:: Aloft Bangkok โรงแรมสุดล้ำนำ Trend ::

ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ ••นังนู๋วา•• Travel Diary ปี 2
เปิดไดอารี่หน้าแรกประจำปี 2012 ด้วยรีวิวที่พักในกรุงเทพนะคะ
ครั้งนี้ อยากมาแบ่งปันประสบการณ์ ที่วาได้ไปพบเจอมา กับโรงแรม สุดเทรนด์ น้องใหม่ย่านสุขุมวิท
Aloft Bangkok สุขุมวิท 11 นั่นเองค่ะ โรงแรมนี้พิเศษยังไง มามะ วาจะเล่าให้ฟัง

การเดินทางแสนง่าย แล้วแต่สะดวก ที่วาสะดวกที่สุด ก็คือเดินทางด้วย BTS ค่ะ
ไปลงที่สถานี นานา พอลงไปข้างล่าง ก็ตรงไปที่ซอย สุขุมวิท 11 เลย ไปถึงก็จะเห็นคนพลุกพล่าน
ร้านขายอาหารอะไรเต็มไปหมด ถ้าเราโชคดี เราก็จะเห็นรถตุ๊กๆ สีชมพูสุดสวย ของทางโรงแรม
ให้บริการอยู่ วิ่งไปเกาะรถเข้าโรงแรมได้เลย แต่ถ้าไม่เจอ เดินเข้าไปเรื่อยๆ ยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงโรงแรมค่ะ
แต่แนะนำให้เดินนะคะ เพราะร้านลูกชิ้นตรงกลางซอย อร่อยมาก ไม้ละ 10 บาท รักเลย

โรงแรม ตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นสง่า แต่ก่อนถึงจะมีตึกข้างๆบังนิดนึงนะคะ อย่าสับสน (- -")
มีป้ายบอกชัดเจนว่า aloft Bangkok ตามภาพปก เดินเข้าไปด้านในได้เลย
โรงแรมจะดูหน้าแคบๆหน่อย แล้วก็ยาวๆ ซึ่งพอเดินเข้าไปตรงล๊อบบี้
ก็จะเห็นชัดเลยว่า บริเวณจะดูยาวๆ มองเข้าไปได้ไกลๆ

มีพนักงานหน้าตาระดับพริตตี้ ยืนอยู่ที่ Front เลยวิ่งตรงเข้าไปหาเลย ชอบคนสวย กร๊ากกกก
คือหน้าระดับพริตตี้จริงๆนะ ต้องไปดูเอง มาเช็คอินโรงแรมนี่ นึกว่ามางานมอเตอร์โชว์ 555555
แต่ก็เห็นคนเดียวนะคะ ที่แจ่มสุด นอกนั้นเห็นแต่ผู้ชาย ไม่ใช่สเป๊ก (เอ๊ะยังไง)

ที่นี่มีข้อเสียอย่างแรกที่เห็นเลย คือ ให้เช็คอิน 3.00pm เป็นต้นไป คือบ่ายสองวาก็ว่าค่อนข้างช้าแล้วนะ
ไม่รู้ว่าเข้าก่อนได้รึเปล่า ในใบจองจะบอกชัดเจน แต่วันนั้นวาไปก็เกือบๆ 4 โมงเย็นแล้วล่ะ
** เพิ่มเติมมีคนใน BP มาให้ข้อมูลว่า โรงแรมในเครือ Starwood จะต้องเช็คอิน 3pm ค่ะ **
หลังจาก เช็คอินแล้ว เราก็จะได้ การ์ดเข้าห้องมา พร้อมกับ Smartphone 1 เครื่อง (ซัมซุง กาแลคซี่)
ซึ่งตอนแรก เค้ารีเซตระบบอยู่ เลยส่งโทรศัพท์ตามมาให้ทีหลัง ก็มีสอนเล็กน้อย เค้าก็บอกว่าใช้ง่ายค่ะ

