คำพูดที่ได้ฟัง ตัวอักษรที่ได้ยล บทเพลงที่แผ้วพาล...อาจทำให้ความรู้สึกของวันเปลี่ยนไป
Group Blog
 
All blogs
 

ดีหรือไม่ดี...ยากที่จะบอก

นานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง พระราชาองค์นี้ มีคนสนิทคนหนึ่งที่พระองค์สนิทมาก และมักจะพาไปไหนมาไหนด้วยเสมอในทุกๆ ที่


 


แล้ววันหนึ่ง พระราชาก็ถูกหมาตัวหนึ่งกัดนิ้ว แผลฉกรรจ์มาก พระราชาจึงถามคนสนิทว่า นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า คนสนิทกลับตอบว่า “ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก”


 


และในที่สุด พระราชาก็ถูกตัดนิ้ว และพระราชาก็ถามคนสนิทอีกว่า นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า คนสนิทกลับตอบว่า “ดี หรือไม่ดียากที่จะบอก”


 


พระราชาโกรธมาก เลยจับคนสนิทขังไว้ในคุก


 


วันหนึ่ง พระราชาก็ได้เสด็จออกป่าล่าสัตว์ พระองค์ทรงตื่นเต้นมาก แล้วก็มุ่งเข้าไปในป่า ลึกเข้าไปเรื่อยๆ เมื่อมารู้ตัวอีกทีก็พบว่าพระองค์ได้หลงทางเสียแล้ว แต่ก่อนที่อะไรจะเลวร้ายไปกว่านั้น พระองค์ก็ได้พบกับชนเผ่าพื้นเมืองในป่าแห่งนั้น คนป่าพวกนั้น ต้องการจับพระราชาไปบูชายัญ


 


แต่พวกเขาก็พบว่าพระราชานิ้วขาด จึงรีบปลดปล่อยพระราชา เพราะเชื่อว่าพระราชาไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์เลย และไม่เหมาะที่จะนำไปบูชายัญ พระราชาจึงตัดสินใจกลับพระราชวังในที่สุด และสุดท้าย พระองค์ก็เข้าใจคำพูดของคนสนิทที่บอกว่า “ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก” เพราะถ้าพระองค์มีนิ้วครบสมบูรณ์ พระองค์ต้องถูกฆ่าโดยคนป่าพวกนั้นอย่างแน่นอน


 


พระราชาจึงสั่งปล่อยตัวคนสนิท และขอโทษเขา แต่พระราชากลับประหลาดใจ เมื่อคนสนิทกลับไม่โกรธพระองค์เลย ในทางตรงข้ามเขากลับบอกว่า มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยที่ท่านขังข้าไว้ ทำไมงั้นหรือ เพราะว่าถ้าพระองค์ไม่ขังข้าไว้ ข้าก็จะต้องตามท่านไปในป่า และในเมื่อท่านไม่เหมาะจะถูกบูชายัญ ข้าคงจะถูกนำไปบูชายัญแทนเป็นแน่ อีกครั้งกับคำที่ว่า ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก



เรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่มีการสรุปได้อย่างแน่นอนว่า ดี หรือ ไม่ดี บางครั้งสิ่งที่ดี อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย ในขณะที่สิ่งที่เลวร้ายอาจกลายเป็นดีได้



สิ่งดีๆอะไรก็ตาม ที่เกิดขึ้นกับเรา จงสนุกสนานกับมัน แต่อย่าไปยึดติดกับมัน จงคิดเสียว่ามันเป็นสิ่งที่มาสร้างความประหลาดใจให้กับชีวิตของคุณ อะไรต่างๆ ที่มันเลวร้าย ซึ่งเกิดขึ้นกับคุณ ไม่จำเป็นต้องไปเศร้าเสียใจ ในตอนท้าย มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2552    
Last Update : 18 มิถุนายน 2552 16:14:26 น.
Counter : 282 Pageviews.  

เรียนรู้ที่จะฝัน แล้วจะรู้ว่าโลกนี้น่าอยู่ - All I Have To Do Is Dream

พวกคุณจะต้องมีความฝัน เมื่อไรก็ตามที่คุณสูญเสียความฝันของคุณไป คุณจะตาย


มีคนมากมายที่ยังเดินไปเดินมาอยู่ทั้งๆ ที่ตายไปแล้ว และไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายไปแล้ว





When I want you in my arms


When I want you and all your charms


Whenever I want you, all I have to do is dream


Dream, dream, dream


When I feel blue in the night


And I want you to hold me tight


Whenever I want you, all I have to do is dream


I can make you mine, taste your lips of wine


Anytime night or day


Only trouble is, gee whiz


I'm dreamin' my life away


I need you so that I could die


I love you so and that is why


Whenever I want you, all I have to do is dream


Dream, dream, dream, dream


Dream, dream


Whenever I want you, all I have to do is dream


I need you so that I could die


I love you so and that is why


Whenever I want you, all I have to do is dream


Dream, dream, dream, dream


Dream, dream


Whenever I want you, all I have to do is dream


Dream, dream, dream


Dream




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2552    
Last Update : 17 มิถุนายน 2552 21:33:18 น.
Counter : 267 Pageviews.  

