เก็บความทรงจำ..(^_^)..ความสนใจ โลกส่วนตัว ที่เราสร้างเอง
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 3-2

เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 3 (ต่อ)

เช้าวันใหม่...หญิงมานศรีเดินมากับพิไลพรที่ใส่ชุดพยาบาลเตรียมตัวจะออกไปทำงาน

       “ที่นี่ไกลจากโรงพยาบาลพรตั้งเยอะ หญิงกลัวพรจะเดินทางเหนื่อยจัง” หญิงมานศรีปรารภขึ้นมา
       “พรไม่เหนื่อยค่ะ”
       “บ้านพักข้าราชการที่โรงพยาบาลก็มีนี่ ทำไมพรไม่...”
       พิไลพรขัดขึ้น “พรจะไม่ไปอยู่ที่ไหนทั้งนั้น พรจะอยู่กับคุณหญิง”
       “ขอบคุณนะพรที่เป็นห่วงหญิง แต่หญิงว่า พรคิดมากไปหรือเปล่าจ๊ะ เราอาจจะยังไม่ชินกับวิถีชีวิตของที่นี่ เลยคิดว่ามันแปลกๆ”
       “คิดมากไว้ก่อนดีกว่าค่ะ พรเชื่อว่าคุณหญิงเองก็เห็นว่าความยุ่งยากกำลังตั้งเค้า พรไม่มีทางปล่อยให้คุณหญิงอยู่ตามลำพังเด็ดขาด”
       หญิงมานศรีอึ้ง
       “พรไปนะคะคุณหญิง แล้วเจอกันตอนเย็นค่ะ”
       พิไลพรเดินออกไป หญิงมานศรีมองตาม พลางครุ่นคิดเรื่องที่พิไลพรเตือน...

       หญิงมานศรีเดินมากับเทพจะเข้าออฟฟิศ ทิวเดินออกมาพอดี เธอเห็นเขาก็ตกใจ ทิวเองก็ชะงักเมื่อเห็นเทพและหญิงมานศรีมาด้วยกัน
       “วันนี้เข้ามาเยี่ยมออฟฟิศได้นะ ทิว” เทพทักทาย
       “เลยได้รู้....ว่าบริษัทขาดทุน ทั้งๆที่สั่งเพิ่มการผลิตอย่างต่อเนื่อง”
       เทพอึ้ง...
       “นายกำลังจะบอกอะไรฉัน ฮึ”
       “มันน่าสงสัย”
       “ว่าฉันโกง...มันดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่เลย ฉันจะโกงบริษัทตัวเองทำไม”
       ทิวจ้องหน้า
       “ไม่ใช่ของคุณ...แต่เป็นของพ่อผม”
       “ทิว ไม่เอาน่า เราคุยเรื่องนี้กันมาหลายครั้งแล้ว”
       “เราไม่เคยคุยกัน”
       “โอเค...”
       “และตอนนี้ผมมีสิทธิ์ตรวจสอบเรื่องนี้ในฐานะหุ้นส่วน ถ้ามีอะไรตุกติก...ผมไม่เอาคุณไว้แน่”
       ทิวมองเทพอย่างท้าทาย ก่อนจะปรายตามองหญิงสาวอย่างดูแคลน หญิงมานศรีคอแข็งทันที ทิวเดินออกไป เทพมองอย่างเกลียดชังก่อนจะรีบตีหน้าเศร้ากับหญิงมานศรีกลบเกลื่อนและเอาดีเข้าตัว
       “เขาหวาดระแวงว่าผมโกงและแย่งชิงธุรกิจนี้มาจากพ่อของเขา ผมเสียใจมาก เพราะผมรักทิวเหมือนลูกแท้ๆ...และตั้งใจไว้แล้วว่าเขาคือผู้บริหารคนต่อไปแทนผม”
       “น่าเสียดายนะคะ อคติทำให้คนเราพลาดโอกาสสำคัญในชีวิต”
       “ครับ น่าเสียดาย ก็ได้แต่ภาวนาว่าสักวัน เขาจะเข้าใจ”
       “หญิงเป็นกำลังใจให้คุณเทพนะคะ”
       เทพยิ้มรับ พอใจที่หญิงมานศรีหลงเชื่อ โดยไม่ติดใจสงสัยอะไรแม้แต่น้อย

       เทพนั่งทำงานอยู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
       “เชิญครับ”
       หญิงมานศรีเข้ามาพร้อมเอกสาร
       “เอกสารสำหรับเซ็นอนุมัติจากฝ่ายการตลาดค่ะ”
       “ครับ”
       เทพรับเอกสารมาอ่านแล้วเซ็น เสร็จแล้วส่งคืนให้
       “ขอบคุณค่ะ”
       หญิงมานศรีมีท่าทีลังเลอยู่ เทพสังเกตเห็น
       “มีอะไรจะคุยกับผมใช่มั้ยครับ คุยมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจนะครับ”
       “หญิงมีเรื่องจะเรียนปรึกษาค่ะ หญิงจะขอแยกไปอยู่ต่างหากกับพร อาจจะเป็นบ้านพักพนักงาน หรือว่าบ้านเช่าใกล้ๆออฟฟิศที่นี่ค่ะ”
       เทพหน้าตึงทันที
       “ทำไมเหรอครับ ผมทำให้คุณหญิงลำบากใจ อึดอัดใจใช่มั้ย”
       “คือ...ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่มันอาจจะทำให้คนในครอบครัวคุณเทพ รู้สึกไม่เป็นส่วนตัวที่จะมีคนนอกอย่างหญิงมาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน”
       “ไม่มีใครรู้สึกอย่างนั้นหรอกครับ”
       “แต่หญิงรู้สึกค่ะ...”
       เทพอึ้ง
       “คุณเทพคงจะเห็นแล้วนะคะว่า...ภรรยาของคุณไม่ค่อยสบายใจเรื่องหญิงนัก ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมจะดีกว่าค่ะ”
       เทพอึ้ง...นึกไม่พอใจเมียๆ แต่ก็ฝืนยิ้มให้หญิงสาว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
       “ผมสัญญากับหม่อมสรัสวดีไว้แล้วว่าจะดูแลคุณหญิงอย่างดีที่สุด ผมต้องทำตามสัญญา...ทุกอย่างที่เป็นความสบายใจของคุณหญิง ผมยินดี”
       หญิงมานศรีโล่งใจ
       “ขอบคุณค่ะที่เข้าใจหญิง”
       “แต่ผมอยากจะขอร้องคุณหญิงเพียงอย่างเดียวครับ และหวังว่าคุณหญิงคงจะไม่ปฏิเสธผม”
       หญิงมานศรีแปลกใจ
       “อะไรคะ...”
       เทพยิ้มอบอุ่น ราวเทพบุตร

