วันเดินทาง
วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม 2555 เวลา 07.00 น. นัดพบกับอาจารย์ที่บริเวณชั้น 4 ประตูที่ 10 ของสนามบินสุวรรณภูมิ สายการบินที่เราจะใช้บริการกันในวันนี้ก็คือ China Eastern เที่ยวบินที่ MU724 ที่นั่งที่ 41A ได้ที่นั่งติดหน้าต่าง เครื่องออกจากไทยเวลา 10.05 น. ถึงคุนหมิงเวลา13.10 น. ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมง (อย่าลืมว่าคุนหมิงเวลาไวกว่าไทย 1 ชั่วโมงนะจ้ะ) เดินทางมาถึงสนามบินเวลาประมาณ 06.30 น. กว่าจะหาทางเข้าลานจอดรถเจอก็ต้องวนรถหน้าอาคารผู้โดยสารถึง 3 รอบฤกษ์ดีแต่เช้าเลยวันนี้ -0-" เนื่องจากเรามาถึงก่อนเวลานัดจึงพาพ่อกับแม่ไปนั่งหม่ำข้าวกันที่บริเวณ Food ชั้น 1 พอ 7 โมงนิดๆ ถึงขึ้นมาที่ชั้น 4 ตรงประตูทางเข้าที่ 10 ตอนนี้ก็มีน้องๆบางส่วน รวมทั้งอาจารย์ 2 ท่าน ที่จะไปด้วยรออยู่แล้วรวมๆประมาณ 10 กว่าคน ยังขาดอีกเกือบครึ่ง นี่ขนาดนั้นก่อนเวลาไว้นะเนี่ย วันแรกยังมากันสายซะ กลุ่มสุดท้ายมาถึงสนามบินตอนเกือบจะ 9 โมงอยู่แล้ว เจริญค่ะความรับผิดชอบเต็มเปี่ยม ตอนโหลดกระเป๋าขามาน้ำหนักกระเป๋าอยู่ที่ 20.7 Kg ไม่รู้ว่าขากลับจะเพิ่มมาอีกเท่าไหร่หุหุหุ พอคณะมากันครบก็มีการถ่ายรูปหมู่กัน
จากนั้นก็ไป ตม.เพื่อตรวจพาสปอต เราเข้าไปนั่งรอขึ้นเครื่องประมาณ 30 นาทีก็ได้ขึ้นเครื่องบินสมใจ เครื่องบินที่เราขึ้นเป็นลำไม่ใหญ่มาก มีที่นั่งแนวนอน 2 ฝั่ง ฝั่งละ 3 คน ข้าน้อยไปนั่งกลับเจ้านิว และเจ้าแอน เป็นนักศึกษาการบินชั้นปีที่ 3 จาก ม.ใหญ่ เนื่องจากที่นั่งค่อนข้างแคบ(ทางเดินก็แคบ)เลยมีการสลับที่นั่งกันขึ้น ให้เจ้านิวไปนั่งติดหน้าต่างแทนเจ้าแอนนั่งกลาง ตัวข้าน้อยนั่งริมทางเดิน การขึ้นเครื่องครั้งนี้เป็นการบินครั้งแรกของตัวเอง ขอบอกว่าลุ้นระทึก น่าหวาดเสียวมากกก ขนาดเครื่องเล่นในสวนสนุกยังไม่กล้าที่จะเล่น อาเมน...กว่าเครื่องจะนิ่งได้เล่นเอาหัวใจแทบวาย ไม่รู้ว่าเครื่องบินลำอื่นจะเป็นเหมือนลำนี้ไหม ขอบอกว่าเครื่องมันสั่นมาก มือชื้นเหงื่อไปหมด ของที่กินเข้าไปเมื่อเช้าเหมือนมันจะอยากออกมาทางเก่ายังไงก็ไม่รู้สิเหอะๆ มันลุ้นเกิ๊นนนน พอเครื่องนิ่งจิตใจก็เริ่มจะสงบลง ถึงเริ่มพูดคุยกับน้องที่นั่งข้างๆบ้าง แหมแต่พอเครื่องมันเลี้ยวนี่ดิ ทำเอาใจหายใจคว่ำอีก คิดดีแล้วที่ไม่นั่งติดริมหน้าต่าง ไม่งั้นคงแย่กว่านี้แน่ๆเพราะไม่ค่อยชินกับความสูงเท่าไหร่นัก พอสักพักแอร์เริ่มเดินมาเสริฟน้ำ เราก็หม่ำแต่น้ำเปล่าอย่างเดียว