สอบถามเรื่อง wifi password กับน้องพริตตี้ไป น้องเค้าก็ตอบกลับมาน่ารักมาก แล้วก็มีขำตัวเองด้วย เอิกกก
" user เป็น your room number นะคะ ส่วน password เป็น your เซอร์... เอ่อ ยัว เอ่อ นามสกุล ค่ะ "
คือ ปกติ คงพูดแต่ภาษาอังกฤษกับแขก พอเจอลูกค้าคนไทยที่นานๆมีทีแบบเรา เลยตอบแบบ งงๆน่ารักดี 555

* พนักงานคนในรูปเลยค่ะ

ขึ้นลิฟท์กันดีกว่า เข้าไปก็กดลิฟท์ไม่ได้ (- -") ยืน งงๆอยู่พักนึง เลยเห็นว่า ต้องเอาการ์ดไปแตะก่อน
แล้วถึงค่อยกดชั้นที่เราต้องการไป ดีนะไม่มีใครเข้ามาด้วย ไม่งั้นมีอายแน่นอน
ห้องพักที่ได้ของวาคือห้อง 2316 คือกด ลิฟท์ไปชั้น 23 กันเลยค่ะ

เข้าไปในห้อง ก็จะเห็นวิวเมือง เต็มๆตา สวยงามมากๆ โชคดีมากๆ เพราะถ้าได้ห้องอีกฝั่งนึง เราจะเห็นเลยว่า
มันคือ วิวตึกข้างๆ ที่ค่อนข้างใกล้ทีเดียว ถ้าไปพักแล้วมีโอกาสรีเควสฝั่งได้ จุดนี้ควรทำอย่างยิ่งนะคะ
ห้องกว้างขวางพอสมควร ไม่เล็กเกิน และไม่ใหญ่จนเกินไป มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
เข้าไปก็จะเจอส่วนห้องน้ำก่อน เดินต่อไปก็จะเป็นส่วนของห้องนอน

แวะห้องน้ำเลยละกัน ห้องน้ำค่อนข้างใหญ่ มีทั้งหมด 3 ส่วนเลยค่ะ
ส่วนแรก บริเวณกว้างขวางที่สุด เป็นส่วนของ อ่างล้างหน้า ตู้เสื้อผ้า
ตู้เซฟ และ มีพวก เครื่องชงชา กาแฟ อยู่ตรงนี้ด้วยค่ะ

เครื่องทำกาแฟ อลังการประมาณนึง แต่ไม่ได้ลองทำดู
เห็นมีกาแฟให้เลือกหลายแบบทั้ง กาแฟสด และกาแฟสำเร็จรูป

ในส่วนถัดไปจะมีบานเฟี้ยมกั้นอยู่ ซึ่งถ้าปิดบานเฟี้ยม ก็จะเป็นกระจกบานใหญ่ ส่องเต็มตัวได้
ถ้าเปิดเข้าไปก็จะเจอกับชักโครก หน้าตาปุ๊กลุ๊ก พร้อมสายชำระ ครบครัน
ถ้านั่งลงที่ชักโครก ฝั่งตรงข้ามก็จะมีเป็นชั้นวางของกระจกๆ ซึ่งมีผ้าเช็ดตัววางให้อยู่
วางของได้นิดหน่อยค่ะ

และโซนด้านในสุดเป็นส่วนของ ฝักบัวอาบน้ำ เป็นห้องกระจก อาบน้ำ
มีแชมพู สบู่แบบกดไว้ให้ใช้แบบมากมาย เต็มกำลังสูบ มีทั้งน้ำร้อน น้ำธรรมดาค่ะ

ในห้องน้ำวาเจอ ข้อเสีย อยู่ 2 อย่าง หลังจากได้ใช้งานแล้ว นั่นก็คือ

1. เวลาเราเปิดน้ำ กว่าน้ำจะอุ่น หรือ ร้อน ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควร
ราวๆ 10-20 วินาที เลยทำให้บางครั้งต้องเปิดน้ำทิ้งเอาไว้พักนึงกว่าน้ำจะอุ่น

