ บทสนทนาครั้งนี้ทั้งเลือดเย็นและชวนสิ้นหวังสำหรับเขา ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครคิดว่าจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์พลันลงมือต่อเขา ทว่านางไม่ได้สังหารเขาอย่างที่ทุกคนเข้าใจ นางกลับท้าลิขิตพลิกโชคชะตาให้เขาโดยอาศัยปราณศักดิ์สิทธิ์แห่งสุสานเทียนซูและทั่วโลกทำลายล้างทุกอย่างในร่างกายเขาแล้วปรับเปลี่ยนให้กลับกลายมาเป็นความสมบูรณ์แบบได้อย่างอัศจรรย์

การกระทำดังกล่าวแม้แต่นักพรตจี้ก็คาดไม่ถึงและทำให้รู้ว่านางสำเร็จถึงขั้นเทพอำพราง แต่เพราะช่วยเฉินฉางเซิงขั้นนางจึงลดลงมาเหลือเทพศักดิ์สิทธิ์ ที่น่าตกใจกว่านี้คือนักพรตจี้ประกาศว่าแท้จริงเฉิงฉางเซิงไม่ใช่ลูกของนาง

ค่ายกลผังลายจักรพรรดิ์เปิดออกแล้ว ด้านในซ่อนด้วยค่ายกลพิฆาตสวรรค์ ใครก็ตามที่อยู่ในจิงตูตอนนี้จึงถูกกักอยู่ในค่ายกลไม่อาจจากไปได้ ทว่าจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้ว่าสกุลถังกำลังหาวิธีทำลายค่ายกลพิฆาตสวรรค์อยู่ อีกทั้งขุนพลเทพเซวียสิ่งชวนที่เฝ้าวังหลวงอารักขาค่ายกลนั้นกลับถูกพิษขนนกยูงของเผ่าปีศาจจนเสียชีวิต ท่านรองสกุลถังจึงเข้ามาทำลายค่ายกล  จากนั้นเขาก็กลับเวิ่นสุ่ยพร้อมถังซานสือลิ่ว

จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้ทางจิตกับใต้เท้าสังฆราช ซางสิงโจวและนักพรตที่มาจากผืนพิภพเซิ่งกวนอันห่างไกลพร้อมๆกัน ศึกสะท้านโลกนี้สร้างความเสียหายประหนึ่งผืนแผ่นดินถูกมหาภัยพิบัติโจมตี  ร่างแท้ของนางอยู่ในสุสานเทียนซูจึงไร้การป้องกัน มีเพียงกำจัดร่างแท้ของนางเท่านั้นจึงจะสามารถทำร้ายนางได้ ทว่าเส้นทางที่จะไปถึงตัวนางขุนพลเทพฮั่นซิ่งเฝ้าอยู่ ผู้ใดเล่าจะผ่านเขาไปได้ในเมื่อเขาอยู่ถึงขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ 

จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ส่งหอกเทพน้ำค้างพรมอันดับหนึ่งในทำเนียบร้อยศาสตราวุธให้เขาผู้เป็นรัชทายาทแห่งเผ่าปีศาจที่จักรพรรดิไท่จงช่วยเหลือชีวิตเอาไว้และให้เฝ้าถนนเสินเต้าในสุสานเทียนซูมานับหกร้อยปี นางส่งหอกให้เขาและเขาก็ส่งหอกนั้นกลับมาสังหารนาง เหตุผลก็เพราะในจิตใจของเขามีเพียงความภักดีต่อจักรพรรดิไท่จง ขณะที่นางคิดว่าอีกฝ่ายเป็นสหาย นี่เป็นความผิดพลาดประการเดียวของนาง ความผิดพลาดที่นำไปสู่ความตายอย่างแท้จริง

แต่สิ่งที่ซางสิงโจวไม่อาจคำนวณได้ก็คือจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้คาดหวังว่าคืนนี้จะมีชีวิตต่อไปได้ เพราะเหตุนี้นางจึงส่งโม่อวี่
กับสวีโหย่วหรงออกไปจากจิงตู อย่างน้อยก่อนกลับไปยังมหาสมุทรแห่งดวงดาวนางได้ฝากผู้สืบทอดอย่างสวีโหย่วหรงกับเฉินฉางไว้บนโลกใบนี้แล้ว เพราะนี่เป็นเส้นทางที่นางเลือกหาใช่ตกอยู่ภายใต้แผนการของซางสิงโจวไม่

🌼หลังอ่าน🌼
เล่มนี้สุดยอดมากจริงๆ ในบรรดาคนเก่าแก่ทั้งหลาย เราชอบจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ที่สุดเพราะนางไม่เคยใช้เฉินฉางเซิงเป็นเบี้ย และนางก็ไม่เคยคิดจะฆ่าเขาจริงๆ ทั้งยังช่วยชีวิตเขาและมอบชีวิตให้กับเขา แม้บางมุมนางจะดูโหดเหี้ยมเอามากๆ แต่ก็ยังมีน้ำใจถึงนางจะปฏิเสธเรื่องเหล่านี้มาตลอดก็เถอะ ที่สำคัญนางมองการไกลมากศัตรูที่น่ากลัวกว่าเผ่าปีศาจอยู่อีกโลกหนึ่งต่างหากเล่า ไม่มีใครเก่งและฉลาดปราดเปรื่องเท่านางจริงๆ

ฉากต่อสู้อลังการงานสร้างสุดๆ อย่างมันส์ มีความงงว่าตกลงเฉินฉางคืออะไรกัน มนุษย์จริงๆหรือเป็นผลอายุยืนในตำนานแดนเทพของผืนพิภพเซิ่งกวงกันแน่

ไม่อยากให้จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ตายเลย มันเหมือนพอไม่มีนาง เรื่องนี้สีสันดูจะจืดจางลง และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีบทบาทของสวีโหย่วหรงกลับมา อย่างน้อยตัวละครนี้ก็ให้ความรู้สึกเยียวยาหัวใจคนอ่าน อืม.....คือเศร้าที่นางตาย😢

ผิดหวังกับใต้เท้าสังฆราชสุดๆ ปูมาเหมือนจะสุดยอดมากแต่ทำไมวิสัยทัศน์ถึงไม่กว้างไกล เชื่อคนอย่างศิษย์พี่ที่ดูเหมือนพวกบ้าอำนาจสุดโต่งได้ไง ที่ผ่านมาไม่ทำอะไรเลยก็แค่คิดไม่ตกว่าจะตัดสินใจอยู่ช่วยฝ่ายไหนดี สุดท้ายก็เลือกฝ่ายศิษย์พี่แล้วออกมาสู้กับจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์แค่เนี่ย แทบไม่มีบทบาทอะไรเลย

🍂เล่ม13
หลังจากสิ้นจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ ฝ่ายชนะเริ่มแบ่งผลประโยชน์ ต้าโจวเสียขุนพลเทพไปแปดคน ใต้เท้าสังฆราชประกาศในโถงศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้าคนของศาสนาหลวงว่าหากท่านตายจะยกตำแหน่งนี้ให้กับเฉินฉางเซิง

ตอนนี้เฉินฉางเซิงหายป่วยแล้วระดับขั้นของเขาเข้าสู่อาณาเขตรวบรวมดวงดาวสมบูรณ์แบบ เขาฝังร่างจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ไว้ในสวนไป่เฉา

ศิษย์พี่ของเขาเฉินอวี๋ขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิแห่งต้าโจว(ศิษย์พี่ของพระเอกนี่เก่งมากๆและก็เป็นคนดีมากจริงๆ)

