สงครามคอนโด กับ บทสรุปที่อีกไม่เกิน 5 ปี จะรู้ชะตา

บทความนี้เป็นบทความเก่า ที่ผมเคยเขียนไว้ในเวบประกาศดอทคอม
เมื่อ 18 กันยายน 2553 ซึ่งในตอนนั้นผมยังไม่มี blog เป็นของตัวเอง

สงครามคอนโด กับ บทสรุปที่อีกไม่เกิน 5 ปี จะรู้ชะตา
ผมเคยได้แสดงความคิดเห็น ขัดแย้งเรื่องหนึ่ง กับทัศนะของผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่อง สัญญาณฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโด
ครั้งนั้นผมเคยกล่าวว่า ตลาดคอนโดยังไม่เกิดฟองสบู่ เพราะในมุมมองผม ภาวะฟองสบู่ คือราคาซื้อขายคอนโดต้องสูงเกินมูลค่าที่แท้จริง

ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ใช่เรื่องฟองสบู่ แต่จะเป็นปัญหาภาวะอุปทานส่วนเกิน
จะเรียกว่า ล้นตลาดแบบอภิมหากันเลยทีเดียว
มองย้อนกลับไปประมาณ 4 ปีเศษ ผมเคยมองว่า อนาคตตลาดอสังหาริมทรัพย์
ประเภทบ้านมือหนึ่ง บ้านใหม่ จะปรับเปลี่ยนจากบ้านประเภททาวน์เฮ้าส์ และบ้านเดี่ยว
สู่คอนโดมากขึ้น เหมือนประเทศที่พัฒนาไกลกว่าประเทศไทย ซึ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ความคิดของผมก็เป็นจริง คอนโดสร้างใหม่เติบโตขึ้นเร็วมาก
และกำลังจะส่งผลให้เป็นปัญหาในอนาคต เพราะบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ
กำลังจะออกโปรเจคสร้างคอนโดจำนวนมหาศาล แบบทวีคูณ
หากบริษัทเหล่านี้ยังไม่หยุดสร้าง ไม่คิดอย่างระบบ คิดแต่ตัวเลขอัตราการเติบโตของ
ผลประกอบการ แข่งขันกันขึ้นโครงการใหม่ ๆ โดยไม่ศึกษาตลาดอย่างถี่ถ้วน
สภาพสังคม และการพัฒนาทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายของสาธารณูปโภค
ว่าจะสมดุลกัน และสอดรับกันหรือไม่

ขณะนี้ตลาดคอนโดระดับบนเริ่มอิ่มตัวแล้ว บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ต่าง ๆ จึงกระโดดลงมา
เล่นตลาดระดับกลางแข่งกับผู้ประกอบการเดิมที่จับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้อยู่แล้ว
แต่อยากให้เข้าใจว่า เค้กก้อนที่ผู้ประกอบการ กำลังแย่งกันอยู่ มันไม่ได้เป็นเค้กที่ใหญ่กว่าเดิมมากมาย
หากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีเพียง 2-3 ราย คงไม่มีปัญหา
แต่หากแข่งกันสร้าง โดยหวังชนะกัน หวังว่าตัวเองจะขายได้ดีกว่าคู่แข่ง
ไม่ว่าใครจะแพ้หรือ ชนะ จำนวนห้องชุดที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในตลาด ไม่ว่าจะขายได้หรือไม่
มันจะมีจำนวนมากมายมหาศาล ได้เคยสำรวจกันอย่างจริงจังแล้วหรือยังว่า
คน คนหนึ่ง ถือ ใบจอง ถือสัญญาจะซื้อจะขาย หรือถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดกัน คนละกี่ห้อง
ผมว่ามีบางคน เป็นเจ้าของคอนโด 10 ห้อง หรือมากกว่า
บางคนก็ถือใบจอง นับไม่ถ้วน แต่ไม่มีความสามารถในการโอนกรรมสิทธิ์ได้หมด

ทุกวันนี้ตลาดระดับกลางกำลังจะแข่งขันกันอย่างหนัก
ขนาดบริษัทยักษ์ใหญ่ยังทิ้งสโลแกน บ้านเสร็จก่อนขาย
มาขายใบจอง ก่อนสร้าง ตามรอยเท้า บริษัทที่เล็กกว่า
และเมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่มาเล่นตลาดระดับกลาง ก็ต้องเดินตามรอยเท้าพี่ใหญ่
เจ้าตลาดเดิมอย่าง LPN ลดขนาดห้อง เหลือ 30 ตรม. แล้ว
ล่าสุดกำลังจะลดขนาดห้องเหลือ 25 ตรม. ตาม LPN
ที่กำลังจะเปิดตัว SANSIRI ห้องเริ่มห้องแบบใหม่ 25 ตรม.
ตามอย่าง LPN ด้วยหนึ่งอาคารมีห้องจำนวนยูนิตมาก
เมื่อแข่งขันกันออกโครงการกันหลายบริษัท อีกไม่นานทะเบียนบ้านของกรุงเทพมหานคร
ก็จะเพิ่มมากขึ้น แต่ผู้อาศัยในทะเบียนบ้านว่างเปล่า

ติดตามดูนะครับ แต่ละทำเล ในระยะเวลาไม่ต่างกันเท่าไหร่ จำนวนห้องชุด
เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณกี่เท่า

Create Date : 30 กันยายน 2553		3 comments
Last Update : 30 กันยายน 2553 17:36:39 น.
Counter : 844 Pageviews.
Share Tweet