2. ถ้าอาบน้ำเยอะๆ เปิดน้ำไว้นาน อย่างเช่น สระผม การระบายน้ำในห้องน้ำ ค่อนข้างช้า
อาจจะมีน้ำขังอยู่ประมาณนึง กว่าจะไหลลงไปหมด

ในส่วนของห้องน้ำ มีตู้เสื้อผ้า อุปกรณ์รีดผ้า ไดร์เป่าผม ไฟฉาย ตู้เซฟ
รองเท้า และอุปกรณ์พื้นฐาน อย่างครบครัน เพียงแค่ รื้อๆดูทุกช่อง :)

ออกมาดูกันที่ส่วนของห้องนอน เตียงนอนใหญ่มากขนาด คิงส์ไซส์
กลิ้งได้หลายตลบ ที่นอนหนานุ่ม สุพรีม ขอบชีส เอ้ยไม่ใช่!

นอนสบายมากๆค่ะ มีหมอนข้างให้ด้วย และมีหมอนหนุน
แอบอยู่ในตู้ในห้องน้ำอีกใบตาม คห.11 เผื่อใครชอบหมอนเยอะๆ

บริเวณปลายเตียงด้านซ้าย มีโซฟาขนาดใหญ่อยู่ริมกระจกบานใหญ่
นอนชมวิวได้เพลินๆ ห้องพักไม่มีระเบียงนะคะ

LCD TV ขนาดประมาณ 42 นิ้วได้ค่ะ ค่อนข้างใหญ่เลยล่ะ ใต้ทีวี มีมินิบาร์หน้าตาไฮโซวอยู่
และข้างๆทีวี จะลากยาวไปเป็น ส่วนของโต๊ะทำงาน ซึ่งมีกระจกชมวิวเช่นเดียวกับ อีกฝั่งที่เป็นโซฟา

ตรงโต๊ะทำงานนี้ มีพวกช่องเสียบ ปลั๊กไฟแบบ อินเตอร์ สะดวกมากๆ ปลั๊กประเทศไหนมา
เสียบได้หมด ยังมีเป็น ช่องเสียบ USB สายแลน internet เสียบสาย DVD แจคเสียบ
อะไรมากมาย จิปาถะ รวมอยู่นี่หมด แบบ ถ้าสมมุติพกหนังใส่ USB มาก็เสียบตรงนี้ได้เลย
แล้วก็ดูได้ผ่าน TV เลย แจ่ม!

และไม่นานนัก พนักงานก็เอา โทรศัพท์ มาให้พอดี ก็เลยได้ทดลอง ระบบควบคุมต่างๆภายในห้องกัน
ซึ่งเขาเล่าว่า Aloft Bangkok เป็นโรงแรมแห่งแรกในภูมิภาค ที่ใช้ระบบควบคุมภายในห้อง
ด้วย smartphone เลยค่ะ รับมาก็งง เพราะไม่เคยใช้ซัมซุง และไม่เคยใช้แอนดรอย
แต่ไม่ใช่ปัญหา เพราะมันจะ Default เป็นเมนูหลักๆ ในการควบคุมสิ่งต่างๆภายในห้อง มาให้เลย

ซึ่งสามารถ ควบคุมการทำงานหลักๆ เช่น เปิด-ปิด ไฟ TV และเครื่องปรับอากาศได้
อีกทั้งยังสามารถ โทรติดต่อแผนกต่างๆภายในโรงแรม เช่น จองโต๊ะห้องอาหาร เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังสามารถ เล่นอินเตอร์เน็ต Facebook whatsApp อ่านข่าว เช็คเมลล์
เล่นเกมส์ เหมือนเป็น smartphone ทั่วๆไปได้เลย อ่อ ใช้โทรศัพท์ได้ด้วยนะคะ
จะมีบิล ส่งตรงไปเรียกเก็บตอนเช็คเอาท์ได้เลยทันที อีกต่างหาก

