ทุ่งดอกบัวตองก็สวย...แมคคาเดเมียก็หวานมัน




ดอกบัวตองจ๋า ดอกเหลืองๆบานเต็มยอดดอย


ไปดูมาครั้งนี้เป็นครั้งที่2ละค่ะ ครั้งแรกที่เคยไปนั้นไปดูตอนดอกมันเหี่ยวไปแล้ว แสนเศร้าใจ เลยบอกกับแฟนว่า ไว้ครั้งหน้าต้องไปดูให้ทันมันกำลังบานนะ


เลยเป็นที่มาของการตะลุยดอยแม่อูคอในครั้งนี้ค่ะ


16 พ.ย. 50 เริ่มต้นการเดินทางคะ มีแผนจะไปทำเนื้อย่างบนยอดดอยกัน แฟนเลยสั่งให้ไปเตรียมซื้อเตาอั้งโล่ ตะแกรง และที่คีบน้ำแข็ง ( เอาไว้คีบเนื้อ ) ตั้งแต่คืนวาน ดันเล่นเกมจนเกือบลืมไปซื้อของแน่ะ ไปแบบฉิวเฉียดเค้าจะปิดร้านแล้ว พอซื้อเสร็จก็เก็บของส่วนตัวอย่างอื่น แล้วก็มาเก็บเพิ่มเติมในช่วงพักกลางวันของวันนี้อีกค่ะ ส่วนแฟนจะเตรียมเต้นท์ อาหารด้วย พอถึงเวลาเลิกงานตอนเย็นก็เก็บข้าวของขึ้นรถน้องแจ๊ชชี่ของเรา แล้วก็มุ่งหน้าไปดอยแม่อูคอกันเล้ย



ขับรถไปอย่างเร่งรีบค่ะเพราะกลัวว่าพระอาทิตย์จะตกดินก่อน ( อยากจะดูพระอาทิตย์ตกดินที่ดอยแม่อูคอด้วย โลภมากจริงเรยเรา ) ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าๆจากแม่แจ่มไปยังดอยแม่อูคอ แต่พอไปถึงพระอาทิตย์ก็ชิงตกดินไปก่อนแร้ว


เมื่อไปถึงดอยแม่อูคอยังเห็นนักท่องเที่ยวลงมาถ่ายรูปกะดอกบัวตองอยู่เลยค่ะ ( ถ่ายกันทั้งมืดๆค่ำๆเนี่ยนะ ) แต่ที่แย่ไปกว่านั้นค่ะท่านผู้ชม ลานกางเต้นท์ของดอยแม่อูคอทางเข้ามันแสนจะชัน จนไม่กล้าเอาน้องแจ๊ซซี่ลงไป ( กลัวว่าจะขึ้นมาไม่ได้ตอนขากลับ ) ก็ขับรถไปตรงจุดที่ดูดอกบัวตอง ก็เห็นคาราวานมนุษย์จากที่ไหนก็ไม่รู้เยอะแยะมากกางเต้นท์ลัลลาอยู่ก่อนเรานานแล้ว จนหาที่กางเต้นท์อีกไม่ได้ ( แว้กๆๆๆตายละตูละจะนอนไหนละเนี่ย!!! ) เลยขับต่อไปก็พบคนกางเต้นท์อยู่ข้างถนนก็มี เลยคุยกันว่าท่าทางเราก็คงต้องนอนกางเต้นท์ข้างถนนเหมือนกัน


จึงตัดสินใจกลับรถหาทำเลข้างถนนเพื่อกางเต้นท์ วนผ่านคาราวานมนุษย์ลงมาอีกหน่อยก็เจอทางแยกเป็นถนนเข้าไปแต่เค้าบอกว่าห้ามรถผ่าน!!! แต่เค้ามะได้ห้ามคนผ่านนี่หว่า แฟนก็เลยเดินไปดูว่ามีทำเลกางเต้นมั้ย เดินคอตกกลับมา ก็ขึ้นรถจะขับไปต่อ หันมามองฝั่งตรงข้ามกับทางเข้านั้นก็พบว่ามีลานข้างถนนพอให้เรากางเต้นท์พอดี ก็ตัดสินใจกลับรถมาที่ฝั่งตรงข้ามเพื่อกางเต้นท์ ( โอ้วเย้รอดตาย มีที่นอนแย้วเจ้าค่า )