ทางด้านเมืองเสวี่ยเหล่าของเผ่าปีศาจในวันที่จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ถูกสังหาร กุนซือปีศาจแลร่วมมือกับผู้บัญชาการปีศาจก่อกบฏ ราชาปีศาจตกไปยังเหวนรกไม่รู้เป็นตายอย่างไร หนานเค่อหนีมาได้โดนคำสั่งล่าสังหาร ขุนพลปีศาจตายเจ็ด ภายในเมืองโดนพายุหิมะถล่มเกิดความโกลาหลไปทั่ว ส่วนขุนพลเทพฮั่นชิงรีบกลับเมืองเสวี่ยเหลาเพื่อแย่งชิงบังลังก์กับน้องชายคนเล็ก

ผู้อาวุโสหอเทียนจีตายไปอย่างสงบเพราะความแก่ชราที่ยอดเขาหานซาน หอเทียนจีตกเป็นของราชสำนัก 

ในสำนักศึกษาศาสนาหลวง หลายคนจากไปแล้ว ทั้งเซวีนหยวนพั่ว ลั่วลั่ว ถังซานสือลิ่ว และเจ๋อซิ่ว

หลังการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิแห่งต้าโจวบัดนี้ชัดเจนแล้วว่า ศาสนาหลวงได้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับราชสำนักอย่างเปิดเผย

การรวมเหนือใต้เสร็จสิ้นสมบูรณ์อย่างแท้จริง 
เฉินฉางเซิงลาจากสำนักศึกษาศาสนาหลวง

หวังพั่วเดินทางมายังจิงตูเพื่อสังหารโจวทง 
เถี่ยซู่หนึ่งในลมฝนแปดทิศ เดินทางมายังจิงตูเพื่อสังหารหวังพั่ว เฉินฉางเซิงกับหวังพั่วได้เจอกัน พวกเขาร่วมทางกันไปสังหารโจวทง เถี่ยซู่ท่านรองสกุลถังกับเสี่ยวเต๋อแห่งเผ่ามารรอพวกเขาอยู่ ในที่สุดอาจารย์ของเฉินฉางเซิงก็ตัดสินใจที่จะสังหารเขา

ระหว่างหวังพั่วประมือกับเถี่ยซู่ เขาได้ทะลวงขั้นเข้าสู่เขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์และสังหารเถี่ยซู่ในดาบเดียวแต่เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เสี่ยวจางหน้ากากวาดและคนแดนใต้อย่างตระกูลชิวซาน สำนักหอกระบี่เขาหลีซาน ช่วยเหลือเขาเอาไว้ เพราะเขาเป็นคนเดียวในแดนใต้ที่บัดนี้ก้าวเข้าสู่เขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงไม่อาจตาย

ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงเฉินฉางเซิงที่ต้องตาย เขารับหน้าที่สังหารโจงทง ทว่าโจวทงไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาถูกยอดฝีมือล้อมไว้หมดแล้ว ทุกคนเชื่อว่าวันนี้เขาต้องตายแน่นอน

🌼หลังอ่าน🌼
เฮ้อรู้สึกแห้งแล้งเหลือเกิน เล่มนี้ยันไปถึงเล่ม16 ไม่มีนางเอกออกสักมาฉากเดียว😢

🍂เล่ม 14
ขณะที่เฉินฉางเซิงรับมือกับเสี่ยวเต๋อ โจวทงหลบซ่อนตัวอยู่ในคุกใต้ดิน โจวทงไม่รู้เลยว่าเจ๋อซิ่วเองก็อยู่ในคุกใต้ดินเช่นกัน เจ๋วซิ่วร่วมมือกับเซวียเหอที่ถูกขัง พวกเขาวางยาพิษโจวทงได้สำเร็จ แต่เฉิงฉางเซิงไปกระตุ้นโดนค่ายกลของคุกโจว ทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัวจึงรีบออกไปจากคุก แต่ว่าโจงทงถูกกำหนดแล้วว่าต้องตาย ต่อให้ดิ้นรนกระเสือกกระสนหนีตายแค่ไหนก็ไม่รอดจากการลงมืของโม่อวี่กับเจ๋อซิ่วทว่าสุดท้ายเขาก็ตายด้วยกระบี่เดียวในมือของเฉินฉางเซิง สุดท้ายการล้อมสังหารหวังพั่วกับเฉินฉางเซิงล้มเหลว เรื่องราวในคืนนี้จึงยุติลง

หลังจากคืนสังหารโจวทงผ่านไป เจ๋วซิ่วถูกส่งตัวไปอยู่แดนเหนือกับกองทัพ โม่อวี่ถูกกักอยู่ในเรือนที่สวนเสี่ยวจวี๋

ก่อนหน้านี้อาจารย์ของเฉินฉางเซิงเพียงคิดสังหารเขาไม่ยอมให้เขาจากไป แต่หลังค่ำคืนสังหารโจวทงอาจารย์เขาได้มีข้อตกลงบางอย่างกับใต้เท้าสังฆราชยินยอมที่จะปล่อยอีกฝ่าย เฉินฉางเซิงรับตำแหน่งใต้เท้าสังฆราชในวันที่ใต้เท้าสังฆราชกลับสู่มหาสมุทรดวงดาว 

ในวันนั้นเกิดเรื่องราวมากมายไม่ว่า ใบไม้สีครามของใต้เท้าสังฆราชได้ปลดผนึกโซ่เหล็กของมังกรน้ำค้างแข็ง ค่ายกลที่กักขังโม่อวี่ไว้ในสวนเสี่ยวจวี๋ถูกทำลายและนางก็หายตัวไป

หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องมากมายอีกครั้งเช่น เฉินฉางเซิงกับอาจารย์ของเขาพบกันที่สำนักศาสนาหลวงเป็นเวลาเดียวกันกับที่เด็กสาวผู้เป็นมังกรน้อยจูซาออกจากบ่อมาตามหาเขาที่สำนักศึกษาศาสนาหลวงเพื่อเป็นผู้คุ้มกันของเขา นางได้ตอบรับคำสาบานต่อท้องฟ้าดวงดาว คำสาบานของผู้คุ้มกันของตำหนักหลีกง(อดีตอันยาวนานเผ่ามังกรน้ำแข็งค้างได้สร้างอาณาจักรให้เผ่ามาร เพราะเหตุนี้เมื่อนางถูกปล่อย ทางเมืองไป๋ตี้จึงเปลี่ยนท่าทีจากที่อยู่ข้างฝ่ายราชสำนักจิงตูกลายเป็นไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด) หลังจากนั้นสังฆราชคนใหม่ของจิงตู ก็ออกเดินทางบำเพ็ญเพียรในธุลีแดง

ขุนพลเทพฮั่นชิงวาดฝันถึงการแบ่งชิงบัลลังก์กับน้องชายคนเล็กสุดแต่ฝันกลับพังทลาย ก่อนตายถึงได้รู้ว่าผู้สังหารราชาปีศาจเป็นน้องชายของเขาเอง ผู้ที่กุนซือปีศาจและผู้บัญชาการปีศาจสนับสนุนเป็นน้องชายของเขาเช่นกัน และน้องชายของเขากำลังจะเคลื่อนทัพลงใต้ สถานที่ที่แสงแดดอบอุ่น วสันต์ยาวนานและมีสาวงามมากมาย โดยเฉพาะสวีโหย่วหรงคือคนที่เขาต้องการอย่างแท้จริง

ในท่ามกลางสงครามระหว่างเผ่าปีศาจและมนุษย์เฉินฉางเซิงปรากฏกายพร้อมหมื่นกระบี่สังหารเผ่าปีศาจมากมาย เขาต่อสู้กับขุนพลปีศาจไห่ตี้จนบาดเจ็บสาหัสแล้วหายตัวไป

