space
space
space
 
ตุลาคม 2558
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
space
space
23 ตุลาคม 2558
space
space
space

ชะนีลุยเดี่ยวเที่ยว สวิส อิตาลี ฝรั่งเศส (ตอนที่ 2 การเตรียมตัว)

เมื่อพร้อมแล้วววว จะรอช้าอยู่ไย ไปกันเลยยยย


        งั้นก่อนอื่น.....ไกด์สาวคนนี้ขอแนะนำตัวก่อนละกันนะคะ^_^  ชื่อ "เอ๋"ค่ะ อาชีพคือ พิธีกร สามารถเห็นเอ๋ได้แว้บๆผ่านโทรทัศน์ประปราย แม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมาย แต่ก็เป็นอาชีพที่ทำให้เอ๋ได้ทำตามความฝัน นั่นก็คือ "การเที่ยว"
แต่อาชีพที่เอ๋อยากกกกกกกก!ทำที่สุดคือ รับจ้างเที่ยวทั่วโลกค่ะ(มีมั้ยคะอาชีพนี้??>_<)

ถ้าพร้อมแล้วรัดเข็มขัดไว้ให้ดี เพราะถ้าตกหลุมอากาศที จะหาว่าไกด์สาวคนนี้ไม่เตือนนะคะ อิอิอิ

ขั้นแรก!!!เอ๋ได้เสาะหาตั๋วเครื่องบิน โดยไม่สนว่าจะลงส่วนไหนของสวิส แม้จะจุกอกกับราคาตั๋วราวสามหมื่นสี่หมื่น....แต่เอ๋ไม่หยุดนิ่งค่ะ เป้าหมายคือ....เอ๋ต้องได้ไม่เกิน 20,000!! และ.....ดูเหมือนพระเจ้าเข้าข้าง ด้วยการเนรมิตตั๋ว UIA จาก cheaptickets.com ในราคา 18,363 บาท ระหว่างวันที่ 5-14 ตุลาคม 2015 ตรงกับวันเกิดของเอ๋พอดี !!!!ซึ่งไปกลับ Geneva ต่อเครื่องที่ Kiev  ใช้เวลารอต่อเครื่อง 1.30ชม. แต่เวลาน้อยมากซะจนเอ๋ก็ไม่แน่ใจว่าจะต่อทันมั้ย?


        หลังจากนั้น เอ๋ก็ได้แต่หมกมุ่นกับการวางแผนเที่ยว จนค้นพบว่า....การใช้ชีวิต 10 วันในสวิส นอกจากอาจจะต้องสัมผัสกับขุนเขามากเกินไปแล้ว เอ๋อาจจะต้องหิวโซกับค่าครองชีพที่มากโข จึงตัดสินใจตีตั๋วไปกลับ โรม-อิตาลีในราคา 4 พันกว่าผ่าน easy jet รวมค่าโหลดกระเป๋าอีกประมาณ 50 ยูโร ก็ตกราวๆ 6พันบาท (สายการบินที่คุณต้องยัดกระเป๋าทุกใบให้เหลือใบเดียวถ้าไม่คิดจะโหลด และเค้าทำจริง ตรวจจริง ไม่มีหยวน!!!)) เพื่อไปสานฝันอีกอย่าง นั่นคือการได้เห็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง..... โคลอสเซียม แม้จะต้องเสียวเกี่ยวกับคำขู่เรื่องโจรที่มีมากมายในโรมก็ตาม

แต่!!!!!!!!!!!!!!ความฝันเอ๋คงพังทลายแน่ๆ ถ้าสิ่งนี้ไม่ผ่าน นั่นก็คือ วีซ่า!! เพราะฉะนั้น เอ๋จะขอเล่าเพิ่มเติมในสิ่งที่เคยสงสัยและเสิชไม่เจอจากในเนต