ปฏิบัติการกางเต้นท์ก็เริ่มขึ้น เราก็เปิดไฟหน้ารถไว้ก่อนเพื่อให้มีแสงสว่างพอที่จะกางเต้นท์ จากนั้นก็ร่วมด้วยช่วยกันกางเต้นท์ พอกางเสร็จเรียบร้อย ก็จุดตะเกียงเพิ่มความสว่างก่อนปิดไฟหน้ารถ





จากนั้นก็เริ่มก่อเตาทำอาหาร พยายามจุดไฟอยู่พักนึงก็มีคนเดินมาใส่ชุดลายทหารแต่สีออกน้ำตาลเหมือนสีทราย เข้ามาไม่พูดพล่ามทำเพลงหยิบนู้นนี่ นี่นั่นใส่จนไฟในเตาเราติดโชติช่วง ละก็บอกว่าผมเป็นพรานครับมาช่วยติดไฟ ( เจ้าหน้าที่ที่นี่ใจดีมีน้ำใจมากๆ ) พอไฟติดดีก็เอาเนื้อคอหมูที่หมักกับซอสพริกไทยดำออกมา ยังอยู่ในสภาพแข็งเป็นน้ำแข็งอยุ่เลยคับพี่น้อง เลยต้องค่อยๆลอกผิวๆออกมาย่างก่อนละรอให้มันค่อยๆละลายหลุดออกมา





แล้วก็เอาฟักทองที่หันมาเรียบร้อยมาย่างกินเล่นไปพลางๆก่อน เตามันค่อนข้างใหญ่เลยรวดต้มน้ำไปด้วยเลยเพื่อจะทำซุปเต้าเจี้ยวกินกัน





ย่างไปย่างมาก็มีคนเดินมาอีกละ คราวนี้ใส่ชุดน้ำเงินหรือดำไม่แน่ใจ ( เพราะมันมืดแล้วค่ะ ) เดินมาบอกว่าพักได้ตามสบายนะครับไม่ต้องเสียตัง ถ้ามีคนมาบอกว่าจะเก็บตังให้ปฏิเสธไปนะครับ ( เจ้าหน้าที่ใจดีที่นี่ไม่ได้มีคนเดียวนะเนี่ย สุดยอดดดดดดดดดดดดด ) ก็รอเนื้อมันละลายละก็ค่อยๆกินกันไป พอน้ำเดือดก็ละลายเต้าเจี๊ยวพอน้ำเดือดอีกครั้งก็ใส่สาหร่ายวากาเมะละก็ซดกินคู่กันไป อากาศหนาวมากเลยค่ะแต่ได้กินอะไรอุ่นๆก็สบายท้องดี มีไก่หมักรวมกะหมูด้วยค่ะเป็นน่องเลย แต่ย่างไปย่างมาไฟแรงไปหน่อยเลยดำๆต้องแกะหนังออกกินแต่เนื้อ


พอกินเสร็จก็เก็บข้าวของละก็เดินเล่นดูดาว ดาวสวยมากเลยค่ะเต็มฟ้าเลย ยืนดูดาวกันกลางถนนเลยค่ะเพราะดึกแล้วไม่มีรถผ่าน





ชมดาวซักพักก็เปลี่ยนชุดนอนล้างหน้าแปรงฟัน ชิ้งฉ่องมันแถวนั้นแหล่ะค่ะเพราะมะมีห้องน้ำ ละก็เข้านอนในเต้นท์อย่างมีฟามสุข ( เพราะขนเครื่องนอนเต็มพิกัดเลยค่ะ เอาถุงนอนปูพื้นเอาผ้านวมปูทับอีกที เอาหมอนมาด้วย2ใบ ละก็มีผ้านวมอีกผืนใช้ห่ม อุ่นสบายมากมาย ส่วนตัวหญิงเล็กเองมีอุปกรณ์เสริมกันหนาวอีกคือหมวกไหมพรม ถุงมือ ถุงเท้า ครบเซตนี้รับรองอุ่นชัวร์ )