ในวันหนึ่งท่ามกลางการบาดเจ็บล้มตาย ภายในค่ายทหารได้พบยาลูกกลอนจูซาปริศนาที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างอัศจรรย์ เพียงแต่มันมีจำกัดในแต่ละครั้งที่มีคนส่งมา  นักวางค่ายกลแห่งกองกำลังซงซานได้รับบาดเจ็บสาหัสเวลาแห่งชีวิตเหลือเพียงเจ็ดวัน  อันหวาจากกองกำลังสิบสามชิงเย่าทำหน้าที่รักษาเหล่าทหารบาดเจ็บที่นี่ เสี่ยงดวงพาเขาไปหาผู้ทำยาปริศนา(เฉินฉางเซิง)ตามข่าวกรองที่สืบทราบมา

เมื่อไปถึงเกิดเหตุพลิกผันเพราะไม่ใช่มีแค่พวกอันหวา มีทั้งคนของสกุลจู สกุลเทียนไห่ แม้กระทั่งคนของสกุลถังก็มาพวกเขาต่างต้องการแย่งชิงตัวเฉินฉางเซิง แต่ถ้าแย่งไม่ได้ก็สังหารทิ้ง มีเพียงสังหารทิ้งจึงไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะตกไปในเงื้อมมือของศัตรู แต่เมื่อฐานะของเฉินฉางเซิงเปิดเผย แน่นอนว่าเมื่อเผ่าปีศาจรู้ว่าสังฆราชแห่งจิงตูผู้ทำยาลูกกลอนจูซาอยู่ใกล้เพียงเทือกเขากั้น พวกมันย่อมมาสังหารเขา

ขุนพลปีศาจไห่ตี้เคยทำให้เฉินฉางเซิงบาดเจ็บสาหัสเมื่อปีก่อน หนนี้พวกเขาได้มาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง แม้เฉินฉางเซิงจะร่วมมือกับมังกรน้อยจี๊ดจี๊ดก็ยังไม่อาจรับมือกับไห่ตี้ได้

🌼หลังอ่าน🌼
สรุปสั้นๆเกี่ยวกับเฉินฉางเซิง คือเขาเป็นเชื้อพระวงศ์เฉินที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่คือใคร เขาถูกทำลายวงตะวันและถูกเติมแสงศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ร่างจากคนของผืนพิภพเซิ่งกวน เพราะเหตุนี้เขาจึงมีอายุได้ถึงแค่ยี่สิบปี ส่วนเรื่องท้าลิขิตพลิกโชคชะตานั่นก็แค่คำโกหกที่อาจารย์เขาสร้างขึ้นมา เพราะซางสิงโจวไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงได้ เขาแค่ต้องการให้เฉินฉางเซิงเข้าจิงตูเพื่อให้จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์กินเขา หากนางกินเขาจริงๆ แสงศักดิ์สิทธิ์ในร่างของเฉินฉางเซิงจะระเบิดออกแล้วสังหารนาง เรื่องจึงมีอยู่เท่านี้

ความสนุกไม่แผ่วมีแต่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

🍂เล่ม15
ราชาปีศาจยังมีชีวิตอยู่ เขากับหนานเค่อปรากฏตัวขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เป้าหมายยังคงเหมือนตอนไปปรากฏกายที่เขาหานซานคือกินเฉินฉางเซิง  ราชาปีศาจสังหารขุนพลปีศาจไห่ตี้ ฟาดจี๊ดจี๊ดจนกระเด็นไปไกลสุดลูกหูลูกตา เฉินฉางเซิงได้แต่ใช้จดหมายที่แฝงจิตกระบี่ของซูหลีออกไปแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ระหว่างความเป็นตายนั้นนักวางค่ายกลพลันฟื้นขึ้นมาและใช้ศาสตราศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนบนโลกนามพิฆาตนภาพร่างดาวลอบทำร้ายราชาปีศาจได้สำเร็จ ราชาปีศาจกำลังจะตายภายใต้น้ำมือของผู้เป็นบุตรชายอีกครั้ง และหนนี้เป็นการตายอย่างแท้จริง  เขามารฟ้าก็ตกไปอยู่ในมือขององค์ชายเผ่าปีศาจ(ฟังชื่อก็รู้ว่ามันต้องร้ายกาจสุดๆแน่ๆ)  

ความฝันของราชาปีศาจและบุตรชายเป็นการรวบรวมเผ่าพันธุ์ให้เป็นหนึ่งเดียวก่อนบุกออกไปยึดครองผืนพิภพอื่น เมื่อมีบุตรชายที่มีความฝันเหมือนกันเขาย่อมตายตาหลับ

ราชาปีศาจหนุ่มต้องการสังหารเฉินฉางเซิง แต่หนานเค่อกลับชักกระบี่ทำร้ายเขาจนบาดเจ็บ เพราะนางไม่อาจยอมรับเขาได้ นางต่างหากควรเป็นราชาเผ่าปีศาจ เพราะนางคือ
เยวี่ยเหนี่ยว สายเลือดแห่งนกยูง นางตัดสินใจสังหารเขา แต่ว่ากุนซือปีศาจกับราชาปีศาจคนใหม่กลับใช้แผนการตอนลอบสังหารซูหลีมาใช้กับพวกเขา พวกเขาเหมือนจะหนีรอดไปได้เพราะการปรากฏกายของหวังจือเช่อ แม้ดูเหมือนเรื่องราวจะจบลงแค่นี้ทว่าความจริงเผ่าปีศาจได้จับตัวสัตว์ประหลาดจากพรรคฉางเซิงกลับมาแล้วปล่อยมันไปล่าสังหารเฉินฉางเซิง ส่วนหนานเค่อที่รีดเร้นพลังจากการตื่นขึ้นครั้งที่สองของเยวี่ยเหนี่ยวนั้น กุนซือปีศาจเชื่อว่านางคงตายไปแล้ว 

เผ่าปีศาจถอนทัพหลังทำสงครามนานสองปีเหตุที่พวกมันลงใต้ความจริงเพราะต้องการตามหาและสังหารราชาปีศาจบัดนี้ราชาปีศาจตายแล้ว พวกมันจึงไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่ต่อไป 

เฉินฉางเซิงกับหนานเค่อยังไม่ตาย ชิวซานจวินที่ปลอมตัวเป็นทหารและใช้ชื่อว่าหลัวปู้ช่วยพวกเขาเอาไว้ หนานเค่อเพราะทะลวงด่านเพื่อให้จิตวิญญาณตื่นในครั้งที่สองล้มเหลวทำให้นางสูญเสียความทรงจำ  กลายเป็นคนปัญญาอ่อน นางจำเฉินฉางเซิงไม่ได้ จำได้แค่ว่าอีกฝ่ายเคยรับปากจะรักษานาง

ถึงเวลาต่างคนต่างแยกจาก ชิวซานจวินจะเดินทางกลับยอดเขาหลีซาน ก่อนกลับเขาได้รับข่าวกรองจากตระกูลทำให้คาดเดาฐานะของเฉินฉางเซิงออกขณะที่อีกฝ่ายหาได้รู้ว่าเขาเป็นใคร

เฉินฉางเซิงพาอันหวาและเฉินโฉวออกมาจากสวนโจวมอบหมายภารกิจให้ทั้งสอง ส่วนเขาและหนานเค่อจะเดินทางไปเวิ่นสุ่ยเพื่อพาถังถังออกมา ทางด้านจี๊ดจี๊ดไม่รู้ว่าถูกราชาปีศาจซัดปลิวไปไกลถึงไหน