ซึ่ง การทำงานทั้งหมด น่าจะเป็นการทำงานผ่าน internet ไม่ใช่ว่าทำให้ มือถือเป็นรีโมท
เพราะเราสามารถควบคุมระบบ จากที่ไหนก็ได้ ไม่ใช่แค่ภายในห้อง เราอาจจะเดินเล่นอยู่ที่ล๊อบบี้ข้างล่าง
เราก็สามารถที่จะ เปิดแอร์เอาไว้รอก่อนที่เราจะขึ้นไปถึงห้อง ได้เลยทีเดียว

ดูการทดลองใช้แบบมั่วๆของวาได้ใน คลิป vdo ด้านล่างเลยค่าาาา

ตกเย็นก็ลงไปทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรมชื่อว่า crave (คลิ๊กอ่านที่นี่)
อิ่มอาหารเย็นมาแล้ว เลยออกไปเดินดูบริเวณรอบๆดีกว่า ลงมาที่ชั้นล๊อบบี้ จะมีบันไดขึ้นไปที่ w xyz bar
ก็มองกลับไปที่ใต้บันได ก็จะเห็นเป็น คล้ายๆ มินิมาร์ทเล็กๆ ในโรงแรม ที่มีขายของพวก น้ำผลไม้
น้ำอัดลม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยวต่างๆ สำหรับคนที่อยากหาอะไรเบาๆทานกันง่ายๆ

ถัดจากโซนนี้เข้าไปอีก จะเป็นโซนนั่งเล่น ขนาดใหญ่ มีโต๊ะ Pool เกม์ wii
โซฟาพักผ่อน อ่านหนังสือ TV นั่งๆ นอนๆ กันแบบสบายๆ พื้นที่กว้างขวางมากๆ

กว้างขนาดเตะบอลกันได้เลยนะนี่ หุหุ ข้างในมีเป็นโต๊ะ เก้าอี้ กึ่งๆ ห้องประชุม
มีตติ้งเล็กๆได้ด้วยค่ะ เป็นโซนที่วาค่อนข้างชอบเลย เพราะคนน้อยแถมสบาย
wifi ทั่วถึงทุกพื้นที่ ถ้าเบื่อๆห้องพัก ก็ลงนั่งเล่นได้ อย่างเพลิน

นอกจากนี้ ยังมี ของที่ระลึก จัดอยู่ในตู้ มีราคาบอกไว้ แปลว่าขาย
ถ้าสนใจก็ เรียกพนักงานตรงร้านขายของได้ เห็นเค้าคอยดูแลอยู่
เล่นเกมส์ไม่เป็น ยังเดินมาสอนได้ด้วย อีกต่างหาก

ออกไปเดินดูแสงสีข้างนอกหน่อย เพราะแถวนี้ ขึ้นชื่อเรื่องผับบาร์ พอสมควร
ตอนเย็นๆเดินเข้ามาก็ดูเงียบๆปกติ แต่กลางคืนนี้ มองไปทางไหนก็มีแต่ร้านเหล้า
ออกไปเห็นบรรยากาศแล้ว คึกคักสุดๆ แต่ไม่ใช่แนววาอีกแล้ว ก็เลยเดินมองๆ
เพลินๆ แล้วก็กลับเข้าห้องพักค่ะ

ตอนกลางคืนนี้ สีสรรของโรงแรมนี่ก็ไม่ได้ยอมใครเลยทีเดียวเจ้าค่าาา

 ก่อนขึ้นลิฟท์ กลับห้องพัก หางตาก็แว๊บบบไปเห็นกับ จอประมาณ Tablet
แขวนไว้อยู่ เลยไปลองจิ้มๆดู ก็เห็นเป็นแบบ พรีวิวข้อมูลโรงแรม รูปภาพ
น่าจะเอาไว้สำหรับใครที่อยากดูข้อมูลคร่าวๆค่ะ ไฮเทคอีกและ

พอเข้าลิฟท์ไปก็เห็นมีป้ายบอกว่า สระว่ายน้ำกับห้องฟิตเนส อยู่ชั้น 10
เลยแวะไปดูหน่อยดีกว่า พยายามใช้มือถือ ตี๊ดลิฟท์แทน key card
ก็ใช้ได้นะคะ แต่บางครั้ง มันก็แอบยาก ไม่ยอมสแกนซะงั้น
ต้องเล็งดีๆ ให้โลโกมันอยู่ตรงจุด ก็จะสแกนติด ต้องลองหลายครั้งอยู่
บางทีมีแขกคนอื่นขึ้นมา เราก็จะไม่ได้ลอง