1. การจองนัดหมายทำวีซ่า ต้องทำภายใน 90 วันก่อนไป เอ๋ไป วันที่ 5 ต.ค.2015 ต้องโทรจองหรือจองผ่านเว็บ TLScontact วันที่ 7 ก.ค. 2015 เป็นต้นไป โดยเอ๋เลือกจองผ่านเว็บ และได้วันที่ 9 ก.ค. ซึ่งจากการหาข้อมูลในเนต ส่วนใหญ่ใช้เวลาเป็นอาทิตย์ แต่เอ๋ได้ทำเร็วมาก ซึ่งจริงๆวันที่ 8 ก็มีคิวว่าง แต่เอกสารเอ๋ยังไม่พร้อม จึงขอจองวันที่ 9  แค่นี้ก็เร็วเกินคาดแล้วค่ะ!!! หลังจากที่หาข้อมูลในเว็บ ส่วนใหญ่บอกว่ารอนานหลายอาทิตย์ แสดงว่า ความจริงในข้อนี้ไม่ได้เป็นจริงเสมอไป....
2.รูปถ่าย 2 รูป บางเว็บบอกว่า 3.5×4 บางเว็บบอก 2 นิ้ว....สรุปคือ 3.5×4 cm. เพราะเมื่อตัดแล้วจะพอดี แต่ถ้า 2 นิ้วหน้าจะใหญ่ไป เมื่อตัดแล้ว หัวหรือหูอาจแหว่งได้ !! พื้นหลังก็ต้องขาวจั้วะ จะมาเทาๆไม่ได้ เพราะเอ๋โดนถ่ายใหม่ในราคา 250 บาท/4 รูป ราคาก็...เอาเรื่องพอสมควร
3.เอกสารทุกอย่างควรเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบิน ใบจองโรงแรมและอื่นๆ เพราะมิฉะนั้น อาจต้องไปปริ้นท์ใหม่ในราคาที่กระอักกระอ่วมที่ ชั้น B1 ของอาคารสาธรซิตี้ที่เราทำวีซ่า โดยมีอยู่สองร้าน ราคาปริ้นท์อีเมลล์อีกร้าน 50 บาท ส่วนอีกร้าน 30 บาท ^_^! ยังไงอย่าลืมถามราคาก่อนนะคะ แต่เอ๋ได้ยื่นโฉนดที่ดินเป็นภาษาไทยเพื่อประกอบการพิจารณา นั่นหมายความว่า เอกสารไทยก็สามารถยื่นได้ถ้าหากมีความจำเป็น ส่วนโรงแรมนั้น เอ๋จองผ่าน hostelworld และ booking ซึ่งไม่มีปัญหาใดใดค่ะ
4.ต้องใช้ Bank statement ของบัญชีที่มีการเคลื่อนไหว 6 เดือน เอ๋ขอจากธ.กรุงศรีในราคา 200 บาท บางคนมีเงินฝากประจำหลายบัญชี ต่อให้มีมากแค่ไหนก็ไม่ได้นะคะ ทางสถานทูตต้องการ Bank statement ของบัญชีที่เคลื่อนไหวเท่านั้น แต่ถ้าอยากจะแสดงเพิ่มให้สถานทูตก็สามารถสำเนาแนบไปได้ค่ะ ซึ่งเอ๋ก็สำเนาเพิ่มเติมทุกอย่างไปให้ทางสถานทูตมั่นใจว่าเรามีตังค์ไปจริงๆน้าาาาาา...(แต่หมดจากทริปนี้ไม่รู้จะมีมั้ย อิอิ)

สรุปคือ เอ๋เข้าไปนัดวันผ่านเว็บไซต์เพื่อทำวีซ่าในวันที่ 7 ก.ค. ขอนัดทำในวันที่ 9 ก.ค. และเล่มได้ถูกส่งคืนมาที่ Tls วันที่ 14 ก.ค.(ติดเสาร์อาทิตย์ด้วย) ต้องยอมรับว่าเร็วมากจริงๆ

เมื่อวีซ่าผ่าน.....ก็ถึงเวลาเดินทางสู่สวิสสักที...เย้!!!!