เพราะรู้สภาพตัวเองดีว่ากระเพาะไม่ค่อยปรกติเหมือนคนอื่นเท่าใดนัก จากนั้นคุณแอร์ที่เคารพก็มาเสริฟอาหารโดยพูดเป็นภาษาจีน โอ้วแม่เจ้า ฟังออกคำเดียวจูโร่ว =หมู เลยสั่งอันนี้แหละ แต่สงสัยสำเหนียงเราเพี้ยนแอร์เลยถามย้ำเป็นภาษาอังกฤษอีก ว่า Pork? ขอบอกว่าตอนคุณแอร์เธอถามย้ำเนี่ยเธอทำลอยหน้าซังกะตายมาก ประหนึ่งเหมือนโดนขู่บังคับให้มาขึ้นบินยังไงยังงั้นแถมยังไอรดศรีษะผู้โดยสารตลอดเวลา ปรากฎว่าอาหารที่เราได้มานั้นตอนแรกเข้าใจเต็มที่เลยว่าคือสปาเก็ตตี้ ราดซอสอะไรสักอย่างที่ใส่หมูด้วย พอตอนหลังมาคุยกับน้องๆถึงรู้ว่าจริงๆแล้วมันคือบะหมี่มันก็อร่อยดีเหมือนกันนะ นั่งกันสักพักก็ถึงเวลาลุ้นระทึกกันอีกรอบ นั่นคือเวลาเครื่องลง แหมถึงจะรู้สึกไม่แย่เท่าตอนเครื่องขึ้นแต่คะแนนความแย่ก็แตกต่างกันไม่มาก ไม่รู้เราคิดไปเองหรือเปล่านะมีความรู้สึกเหมือนเครื่องปรับระดับการลงเป็นทอดๆ เดี๋ยววืบเดี๋ยววืบ แต่ล้อแตะพื้นเบากว่าที่คาดไว้ ถ้าให้เลือกความรู้สึกระหว่างเครื่องขึ้นกับเครื่องลง >>> ขอเลือกความรู้สึกตอนเครื่องลงอย่างไม่ลังเล ก่อนเครื่องจะถึงคุนหมิง เราได้เข้าห้องน้ำบนเครื่องเรียบร้อยแล้ว เพราะได้ยินชื่อเสียงห้องน้ำที่คุนหมิงมาพอสมควรว่ามีสภาพไม่ค่อยน่าเข้าเท่าไหร่ พอลงเครื่อง สายลมเย็นเย็นๆปะทะเข้าหน้าทำให้รู้สึกดีไม่น้อย เป็นสภาพอากาศที่เย็นสบายไม่ถึงกับหนาวถือเป็นความประทับใจแรกที่มาถึงคุนหมิง ก็มาขึ้นรถของทางสนามบิน ขอบอกว่าอัดกันเป็นปลากระป๋องเลยค่ะ จากนั้นก็มาเข้าด่านตม. ของจีน ขอบอกว่าคุณตำรวจยืนเป๊ะมากเราก็ผ่านมาได้อย่างไม่มีปัญหา แต่พี่ต้อมมีปัญหานิดหน่อย สงสัยเป็นเพราะชื่อติดยศทหารอยู่มั้ง ผ่านจาก ตม.เราก็มารอรับกระเป๋า พระเจ้าช่วยกระเป๋าตรูขาเดี้ยงไป 1 ข้าง ตั้งกับพื้นไม่ได้ ต้องวางพิงอย่างเดียว ดีนะที่ล้อไม่เจ๊งไปด้วย ไม่งั้นตรูแขนลากแน่ๆ ทำไมเขาต้องทำรุนแรงกับกระเป๋าหนูด้วยง่ะ กระซิกๆ ทางมหาวิทลัยยูนนานได้ส่งรถบัสมารับเราที่สนามบินพร้อมกับอาจารย์ 2 ท่าน ปรากฎว่ากระเป๋าที่แต่ละคนขนมานั้นวางด้านล่างของรถบัสไม่หมดค่ะ ต้องขนกระเป๋าบางส่วนขึ้นไปบนรถด้วย ทำให้มีนักศึกษาบางส่วนขอย้ำว่าบางส่วนจริงๆ เลือกที่จะนั่งแท็กซี่ไป เราเดินทางด้วยรถบัสกันประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงโรงแรมYundaHotel เป็นโรงแรมของทางมหาวิทยาลัยที่ไว้ให้นักศึกษาต่างชาติพัก เราต้องลงรถก่อนที่จะถึงโรงแรมเล็กน้อยเพราะรถบัสเข้ามาในถนนนี้ยากมาก มันเป็นถนนเส้นไม่กว้างมากนัก