ยังไม่ถึงเวิ่นสุ่ย เฉิงฉางเซิงกับหนานเค่อได้เผชิญหน้ากับตัวประหลาดน้ำพุเหลืองผู้ใช้วิชาต้องห้ามแห่งศาสนาหลวง(ตัวประหลาดนี้ถ้าให้นึกภาพน่าจะคล้ายๆการ์กอยล์)มันคิดสังหารเขาแต่ล้มเหลวจึงหนีไป ต่อเขามาเจอเจ๋อซิ่วกับกองซากศพขนาดมหึมา คนพวกนี้ต่างมาลอบสังหารเฉินฉางเซิงทั้งสิ้นแต่ถูกเจ๋อซิ่วจัดการ(พวกนี้มาจากเกาะต้าซี มู่จิ่วซื่อน้องสาวของแม่ลั่วลั่วเป็นองค์หญิงเกาะต้าซี นางเคยมีตำแหน่งในศาสนาที่ซางสิงโจวผลักดันให้เป็นสังฆราชคนต่อไปแต่ไม่สำเร็จ ทั้งบังถูกขับออกจากศาสนาหลวงนางจึงเกลียดเฉินฉางเซิงมาก)และที่คาดไม่ถึงพวกเขาพบกับกวนเฟยไป๋แห่งเขาหลีซาน พวกเขาตัดสินใจไปเวิ่นสุ่ยด้วยกัน

ทางชิวซานจวินก่อนจะเดินทางกลับเขาหลีซานเขาตัดสินใจสืบสาวเบื้องหลังของคนที่คิดฆ่าเฉินฉางเซิงระหว่างที่เหล่าเด็กหนุ่มพากันไปเวิ่นสุ่ย

🌼หลังอ่าน🌼
ราชาปีศาจนี่ถ้าไม่ได้บาดเจ็บจากตอนต่อสู้กับผู้ครองภพโจวเหลือพลังแค่หนึ่งส่วน ถ้าพี่แกไม่บาดเจ็บไม่มีใครสู้ได้ แล้วก็ผู้บัญชาการปีศาจเป็นผู้หญิงเหรอเนี่ย คงเป็นนังบ้าที่ซูหลีพูดถึงและมีศักดิ์เป็นท่านป้าของหนานเค่อ

🍂เล่ม16
เฉินฉางเซิงเข้ามาเมืองเวิ่นสุ่ยพักอยู่ยังหอศาสนาหลวงประจำเมือง สามผู้ปกครองศาสนาหลวงราชันแห่งหลิงไห่ อันหลินและนักพรตไป๋สือเข้าพบเขา นักพรตไป๋สือต้องการสังหารเฉินฉางเซิงเพราะเขาเป็นคนของซางสิงโจว แม้อาจารย์ของเขาจะยอมปล่อยให้เขาออกจากจิงตู แต่ตลอดระยะเวลาสามปี การลอบสังหารเขายังคงเกิดขึ้นเสมอยังไงเขาก็ยังคงอยากให้ผู้เป็นศิษย์ตายไป แต่คืนนี้คนที่ตายกลับเป็นนักพรตไป๋สือ

ต่อมาตัวประหลาดฉูซูจากพรรคฉางเซิงลอบสังหารเขาแต่ล้มเหลวก่อนหนีไปได้เหมือนคราวก่อน เฉินฉางเซิงเข้าพบนายท่านใหญ่สกุลถังที่ป่วยอยู่(พ่อของถังซานสือลิ่ว(ถังถัง)) แม้ก่อนหน้านี้สวีโหย่วหรงเคยแวะมาตรวดดูอาการนายท่านใหญ่พบว่าไม่ถูกพิษ แต่เพื่อความแน่ใจเขาอยากมาดูนายท่านใหญ่ด้วยตัวเอง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายถูกพิษจริงๆ  ในวันรุ่งขึ้นเขาจึงไปหาท่านผู้เฒ่าถัง เขากล่าวประโยคที่อยากกล่าวจริงๆกับอีกฝ่ายคือนายท่านใหญ่ไม่ได้ป่วยแต่ถูกพิษกับท่านรองสกุลถังสมคบกับเผ่าปีศาจ เขาขอเวลาหนึ่งชั่วยามจากท่านผู้เฒ่าถังไม่ให้คนสกุลถังยื่นมือเข้ามาในการตามหาหลักฐาน แต่ท่านผู้เฒ่าถังไม่ตกลงจนกระทั่งชิวซานจวินปรากฏตัวเขาทวงคำสัญญาที่อีกฝ่ายเคยให้ไว้กับซูหลี ท่านผู้เฒ่าถังจำต้องตกลงอย่างที่เฉินฉางเซิงขอแต่ไม่ยอมให้ใช้คนของศาสนาหลวงยกเว้นคนสกุลถัง ดังนั้นเฉินฉางเซิงจึงเลือกถังถังที่ถูกขังในศาลบรรพบุรุษมาช่วยเขา

ในที่สุดเรื่องราวของสกุลถังก็จบลง ท่านรองถูกสังหาร ตัวประหลาดฉูซูสกุลถังจงใจให้มันหนีออกไป ถังซานสือลิ่วออกจากศาลบรรพชนติดตามเฉินฉางเซิงลงใต้เพื่อไปหาสวีโหย่วหรงที่ยอดเขาเซิ่งหนี่ว์(ดีใจจังนางเอกจะออกแล้ว)

ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับเซียวจางหน้ากากวาดที่ถูกราชสำนักตามล่า เซียวจางบอกข่าวความผิดปกติที่ยอดเขาเซิงหนี่ว์ให้พวกเฉินฉางเซิงก่อนจากไป เด็กหนุ่มจึงรีบเดินทางไปยังยอดเขาเทพธิดาเพราะเป็นห่วงสวีโหย่วหรงที่กักตนอยู่

ตระกูลมู่แห่งเกาะต้าซีวางแผนสังหารเปี๋ยเทียนซินบุตรชายของสองขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งลมฝนแปดทิศด้วยการตายที่คล้ายคลึงกับพลังของมังกรน้ำค้างแข็งเพื่อป้ายความผิดให้กับเฉินฉางเซิง

ยอดเขาเซิงหนี่ว์เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อครึ่งปีก่อนที่อยู่ๆสามปรมาจารย์ไหวเหริน ไหวปี้ ไหวซู่ของสำนักที่ออกเดินทางท่องโลกไปแสนนานกลับมา ทั้งยังไม่ยินดีให้มีการรวมศาสนาหลวงเหนือใต้เท่ากับไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรง

🍂เล่ม17
อาจารย์ย่าใหญ่ไหวเหรินไม่ต้องการให้เฉินฉางเซิงดึงสำนักเซิงหนี่ว์เข้าไปในสงครามระหว่างเขากับผู้เป็นอาจารย์จึงเลือกที่จะปิดสำนักตามคำแนะนำของซางสิงโจว ขณะที่เฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงเลือกที่จะร่วมมือกันรวมศาสนาหลวงเหนือใต้ดั่งปณิธานของเทพธิดาผู้ก่อตั้งสำนักศึกษาหนานซี

ในพิธีปิดสำนักคณะฑูตจากราชสำนัก ตัวแทนของสี่ตระกูลใหญ่และสำนักต่างๆในแดนใต้ต่างมาร่วมงาน

