การปฏิบัติธรรม ของ ในหลวง
[ Main : หน้าหลัก เทิดพระเกียรติ ]
การปฏิบัติธรรม ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พลตำรวจเอกวสิษฐ์ เดชกุญชร อดีตนายตำรวจประจำราชสำนัก ได้เล่าให้ฟังว่า เวลามีโอกาสเข้าเฝ้าละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงรับสั่งเรื่องสมาธิกับพวกท่านเสมอ และเวลามีโอกาสก็จะพระราชทานคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกครั้ง ซึ่งท่านก็ยังจำได้และนำวิธีฝึกสมาธิของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาฝึกปฏิบัติอยู่อย่างสม่ำเสมอ
พระราชจริยาวัตร ในการปฏิบัติ สมาธิภาวนา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากจะทรงปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังทรงให้ความสนใจศึกษาตลอดเวลา จะเห็นว่าเวลาเสด็จพระราชดำเนินไปไหนก็ตาม มักจะเสด็จเข้าไปในวัด ไปรับสั่งกับพระผู้ใหญ่เป็นเวลานาน ๆ อย่างเช่นกับ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลางเพล ในสมัยที่ หลวงปู่ ทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ อย่างนี้เป็นต้น เป็นเรื่องที่ทรงศึกษาทั้งสิ้น
การศึกษาสมาธิของพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงศึกษาอย่างละเอียดลออจริง ๆ เท่าที่ท่านจำได้ในสมัยโน้น พระผู้ใหญ่ที่พระเจ้าอยู่หัวทรงศึกษา พระองค์จะทรงนิมนต์ให้เข้าไปในวัง ที่เรียกว่า ถวายกรรมฐาน นอกจากที่รู้ ๆ กันอยู่ ก็มีท่าน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมญาณ) พระอาจารย์วัน อุตตโม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เป็นต้น
คำสอนคำถวายกรรมฐานของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย พระองค์จะทรงบันทึกเทปไว้ ถ้าคำเทศน์คำสอนใดที่ทรงเห็นว่ามีประโยชน์สำหรับผู้ที่หัดใหม่ทั้งหลาย พระองค์ท่านมักจะพระราชทานมาให้ ซึ่งข้าราชการบริพารที่ใกล้ชิด มักจะได้รับพระราชทานเทปจากในหลวงเสมอ ท่านจำได้ว่า ที่ได้รับพระราชทานมา ก็มีของ สมเด็จพระสังฆราช ของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เป็นต้น และก็ในทำนองเดียวกัน เวลาพวก พล.ต.อ.วสิษฐ์ฯไปไหนก็มักจะหิ้วเทปไปด้วย ได้พบพระอาจารย์องค์ไหนก็ตาม ต้องขอธรรมะจากท่าน เมื่อท่านสอนก็บันทึกเอาไว้ แล้วก็มาคัดกันดูว่า ม้วนไหน องค์ใดควรถวายพล.ต.อ.วสิษฐ์ฯก็จัดถวาย พล.ต.อ.วสิษฐ์ฯยังจำได้ในสมัยนั้น ท่านอาจารย์ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง ยังไม่อาพาธ ครั้งหนึ่งพล.ต.อ.วสิษฐ์ฯ เดินทางกลับจากภูพานลงมาทางอุบลฯ ได้แวะไปกราบท่านพระอาจารย์ชาฯ แล้วก็ได้เทปท่านมา ยาวถึง 4045 นาที เป็นคำเทศน์โดยตรงที่ท่านให้โดยตรงมา เมื่อได้เทปของ พระอาจารย์ชา มาแล้วได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระเจ้าอยู่หัว ทรงฟังแล้วรับสั่งว่าเป็นเทปม้วนที่ดีที่สุดม้วนหนึ่ง เป็นต้น
เรื่องราวดังกล่าวนั้นเป็นตัวอย่างที่พอชี้ให้เห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัยและทรงศึกษา และปฏิบัติธรรมอยู่ตลอดเวลา
พล.ต.อ.วสิษฐ์ เดชกุญชร ได้เล่าต่อไปว่า นอกจากเรื่องที่ทรงศึกษาแล้ว ก็เป็นเรื่องของการปฏิบัติที่ทรงนำสมาธิเข้ามามีส่วนในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เพราะเท่าที่สังเกตเห็น พล.ต.อ.วสิษฐ์ฯเล่าว่า พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงศึกษาสมาธิอย่างเดียว แต่ได้ทรงนำ สมาธิมา ใช้ในพระราชกรณียกิจประจำวันด้วย ในเรื่องนี้จะสังเกตเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม ที่โดยปกติแล้วอย่างพวกเรา ๆ ท่าน ๆ ไม่น่าจะทำได้ แต่พระองค์ทรงทำได้ อย่างที่ต้องประทับในที่นั่งเป็นเวลานาน ๆ ติดต่อกันถึง 23 ชั่วโมง จะทรงปฏิบัติได้อย่างไม่น่าเชื่อ คือไม่ทรงมีอาการเหนื่อยหรือง่วงเลยแม้แต่น้อย