       เย็นนั้น หญิงมานศรีออกจากออฟฟิศเดินคุยกับเทพที่เดินอย่างสบายๆ
       “หญิงรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าคุณถึงกับจะต้องสร้างบ้านหลังใหม่เพื่อหญิง มันมากเกินไป”
       “ไม่มากเกินไปหรอกครับ คุณหญิง ผมไม่ได้สร้างให้คุณหญิงโดยเฉพาะซะหน่อย”
       หญิงมานศรีชะงัก แปลกใจ
       “จริงเหรอคะ”
       “ผมตั้งใจจะปลูกเรือนพักรับรองที่เป็นส่วนตัวให้กับแขกของผมอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ ตอนนี้คงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะพอดี”
       หญิงมานศรียิ้มๆ แต่ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก หันมองไปทางอื่น เทพลอบมองเสี้ยวหน้าของหญิงสาวอย่างหลงไหล เธอหันมาพอดี เขารีบหลบสายตาไปทางอื่นเสีย
       “สบายใจเถอะครับ...คุณหญิงไม่ได้ทำความลำบากอะไรให้ผมเลย กรุณาอย่าให้ผมผิดคำสัญญากับแม่คุณหญิงเลยนะครับ”
       หญิงมานศรีจำใจต้องยอมรับ
       “ค่ะ...ขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ”
       หญิงมานศรีไหว้อย่างงดงาม ซาบซึ้งในน้ำใจ ขณะเดียวกันนั้นล้วนเดินเข้ามาหา
       “รถที่นายสั่งให้คุณหญิง เรียบร้อยพร้อมใช้งานแล้วครับ”
       ล้วนเอากุญแจรถมาให้เทพ หญิงมานศรีงงๆ
       “รถให้หญิง”
       “อันนี้ก็ห้ามปฏิเสธครับ เพราะเป็นระเบียบของบริษัท เลขานุการของผมทุกคนต้องมีรถประจำตำแหน่ง จะได้คล่องตัว เวลาติดต่อประสานงานหรือต้องเดินทางไปไหนมาไหน”
       เทพยื่นกุญแจให้ หญิงมานศรีค่อยๆไหว้ขอบคุณ รับมา งงๆ เทพมองยิ้มๆ ก่อนจะเดินออกไปกับล้วน หญิงมานศรียังอึ้งๆ กับสิ่งที่เขามอบให้ทั้งบ้านและรถ

       หญิงมานศรียืนมองรถประจำตำแหน่งของตัวเองซึ่งเป็นรถเล็กๆใหม่เอี่ยม เธอทำใจยอมรับ จึงเปิดประตูรถ ขับออกไป...หญิงมานศรีขับรถมาตามถนน ชื่นชมกับสองข้างทาง ก่อนจะหยุดรถ รู้สึกอยากรู้อยากเห็น
       “ลองขับไปดูทางโน้นดีกว่า...”
       หญิงมานศรีตัดสินใจเลี้ยวรถไปทางหนึ่ง สักครู่เธอก็ขับรถมาถึงบริเวณหน้าบ้านทิว รู้สึกชอบบรรยากาศและสงสัยว่าเป็นบ้านใคร หญิงมานศรีจอดรถ แล้วเดินลงไปที่บ้านนั้นทันที เธอมองการตกแต่งที่สวยงามและน่าอยู่ รู้สึกประทับใจ

       หญิงมานศรีเดินเพลินจนเข้ามาในตัวบ้าน ทันใดนั้นทิวก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า หน้าตาเขาไม่พอใจมาก หญิงมานศรีผงะ ตกใจ
       “ว้าย!”
       “กล้ามากนะ...มาที่นี่ทำไม!”
       หญิงสาวหันหลัง วิ่งออกไปทันที ทิวมองตามอย่างไม่พอใจ วิ่งตามไปรวบเอวหญิงสาวเอาไว้จนล้มกลิ้งไปด้วยกันทั้งคู่
       “ปล่อยฉันนะ!”
       “ฉันถามเธอว่าเข้ามาในบ้านฉันทำไม!”
       “ฉันไม่รู้ว่าเป็นบ้านนาย”
       “โกหก! เธอตั้งใจจะเข้ามาทำอะไร นายเทพมันใช้ให้เธอมาทำอะไร”
       “นายพูดอะไร บ้า...ไม่มีใครใช้ให้ฉันมาทั้งนั้น ปล่อยฉันนะ”
       หญิงมานศรียิ่งตกใจกลัว เพราะคิดว่าทิวโรคจิตกำเริบ พยายามดิ้นให้พ้นจากพันธนาการของเขาจนสำเร็จ วิ่งหนีหลุดไป ทิวรีบตามไป