ยิ้มสู้...แม้จะกลัวนิดนิด

          สัมผัสแรกที่ได้ก้าวสู่สายการบิน UIA เป็นที่รู้กันดีว่า ยูเครนคือประเทศที่มีสงคราม ไม่นะ!!   อย่าไป!!เสียงอื้ออึงกึกก้องถึงความน่ากลัวของสายการบินนี้ แต่ทำไงได้ล่ะ ก็เอ๋มัวแต่มองราคาจนลืมสนใจเรื่องราวในยูเครนหมดสิ้น^_^!  แต่แล้วก็ค้นพบว่า สายการบินนี้ไม่ได้แย่อย่างที่หลายคนคิด แต่ดีกว่าที่เอ๋คิดด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นการบริการที่ดี อาหารที่มีถึงสองมื้อ อุปกรณ์เพื่อการนอนที่ครบครัน(ผ้าปิดตา,อุดหู,ถุงเท้า,ผ้าห่ม) เสียอย่างเดียวตรงที่.....เอ๋คือคนเอเชียคนเดียวในไฟลท์นี้จึงได้รับความสนใจทั้งจากคนบนเครื่องและตม.ที่เพ่งเล็งเป็นพิเศษ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี ถึงแม้เวลาต่อเครื่องจะมีน้อยนิด แต่สนามบินมีขนาดเล็กจึงมีเวลาเหลือเฟือ เมื่อถึงสวิสแล้วขอชะแว้บบบไปเมืองหลวงก่อนเลยละกัน!!!!!! .......เบิร์น........เมืองมรดกโลกที่งดงามน่าจดจำ


          ตอนแรกเอ๋กังวลเหลือเกินเกี่ยวกับการเดินทาง เพราะรถไฟที่สวิสนั้นมีมากมายหลายสาย จึงทำให้ได้รู้ว่า เอ๋กังวลมากเกินไป เพราะจริงๆแล้ว แค่มีมือถือ 1 เครื่อง กับซิม 1 อัน เอ๋ก็เดินทางได้ง่ายซะยิ่งกว่าง่าย ซิมที่เอ๋ใช้คือ instasim ซื้อจากในไทยในราคา 1500 บาท  สามาถใช้ได้ทั้งในสวิส อิตาลี ฝรั่งเศส เป็นเวลา 1 เดือน รวมถึงอีกหลายประเทศในยุโรป ทั้งถูกและคุ้มจริง สัญญานเนตดี แถมอัพรูป เล่นไลน์ทั้งวันเนตยังเหลือ ทำให้ทริปนี้ของเอ๋ ไม่มีคำว่าเหงาเลยล่ะค่ะ พิสูจน์ได้จากรูปคะ^_^

       จากนั้นก็เช็คในแอพพลิเคชั่น SBB เพื่อดูว่ารถไฟไปเบิร์นมีรอบกี่โมงบ้าง และต้องไปที่ชานชาลาเท่าไร แต่ถ้าจะให้สะดวกกว่านั้น เช็คที่หน้าจอในสถานีรถไฟเลยก็ได้ค่ะ สะดวกและดูง่ายมาก สวิสเป็นประเทศที่เดินทางง่ายที่สุดตั้งแต่เอ๋เที่ยวมาเลยค่ะ แต่!!!ไปถึงชานชาลาก่อนเวลาสัก 10 นาทีนะคะ เผื่อว่ารถไฟมาถึงก่อน เราจะได้ไปจองที่นั่งที่เห็นวิวสวยๆ แถมรถไฟที่สวิส นั่งไปเถอะค่ะ 3-4ชม.ก็เหมือนแป้บเดียว เพราะวิวก็สวย ห้องน้ำก็มี ปลั้กไฟให้ชาร์จมือถือก็มี อาหารก็เอามาทานได้ น้ำก้อกก็กินได้ ที่นั่งในรถไฟก็เหลือเฟือ และการขึ้นรถไฟที่นี่ สามารถเดินขึ้นสวยๆได้เลยค่ะ นั่งรถไฟไปสักพักจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจ SWISS PASS กับ PASSPORT ค่ะ เพราะฉะนั้น เตรียมไว้ให้ดีดีนะคะ ถ้าไม่มีล่ะก็ เรื่องใหญ่แน่นอนค่ะ

       และแล้วเอ๋ก็มาถึงเมืองเบิร์นแล้วค่ะ เมืองนี้เป็นเมืองที่เอ๋ตกหลุมรักเลยค่ะ แม้จะมีเวลาแค่น้อยนิด แต่ก็รู้สึกได้เลยว่า เป็นเมืองที่น่ารักอบอุ่นจริงๆค่ะ เอาล่ะค่ะ พิมมาซะยาวเลย ไปชมภาพกันดีกว่าค่ะ ^_^ ภาพน้อยหน่อยนะคะ ถ่ายเอง เซลฟี่เองเลยค่ะ