ระหว่างงานสองสามีภรรยาเปี๋ยยั่งหงกับอู๋สยงปี้ที่เข้าใจว่าบุตรชายถูกจี๊ดจี๊ดกับเฉินฉางเซิงร่วมมือกันสังหาร ตั้งใจจะฆ่าเฉินฉางเพื่อแก้แค้นให้บุตรชาย ศิษย์ยอดเขาเซิงหนี่ว์ที่เคยปกป้องคุ้มครองสำนักศึกษาศาสนาหลวงต่างออกมาปกป้องเฉินฉางเซิงด้วยค่ายกลกระบี่สำนักศึกษาหนานซีอันโด่งดัง แต่ว่าค่ายกลกลับถูกอาจารย์ย่าไหวปี้ทำลาย 

เฉินฉางเซิงใช้สามกระบี่ต้านรับก็ไม่อาจสู้กับอีกฝ่ายได้ ขณะที่ทุกคนคิดว่าเขาต้องตายแน่นอน สวีโหย่วหรงก็พลันปรากฏกาย(โอ้ย นางเอกมาซะที)เพราะความรักที่มีต่อเฉินฉางเซิงนางถึงกับออกจากการกักตนชะลอเวลาการก้าวเข้าสู่เขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ก่อน
พวกเขาใช้เพลงกระบี่ประสานรวมในตำนานจึงสามารถรับมือกับอู๋สยงปี้ได้ สุดท้ายเปี๋ยยั่งหงสามีของนางจึงออกโรง เขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่แม้แต่จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ยังชื่นชม

เฉินฉางเซิงบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับเปี๋ยยั่งหง ขุนพลเทพไป๋หู่อาศัยจังหวะนี้ลอบสังหารเขา แต่หวังพั่วออกดาบมาช่วยเขา ด้วยความเปลี่ยนแปลงกะทันหันหลายเรื่องพร้อมๆกัน ฆาตกรตัวจริงจากเกาะต้าซีจึงเผยตัวออกมาสังหารเฉินฉางเซิง ทว่าคนที่ช่วยชีวิตเฉินฉางเซิงกลับเป็นเปี๋ยยั่งหง

ศึกระหว่างสามเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างคนชุดครามจากเกาะต้าซี หวังพั่วและเปี๋ยยั่งหงจึงระเบิดขึ้น วันนี้คนชุดครามจึงไม่ได้จากไปตลอดกาลเหตุที่เปี๋ยยั่งหงรู้ว่าเฉินฉางเซิงไม่ได้สังหารลูกชายก็เพราะชิวซานจวินได้แอบส่งรูปวาดที่ชายหนุ่มเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับอีกฝ่ายขณะขึ้นเขา   เปี๋ยยั่งหงเพียงแต่ซ้อนแผนเพื่อให้ฆาตกรตัวจริงปรากฏกายออกมา(เฉินฉางเซิงกับโหย่วหรงเจ็บตัวฟรีจริงๆ)

หลังเสร็จสิ้นเรื่องราวและสวีโหย่วหรงจัดการชำระสำนักอีกครั้ง จากนั้นคู่รักหนุ่มสาวก็พูดคุยกัน กินข้าวกัน ตกรุ่งเช้าก็แยกย้าย 
(เฮ้อ คนเขียนใจร้ายเกินขอฉากหวานเยอะกว่านี้หน่อยได้มั้ย แล้วก็นะทำไมต้องให้สวีโหย่วหรงจุ๊บพระเอกก่อนทุกทีละเนี่ยหือ)

เฉินฉางเซิงเดินทางไปสำนักหอกระบี่เขาหลีซาน ชีเจียนถูกขังอยู่ที่นั่น เจ๋อซิ่วต้องพบกับนางเพราะชีวิตเขาเหลืออยู่ไม่มากแล้วจริงๆ อีกทั้งบนนั้นมีวิชากระบี่ที่หากเจ๋อชิ่วได้ฝึกจะช่วยยืดอายุของเขาไปได้อีกระยะหนึ่ง 

การจะพบชีเจียนไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาต้องทะลวงผ่านเส้นทางที่ซูหลีทิ้งจิตกระบี่เอาไว้ จึงจะไปหานางได้ เจ๋อชิ่วได้พบกับชีเจียนในที่สุด เฉินฉางเซิงฝากหนานเค่อกับเจ๋อซิ่วไว้กับชีเจียนเพื่อความปลอดภัยของหนานเค่อเองอีกอย่างนางกับเจ๋อซิ่วจำต้องได้รับการรักษาจากเสียงกระบี่กระจ่างใสเที่ยงธรรมแห่งเขาหลีซาน หลังเสร็จธุระที่เขาหลีซาน เฉินฉางเซิงส่งจดหมายร่ำลาสวีโหย่วหรงอย่างเร่งรีบเพราะเขาได้รับข่าวสารจากเมืองไป๋ตี้จึงต้องรีบไปที่นั่นโดยเร็วที่สุด ส่วนถังซานสือลิ่วเดินทางกลับเวิ่นสุ่ย

ณ เมืองไป๋ตี้ จี๊ดจี๊ดได้รับคำสั่งจากเฉินฉางเซิงให้มาหาจักรพรรดิขาวแต่อีกฝ่ายกักตนเพราะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับราชาปีศาจคนก่อน นางจึงคิดไปหาลั่วลั่วแต่ถูกมู่ฮูหยิน(จักรพรรดินีขาว-แม่ของลั่วลั่ว)จับตัวไว้

สองสามีภรรยาเปี๋ยยั่งหงมาถึงเมืองไป๋ตี้แล้ว พวกเขาไปหาจี๊ดจี๊ดแต่ไม่สามารถช่วยนางออกมาได้เพราะนางถูกกรงพยัคฆ์ของเผ่ามารกักขังเอาไว้ พวกเขาเผชิญหน้ากับมู่ฮูหยิน น้องสาวมู่จิ่วซือและกุนซือปีศาจ  เมืองไป๋ตี้ถึงกับร่วมมือกับเผ่าปีศาจ

🍂เล่ม18
เปี๋ยยั่งหงกับภรรยาถูกทูตสวรรค์จากผืนพิภพเซิ่งกวงทำร้ายแทบปางตายแต่พวกเขาก็รอดชีวิตมาได้ หลบซ่อนตัวอยู่ในที่พักของเซวียนหยวนพั่ว 

ผู้คนต่างรู้ว่าองค์หญิงลั่วลั่วกำลังจะแต่งงานแต่ไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่นางจะแต่งงานด้วยกลับเป็นราชาปีศาจหนุ่ม แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นอย่างที่มู่ฮูหยินวางแผนไว้ เฉินฉางเซิงขี่กระเรียนขาวร่อนลงจากฟ้าส่งเสียงคัดค้านงานแต่งหนนี้ในฐานะอาจารย์ของลั่วลั่ว

แน่นอนว่าเผ่ามารย่อมไม่อาจสังหารสังฆราชได้ แต่ในเมื่อราชาปีศาจอยู่ที่นี่เขาย่อมสังหารเฉินฉางเซิงได้โดยไม่หวั่นเกรงผลกระทบจากต้าโจว แต่ราชาปีศาจพ่ายแพ้ต่อเฉินฉางเซิง มู่ฮูหยินจึงยื่นมือยุติการต่อสู้ครั้งนี้ 

สัตว์ประหลาดฉูซูรับคำสั่งจากมู่ฮูหยินให้ไปสังหารสองสามีภรรยาเปี๋ยยั่งหง มันเจอพวกเขาแต่ไม่ทันได้ลงมือเพราะสวีโหย่วหรงมาถึงไป๋ตี้แล้ว ฉูซูหวาดกลัวนางอย่างมาก มันรอดชีวิตจากการโจมตีของสวีโหย่วหรงแต่ก็เสียแขนซ้ายไปมันหนีสุดชีวิตไม่คิดอยู่ที่เมืองไป๋ตี้อีก