       หญิงมานศรีวิ่งหนีทิวมาถึงริมน้ำตก แต่ไปต่อไม่ได้ เธอหันมา ทิวย่างสามขุมเข้าหา
       “ถ้านายเทพไม่ได้ใช้ให้เธอมา...แสดงว่าเธอมาเอง คิดถึงรสจูบฉันหรือไง”
       “หยุดนะ! อย่ามาพูดจาดูถูกจาบจ้วงฉัน”
       “พูดให้คอแตกก็ไม่มีทางห้ามฉันได้หรอก คราวที่แล้ว ดันมีมารคอหอย...แต่คราวนี้ เธอไม่รอดแน่”
       หญิงมานศรีถอยหลังหนี ลื่น พลาดตกน้ำ
       “ว้าย!”
       ทิวตกใจ
       “เธอ!”
       หญิงมานศรีลุกขึ้นยืนทรงตัวได้ เปียกปอน
       “ชอบลงน้ำนักหรือไง หรือว่าอยากจะดับไฟสวาทที่ร้อนรุ่มอยู่ข้างใน ใช้น้ำดับ ไม่ได้หรอก มันต้อง...”
       ทิวกระโดดตามลงไปทันที คว้าตัวหญิงสาวมากอด หญิงมานศรีดิ้นรน
       “อย่าทำแบบนี้นะ ปล่อย!”
       “ปล่อยให้โง่เหรอ เนื้อกำลังจะเข้าปากเสือ"
       ทิวจะฟัด จะขยี้ หญิงมานศรีดิ้น
       “ปล่อย อย่าทำฉัน ฉันไปทำอะไรให้นาย นายถึงทำกับฉันแบบนี้ ปล่อย”
       “เธอไม่ได้ทำ...แต่เจ้านายเธอทำ เธอต้องชดใช้แทนมัน อย่าดิ้นสิ ฉันรู้ว่าจริงๆแล้วเธอก็ชอบ”
       หญิงมานศรีหยุดดิ้น มองทิว เชิดหน้าท้าทาย
       “เอาสิ...เอาเลย อยากจะทำอะไรฉัน ทำเลย!”
       ทิวชะงัก อึ้งไปเมื่อเห็นเธอแข็งกร้าว
       “หยุดทำไม!ฉันกำลังจะชดใช้ให้กับคุณเทพ ถ้ามันจะทำให้นายลดอคติ และความเกลียดชังที่มีต่อคุณเทพลงได้ อยากจะทำอะไรฉันก็ทำ!”
       ทิวอึ้ง รู้สึกโกรธจนพูดไม่ออก ที่หญิงมานศรีปกป้องเทพจนยอมให้เขาล่วงเกิน
       “คิดว่ามีราคาพอที่จะชดใช้ได้มากขนาดนั้นเลยเหรอ ต่อให้มีหญิงมานศรี เป็นร้อยคนใส่พานมาตอนนี้ ก็ไม่ทำให้ฉันเลิกเกลียดมัน!”
       ทิวผลักหญิงหญิงมานศรีจนล้มลงไปในน้ำอีก
       “ว้าย!”
       ทิวรีบเดินขึ้นจากน้ำตก เดินลิ่วกลับบ้านพักไป หญิงมานศรีมองตามทิว กึ่งโล่งใจ กึ่งเสียใจที่ต้องมาเจอกับสภาวะถูกรังแก เธออึดอัดใจพยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ ค่อยๆเดินขึ้นฝั่งอย่างยากลำบาก เจ็บตามเนื้อตัวไปหมด เธอประคองตัวเองมาที่รถในสภาพเปียกปอนและหนาวสั่น ทิวแอบมองมาจากในบ้าน เห็นสภาพของหญิงสาวแล้วแอบหวั่นไหว นึกสงสาร แต่ก็รีบดึงความรู้สึกตัวเองกลับมา
       “เชอะ...สั่นเป็นลูกนกตกน้ำ ผู้หญิง มารยาร้อยเล่มเกวียน”
       ทิวเดินหนี ไม่ใส่ใจอีกต่อไป หญิงมานศรีขึ้นรถแล้วขับออกไป

       หญิงมานศรีเข้ามาในห้อง เดินไปที่กระจกเงา เห็นตามเนื้อตัวเป็นรอยฟกช้ำ เธอคิดถึงความกักขฬะของเขา
       “โรคจิต ชอบความรุนแรง...”

หญิงสาวรีบเดินเข้าห้องน้ำไป เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า



ผ่องทิพย์เดินหน้าเหวี่ยงเข้ามากับบุญปลูก เตรียมจะไปเอาเรื่องหญิงมานศรีที่ห้องข้างบน บุญปลูกตามมาติดๆ

       หญิงมานศรีเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ยังรู้สึกหนาว และรู้สึกมึน เวียนหัว เหมือนจะไม่สบาย เสียงเคาะประตูกระหน่ำรัว หญิงสาวตกใจ ก่อนจะเดินไปเปิดประตู ผ่องทิพย์ยืนหน้าบอกบุญไม่รับ
       “เธอไปอ้อนขอรถจากคุณเทพไม่พอ ยังจะขอให้คุณเทพปลูกบ้านให้อีก มันไม่เกินฐานะเลขาขี้ข้าหน้าห้องไปหน่อยหรือไง หา!”
       หญิงมานศรีตกใจ ตั้งตัวไม่ติด
       “เอ่อ...คือ หญิง...”
       บุญปลูกเสริม
       “อุ๊ย...คำก็หญิงอย่างนั้น หญิงอย่างนี้ ฟังแล้วขนลุกหูยังไงไม่รู้นะคะคุณนาย ขา”
       ผ่องทิพย์จิกตามอง
       “เลิกดัดจริตตีหน้าใสชูคอเป็นนางหงส์ทั้งๆที่จริงๆแล้วหล่อนน่ะเป็นปลิงมาเกาะผัวฉัน”
       หญิงมานศรีพยายามอธิบาย
       “ดิฉันไม่ได้ร้องขอสิ่งเหล่านี้จากคุณเทพ”
       บุญปลูกเสนอหน้ามาถาม
       “ต๊าย จะบอกว่าคุณเทพเป็นคนให้เอง...หวังจะรวบเลขามาเป็นภรรยาอีกคนแหงๆค่ะคุณนายขา”
       ผ่องทิพย์หันไปปราม
       “นังบุญปลูก หยุดสาระแนได้แล้ว เงียบ!”
       บุญปลูกจ๋อย หญิงมานศรีตัดบทไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย
       “หญิงต้องการพักผ่อน ไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระ ขอตัวค่ะ”
       หญิงมานศรีจะปิดประตู ผ่องทิพย์รั้งเอาไว้
       “ฉันยังคุยไม่จบ”
       “คุณต้องการอะไรอีก”
       ผ่องทิพย์ลุยเข้าไปในห้องทันที บุญปลูกตามเข้าไปด้วย หญิงมานศรีหน้าตื่น
       “หยุดนะ จะทำอะไร”