             ก่อนอื่นเอ๋ก็ฝากกระเป๋าที่ล้อคเกอร์ก่อนเลยค่ะ ราคา 8 chf ซึ่งเอ๋ต้องแลกเหรียญก่อน เนื่องจากตู้ล้อคเกอร์ไม่รับแบงค์ ตอนแรกไม่รู้จะทำไงดีค่ะ เลยขอไปแลกที่ร้านค้า ที่ร้านจึงแนะนำให้มาแลกที่ตู้แลกเหรียญอัตโนมัติ ซึ่งต้องยอมรับว่าทุกอย่างที่สวิสนั้นสะดวกไปหมด ตอนเอ๋มาเบิร์นก็งงเหมือนกันค่ะว่า ตู้ล้อคเกอร์อยู่ตรงไหน??แล้วทางเดินไปเดินชมเมืองไปอย่างไร?? รถเมล์ขึ้นตรงไหน?? สับสนไปหมดเลยค่ะ ขึ้นรถเมล์ผิดฝั่งด้วย!!!! แต่ต้องยอมรับว่า เสน่ห์ของการท่องโลกคนเดียว คือการผจญภัยในดินแดนแปลกใหม่ เพราะฉะนั้นสำหรับเอ๋ การรู้มากเกินไปอาจจะไม่สนุกตื่นเต้นเท่าไร จึงชอบที่จะค้นหาด้วยตัวเอง จากป้ายบ้าง จากการถามคนบ้าง  เพราะจะทำให้เราใกล้ชิดกับผู้คนและได้เรียนรู้นอกโลกอินเตอร์เนต โลกที่ทำให้เราได้เห็นทุกอย่างกว้างขึ้น แต่ไม่ใกล้ขึ้น....นอกจากเราจะมาสัมผัสด้วยตัวเอง

 

หอนาฬิกาที่ใครมาก็ต้องถ่าย เพราะเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้

เอ๋เลยขอจัดสักหน่อย >_<

 

            จากนั้นเอ๋ก็นั่งรถเมล์สาย 12 ตรงหอนาฬิกามุ่งหน้ามาที่ Rosegarden ซึ่งเป็นวิวมุมสูงของเมืองเบิร์น ที่ถ้าใครไม่ได้มาถือว่ามาไม่ถึงค่ะ และเอ๋ว่าคุ้มที่จะมาด้วย ยิ่งช่วงที่เอ๋มาเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีกลมกลืนกับตึกรามบ้านช่อง เป็นอะไรที่สวยงามจนสร้างความประทับใจกับวันแรกของสวิสเซอร์แลนด์ได้เป็นอย่างดี โดยรถเมล์สาย 12 จะวิ่งผ่านกลางเมืองเลยค่ะ เมื่อถึงทางแยกเราก็เตรียมลงรถเลยค่ะ พอลงรถมาจะเจอกับอีก 1 สัญลักษณ์นั่นก็คือ บ่อหมี แต่เอ๋ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไร พอไปยืนๆดู แล้วก็รีบขึ้นไป Rosegarden ทันที ดูท่าทางเจ้าหมีจะงอนเอ๋ เลยหันหลังให้เอ๋ตลอดเลยค่ะ >_<

เดินจนเหนื่อยหอบก็ขึ้นมาถึงสักที Rosegarden เล่นเอาพลังแทบหมด แต่พอเห็นวิวแล้วชื่นใจ...

 