17 พ.ย.50 ตื่นเช้ามาล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า บุกทุ่งดอกบัวตอง ( แบบหอยดองกะไข่เค็ม เพราะมะล่ายอาบน้ำ ) เมคอัพสุดฤทธิ์ เสร็จแล้วก็ช่วยกันเก็บเต้นท์และเครื่องนอนขึ้นรถจนหมด แล้วก็ขับรถไปจอดแถวทางขึ้นดอยแม่อูคอจากนั้นก็ตะลุยถ่ายรูปอย่างเมามันค่า


ทุ่งดอกบัวตองยามเช้า





ฟ้าสวยๆจ้า





เจ้าของบลอคกะทางขึ้นไปชมดอกบัวตองค่า





วิวจากทางเดินมองลงข้างล่าง หลังคาเขียวๆนั่นคือร้านขายของที่ระลึกกับOTOPค่ะ





ถ่ายกะป้ายยอดดอย





ศาลาพักใจที่ยอดดอยจ้า





ดอกไรไม่รู้ค่าสวยดีเลยถ่ายเก็บไว้ ดอกเล็กจิ๊ดเดียว





ดอกบัวตองเต็มๆ





ดอกบัวตองยามสาย





เดินมาจากศาลาเขียวมาทางขวามือจะมีเขียนว่าแยกไปร้านอาหารชื่ออะไรจำไม่ได้ค่ะ เราก็เดินไปตามทางที่แยกออกไปนั้นค่ะ


นี่เริ่มต้นทางเดินเข้าไปค่ะ





บัวตองท้างงงงดอยเยย





ทางเดินขึ้นเนินไปค่ะดอกบัวตองบานตลอดทาง





เดินเลยมาอีกหน่อยเป็นสุขา





นี่ค่ะร้านอาหารที่ว่าคนโล่งๆเพราะไม่ถึงเวลาอาหารค่ะ





อันนี้แอบถ่ายคนอื่นไปจมในดอกบัวตองค่ะ อยากไปถ่ายมั่งแต่ขี้เกียจปีนขึ้นไป





แสงแดดผ่านทิวไม้กะทุ่งดอกบัวตองค่ะ





พอมาทางนี้จะเห็นศาลาเขียวอยู่ข้างบนซะแล้ว ( โปรดสังเกตว่าเหลืองทั้งดอยค่ะ )





กลุ่มดอกบัวตอง





เดินลงมาเรื่อยๆก็เจอถนนใหญ่ค่ะ





เอ้าเดินลงมาเจอต้นไม้ที่เรานอนกันเมื่อคืนนี่หว่า





ชี้เป้าจุดกางเต้นค่ะ ที่มีไม้ลายขาวแดงพาดคือทางที่เราเดินลงมาปะกี้





ต้นไม้ที่เรานอนมะคืนค่ะแบบเต็มๆ





จากนั้นเราก็เดินไปตามถนนค่ะละก็เจอทางเลี้ยวซ้ายเข้าไปที่กางเต้นท์แบบไม่อยากเดินลงไปเล้ยเพราะมันชันมาก เลยเดินผ่านไปเจอแยกทางซ้ายอีกมีป้ายบอกเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวค่ะก็เลยเดินเข้าไปก็พบตึกน่ารักๆเขียนลายเป็นดอกบัวตอง กลมกลืนไปกะทุ่งดอกบัวตองเลย มีสมุดเยี่ยมด้วยค่ะเลยไปเขียนบรรยายความประทับใจในน้ำใจของพี่ๆที่นั่น มีบันไดไปบนยอดตึกเป็นจุดถ่ายรูปอีกที่นึงค่ะแล้วก็ถ่ายได้รูปนี้ออกมา