       ทิวนั่งไม่เป็นสุข เข้มที่กำลังเตรียมอาหารเย็นให้มองอย่างแปลกใจ
       “นายเป็นอะไร ผุดลุกผุดนั่งตั้งแต่เข้มเอาข้าวมาให้แล้ว เป็นริดสีดวงเหรอ”
       “ทะลึ่ง!”
       “มากินข้าวดีกว่านาย”
       “ฉันยังไม่หิว”
       พวงทองเดินเข้ามา ถือตะกร้าผลไม้มาด้วย ทิวอึ้ง ทำเฉยๆ เดินไปกินข้าวทันที
       “เร็วๆสิวะ ฉันหิว ชักช้า”
       เข้มงงๆ
       “เมื่อกี้ถาม...บอกไม่หิว”
       “เพิ่งจะหิว”
       พวงทองวางตะกร้าผลไม้ลงใกล้ๆ
       “เมื่อเช้าไปทำบุญให้คุณพ่อคุณแม่มา...มีผลไม้แบ่งมาให้ทิวและเข้มด้วย”
       เข้มยิ้มรับ
       “ขอบพระคุณครับ คุณพวงทอง”
       ทิวกระแทกเสียง
       “แกเอาไปกินเหอะ ฉันไม่กิน”
       พวงทองทำเป็นไม่สนใจ
       “เข้ม รู้หรือเปล่าจ๊ะว่าคุณหญิงมานย์เขาไปตกน้ำตกท่าที่ไหนมา เห็นตัวเปียกโชกเข้าไปในบ้าน ท่าทางจะไม่สบายด้วย เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ลงมาทานอาหารเย็น”
       ทิวสำลักข้าว...เข้มงงๆ
       “ไม่ทราบครับ เอ๊ะ...หรือว่า...”
       เข้มหันมองนายของตนเอง ทิวโวยวายทันที
       “ไม่รู้ไม่เห็นเว้ย”
       พวงทองถอนใจ
       “แล้วไปเถอะ อย่าให้เป็นเพราะถูกใครรังแกอีกเลย น่าสงสาร ผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำได้ลงคอ”
       พวงทองเดินกลับออกไป ทิวเป็นกังวลเรื่องหญิงมานศรี เข้มลอบมองนายไม่วางตา...ทิวกินข้าวทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

       บุญปลูกกำลังรื้อเสื้อผ้าของหญิงมานศรีออกมาจากตู้
       “หยุดนะ ฉันบอกให้หยุด!”
       หญิงมานศรีจะเข้าไปห้าม แต่ถูกผ่องทิพย์สกัดเอาไว้ พร้อมออกคำสั่ง
       “เอาออกมาให้หมด นังบุญปลูก กลับกรุงเทพไปเลยนะ ฉันขอไล่แกออก”
       “คุณไม่มีสิทธิ์ ฉันทำงานให้กับคุณเทพ ไม่ใช่คุณ”
       “ต๊าย หน้าด้าน แต่ฉันเป็นเมียคุณเทพ ฉันมีสิทธิ์ นังบุญปลูก เอาไปกองไว้ข้างหน้า ไล่ให้มันออกไป ก่อนคุณเทพจะกลับมา เร็ว!”
       บุญปลูกเข้าไปรื้อข้าวของกระจัดกระจาย ขวัญตาเข้ามาดูที่ประตูห้อง
       “ว้าย ทำอะไรกันน่ะ”
       ผ่องทิพย์หันไปตวาด
       “ไม่ต้องสาระแน!”
       ขวัญตาไม่พอใจผ่องทิพย์ หญิงมานศรีชักโมโห
       “ฉันจะพูดดีๆเป็นครั้งสุดท้ายว่าให้หยุดรื้อข้าวของของฉัน ไม่อย่างนั้น...”
       ขวัญตาเข้าไปจิกหัวผ่องทิพย์
       “นิสัยทรามๆต่ำๆแบบนี้ ไม่ต้องพูดดีด้วยแล้วค่ะ คุณหญิง ขวัญตาช่วย”
       “กรี๊ด นังขวัญตา”
       “มานี่เลย ชอบระรานชาวบ้านเขานัก ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
       ขวัญตาจิกหัวลากผ่องทิพย์ออกไปนอกห้องทันที บุญปลูกตาม
       “คุณขวัญตา ปล่อยคุณนายเดี๋ยวนี้นะ”
       “อยากโดนตบด้วยอีกคนก็ตามมา”
       บุญปลูกไม่อยากโดนตบ หลบอยู่หลังเสาทันที ผ่องทิพย์ดิ้น
       “นังขวัญตา ปล่อยฉัน นังบ้า นังคางคก แกกล้าทำฉันเหรอ”
       ขวัญตาลากผ่องทิพย์ออกไป หญิงมานศรีโล่งอก เพลียใจ พิไลพรหน้าตาตื่นเข้ามา เห็นสภาพห้องแล้วตกใจ
       “คุณหญิง เกิดอะไรขึ้นคะ”
       “พร...”

       หญิงมานศรียิ้มออก เมื่อพิไลพรกลับมา

       ด้านผ่องทิพย์สะบัดจนหลุดจากขวัญตา
       “นังขวัญตา!”
       เทพเข้ามากับพวงทอง ขวัญตาแกล้งทรุดลงร้องไห้ทันที
       “พี่ผ่อง ขวัญตาขอร้องนะคะ อย่าทำอะไรคุณหญิงเลยนะคะ”
       ผ่องทิพย์อึ้ง
       “คุณเทพ...”
       หญิงมานศรีและพิไลพรเข้ามา บุญปลูกแอบๆอยู่ใกล้ๆ เทพมองหน้าผ่องทิพย์สายตากร้าว
       “ผ่องทิพย์ทำอะไรขวัญตา”
       ผ่องทิพย์อึกอัก
       “ผ่อง...”
       ขวัญตาฟ้องทันที
       “พี่ผ่องพยายามจะไล่คุณหญิงออกจากบ้าน ขวัญตาเข้าไปห้ามก็ไม่เชื่อ กลับ ด่าขวัญตาว่าอย่าสะระแน และก็สั่งไม่ให้บอกคุณเทพ”
       “นังขวัญตา! นังงูพิษ”
       ผ่องทิพย์เข้าไปตบขวัญตาหน้าหัน
       “โอ๊ย! คุณเทพขา ช่วยขวัญตาด้วย พี่ผ่องบ้าไปแล้ว หึงจนหน้ามืดตามัว”
       “เออ ฉันหึง มีอะไรมั้ย ผัวฉันทั้งคนฉันก็ต้องแสดงความเป็นเจ้าของก่อนที่จะมีใครแอบมาลักกินขโมยกิน”
       หญิงมานศรีโกรธมาก
       “หญิงขอประกาศไว้ตรงนี้ ว่าคนอย่างหญิงมีศักดิ์ศรี ไม่เคยคิดไปแย่งสามีใคร แต่ถ้ายังไม่เชื่อ หญิงก็ต้องปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง...อยากรู้ว่าหญิงจะปกป้องยังไง ก็ลองดู!”
       หญิงมานศรีแข็งกร้าวใส่จนทุกคนอึ้ง แล้วกลับเข้าห้องไปพร้อมพิไลพร เทพแอบไม่พอใจผ่องทิพย์อย่างมาก ผ่องทิพย์เข้าไปหาเทพ หวังจะอ้อน
       “คุณเทพขา...”
       เทพสะบัดผ่องทิพย์อย่างแรง จนเซ ล้มลงไปกับพื้น พวงทองเข้าไปประคอง
       “ผ่อง...”
       ผ่องทิพย์สะบัด
       “ไม่ต้องมายุ่ง!”