         หลังจากใช้เวลาอยู่ในเบิร์นประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เอ๋ก็กลัวจะถึงที่พักค่ำ เลยรีบเดินทางไปที่พักในคืนแรกและคืนที่สองของเอ๋ ซึ่งก็คือ Backpacker villa sonnenhof ซึ่งเป็นที่พักที่ดีที่สุดในทริปของเอ๋เลยค่ะ ภายในโฮสเทลมีครบทุกอย่าง มีปลั้กไฟและไฟหัวเตียง ผ้าเช็ดตัว อาหารเช้า ครัว มองเห็นวิวเทือกเขายุงเฟรายอชไกลๆ ด้านหน้ามีสวนขนาดใหญ่ให้เราเดินเล่นพักผ่อน และมีเหรียญของทางโรงแรมให้เอ๋ 5 เหรียญ สำหรับเอาไว้ใช้บริการอะไรก็ได้ของทางโรงแรม ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่มร้อน ซักผ้า หรือคอมพิวเตอร์ น่าเสียดายที่นี่ไม่มีไดร์เป่าผมและลิฟต์ค่ะ แต่โดยรวมเอ๋ถือว่าดีเลยค่ะ เอ๋พักตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม และเช็คเอาท์ 7 ตุลาคม 2015 เป็นจำนวน 2 คืน จองผ่าน Hostelworld ต้องจ่ายค่ามัดจำส่วนหนึ่งซึ่งเอ๋จำได้คร่าวๆว่าประมาณสามร้อยกว่าบาทนะคะ เวลาจองอย่าลืมเลือก ประกันค่ามัดจำด้วยนะคะ เสียเพิ่มนิดหน่อย แต่เราสามารถเก็บเงินค่ามัดจำเอาไว้ในกรณีที่เราอยากเปลี่ยนโรงแรมได้นะคะ พอเอ๋ไปถึงโรงแรมก็จ่ายเพิ่มส่วนที่เหลืออีก 73.18 CHF ค่ะ

         ระหว่างทางมาโรงแรม เอ๋ก็ตื่นเต้นแล้วค่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหิมะสูงปกคลุมด้วยหิมะสีขาว เดินเพลินๆน้ำตาคลอไม่รู้ตัวเลยค่ะ ขนาดมองไกลๆยังสวยขนาดนี้ แม้ว่าช่วงที่เอ๋มาท้องฟ้าจะปิดสนิท ฝนตกประปราย เอ๋ก็สัมผัสได้ถึงความงดงาม อดตื่นเต้นไม่ได้ว่าวันพรุ่งนี้ที่ยุงเฟรายอช เราต้องแอบร้องไห้คนเดียวแน่ๆ เพราะที่นี่คือความฝัน ที่ฝันว่าอยากมาสักครั้งในชีวิต แต่คิดเสมอว่าคงไม่มีปัญญามาแน่ๆ เพราะค่าใช้จ่ายแพงเหลือเกิน พอวันนี้มาถึง จึงอดน้ำตาคลอไม่ได้จริงๆค่ะ...

นี่คือการเดินทางวันแรกของเอ๋นะคะ เล่นเอาเหนื่อยเพลีย ไม่ได้อาบน้ำสระผมกันเลยค่ะ ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ วันพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเอ๋แล้ว

ของขวัญที่เอ๋ให้ตัวเองปีนี้นั่นก็คือ การขึ้นสู่ดินแดนแห่งความฝัน

ยุงเฟรายอช เทือกเขาสีขาวววโพลน  แม้ในวันฟ้าปิด แต่ก็สะกิดต่อมน้ำตาแตก 

(โปรดติดตามตอนต่อไป >_<)




Create Date : 23 ตุลาคม 2558
Last Update : 23 ตุลาคม 2558 19:47:17 น. 2 comments
Counter : 2270 Pageviews.

 
รบกวนสอบถามเรื่อง InstaSIM 1500 บาท ครับ ไม่ทราบใช้ดีหรือเปล่า มีหลุดไม๊อะไรไม๊ครับ

กำลังจะไป ออสเตรีย สวิส อิตาลี ครับ ขอบคุณครับ


โดย: ต่อ IP: 209.74.233.195 วันที่: 2 มีนาคม 2559 เวลา:15:47:17 น.  

 
สัญญาณแล้วแต่เมืองที่ไปนะครับ สำหรับซิมที่คุณเอ๋เขียนถึงน่าจะเป็นซิมเดียวเที่ยวสบาย ราคาต่อปริมาณข้อมูลที่ได้คุ้มที่สุดในตลาดและใช้ได้ใน ออสเตรีย สวิส อิตาลีด้วย ถ้าสนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งออนไลน์ได้ที่ https://www.instasim.com/europe/eu18.html ครับ


โดย: T IP: 192.99.15.166 วันที่: 22 กรกฎาคม 2559 เวลา:13:38:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

สมาชิกหมายเลข 1633974
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 1633974's blog to your web]
space
space
space
space
space