หลังจากเรื่องราวการแต่งงานขององค์หญิงลั่วลั่วกับราชาปีศาจล้มเหลว เฉินฉางเซิงเดินทางมายังกระท่อมที่สองสามีภรรยาเปี๋ยยั่งหงซ่อนตัวอยู่ เปี๋ยยั่งหงถ่ายทอดเหตุการณ์ที่พบเจอในไป๋ตี้ให้เฉินฉางเซิงรับรู้ผ่านจิตวิญญาณ ทำให้เขารู้ว่านอกจากมู่ฮูหยินสบคบกับเผ่าปีศาจแล้วยังร่วมมือกับทูตสวรรค์แห่งแสงศักดิ์สิทธิ์สองตนอิ่นเหลยกับนู่หั่วที่มาจากผืนพิภพเซิ่งกวน

🍂เล่ม19
เพราะเหตุการณ์ที่มู่ฮูหยินประกาศผูกสัมพันธ์กับเผ่าปีศาจ ทำให้ในเผ่ามารเกิดแยกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเห็นด้วยกับมู่ฮูหยิน ขณะที่อีกกลุ่มไม่เห็นด้วยพวกเขาอยู่ฝั่งเผ่ามนุษย์และสลับสนุนลั่วลั่ว

สองสามีภรรยาเปี๋ยยั่งหงตายแล้ว เฉินฉางเซิงใช้ค่ายกลกระบี่สำนักศึกษาหนานซีทำลายค่ายกลที่วางไว้ป้องกันจักรพรรดิขาวยามกักตัว

ราชาปีศาจหนีลู่ที่ยังคงอยู่ในเมืองไป๋ตี้ นัดพบกับเฉินฉางเซิง สิ่งที่พวกเขาพูดคุยเป็นเรื่องของอนาคตในขณะที่พวกเขาต้องการสังหารอีกฝ่ายแต่ไม่มีโอกาสสุดท้ายจึงได้แต่แยกย้ายกันไปด้วยความเสียดาย สี่ผู้ปกครองจากตำหนักหลีกงเดินทางมาไป๋ตี้นอกจากคุ้มครองเฉินฉางเซิงแล้วจุดหมายหลักเป็นการสังหารราชาปีศาจ

ในที่สุดจักรพรรดิขาวก็ลืมตา เขาหาได้อ่อนแรงหรือตายไปอย่างที่หลายฝ่ายวิตกกังวล

เฉินฉางเซิงและคนของตำหนักหลี่กง คนห้าประเภทจากสกุลถังล้อมสังหารราชาปีศาจ พวกเขาใช้ค่ายกลใหญ่ตำหนักหลีกงโจมตีราชาปีศาจ แต่อีกฝ่ายมีทูตสวรรค์สองตนคอยช่วยเหลือ พวกเขาตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งสวีโหย่วปรากฏกายอย่างน้อยก็ทำให้สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลง เฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงใช้กระบี่รวมประสานทำร้ายทูตสวรรค์จนบาดเจ็บกระตุ้นให้อีกฝ่ายคิดสังหารพวกเขา สวีโหย่วหรงได้แต่พาเฉินฉางเซิงหนี แต่หนีไม่พ้นทั้งยังเผชิญหน้ามู่ฮูหยิน

ทางด้านถังซานสือลิ่วที่ถือไม้เท้าเทพคุมค่ายกลแทนเฉินฉางเซิงก็เผชิญวิกฤตกับการโจมตีจากทูตสวรรค์อีกตนแม้แต่ค่ายกลใหญ่ของตำหนักหลีกงก็ถูกทำลายพร้อมๆกับการปรากฏตัวของราชาปีศาจ นี่เป็นการกำจัดศัตรูครั้งยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยกองทัพ 

เฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงต้องตาย
คนของศาสนาหลวงและสกุลถังในที่นี่ต้องตาย ประชาชนในเมืองไป๋ตี้ทั้งหมดต้องตาย

ทว่านั่นเป็นเพียงความคิดที่ไม่อาจเป็นจริงเมื่อจักรพรรดิขาวกับซางสิงโจวลงมือสังหารทูตสวรรค์ไปตนหนึ่งอีกตนบาดเจ็บสาหัสหลบหนีไปได้แต่ซางสิงโจวสั่งให้จูซามังกรน้อยที่เขาปล่อยออกมาจากกรงพยัคฆ์ไปสังหารแทน

แต่เรื่องราวยังคงไม่สิ้นสุดเพราะราชาปีศาจอยู่ที่นี่ จักรพรรดิขาวไม่ต้องการให้เขาตาย  หากเมืองเสวี่ยเหล่าของเผ่าปีศาจล่มสลาย แล้วเผ่ามารเล่าจะรอดจากน้ำมือของซางสิงโจวหรือไม่ ถึงอย่างไรจักรพรรดิขาวก็ไม่เคยไว้ใจเผ่ามนุษย์ ราชาปีศาจจึงจากไปอย่างปลอดภัย

มู่ฮูหยินกับจักรพรรดิขาวนั้นสมดั่งกิ่งทองใบหยกตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันต่างฝ่ายต่างหลอกลวงกันไม่หยุดหย่อน(เพลียใจแท้) สุดท้ายสองสามีภรรยาหันหน้าเข้าห้ำหั่นกัน มู่ฮูหยินคืนสู่มหาสมุทรดวงดาว

กุนซือปีศาจไม่อาจยื่นมือเข้ามาในเมืองไป๋ตี้ในช่วงเวลาสำคัญเพราะหวังจือเช่อคุมเฉิงอยู่

วันที่ต้องลาจากมาถึงมีเพียงสวีโหย่วหรง ถังซานสือลิ่วกับเฉินฉางเซิงที่ออกจากเมืองไป๋ตี้ ลั่วลั่วยังคงอยู่เพราะอนาคตนางจะกลายเป็นจักรพรรดิขาวของเมืองแห่งนี้ย่อมไม่อาจจากไปได้

🍂เล่ม20
เฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรง ถังซานสือลิ่ว เดินทางกลับจิงตู เฉินฉางเซิงต้องกลับมาเพื่อเป็นประธานในพิธีสมรสระหว่างโม่อวี่กับหลัวหยางอ๋องตามที่โม่อวี่เชิญเขาไว้ อีกทั้งต้องจัดการกับปัญหาภายในของศาสนาหลวงระหว่างกลุ่มอำนาจเก่าและใหม่

ที่สำคัญการกลับมาจิงตูหนนี้เต็มไปด้วยลมฝนพัดกระหน่ำ สวีโหย่วหรงท้าทายอำนาจของซางสิงโจวอย่างโจ่งแจ้ง นั่นก็เพราะเพื่ออนาคตของมนุษย์ชาติ ทุกคนที่มายังจิงตูล้วนอยู่ในแผนการของนาง

หวังพั่วมาแล้ว เขาตั้งใจเดินฝ่าถนนเสินเต้าในสุสานเทียนซู เส้นทางที่มีเพียงจักรพรรดิ สังฆราชและธิดาเทพเท่านั้นถึงมีคุณสมบัติเดินบนทางสายนี้  การที่หวังพั่วทำเช่นนี้ย่อมหมายถึงการท้าทายอำนาจของจักรพรรดิไท่จงในอดีตที่สังหารตระกูลของเขา ซึ่งซางสิงโจวผู้ภักดีไหนเลยจะทนได้ 