ตลอดเวลาที่พลตำรวจเอกวสิษฐ์ เดชกุญชร รับใช้เบื้องยุคลบาทอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 11 ปี 11 เดือน ท่านเล่าว่าไม่เคยเห็นเลยว่า เวลาเสด็จพระราชดำเนินที่ใดแล้วจะทรงแสดงอาการเหนื่อยจนถึงขนาดนั่งหลับ ไม่มีแม้จะเป็นการทรงงานทั้งวันก็ตาม ดังเรื่องที่จำได้และจะเล่าให้ฟัง ดังต่อไปนี้
คงจะทราบกันอยู่แล้วว่า เวลาเสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์เพื่อเยี่ยมเยือนประชาชน พระเจ้าอยู่หัวโปรดทรงขับรถยนต์ด้วยพระองค์เอง ท่านเคยได้ตามเสด็จทั้งในและนอกรถพระที่นั่งมาหลายครั้ง เป็นระยะทางทั้งไกลและใกล้ ถนนเรียบบ้าง ขรุขระบ้าง ลุ่มดอนบ้าง ตามสภาพภูมิประเทศ บางครั้งแม้เสด็จถึงที่หมายแล้วทรงจอดรถพระที่นั่ง และเสด็จฯ ลงไปประกอบพระราชกรณียกิจด้วยความตรากตรำพระวรกาย เช่น พระราชดำเนินเป็นระยะทางไกล และเป็นเวลาหลายชั่วโมง ขากลับนึกว่าจะทรงพักผ่อนพระวรกาย และให้นายสารถีทำหน้าที่ขับรถพระที่นั่งถวาย ก็เปล่ากลับทรงขับด้วยพระองค์เองอีกโดยไม่ทรงแสดงพระอาการเหนื่อยหรือง่วง เจ้าหน้าที่ผู้ตามเสด็จนั้น พอกลับขึ้นไปบนรถ ก็ต้องผลัดกันหลับไปในรถเพราะความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางไกล
หลายปีมาแล้ว ตามเสด็จไปบ้านแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ บ้านแม่สานั้น เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็รู้จักเพราะได้กลายเป็น แม่สาแวลเล่ย์ มีถนนชั้นหนึ่ง เชื่อมกับโลกภายนอก และมีอาคารบ้านเรือน ตลอดจนรีสอร์ท หรือที่พักตากอากาศอันทันสมัยโผล่ขึ้นมามากมาย แต่แม่สาในสมัยที่พล.ต.อ.วสิษฐ์ฯตามเสด็จไปเมื่อ 20 ปี ก่อนโน้น เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา เวลาเสด็จๆ โดย เฮลิคอปเตอร์ ไปลงตรงที่เขาเตรียมไว้ แล้วทรงพระราชดำเนินเดินเท้าไปยังหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ไหล่เขาลูกถัดไปอีก
เมื่อก่อนนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดการบริหารพระวรกายด้วยการวิ่ง ถ้าเป็นที่ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ก็ทรงวิ่งใน ศาลาดุสิดาลัย ครั้งหนึ่ง ๆ เป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร เมื่อยังปฏิบัติหน้าที่นายตำรวจประจำราชสำนักอยู่นั้น พลตำรวจวสิษฐ์ เดชกุญชร เคยตามเสด็จฯ เป็นประจำ เวลาวิ่งสังเกตเห็นทุกครั้งที่ตามเสด็จฯ ว่าพระองค์ทรงก้าวยาวและพระองค์ปล่อยพระอัสสาสะและพระปัสสาสะ (หายใจเข้าออก) สม่ำเสมอ ในขณะที่พล.ต.อ.วสิษฐ์ฯตามเสด็จฯ ต้องซอยเท้าถี่ยิบ เพื่อให้ทันและหอบกันอย่างไม่อับอาย
พระราชสมาธิของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ท่านเชื่อว่าเป็นเหตุให้ประกอบพระราชกรณียกิจทุกครั้งสำเร็จลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อยสมพระราชประสงค์ และสมความต้องการของทุกฝ่าย แต่ที่ท่านเห็นว่าสำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ เวลามีอุปสรรคขัดข้องในพระราชกรณียกิจไม่ว่าครั้งใด ๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ทรงหวั่นไหวหรือสะดุ้งสะเทือน ทรงดำรงพระสติมั่น และพระราชทานคำแนะนำให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องมีกำลังใจและสามารถปัดเป่าอุปสรรคข้อขัดข้องเหล่านั้นได้ดีที่สุด หรือถ้าหากเหลือวิสัยที่จะแก้ไขได้ ก็ไม่ทรงกริ้ว หรือทรงแสดงความไม่พอพระราชหฤทัย แต่กลับทรงแสดงให้ผู้อื่นเห็น และเข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจเกิดขึ้นได้ ทำให้ทุกคนโล่งใจ และมีกำลังใจที่จะอุทิศกำลังกายและกำลังใจถวายต่อไปอีก
การฝึกสมาธิของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น มิได้ทรงปฏิบัติแต่พระองค์เดียว หากยังทรงพระกรุณาพระราชทานคำแนะนำให้ผู้อื่นอย่างถ้วนหน้า ข้าราชสำนัก(รวมทั้งตัวพลตำรวจวสิษฐ์ เดชกุญชรด้วย) ได้รับพระราชทานทั้งหนังสือและเทปคำสอนของครูอาจารย์ที่ทรงเองแล้ว และทรงเห็นว่าแยบคายหรือาจมีประโยชน์อยู่เสมอ เมื่อทรงมีโอกาสก็ทรงพระกรุณาพระราชทานดำริเกี่ยวกับสมาธิให้ข้าราชบริพารฟังเป็นครั้งคราว ทำให้ข้าราชบริพาร นายทหารและนายตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ได้เริ่มฝึกสมาธิตั้งแต่เข้าไปรับหน้าที่นายตำรวจประจำราชสำนัก และยังฝึกติดต่อกันเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ผลของพระมหากรุณาธิคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำให้พระราชฐานที่ประทับ กลายเป็นสำนักวิปัสสนากลาย ๆ การแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับ สมาธิ หรือ กรรมฐาน เป็นปรากฏการณ์ธรรมดาของข้าราชบริพารผู้ใฝ่ธรรม
เวลาเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับต่างจังหวัด งานอดิเรกอย่างหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ผู้ตามเสด็จฯ ทั้งฝ่ายพลเรือนและทหารชอบทำก็คือ เร่ร่อนไปตาม วัด หรือ สำนักสงฆ์ ต่าง ๆ เพื่อแสวงหาความรู้เกี่ยวกับสมาธิจาก พระภิกษุสงฆ์ ในฝ่าย วิปัสสนาธุระ เมื่อการฝึกสมาธิได้กระทำโดยสม่ำเสมอเช่นนั้น ผลกระทบโดยตรงที่เกิดขึ้นแก่ผู้ปฏิบัติก็คือ มีสติมั่นคง สามารถนำเอาสมาธิไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันและการงาน สามารถเผชิญกับอุปสรรคปัญหาข้อขัดข้อง ได้อย่างสุขุมเยือกเย็น ไม่ตีโพยตีพายหรือเสียสติ
พระราชสมาธิในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงไม่เพียงแต่จะทำให้พระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติลุล่วงไปอย่างเรียบร้อยเท่านั้น แต่อานิสงส์ ทำให้มีผู้ตามเสด็จฯ และทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของคนเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือธุรกิจอื่นใดสำเร็จลุล่วงไปอย่างเรียบร้อยเช่นเดียวกันด้วย ขนาดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นผู้เหนือหัวสูงสุดของพวกเราชาวไทย พระองค์ยังทรงสนใจในการปฏิบัติธรรม การฝึกอบรมพัฒนาจิตใจด้วยการ ปฏิบัติธรรม จึงนับเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ไม่ควรเพิกเฉยละเลย ธนาคารฯให้โอกาสแก่พนักงาน และบุคคลในครอบครัวอย่างเต็มที่เช่นนี้แล้ว หากเราไม่รับโอกาสที่ดีในชีวิตโดยเร็ว หากหมดโอกาส เพราะหากเราหายใจเข้า แล้วไม่หายใจออก เราก็จะไปไม่กลับ หลับไม่ตื่นฟื้นไม่มี และสูญสิ้นโอกาสที่ดีในชาตินี้อย่างน่าเสียดาย
สารชมรมศาสนาและการกุศล เรื่องที่ 39 การปฏิบัติธรรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
[ Main : หน้าหลัก เทิดพระเกียรติ ]
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2550 |
|
6 comments |
Last Update : 27 ธันวาคม 2550 23:41:17 น. |
Counter : 59508 Pageviews. |
|
|
|
ในหลวงทรงเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนไทยในหลายๆด้าน หลายๆครั้งที่ได้อ่านเรื่องของท่าน ได้เตือนสติ เตือนใจตัวเอง ให้ตามอย่างท่านในการปฏิบัติดี
รักในหลวงจริงๆค่ะ