ผ่องทิพย์ลุกขึ้นมาเอง เดินออกไปด้วยความแค้นใจ บุญปลูกตามติด พวงทองถอนหายใจ เบื่อหน่ายเหลือทน
ค่ำนั้น พิไลพรจัดเสื้อผ้าข้าวของเข้าที่เรียบร้อย หญิงมานศรีนอนอยู่บนเตียงยังลืมตาไม่ได้หลับ พิไลพรเดินเข้ามาดูอย่างสงสาร

       “คุณหญิงคะ...พรว่า...”
       “หญิงจะอยู่ที่นี่ต่อไป ถ้าหญิงถอดใจ ก็เหมือนหญิงยอมจำนนกับข้อกล่าวหาของทุกคน”
       พิไลพรถอนใจ
       “คนเราให้เข้มแข็งมากแค่ไหน แต่ถ้าต้องถูกบีบคั้นกดดันทุกวัน...คุณหญิงจะไหวเหรอคะ ไหนจะคุณทิวนั่นอีก คนแถวนี้ รู้จักคำว่าเหตุผลบ้างมั้ยเนี่ย”
       “หญิงจะพยายามคิดว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้...ยิ่งเขาร้ายกับหญิงมากเท่าไหร่ หญิงจะยิ่งคิดว่าเขาไม่มีตัวตนมากขึ้นเท่านั้น”
       พิไลพรมองย่างเห็นใจ หญิงมานศรีค่อยๆล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนเพลีย
       “หญิงง่วงแล้วล่ะพร”
       พิไลพรห่มผ้าให้อย่างเบามือ
       “คุณหญิงของพรเข้มแข็งเสมอ แล้วพรุ่งนี้ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นค่ะ”
       หญิงมานศรียิ้มให้พิไลพร พลางหลับตาลงอย่างช้าๆ พิไลพรปิดไฟ เหลือเพียงโคมไฟหัวเตียงแล้วเดินออกไป หญิงมานศรีลืมตาขึ้นอีกครั้ง น้ำตาคลอหน่วย
       “ท่านพ่อขา...หม่อมแม่ขา...ช่วยมอบพลังและความเข้มแข็งให้หญิงด้วย”

       หม่อมสรัสวดีรีบมารับโทรศัพท์ เมื่อแม่บ้านบอกว่าโทรมาจากไร่ทัดเทพ
       “หม่อมหม่อมสรัสวดีกำลังพูดสายค่ะ”
       ผ่องทิพย์เป็นคนโทรมา พูดกวนอารมณ์ทันที
       “อ้อ...เสด็จกลับวังได้แล้วเหรอคะ หม่อม โทรหาตั้งนานเพิ่งจะเจอตัว”
       หม่อมสรัสวดีไม่พอใจ
       “แม่บ้านฉันบอกว่า...เป็นคนจากทางไร่ทัดเทพโทรมา คิดว่าจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ท่าทางจะไม่ ฉันจะวางสายแค่นี้”
       ผ่องทิพย์รีบพูดอย่างโมโห
       “เรื่องลูกสาวหล่อน ออดอ้อนขอนั่นนี่จากผัวฉันแบบไม่เกรงใจเมียๆที่นั่งหัวโด่กันอยู่ตั้งสามคน ไม่สำคัญได้ยังไง”
       หม่อมสรัสวดีอึ้ง
       “ลูกหญิงฉันไม่เคยเอ่ยปากขออะไรจากใครก่อน”
       “ผัวฉันก็ไม่เคยถวายพานอะไรให้ใคร ถ้าไม่ดัดจริตมารยาจนเขาต้องใจอ่อน”
       “ดิฉันว่าคงมีการเข้าใจอะไรผิดกันแน่ๆ”
       “เสียเวลาคุย! รีบมารับตัวลูกสาวหม่อมกลับไปเลยไป อยากหาสามีให้ลูก ก็ไปหาที่อื่น ไม่ต้องหาแถวนี้ เพราะคุณเทพมีเจ้าของแล้ว”
       ผ่องทิพย์วางสายโครม อย่างสะใจ...สรัสดีโกรธจัด ค่อยๆวางหูโทรศัพท์ลงออย่างแค้นใจมาก

       ผ่องทิพย์สะใจ จะเดินกลับ พวงทองเข้ามา
       “ทำแบบนั้น มันไม่เป็นผลดีกับตัวเองเลยนะผ่อง”
       “ทำอะไร”
       “ก็เห็นอยู่ว่าคุณเทพไม่พอใจที่ผ่องไปไล่คุณหญิง”
       “จะรู้ได้ไง ถ้าพี่พวงไม่บอก”
       “แล้วผ่องไม่คิดบ้างเหรอว่าหม่อมเขาจะบอกคุณเทพเอง เขาเป็นเพื่อนกัน”
       “ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ไม่กลัว คุณเทพจะได้รู้ว่าฉันไม่ยอมจริงๆ! และต้องไล่นังผู้ดีนั่นออกไป”
       พวงทองเอือมกับท่าทีของผ่องทิพย์

       หญิงมานศรีดิ้นไปดิ้นมาเพราะฝันร้าย ภาพในความฝันเห็นทิวยืนอยู่ข้างเตียง หญิงมานศรีตกใจกลัว ถอยหนี
       “เข้ามาได้ยังไง ออกไปนะ”
       “เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก หญิงมานศรี ฉันจะทรมานเธอไปจนตาย”
       ทิวโถมร่างเข้าหา...หญิงมานศรีสะดุ้งดื่น ตกใจ หายใจหอบถี่ ก่อนจะโล่งใจเมื่อพบว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน

       เช้าวันใหม่...พวงทองใส่บาตรพระ โดยมีกลิ่นคอยช่วย ทิวเดินเข้ามา พวงทองเห็น ทิวชะงัก พวงทองพยักหน้าให้ทิวเข้ามาใส่บาตรด้วยกัน...ทิวตัดสินใจเดินเข้าไป รับของจากพวงทองแล้วใส่บาตรให้พระที่เหลือ ทุกคนรับพรจากพระเสร็จ พระเดินไป พวงทองหันไปถามน้องชาย
       “อย่าบอกพี่นะว่าเช้านี้ทิวตั้งใจจะมาใส่บาตรกับพี่”
       “เปล่า”
       “แล้วมีธุระอะไรเหรอ”
       ทิวจะถามถึงหญิงมานศรีแล้วก็เปลี่ยนใจ
       “ไม่มีอะไร”
       ทิวเดินออกไป พวงทองมองตามสงสัย