ในที่สุดเขาก็ปรากฏตัวเพื่อสังหารหวังพั่ว ทว่าแท้จริงแล้วหวังพั่วเป็นเพียงหมากที่ใช้ล่อให้ซอีกฝ่ายปรากฏตัวพร้อมกับพวกสวีโหย่วหรงที่ในวันนี้ใช้ค่ายกลกระบี่สำนักศึกษาหนานซีกักซางสิงโจวที่บาดเจ็บมาตั้งแต่ต่อสู้กับจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์จนถึงทูตสวรรค์ที่เมืองไป๋ตี้เอาไว้ 

แผนการทั้งหมดในวันนี้ก็เพื่อสังหารองค์ชายเฉินหลิว(ที่ซางสิงโจวคิดแต่งตั้งเป็นจักรพรรดิที่แท้จริงเพราะเขาเป็นตัวแทนของอำนาจเก่าฝ่ายจักรพรรดิไท่จู่)และให้ซางสิงโจวถอนตัวออกจากเรื่องทั้งหมด(ไม่คิดเลยว่าจะหักมุมขนาดนี้)

แน่นอนว่าแผนการของสวีโหย่วหรงย่อมมีคนไม่เห็นด้วย และคนผู้นั้นก็คือหวังจือเช่อ เมื่อหวังจือเช่อมาถึงสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแต่ไม่มากนักเพราะเฉิงฉางเซิงก็มาถึงเช่นกัน

ถึงเวลาที่สองอาจารย์กับศิษย์ได้เผชิญหน้าเพื่อตัดสินอนาคตของมนุษย์ชาติแล้ว

🌼หลังอ่าน🌼
อย่างหักมุม สนุกมาก ตกลงผู้ครองภพโจวตายไปแล้วเหรอเนี่ย

🍂เล่ม21
เฉินฉางเซิงเลือกต่อสู้กับซางสิงโจวในสวนโจว เมื่อเฉินฉางเซิงเป็นเจ้าของระดับขั้นที่ใช้ได้สูงสุดในสวนโจวจึงเป็นขั้นรวบรวมดวงดาว แม้แต่ซางสิงโจวก็ไม่มีข้อยกเว้น ต่อให้เป็นเช่นนั้นเฉินฉางเซิงก็ไม่สามารถรับมืออาจารย์ได้เลยสักกระบวนท่าจนถูกบีบให้ออกมาจากสวนโจว(มองบนทีเถอะอะไรกันที่ผ่านมาพระเอกออกเก่ง มาเจออาจารย์แล้วกากเหลือเกินไม่สมกับที่คนเขียนพยายามอวยให้พระเอกสู้กับคนที่มีขั้นสูงกว่าได้ตลอด อ่านแล้วแอบเซ็งหยังกะคนธรรมดาสู้กับจอมยุทธ์เลย)

แต่สุดท้ายเฉินฉางเซิงก็เป็นฝ่ายชนะ องค์ชายเฉินหลิวตกเป็นตัวประกันอยู่ที่จิงตู นับจากนี้ไปจึงเป็นยุคสมัยของหนุ่มสาวอย่างแท้จริง 

 เฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรงเดินทางมายังทุ่งหญ้าของเผ่าภูตเพราในอดีตที่เฉินฉางเซิงมอบให้สวีโหย่วหรง พวกเขาพบกับสัตว์ประหลาดฉูซูที่นี่ก่อนสังหารมัน ตามด้วยพบกับเซียวจางที่พึ่งทะลวงขั้นเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์แต่บาดเจ็บสาหัสและเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งโบราณเผ่าปีศาจแปดยอดคนเขาที่หมายสังหารพวกเขาทั้งสาม แต่ว่าพวกเขาไม่ได้มีเพียงแค่สามคน พวกเขายังมีหวังพั่ว เมื่อรวมพลังกันสี่คนคนเขาเยียนจือก็ถึงแก่ความตาย

เจ๋อซิ่วดีขึ้นแต่ยังไม่หายสนิท ส่วนหนานเค่อนางได้สติแล้วนางจากยอดเขาหลีซานกลับไปยังเผ่าปีศาจโดยไม่มีผู้ใดขัดขวางตามคำสั่งของเฉินฉางเซิง

นับจากเฉินฉางเซิงประลองกับผู้เป็นอาจารย์เวลาผ่านไปแล้วสิบปี นี่เป็นครั้งแรกหลังจากวันนั้นที่เขามาพบกับอาจารย์ที่อารามฉางชุนแห่งเมืองลั่วหยางเพราะสถานการณ์ของเมืองไป๋ตี้เวลานี้คงไม่คิดทุ่มเทร่วมมือกับเผ่ามนุษย์ต่อสู้กับเผ่าปีศาจอีก แต่ด้วยความที่เผ่ามนุษย์ในปัจจุบันมีศักยภาพเพียงพอจึงไม่ได้คาดหวังความร่วมมือกับอีกฝ่ายเช่นกัน

บัดนี้เผ่ามนุษย์ตัดสินใจบุกเมืองเสวี่ยเหล่าเพื่อกวาดล้างเผ่าปีศาจ สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

🌼หลังอ่าน🌼
สวีโหย่วหรงขนาดหึงก็ยังน่ารักเนาะ😂

🍂เล่มจบ
เฉินฉางเซิงถูกห้ามไม่ให้ไปยังสนามรบ เขาจึงอยู่ที่จิงตู รับฟังรายงานการต่อสู้ระหว่างผู้แข็งแกร่งขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามารและเผ่ามนุษย์  

หวังพั่วรับมือกับผู้บัญชาการปีศาจ เขาบาดเจ็บสาหัส ขณะอีกฝ่ายก็บาดเจ็บและถอยทัพ

อาจารย์อาไหวเหริน เหมาชิวอวี่และเจ้าสำนักหอหลีซานรับมือกับเหล่าขุนพลปีศาจ ต่างก็บาดเจ็บสาหัส ต้องใช้เวลารักษาตัว

สวีโหย่วหรงอยู่ที่สนามรบตลอด จนกระทั่งเข้าสู่การรบช่วงที่สาม เฉินฉางเซิงจึงตัดสินใจออกจากจิงตูเข้าสู่สนามรบ ส่วนถังซานสือลิ่วบาดเจ็บสาหัสต้องไปรักษาตัวที่เขาหลีซาน

เมืองเสวี่ยเหล่าอยู่ไม่ไกลแล้ว แต่ทั้งเผ่าปีศาจและเผ่ามนุษย์อยู่ในจุดที่อ่อนล้าไม่ต่างกัน หิมะแรกที่ตกก่อนเวลาทำให้เผ่าปีศาจได้เปรียบด้านสภาพอากาศ ดูเหมือนปราการธรรมชาติเกินกว่ามนุษย์จะคิดคำนวณได้ แต่ก่อนที่พลังใจของเผ่ามนุษย์จะสิ้นสุดลง ซางสิงโจวได้ปรากฏตัวพร้อมลูกศิษย์ตัวน้อยที่งดงามราวกับหยก

ในเมืองเสวี่ยเหล่าราชาปีศาจได้ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน กุนซือปีศาจปลอมตัวเป็นทหารปะปนเข้ามาในกองทัพเพื่อสังหารซางสิงโจวแต่นักพรตน้อยที่เป็นศิษย์คนสุดท้ายของเขากลับมองออก แน่นอนว่านี่เป็นแผนของซางสิงโจวที่ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่ออีกฝ่าย ซ่อนอาวุธสังหารอย่างเซียวจางหน้ากากวาดเอาไว้ แต่อีกฝ่ายก็หนีไปได้พร้อมอาการบาดเจ็บจากหอกเทพน้ำค้างพรม