ดอยแม่อูคอทั้งดอยเหลืองอร่ามสุดๆ สวยประทับใจมากๆค่ะ


จากนั้นก็ขึ้นรถขับกลับค่ะระหว่างทางมีที่ๆเค้าให้ขึ้นบอลลูนดูทุ่งดอกบัวตองด้วยค่ะ แต่รีบกลับค่ะเลยไม่ได้ไปขึ้น กะว่าถ้าปีหน้ามาอีกจะขึ้นบอลลูนดูมั่ง ถ้าเค้ายังมีนะคะ ต่อมาก็ไปชอบปิ้งที่ตลาดข้างถนนมีของขายOTOP ต่างๆ หญิงเล็กช้อปมาได้กระเป๋า กางเกง กระโปรงชาวดอยมาค่ะ จะเอาไว้ใส่วันศุกร์เป็นชุดพื้นเมือง มีถั่วแมคคาเดเมียสดด้วยค่ะชาวเขาเอามาขายเค้าแกะให้กินสดๆเลยหวานมันอร่อยมากค่ะเลยซื้อมาสองโล โลละ100 แล้วก็ซื้อถั่วลิสงต้มกับส้มกินระหว่างทางกลับบ้านค่ะ


จบtripละคะ ประทับใจในความสวยงามของทุ่งดอกบัวตองมากๆ อยากรู้จริงๆว่าใครหนอเอามาปลูกไว้ อากาศก็ดีมากๆค่ะ แม้จะหนาวไปหน่อย แต่ที่ประทับใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดคือ ความมีน้ำใจของพี่ๆที่ดอยแม่อูคอค่ะ แม้จะเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ก็ประทับตราตรึงในหัวใจตราบนานเท่านานค่ะ อยากจะบอกจริงๆค่ะว่าหากทุกๆคนมีน้ำใจคนละนิดละหน่อย โลกนี้จะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ


ปล. เพลง หนุ่มพเนจร ของ น้าหงา คาราวานค่ะ จากblog ของคุณ fluffyboy101













Create Date : 02 มกราคม 2551
Last Update : 23 มกราคม 2551 0:01:33 น. 6 comments
Counter : 1414 Pageviews.

 
สวยๆๆๆๆ มากๆๆ อยากไป ไม่เคยไปชมทุ่งบัวตองเลยละ แต่ท่าทางจะคันหรือเปล่าคะ


โดย: หมาขี้เหงา วันที่: 5 มกราคม 2551 เวลา:19:32:08 น.  

 
อืมม์ต้องไปบ้างแล้วสินะเนี้ย


โดย: ม่วงคราม (the violetblue home ) วันที่: 5 มกราคม 2551 เวลา:22:38:46 น.  

 
อืมม์ต้องไปบ้างแล้วสินะเนี้ย


โดย: ม่วงคราม (the violetblue home ) วันที่: 5 มกราคม 2551 เวลา:22:39:05 น.  

 
ไม่คันค่ะเพราะว่าไม่ได้ลุยไปถ่ายกลางดงดอกไม้เท่าไหร่

กลัวมันเฉาอ่ะค่ะ

ปีหน้าไปกันค่ะ ว่าจะไปอีกรอบเหมือนกันเพราะยังไม่ได้ขึ้นบอลลูนเลย^^


โดย: Aliyah วันที่: 6 มกราคม 2551 เวลา:1:14:45 น.  

 
เทศกาสดอกบัวตองมีทั้งเดือนพฤศจิกายนเลยค่ะ โทรไปถามเจ้าหน้าที่อุทยานก่อนก็ได้นะคะว่าดอกเหี่ยวหรือยัง

ที่ไปถูกตอนดอกกะลังบานเพราะโทรไปถามเค้าเหมือนกันค่ะ


โดย: Aliyah วันที่: 6 มกราคม 2551 เวลา:1:17:44 น.  

 


ขอให้สนุกกับวันครอบครัวนะคะ


ถ้าไปบอกแน่ ๆ คะ เพระไม่ชอบเดินทางคนเดียวอยุ่แล้ว


โดย: ม่วงคราม (the violetblue home ) วันที่: 6 มกราคม 2551 เวลา:14:41:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aliyah
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผอมบาง ร่าเริง บ้าบอ คอแตก เอิ้กๆๆๆ^0^
Group Blog
 
 
มกราคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
2 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Aliyah's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.