       หญิงมานศรียังนอนอยู่บนเตียง พิไลพรเดินเข้ามามองอย่างแปลกใจ
       “คุณหญิง สายแล้วนะคะ ยังไม่ตื่นอีกเหรอคะ”
       หญิงมานศรียังนอนนิ่ง พิไลพรเดินไปปลุก แล้วก็สะดุ้ง
       “ตัวร้อนจี๋เลยคุณหญิง”
       “พร...หญิงปวดหัวจัง”
       “คุณหญิงไม่สบายน่ะค่ะ ไข้สูงมากเลย เดี๋ยวพรหายาลดไข้ให้ทานแล้วพาไปหาหมอดีกว่านะคะ”
       พิไลพรรีบเดินออกไป...
       พิไลพรเดินมา มองหาใครที่พอจะช่วยเหลือได้ พวงทองเดินออกมา
       “คุณพวงทองคะ จะรบกวนหน่อยได้มั้ยคะ พรจะพาคุณหญิงไปโรงพยาบาลหาคนช่วยขับรถให้หน่อยได้มั้ยคะ”
       “คุณหญิงไม่สบายเหรอคะ”
       “ค่ะ”
       “ตอนนี้ไม่มีใครเลย คุณเทพก็ออกไปแต่เช้า...” พวงทองคิดออก “รอสักครู่ค่ะ”
       พวงทองเดินไปยกหูโทรศัพท์ โทรหาทิวทันที

       ทิว เดินมามุมหนึ่งของคฤหาสน์กะจะไปดูหญิงมานศรี แต่เปลี่ยนใจ
       “ไม่สบาย คงไม่ถึงตายหรอกมั้ง”
       ทิวก้าวเดินออก ทันใด เสียงมือถือของเขาขึ้น ทิวแปลกใจ รับสาย
       “ฮัลโหล...”
       “ทิว...พี่มีเรื่องอยากให้ทิวช่วย หรือจะพูดให้ถูก มารับผิดชอบ”
       “รับผิดชอบ เรื่องอะไร”
       “คุณหญิงมานย์ไม่สบายมาก ต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!”
       ทิวตกใจ
       “อะไรนะ”

       ทิวขับรถมาส่งหญิงมานศรีที่โรงพยาบาล...พยาบาลเข็นรถนั่งของหญิงมานศรีออกมาจากห้องตรวจ พิไลพรตามมาด้วย พยาบาลเดินออกไป ทิวยืนรออยู่ อยากรู้อาการแต่ทำฟอร์ม หญิงมานศรีไม่มองหน้าเขาเลย
       “เป็นไง ใกล้ตายหรือยัง จะรอดถึงพรุ่งนี้หรือเปล่า”
       หญิงมานศรีมองทิวตาเขียว พิไลพรหันถามทิว
       “คุณทิวคะ...เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ เดี๋ยวพรพาไปตรวจที่แผนกจิตเวช หน่อยดีมั้ย”
       “ผมไม่ได้บ้านะคุณพร”
       “คุณหญิงของพรเป็นคนดีที่สมควรได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติ มีแต่คนบ้า เท่านั้นล่ะค่ะที่มองคุณหญิงเป็นอย่างอื่น”
       หญิงมานศรีหลุดหัวเราะ ทิวสะอึก ไม่พอใจ หญิงมานศรีรีบเก็บอาการ ทำบึ้งตึง
       “แล้วยังไงต่อ ต้องนอนโรงพยาบาลหรือเปล่า”
       “เป็นหวัดปกติธรรมดาน่ะค่ะ แต่แค่ไข้สูงเท่านั้นเอง รับยาแล้วก็กลับบ้านได้”
       ทิวแอบโล่งใจ
       “ทำเป็นอวดเก่ง เกิดชักตายระหว่างทางทำไง”
       พิไลพรเข้าไปชวนทิว
       “ไปค่ะคุณทิว ไปตรวจสแกนสมองซะหน่อย”
       ทิวตัดบท
       “เดี๋ยวไปรับยาให้ รออยู่นี่แหละ”
       ทิวหน้าเข้มเดินออกไป พิไลพรมองตามอย่างไม่ชอบใจ
       “ปากเสียได้อีก หลงคิดว่าเป็นคนดี ฮึ...คนเราดูกันที่หน้าตาอย่างเดียวไม่ได้เลยจริงๆ”
       พยาบาลเดินมาหาพิไลพร
       “พิไลพร คุณหมอเดชถามหาแน่ะ”
       “ได้...คุณหญิงรออยู่นี่แป๊บนะคะ เดี๋ยวพรมา ไม่ต้องห่วงค่ะ พรจะไม่ปล่อยให้ คุณหญิงอยู่กับคุณทิวสองต่อสองเป็นเวลานานๆเด็ดขาด”
       “จ๊ะ”
       พิไลพรออกไป หญิงมานศรีมองไปรอบๆ เห็นผู้คนพลุกพล่าน เธอรู้สึกเวียนหัว พยายามมองหามุมที่ไม่ค่อยมีคน เห็นมุมพักผ่อนอยู่มุมหนึ่ง ใกล้ๆ หญิงสาวค่อยๆลุกเดินไปนั่ง

       หม่อมสรัสวดีลงจากรถ ที่หน้าคฤหาสถ์ มองเข้าไปด้านในด้วยแววตานางเสือที่พร้อมจะล่าเหยื่อ
       เธอเดินเข้าไปในคฤหาสน์ทันที พวงทองกับกลิ่นเดินออกมาต้อนรับ หม่อมสรัสวดีประกาศกร้าว
       “คุณผ่องทิพย์อยู่ไหน!”

