Group Blog
All Blog
|
บูรณะฟัน#2 (ทันตะจุฬา 5) ขอย้อนหลังค่ะ (11 ส.ค. 2553) วันนี้หมอบูรณะฟันนัดไปตรวจอย่างละเอียดอีกรอบ พร้อมกับที่คุณหมอจะพาไปคุยกับอ.หมอจัดฟันด้วยค่ะ ปรากฏว่าไปถึง คุณหมอก็พาตระเวณเลย เจออ.หมอที่ดูแลบูรณะฟันก่อน หลังจากนั้นก็ไปหา อ.หมอจัดฟัน(อ.ผู้หญิง) ตรงนี้สิที่ทำให้ช็อค เพราะคุณหมอจัดฟันตรวจ ๆ แล้วก็พูดเหมือนหมอคนอื่นว่าทำไมไม่ไปหาหมอฟันตั้งแต่เด็ก ๆ ปล่อยให้ฟันแย่ได้ขนาดนี้ บลา ๆ ๆ พอเราบอกว่าตอนเด็กกลัวค่ะ "แล้วตอนนี้ไม่กลัวแล้วเหรอ" อึ้งคับอึ้ง กลัวดิ กลัวจะตายแล้ว แต่ต้องพยายามฝืนมาไง กลัวไม่มีฟันเคี้ยวข้าวก่อนจะแก่!! อ. หมอก็ยังย้ำเรื่องเดิมอีก(เสียงดุด้วย) อ๊ากก อยากจะถามหมอว่า มันย้อนเวลาไม่ได้แล้วเฟ้ย จะว่าเรื่องที่ผ่านมาแล้วให้มันได้อะไรเนี้ย!? แถมหลังจากบลา ๆ ๆ กันจบไปแล้ว อ.หมอก็บอกว่าถ้าจะจัดฟันที่นี่ก็ต้องผ่ากราม!! เปรี้ยง!! รู้สึกเหมือนฟ้าผ่า ช็อคไปเลย แถมโดนขู่ต่อ ผ่ากราม(ขากรรไกร)เนี้ยเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ ยิ่งกว่าผ่าตัดคลอดอีกนะ ต้องวางยาสลบไปเลย แล้วค่าใช้จ่ายก็สูง เนี้ยกว่าจะบูรณะฟันเสร็จก็น่าจะหลายแสนอยู่ แล้วยังจะต้ิองผ่าตัดรวมกับจัดฟัน ก็น่าจะสักครึ่งล้านได้นะ เปรี้ยง!! (รอบสอง) แถมตอนนี้คิวจัดฟันของเราไม่ใช่แค่ 3 ปีนะ 10 ปีแล้วรึยังไม่รู้กว่าจะได้คิว เปรี้ยง!! (รอบสาม) เลยก็แอบถาม อ.หมอด้วยเสียงอ่อย ๆ "กรณีนี้ไม่ผ่าไม่ได้เลยเหรอคะ" "ต้องเข้าใจนะ ที่นี่เป็นสถานศึกษา ถ้าฟันมาแบบนี้ก็ต้องทำทฤษฎี ก็คือต้องผ่า!!" แล้วคุณหมอพาร่างไร้วิญญาณของเรามานั่งพักที่ห้องคุณหมอก่อน (รอคุยกับ อ.หมอบูรณะอีกรอบ) นั่งช็อคเอ๋อไปเลย เครียดมาก ทั้งต้องเจ็บตัวแถมเสียตังค์เยอะด้วย ตอนนี้ก็ไม่มีรายได้ จะไหวมั้ย เงินเก็บหมดกันพอดี แล้วกว่าจะได้คิว กว่าจะทำเสร็จไม่ปาไป 40 กว่าเหรอ คิดไปคิดมา หรือจะบอกหมอ ไม่ทำแล้วค่ะ เอาเท่าที่คุณหมอจะทำได้แล้วกัน ไม่จัดมันแล้ว ดีมั้ยนะ (น้ำตาคลอ กว่าจะทำใจมาหาหมอได้ เจอแบบนี้ก็...) สักพักหมอกับอ.หมอ ก็เข้ามาคุยด้วย พยายามเกลี้ยกล่อมว่า จัดเถอะ ผ่าก็ผ่า เพื่อตัวเราเอง เงินก็ไม่ได้จ่ายก้อนเดียวหรอก ก็ค่อย ๆ ทยอยจ่าย กว่าจะได้คิวผ่า ก็เก็บตังค์ได้เยอะอยู่นะ (อ.