การต่อสู้ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย เผ่ามนุษย์บุกเข้าเมืองเสวี่ยเหล่า ขณะเดียวกันก็มีข่าวมาจากจิงตูเมื่อเซียงอ๋องก่อกบฏ พวกเขาไม่สามารถถอนทัพไปช่วยจักรพรรดิได้ แต่ว่านั่นเป็นเพียงฝันที่ตื่นมาพร้อมกับความตายของเซียงอ๋อง บัดนี้ทุกคนรู้แล้วว่านอกจากจักรพรรดิจะไม่ได้เป็นใบ้เขายังมีวิชาฝีมือที่สูงส่งลึกล้ำยิ่งนัก

ซางสิงโจวสิ้นอายุขัยในวันที่เมืองเสวี่ยเหล่าถูกตีแตก หนานเค่อคิดสังหารเฉินฉางเซิง แต่จี๊ดจี๊ดเข้ามาขัดขวางอย่างง่ายดาย พวกเขาได้พบกับราชาปีศาจได้รู้ต้นตอที่แท้จริงเผ่าปีศาจ เดิมทีพวกเขาอยู่ในผืนพิภพเซิ่งกวง แต่เพราะศิลาจารึกคัมภีร์สวรรค์ตกมายังผืนพิภพจงถู่ พวกเขาที่เป็นพลรบแดนไกลได้รับคำสั่งให้ออกตามหา แต่เมื่อมาถึงที่นี่พวกเขาก็ไม่คิดกลับไปอีกเพราะไม่ต้องการตกเป็นข้ารับใช้ของเทพเจ้าแห่งผืนพิภพเซิ่งกวง

ราชาปีศาจกับกุนซือปีศาจยังเหลือไพ่ใบสุดท้าย เขาสร้างรูปสลักเทวทูตสวรรค์มากมาย เพียงรออัญเชิญเทวทูตสวรรค์ลงมา ซึ่งไม่ใช่การใช้พิฆาตนภาพร่างดาว ที่ต้องใช้จริงๆคือแสงศักดิ์สิทธิ์ในกายของเฉินฉางเซิง 

เผ่ามนุษย์สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าหนทางเบื้องหน้ามีเพียงการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ ผู้ใดเลยจะรับมือกับกองทัพทูตสวรรค์ได้ 

กุนซือปีศาจลงมือกะทันหันจนทุกคนไม่ทันตั้งตัวนางใช้เพลิงปีศาจพันธนาการเฉินฉางเซิงเอาไว้ เพลิงปีศาจจะเผาแสงศักดิ์สิทธิ์ในกายเฉินฉางเซิงให้เป็นประหนึ่งคบเพลิงเปิดเส้นทางสู่ผืนพิภพเซิ่งกวง เหตุที่นางทำเช่นนี้เพราะนางอยากทำลายทุกเผ่าพันธ์ไม่ว่าจะเป็นปีศาศมนุษย์หรือมาร เพราะพวกเขาร่วมมือกันสังหารผู้ครองภพโจวผู้เป็นพี่ชายของนาง ส่วนหวังจือเช่อเป็นสามีของนาง

เฉินฉางเซิงไม่มีวันให้ตัวเองกลายเป็นเครื่องมือทำลายโลกใบนี้ เมื่อช่องทางเปิดออกกระทั่งเห็นทูตสวรรค์นับร้อยตนกำลังจะลงมาเยือนผืนพิภพจงถู่เขาเลือกที่จะตายโดยใช้กระบี่สามพันเล่มจู่โจมใส่ตัวเอง 

หวังจือเช่อที่ปรากฏกายก่อนหน้าพลันเปล่งเสียงบางอย่าง(น่าจะเกี่ยวข้องกับคัมภีร์กาลเวลา)ทำให้โลกหยุดชะงักในชั่วพริบตา ในชั่วพริบตานั้นเฉินฉางเซิงพลันบรรลุขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ พริบตาถัดมาโลกกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เฉินฉางเซิงใช้วิชาเต๋าโบราณผ่านกระบี่สามพันเล่มฟันทำลายเสาแสงช่องทางเชื่อมระหว่างสองผืนพิภพลงได้ในที่สุด

บทสรุปของเรื่องราวในเวลาต่อมา
กุนซือปีศาจถูกหวังจือเช่อทำลายพลังการบำเพ็ญเพียรกลายเป็นคนธรรมดา ต่อมานางถูกหวังชิงสังหาร แต่นางไม่ได้ตายจริงๆ เพราะนางใช้วิชานอกรีตย้ายวิญญานได้ทัน จนกระทั่งวันหนึ่งเจ๋อชิ่วลงสังหารนางกับมือโดยไม่ใครรู้เรื่องนี้

ราชาปีศาจปล่อยให้ตัวเองถูกเพลิงปีศาจเผาผลาญ ไม่หลงเหลือสิ่งใดทิ้งไว้ให้โลกอีก

เฉินฉางเซิงเดินทางไปยังผืนพิภพเซิ่งกวงโดยสวีโหย่วหรงไม่ได้ตามไปด้วย เขาอาศัยเส้นทางจากวัดเฉียหลันที่หวังจือเช่อเฝ้าพิทักษ์มาตลอด เมื่อไปถึงผืนพิภพเซิ่งกวง เขาได้บรรลุขั้นเทพอำพราง  

ลั่วลั่วกับจี๊ดจี๊ดรอเวลาก้าวถึงเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ก็จะไปตามหาเฉินฉางเซิง ชิวซานจวินเดินทางไปทะเลเหนือเขาได้พบกันหนานเค่อที่นั่นจึงอยู่เป็นเพื่อนนาง  อวี้เหรินตั้งใจจะอยู่ในฐานะจักรพรรดิเพียงสามปีเพื่อมอบบัลลังก์ต่อให้เฉินฉางเซิง ส่วนองค์ชายเฉินหลิวไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

☀เฉินฉางเซิงคืออะไร
เขาเกิดจากผลไม้ลูกหนึ่งกับหยดเลือดของเฉินเสวียนป้าแล้วไม่รู้ว่าเข้าไปสู่กระบวนการอยู่ในครรภ์มนุษย์ได้อย่างไร ถึงเกิดมาเป็นมนุษย์ (คนเขียนก็เกินไป)

☀ความสัมพันธ์ระหว่างสวีโหย่วหรงกับเฉินฉางเซิง : คู่บำเพ็ญเพียร ใช้ใจสื่อกันใจ ไม่ได้แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน  เอาจริงๆนะลั่วลั่วยังว่าได้กอดเฉินฉางเซิงหลายครั้งมาก ส่วนคู่พระนางไม่มีเลยที่ในสถานะการณ์ปกติพวกจะกอดกันมากสุดแค่จับมือแล้วจุ๊บเบาๆ😂

🌼หลังอ่าน🌼
นิยายจีนแบบยาวๆเนี่ยแทบทุกเรื่องจบเหมือนคนเขียนหมดจินตนาการไปซะดื้อๆเขียนแบบปลายเปิดทุกที  แต่ก็ดีแล้วที่จบเท่านี้ ถ้าเขียนมากกว่านี้เนื้อหาคงออกทะเลไปไกล อ่านแล้วเพลียกับชื่อคนในผืนพิภพเซิ่งกวงจริงๆ ถ้าเขียนภาคต่อก็คงไม่อ่านแล้ว ส่วนชิวซานจวินนี่เป็นตัวประกอบของแท้ นิยาย22เล่มออกมาไม่กี่ฉากเอง บรรดาศิษย์น้องยังมีบทบาทเยอะกว่ามาก


Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2567 12:18:50 น. 0 comments
Counter : 230 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 6399378
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อยากมีชีวิตเป็นอมตะเพื่ออ่านหนังสือไปตลอดกาล
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 6399378's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.