ทุกคนรู้สึกหวาดหวั่นในใจ



หม่อมสรัสวดีนั่งดื่มชาอย่างสงบนิ่ง ใจเย็นอยู่ริมสระว่ายน้ำ ผ่องทิพย์เดินเข้ามาอย่างถือดี

       “อยากจะพบฉัน มีอะไรไม่ทราบ”
       “เชิญนั่งสิ”
       “ไม่นั่ง เพราะคิดว่า คุยไม่นาน”
       “ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่แบบนี้ ไม่มีมารยาทนะ สำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุลจริงๆ”
       “สกุลฉันก็แค่ชาวบ้านธรรมดา...ไม่จำเป็นต้องสร้างภาพเหมือนสกุลของพวกเธอ...ปากหวานพูดจาเพราะมารยาทงาม แต่พฤติกรรมต่ำตม”
       หม่อมสรัสวดีหัวเราะร่วน รินน้ำชาร้อนๆลงถ้วยอย่างสบายใจ ถือถ้วยชาลุกขึ้นเดินจิบช้าๆ
       “ถ้าเธอมีดีพอที่จะมัดใจสามีได้ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะมีใครมาแย่งสามีหรอก”
       “ผู้ชายไม่ใช่พระอิฐพระปูน เจอผู้หญิงร่าน เสนอตัวให้ท่าทุกวันแบบนี้ แม่พระที่ไหนก็เอาไม่อยู่หรอก”
       หม่อมสรัสวดีมองเหยียด
       “คงเคยร่านและเสนอตัวแบบนี้มาก่อนสินะ เลยกลัวว่าจะมีคนอื่นมาทำบ้าง”
       “กรี๊ด!”
       ผ่องทิพย์ จะเข้าไปตบ หม่อมสรัสวดีเบี่ยวตัวหลบ ทำให้ผ่องทิพย์พลาด หล่นลงไปในสระว่ายน้ำ หม่อมสรัสวดีมองอย่างสะใจก่อนจะเดินไปใกล้ขอบสระ พูดอย่างเคร่งเครียด จริงจัง
       “สิ่งที่ควรจะอยู่ประดับบนตัวเรือนแหวนที่มีราคาอย่างคุณเทพ คือเพชรเม็ดงามอย่างลูกหญิงของฉัน...ไม่ใช่พลอยหุงอย่างเธอ”
       ผ่องทิพย์แค้นจัด
       “แก...”
       “ใช่...ได้ยินชัดแล้วนะ เตรียมนับถอยหลังถึงวันที่เธอจะถูกเฉดหัวออกไปจากที่นี่ได้เลย”
       เทพเดินเข้ามา
       “เกิดอะไรขึ้นครับหม่อม”
       ผ่องทิพย์จะฟ้อง
       “ก็นังหม่อม...”
       หม่อมสรัสวดีสวนขึ้น
       “ภรรยาของคุณคงจะหึงคุณจนร้อนไปหมดทั้งตัว นอกจากโทรไปด่าลูกหญิงกับดิฉัน แถมขับไล่ไสส่งสารพัดด้วยคำหยาบคายแล้ว...ยังจะทำร้ายดิฉันอีกด้วย”
       เทพชะงักอึ้งโกรธมาก
       “ผ่องทิพย์!”
       หม่อมสรัสวดีเดินเชิดออกไป เทพเดินตามไป ผ่องทิพย์กรี๊ดลั่นอย่างเจ็บใจ

       หญิงมานศรีนั่งพักอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล ทันใดนั้นมีมือมือหนึ่งกระดำกระด่างมาแตะที่ไหล่ หญิงมานศรีสะดุ้งหันไป ชายสูงวัย หลังงุ้ม หน้ามีแผลเป็น ในชุดผู้ป่วยใน ท่าทางป้ำๆเป๋อ ยืนอยู่ข้างหลังคว้าข้อมือหญิงมานย์เอาไว้
       “หนีเร็ว หนี หนีๆๆๆ”
       หญิงมานศรีตกใจมาก เรี่ยวแรงก็แทบจะไม่มี
       “ลุงคะ ปล่อยหนู ช่วยด้วย!”
       ลุงมิตรเข้ามากอด
       “ระวัง หนีสิ บอกให้หนีไป”
       หญิงมานศรีตกใจกลัวมาก
       “กรี๊ด!”
       ทิววิ่งเข้ามาแยกตัวหญิงมานศรีออกมาจากลุงมิตร
       “อย่านะ ปล่อยลุง ปล่อย!”
       หญิงมานศรีโผเข้ากอดทิวอย่างหาที่พึ่ง ชายหนุ่มกอดหญิงสาวกระชับแน่น กันเอาไว้ให้ห่างจากลุงมิตร ลุงมิตรมองหน้าทิวแล้วชะงัก ทิวก็ชะงัก มองหน้าลุงมิตรคุ้นๆ พิไลพรเข้ามากับเจ้าหน้าที่
       “เจอตัวแล้ว จับไว้เร็ว”
       เจ้าหน้าที่ช่วยกันจับลุงมิตรเอาไว้ แล้วพาตัวออกไป หญิงมานศรียังคงซบกับอกของเขา ทิวกอดเอาไว้ ลืมตัวปลอบ
       “ไม่เป็นไรแล้ว เค้าไปแล้ว”
       หญิงมานศรีรู้สึกตัว ผละออกจากอ้อมอกของเขาทันที รู้สึกประดักประเดิด ทิวเองก็รีบตีหน้าขรึม พิไลพรเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง
       “คุณหญิง ตกใจมากมั้ยคะ”
       หญิงมานศรีพยักหน้า
       “คนไข้จิตเวชที่โรงพยาบาลรับเป็นผู้ป่วยอนาถาไว้นานแล้วค่ะ พรต้องดูแลเคสนี้เป็นพิเศษ” พิไลพรหันไปถามทิว “รับยาแล้วใช่มั้ยคะ”
       “รับแล้ว”
       “ฝากคุณหญิงกลับด้วยนะคะคุณทิว”
       หญิงมานศรีรีบกระซิบถามพิไลพร
       “ไหนพรบอกว่าจะไม่ปล่อยให้หญิงอยู่กับนายนี่สองต่อสองไง”
       “มันจำเป็นนี่คะคุณหญิงขา...น่า ครั้งเดียว” พิไลพรหันไปหาทิว “ห้ามโรคจิตใส่คุณหญิงอีกนะคะ ไม่อย่างนั้น พรจะถือว่าคุณเป็นศัตรูโดยถาวร พอกันที”
       ทิวพยักหน้าเซ็งๆ พิไลพรรีบวิ่งออกไป ทิวบ่นลอยๆ
       “ถ้าเป็นไปได้ ไม่อยากยุ่งเลยด้วยซ้ำ”
       หญิงมานศรีฉุนกึก
       “นายก็ไม่มีตัวตนสำหรับฉันเหมือนกัน!”
       “เอ๊า มัวแต่สำบัดสำนวน รีบๆเดินไปเร็ว ฉันต้องไปทำงาน”
       หญิงมานศรีเดินไปอย่างช้าๆ ทิวหันมาเร่ง
       “เร็วๆ อ้อยอิ่งอยู่ได้ ไม่ได้มีเวลาให้เดินทั้งวันหรอกนะ”
       “ฉันไม่สบาย!”
       “แต่ก็ไม่ได้โคม่า อย่ามาทำสำออย”
       “ฉันไม่ได้สำออย”
       “รำคาญ”
       ทิวเดินนำหน้าไป หญิงมานศรีเจ็บใจ จำใจเพิ่มความเร็วเดินตามไป