บทเรียนสำหรับงานบริการ

เรื่องแรกเกิดขึ้นที่ร้านไอศครีมแห่งหนึ่ง


ในสมัยที่ไอศครีมซันเดยังมีราคาถูกอยู่มาก เด็กชายอายุสิบขวบคนหนึ่ง เข้าไปในคอฟฟี่ชอปของโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วนั่งที่โต๊ะ  


เมื่อพนักงานเสริฟวางแก้วน้ำลงตรงหน้า เด็กชายก็ถามว่า


"ไอศครีมซันเดราคาเท่าใหร่ครับ?"  


"ห้าสิบเซ็นต์" พนักงานเสริฟสาวตอบ แล้วเด็กชายก็ดึงมือออกจากกระเป๋า แล้วก็นับเหรียญในมือ   


"งั้นไอศครีมเปล่าๆ ล่ะครับราคาเท่าใหร่?" เด็กชายถามอีก   


ตอนนี้เริ่มมีคนรอโต๊ะมากขึ้นและพนักงานเสริฟสาวก็เริ่มจะหมดความอดทน  


"สามสิบห้าเซ็นต์" เธอตอบห้วนๆ


เด็กชายนับเหรียญในมืออีกครั้ง 


"ผมขอไอศครีมเปล่าครับ" เด็กชายบอก


แล้วพนักงานเสริฟสาวก็เอาไอศครีมมาให้ เอาใบเสร็จมาให้แล้วก็เดินหนีไป เด็กชายทานไอศครีมหมดแล้ว ก็จ่ายเงินแล้วก็จากไป


เมื่อพนักงานเสริฟเดินกลับมา เธอก็เริ่มร้องให้เมื่อเธอเช็ดโต๊ะ 


บนโต๊ะนั้น เหรียญนิกเกิลราคาห้าเซ็นต์สองเหรียญ และเหรียญเพนนีอีกห้าเหรียญ วางอยู่อย่างบรรจงข้างจานนั้น  


เด็กชายไม่ทานไอศครีมซันเด เพราะเขาต้องเหลือเงินไว้ทิปพนักงานเสริฟสาวคนนั้น



อีกเรื่อง เกิดขึ้นในยุคโบราณ ณ ถนนแห่งหนึ่งบนภูเขาที่คดเคี้ยว


มีหินผาตกลงมาขวางถนนเส้นหนึ่ง เมื่อพระราชามาพบเข้าจึงซ่อนพระองค์อยู่ เพื่อคอยดูว่าจะมีใครมาเอาหินใหญ่ก้อนนั้นออกไปจากทาง  


เมื่อเสนาบดีในราชสำนักของพระองค์ และพ่อค้าผู้ร่ำรวยผ่านมา ก็เพียงแต่อ้อมหินผาก้อนใหญ่นั้นไป พวกเขากล่าวตำหนิพระราชาต่างๆ นานา ที่พระองค์ไม่ใส่พระทัยที่จะดูแลทางนั้นให้ดี แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรที่จะเอาหินนั้นออกไปให้พ้นทาง  


จนกระทั่งชาวบ้านคนหนึ่ง แบกผักกองใหญ่ผ่านมาเมื่อเขาเดินมาถึงหินผานั้น เขาก็วางสัมภาระลง แล้วพยายามที่จะขยับก้อนหินนั้นให้พ้นทาง 


หลังจากทั้งผลักทั้งดึงหินก้อนนั้น ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ เมื่อเขาหยิบสัมภาระของเขาขึ้นมา เขาก็เห็นถุงเงินวางอยู่ตรงจุดที่ก้อนหินผาเคยอยู่ ในถุงนั้นมีเหรียญทองและจดหมายจากพระราชา เขียนไว้ว่า “ทองในถุงนี้ เป็นของผู้ที่เอาหินผาออกไปจากถนน”


ชาวบ้านคนนั้นได้รู้สิ่งที่เราไม่เคยได้รู้ ทุกๆ อุปสรรคที่กีดขวาง จะมีโอกาสที่ดีให้กับเรา





 

Create Date : 17 มิถุนายน 2552    
Last Update : 17 มิถุนายน 2552 17:20:32 น.
Counter : 401 Pageviews.  