แต่ 2 ข้างทางก็มีรถจอดเรียงรายกันเต็มไปหมด มารยาทการขับรถของคนที่นี่เรียกได้ว่าหาคำว่าน้ำใจได้ยากมาก อยากจอดให้คนขึ้นลงตรงไหนก็จอดเลยไม่พอใจอะไรก็บีบแตร ถ้าวันไหนที่เราไม่ได้ยินเสียงแตรรถถือว่าแปลกเลยล่ะ เราลากกระเป๋ากันมาจากจุดที่รถปล่อยเราลงรถประมาณไม่กี่ร้อยเมตร เราก็มาถึงที่พัก ที่พักค่อนข้างจากสะดวกสบายมาก มีแอร์ น้ำอุ่นอ่างอาบน้ำ ทีวี internet โต๊ะหนังสือพร้อมโคมไฟ ตู้แบบ Builtin นอนห้องละ 3 คน แต่ที่ห้องนอนแค่2 คน เพราะเป็นเศษเกินของกลุ่ม ^0^" อาจารย์หวังนัดเจอกันที่ลอบบี้ตอน5 โมงเย็น ช่วงว่างเราเลยเปลี่ยนเสื้อผ้ากับจัดของเข้าตู้กัน แต่จัดได้ไม่ทั้งหมดเพราะยังขาดไม้แขวนเสื้ออยู่ พอถึงเวลานัดอ.หวัง กับ อ.นา และเหล่าซืออีก 2 ท่าน ก็มาพาพวกเราไปหม่ำอาหารเย็น อาหารแนะนำในวันนี้คือ"ก๋วยเตี๋ยวข้ามสะพาน" ร้านเก่าแก่ของย่านนี้ เราเดินทางโดยวิธีการเดินค่ะ ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในหมู่ชาวจีน ใครว่าชาวจีนชอบปั่นจักรยานข้าน้อยขอเถียงเลย ณ ตอนนี้เขาใช้จักรยานไฟฟ้าเสียงเงียบกริบกันแล้วขับทีไม่ได้ยินเสียงเครื่องกันหรอก และที่สำคัญรถยนต์เยอะมาก รถยุโรปก็มี มาสด้า 6 ก็มีนะ เท่ห์ซะไม่มี พอไปถึงที่ร้านก็ขึ้นไปที่ชั้น2 บรรยากาศนี่ โรงเตี๊ยมหนังจีนกำลังภายในชัดๆ น้องที่ไปด้วยก็ถามหาสะพานกันใหญ่ เข้าใจว่าต้องข้ามสะพานไปกินกัน จริงๆแล้วเขามีตำนานเล่ากันมาถึงที่มาของชื่อ"ก๋วยเตี๋ยวข้ามสะพาน" ใครอยากรู้ก็ลองถามพี่Googleดูนะคะ หน้าตาของก๋วยเตี๋ยวก็เป็นอยางที่เห็น ขอบอกว่าน้ำซุปร้อนมาก น้ำซุปมีกลิ่นเฉพาะตัวที่ได้กลิ่นแล้วรู้เลยว่าต้องเลี่ยนชัวร์ เครื่องที่จะใส่ในน้ำซุปนั้นเขาแยกมาก็จะมี >>> ไข่นกกระทาผักดอง ไก่ ผักลวก หมูกรอบชิ้นเล็กๆ เส้นบะหมี่และสิ่งที่ไม่รู้จักอีก 2-3 อย่าง เราต้องเททุกอย่างลงในน้ำซุปค่ะ รสชาติก็เลี่ยนหน่อยๆ จริงๆชามนี้ถ้าลดความเลี่ยนกับกลิ่นของน้ำซุปลงอีกนิดจะอร่อยมากๆ เมื่ออิ่มหนำสำราญกันดีแล้วเราก็พากันเดินกลับที่พัก ก่อนจะเข้าโรงแรมก็แวะซื้อไก่ทอดคล้ายๆ KFCบ้านเรามากันคนละชุดกับพี่ต้อม ชุดละ 12 หยวน จะได้ ไก่ป๊อบ แฮมเบอเกอ น้ำอัดลมที่แสนจะจืดชืดอีก 1 ขวด หม่ำไก่ตบท้ายก่อนแยกย้ายกันพักผ่อน เป็นอันจบกิจกรรมอันแสนจะยาวนานในวันแรกของการมาถึงที่นี่
Create Date : 20 พฤษภาคม 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 13 สิงหาคม 2555 10:24:58 น. |
Counter : 840 Pageviews. |
|
|
|