       ทิวขับรถมาจอดหน้าคฤหาสน์...
       “ถึงแล้วลงไป”
       ทิวไล่ หญิงมานศรีจะลง
       “เป็นผู้ดีซะเปล่า แต่ไม่มีสมบัติผู้ดีเอาซะเลย”
       หญิงมานศรีหันขวับไปมองหน้า
       “อะไรของนายอีก”
       “ขอบใจสักคำน่ะพูดเป็นมั้ย”
       หญิงมานศรีเชิด
       “ทำไมต้องขอบใจ ในเมื่อนายเป็นคนทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้”
       หญิงมานศรีหันเดินออกไป ทิวจะโต้ตอบ แต่หญิงสาวเห็นรถของวังกฤตยาจอดอยู่ก็ดีใจมาก จนลืมป่วย
       “หม่อมแม่ พี่ชาย”
       หญิงมานศรีรีบเดินเข้าไปในคฤหาสถ์ ทิวมองตามอย่างหมั่นไส้ ขับรถออกไปอย่างหงุดหงิด

       หญิงมานศรีวิ่งเข้ามาด้วยความดีใจ หม่อมสรัสวดีและเทพเดินออกมา
       “หม่อมแม่คะ...”
       “ลูกหญิง!”
       หม่อมสรัสวดีเข้าไปกอดลูกสาวอย่างคิดถึง
       “เป็นไงบ้างลูก ไม่สบายมากเลยใช่มั้ย แล้วใครพาไปหาหมอ พิไลพรอยู่ไหน”
       หญิงมานศรีอึกอัก
       “เอ่อ...”
       พวงทองเข้ามา
       “ทิว น้องชายของดิฉันเป็นคนพาคุณหญิงไปโรงพยาบาลค่ะ”
       เทพชะงัก
       “อะไรนะ!”
       “ค่ะ ทิว”
       เทพหน้าเครียดก่อนจะปรับสีหน้าแล้วบอก
       “ทิวเป็นน้องชายของพวงทองและเป็นหุ้นส่วนของที่นี่ด้วยครับ ความจริงคุณหญิงน่าจะบอกผม”
       “ไม่อยากรบกวนค่ะ”
       “พอดีทิวอยู่ใกล้ๆ แล้วก็ไม่มีใครที่พอไว้ใจได้ ฉันเลยให้ทิวเป็นคนดูแลคุณหญิง” พวงทองอธิบาย
       “แต่นายทิว...”
       เทพยังพูดไม่จบ หญิงมานศรีรีบตัดบทไม่อยากพูดถึงทิวให้แม่เป็นห่วง
       “ไม่เป็นไรค่ะ หญิงไปหาหมอเรียบร้อยดีแล้ว”
       “วันนี้พักสักวันนะครับ...ไม่ต้องไปทำงานหรอก”
       “แต่หญิงยังมีงานค้าง...ตอนนี้หญิงก็ไข้ลดแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วค่ะ”
       “อย่าดื้อสิครับ...”
       หม่อมสรัสวดีเห็นด้วยกับเทพ
       “นั่นสิลูก อย่าดื้อ”
       “ค่ะ”
       “เชิญหม่อมพักตามสบายนะครับ ผมเสร็จจากประชุมข้างนอกแล้วจะรีบกลับมา พวงทองดูแลหม่อมกับคุณหญิงด้วยนะ”
       “ค่ะ”
       พวงทองเดินออกไป เทพยิ้มให้หม่อมสรัสวดีและหญิงมานศรี ก่อนจะเดินออกไปหน้าเครียด หม่อมสรัสวดีหันมาจ้องหน้าลูกสาว
       “ดูคุณเทพไม่ไว้ใจนายทิวอะไรนั่น มีเรื่องอะไรหรือเปล่าลูก”
       หญิงมานศรีอ้ำอึ้ง

       ทิวเดินเข้ามาหน้าโรงงาน เข้มวิ่งเข้ามาหา
       “นาย...คุณหญิงเลขาเป็นไงบ้าง”
       “ยังเปรี้ยวใส่ฉันได้อีกนาน”
       “ถามจริง...นายใช่มั้ย ทำคุณหญิงป่วยอ่ะ แล้วทำเป็นขรึม จริงๆก็รู้สึกผิดใช่มั้ยล่ะ เลยพาเขาไปหาหมอเองน่ะ”
       ทิวตัดบท
       “มอเตอร์ไซค์อยู่ไหน จะไปดูไร่”
       “ข้างหลัง”
       ทิวเดินไป เข้มมองตามยิ้มๆ ลูกน้องล้วนสองคนที่ซุ่มดูอยู่ รีบผลุบหายออกไป

       เทพเดินมา ขณะที่ล้วนคุยมือถืออยู่ เห็นเทพเลยถือหูค้างไว้หันมาบอกนาย
       “มันกำลังจะออกไปดูไร่ครับ”
       “เอาให้หยอดน้ำข้าวต้ม จะได้อยู่ห่างๆคุณหญิงของฉัน”
       “ครับนาย”
       เทพเดินออกไป ล้วนสั่งการต่ออย่างรู้กันในหมู่ลูกน้อง
       “เฮ้ย...ระดับสอง!”

ล้วนวางสาย เดินตามเทพไป
//www.manager.co.th/Drama/ViewNews.aspx?NewsID=9550000059562&Page=4



Create Date : 25 พฤษภาคม 2555
Last Update : 25 พฤษภาคม 2555 9:05:22 น. 0 comments
Counter : 270 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

atitaya_t
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สวัสดีค่ะ ขอร่วม gang ด้วยคนค่ะ
Friends' blogs
[Add atitaya_t's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.