หมอกับคุณหมอ พูดด้วยแบบดีมากก) แล้วคุณหมอก็พาเราไปหาอ.หมอที่ดูแลการใส่ฟันปลอมชั่วคราว(เื่พื่อยกฟันขึ้นให้ห่างมากขึ้น จะได้ทำการบูรณะฟันได้ - เนื่องจากฟันเราผุไปนาน ฝันซี่ที่ดีเลยงอกยาวล้ำกันไปมา ทำให้ไม่เหลือที่ในต่อเติมฟัน) ระหว่างนั่งรอ คุณหมอก็พยายามเล่าให้ฟังเรื่องผ่าตัด เพราะคุณหมอก็เคยเห็นคนไข้หลายราย ผ่าแล้วก็ดีขึ้นทุกราย อาจจะลำบากตอนแรกแต่ในระยะยาวก็ดีหมด พอได้เจอ อ.หมอใส่ฟันปลอม(อ.ผู้ชาย) ก็ตรวจ ๆ ดู ๆ แล้วก็บอกว่า "ลักษณะแบบนี้ไม่ต้องใส่ฟันปลอมหรอก เห็นมั้ยที่ฟันเค้าสบกันผิดปกติ มันไม่ได้ผิดปกติที่กราม แต่เป็นที่นิสัยการเคี้ยวอาหารของเค้าเอง เนี้ยให้แก้วิธีสบฟันเป็นแบบนี้" จับคางเราโยกไปโยกมา จนกัดฟันอีกแบบ "เนี้ย เห็นมั้ย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใส่ฟันปลอมก็ได้ เหลือเนื้อที่ให้ใส่ฟัน(บูรณะ)อีกตั้งเยอะ" โห... อ.หมอเหมือนสวรรค์มาโปรดเลยอ่ะ ร่าเริงขึ้นในพริบตา แถมอ.หมอคนนี้ก็พยายามชวนคุยให้ตลก ๆ ไป ไม่เครียด ๆ อ.หมอแอบแถมท้าย "กรณีนี้ไม่ผ่าก็สวยได้ แต่ถ้าผ่าจะสวยขึ้นมากๆ" "หลังจากที่เธอทำบูรณะให้คนไข้เสร็จเนี้ย จะเปลี่ยนชีวิตของคนไข้ไปเลยนะ" แล้วคุณหมอเลยแอบถามติดตลกว่า "จะให้ส่งไปประกวดนางงามเลยมั้ยคะ" สรุปก็กลับไปห้องคุณหมอกันอีกรอบ พิมพ์ฟันกันอีกรอบ(กัดฟันแบบที่อ.หมอแนะนำ) แล้วก็กลับ รอคุณหมอนัดอีกที จากคราวที่แล้วรวมกับคราวนี้ ทำให้รู้สึกว่า ทำไมอ.หมอทันตะที่เป็นผู้หญิงมักจะดุ แต่อ.หมอที่เป็นผู้ชายมักจะใจดีกันนะ ใจดีเฮฮา แถมติดตลกอีกตั้งหาก
โอ้..ดีจังคะ ที่ไม่ต้องโดนผ่าขนาดอ่านยังกลัวเลยคะ (เปรี้ยง)
โดย: นายยีราฟน้อย วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:13:45:53 น.
|
TinyPieces
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] ชื่อติ๊ก อายุ 32 ค่ะ เป็นโปรแกรมเมอร์ ที่พยายามจะทำ Tiny Friends(แบรนด์ตุ๊กตาถักของตัวเอง), ลดน้ำหนัก กับรักษาฟันอยู่ค่ะ คิดว่าอะไร ๆ ก็ต้องดีขึ้นแน่นอน สู้!! งานถักที่เห็นอยู่ รับทำตามออเดอร์นะคะ ใครสนใจคุยกันได้ค่ะ tiny.friends@hotmail.com หรือกด like fanpage ได้ที่ Link |
แต่ๆไม่เป็นไร ไงก็ต้องมีทางออกที่ดีที่เราพอใจที่สุดล่ะ
เป็นกำลังใจให้น้องติ๊กจ้า
ผ่านโลดว่างั้น