มากันที่ชั้น 10 เปิดลิฟท์มาก็เจอ ห้องฟิตเนส ขนาดกระทัดรัด ที่เค้าบอกไว้ว่า
เปิดบริการ 24 ชม. ได้ลองไปเล่นๆดูด้วยค่ะ ตรงหน้าจอของพวกลู่วิ่ง และจักรยาน
กดๆไปเจอ เล่น internet เล่น Facebook ได้ซะงั้น ไฮเทคยันอุปกรณ์ออกกำลังกาย

เดินออกจากห้องฟิตเนสไป ก็จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำค่ะ ซึ่งขนาดไม่ใหญ่โตนัก
วามาตอนมืดมากๆแล้วด้วย ก็เลยแค่เดินรับลมชมวิว แสงสี ยามราตรีเพลินๆ
เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยลงมาใหม่ เพราะ ดูๆแล้ว เป็นสระว่ายน้ำที่ค่อนข้าง วิวดีเลยทีเดียวเชียวล่ะ

กลับมาที่ห้อง ตกกลางคืน บรรยากาศห้องก็ดูน่านอนได้อีก เอามือถือมาลองกด เปิดปิดไฟ
ตรงนู้นตรงนี้อย่างสนุกสนาน แถมเปลี่ยนช่องทีวีไปมา เล่นเพลินจนเกือบแบตหมด
ก่อนนอนก็เลยเสียบชาร์ตเอาไว้ กับแท่นชาร์ตที่มีให้ตรงหัวเตียง

ปิดไฟ เปิดม่าน นอนชมแสงสีในเมืองกรุงแบบนี้ก็เพลินดีเหมือนกันนะเนี่ย
แล้วก็หลับไปอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับ ความอิ่ม เอ้ย ความสุข ค่ะ 5555555555

ตื่นเช้าขึ้นมาก็ อาบน้ำแต่งตัว ลงไปหาอาหารเช้าใส่ท้องกันก่อน
ก็ไปที่ห้องอาหาร crave เช่นเคยค่ะ ซึ่งเค้ามีจัดเป็น บุฟเฟ่ต์เอาไว้ให้ตักได้เลย

วันนี้เราได้เห็นห้องอาหารในมุมมองอีกแบบหนึ่ง คือ ดูสว่างๆ ดิบๆ กว่าตอนกลางคืน
ซ่อนไว้ด้วยความหรูหรา และ มีสไตล์

เดินๆวนดู อาหารก็มีให้เลือกไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นะคะ มีเป็นสลัด ขนมปัง
ไส้กรอก เบคอน ข้าวผัด หมูตุ๋น(อร่อยมาก) มีโจ๊ก ซุปมิโซะ และซุ้มทำเมนูไข่ต่างๆ

มี นม โยเกิต น้ำผลไม้ และ ผลไม้สด ให้เลือกทาน ครบทุกหมู่ค่ะ
ก็ถือว่า โอเค ตามมาตรฐานของโรงแรมทั่วๆไป ถึงจะมีให้เลือกทานไม่หลากหลาย
แต่ก็ต้องยอมรับว่า วัตถุดิบอาหารของที่นี่ คุณภาพคับแก้วจริงๆค่ะ
ไส้กรอกนี่คุณภาพสุดๆ ไม่ใช่ไส้กรอกแป้งๆแน่นอน

อย่าได้ช้า จัดมาเบาๆกับ สลัดผัก เพื่อสุขภาพ

และจัดหนักด้วย จานนี้อีกจาน ต่อด้วยโจ๊กอีกถ้วยเล็กๆ เป็นอันเสร็จพิธี
เสกความหิวให้หายไปยามเช้าของเราค่ะ เพี้ยงงงงงงงงง

อิ่มแล้ว แวะไปดูสระว่ายน้ำ ยามเช้ากันซักหน่อยค่ะ ว่าบรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง
ขึ้นไปถึง ก็เจอฝรั่งอาบแดดอยู่ ขาวมาก แอร๊ะ... เจอสระว่ายน้ำ บรรยากาศดี
สีสวยต่างหากล่ะ 55555

ตรงด้านในสุด ที่ชมวิวได้เมื่อคืนที่มาดู ก็เห็นว่า เป็นสระเด็กด้านนึง
และ เป็นสระผู้ใหญ่ ที่ไม่ลึกมาก ราวๆ 1.2 เมตร อีกด้านนึงค่ะ สีสวยดี
มีกระจกกั้นอยู่ ชมวิวได้เกือบๆ 180 องศา

สระว่ายน้ำค่อนข้างยาวอยู่เหมือนกัน สามารถว่ายน้ำไปมาได้พอสมควรค่ะ
ตึกข้างๆที่เห็นนั่น คือตึกข้างๆนะคะ เหมือนเป็น สำนักงานให้เช่าซักอย่าง

และอย่างที่บอกไปตั้งแต่ ความเห็นบนๆ ว่า วิวฝั่งที่วาได้เป็นวิวเมือง
แต่อีกฝั่งจะเป็นวิวตึกข้างๆ เพราะ ตึกขนาบกันขึ้นไปแบบนี้เลยค่ะ
กระจกที่เห็นตรงกลางตึกโรงแรม นั่นคือกระจกตรง ลิฟท์ ห้องพักเลยจะ
หันออกไปข้างๆ ทุกห้องเลย

เล่นน้ำได้แปปนึง ก็กลับขึ้นไปพักผ่อน
เก้บของ เตรียมตัวเช็คเอาท์กลับบ้านเราค่ะ
ยังไม่อยากกลับเลยอ่าาา T^T

และแล้วก็ได้เวลา บ๊าย บาย Aloft Bangkok Hotel ค่ะ
ก็ลงมาเช็คเอาท์ แล้วก็ คืน มือถือ คีย์การ์ด อะไรต่างๆไป
แล้วก็แจ้งเค้าว่าให้ไปส่งที่ BTS ด้วยจ้า นั่งรอไม่นาน รถตุ๊กๆก็พาไปส่งค่ะ

เรื่องราคาห้องพัก เป็นเรื่องที่วาไม่ทราบแน่ชัด แต่ช่วงนี้เนื่องจากเป็นช่วงเปิดตัว
โรงแรมได้ไม่นานเท่าไหร่ เลยมีเป็นราคาโปรโมชั่นอยู่ ซึ่งห้องพักก็จะเป็นแบบที่วารีวิว ทุกๆห้อง
แตกต่างกันแต่ เตียงเดี่ยว เตียงคู่ และมี " smartphone " หรือไม่เท่านั้น
(จริงๆ มีห้อง suite ที่อยู่ในระหว่างการสร้างอีกด้วย ขอไม่พูดถึง เพราะไม่รู้จ้า)

พูดง่ายๆก็คือ ถ้าใครที่ไม่อยากลองเล่น มือถือสั่งการ ควบคุมระบบต่างๆ
ก็ไม่เอามือถือ แล้วจ่ายในราคาที่ถูกกว่า ถ้าอยากได้มือถือ ก็จ่ายเพิ่มราวๆ
700-800 บาท นะคะ วาถามเค้ามา ได้คำตอบราวๆนี้ค่ะ

ก็มาแชร์ให้ชมกันนะค๊า ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยจ้า
วันนี้ขอลาไปก่อน ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่าาาา




Create Date : 20 พฤษภาคม 2555
Last Update : 8 มีนาคม 2556 20:46:09 น. 1 comments
Counter : 4166 Pageviews.

 


โดย: Kavanich96 วันที่: 21 พฤษภาคม 2555 เวลา:7:44:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นังนู๋วา
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 150 คน [?]








Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
20 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add นังนู๋วา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.