ชีวิตที่ไม่มียางลบ

สมัยเด็ก ครูสอนศิลปะท่านหนึ่งมักพูดเสมอว่า “เวลาเราใช้ดินสอวาดภาพ เราห้ามใช้ยางลบ”


ตอนนั้น ฉันไม่เข้าใจจุดประสงค์ของครูสักเท่าไหร่ รู้เพียงแต่ว่าเวลาฉันวาดภาพแล้วเส้นมันบิดเบี้ยว ฉันก็อยากแก้ให้มันตรงสวย แต่ทุกครั้งที่ฉันหยิบยางลบขึ้นมาเพื่อจะลบภาพนั้น ครูของฉันก็จะเตือนถึงกติกานั้นเสมอ


สุดท้ายฉันจึงเลือกใช้วิธีต่อเติมภาพนั้นไปตามจินตนาการ เช่น ถ้าฉันตั้งใจวาดรูปหน้าคน แต่ฉันเผลอวาดดวงตากลมโตเกินไป ฉันก็จะใช้วิธีเปลี่ยนตากลม นั้นเป็นแว่นตาแทน


แม้ตอนนั้นฉันจะไม่เข้าใจว่าทำไมฉันจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ และแม้ฉันจะไม่เคยคิดวาดรูปหน้าคนใส่แว่นตามาก่อน แต่ฉันก็ได้รูปหน้าคนตามที่ต้องการ แถมยังภูมิใจว่า ฉันสามารถวาดภาพๆ นั้นด้วยความมั่นใจ และไม่ต้องใช้ยางลบลบภาพเลยสักครั้ง


เวลาผ่านไป ฉันโตขึ้น ฉันเรียนรู้ว่า สิ่งที่ครูสอนวันนั้น แท้จริงแล้วมันปลูกฝังนิสัยหนึ่งให้กับฉัน นั่นคือ การเข้าใจธรรมชาติของความผิดพลาด ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนทุกคน 


และในชีวิตหนึ่งนี้ก็มีหลายครั้ง ที่ฉันได้พบมันโดยไม่ตั้งใจ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันยอมรับความผิดพลาดเหล่านั้น และรวบรวมสติเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ก็คือ การที่ฉันเข้าใจว่า ธรรมชาติของความผิดพลาด คือ การที่มันเกิดขึ้นแล้วจะคงอยู่อย่างถาวร


ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ ลบความผิดพลาด แต่ฉันจำเป็นต้องใช้สมองต่อเติมแก้ไขภาพวาดของฉันให้สมบูรณ์ด้วยตัวเอง 


ดังนั้น ถ้าความผิดพลาดมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว การที่เราจะมานั่งร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนขอแหกกฎเพื่อใช้ยางลบกลับไปลบแก้ไขมันนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่จะทำได้ก็คือ รู้จักพลิกแพลงแก้ไขสิ่งเหล่านั้นด้วยสติ และวาดภาพของตัวเองต่อไปด้วยความระแวดระวังมากขึ้น


ทุกคนมีดินสอหนึ่งแท่งเพื่อจะวาดภาพชีวิตของเราให้สวยงาม แต่เราไม่มียางลบสักก้อนที่จะเอาไปลบสิ่งที่เราทำผิดพลาดมาแล้วได้ ดังนั้นเราต้องตั้งใจ และมีสติทุกครั้งที่ลากเส้น และถึงแม้ภาพที่เราวาดจะออกมาไม่เหมือนกับภาพที่เราฝันไว้สักเท่าไหร่ แต่มันก็มาจากมือของเรา เราควรจะภูมิใจกับมันได้เสมอ


ไม่ต้องกลัวหรอก แม้จะรู้ดีว่าสักวันหนึ่ง เราอาจลากเส้นบิดเบี้ยวไปบ้าง เพราะถึงอย่างไร ฉันเชื่อว่า ถ้าสมองและหัวใจของเราทำงานอย่างเต็มที่ ภาพชีวิตของเราก็งดงามได้ โดยไม่ต้องใช้ยางลบ





 

Create Date : 16 มิถุนายน 2552    
Last Update : 16 มิถุนายน 2552 22:01:39 น.
Counter : 468 Pageviews.  

โปรดอย่าเก็บสิ่งใดๆ ไว้ใช้ในโอกาสพิเศษ

ชายสูงอายุผู้หนึ่งเปิดลิ้นชักตู้ของภรรยาแล้วหยิบของสิ่งหนึ่งซึ่งห่อด้วยกระดาษฟางออกมา แล้วรำพึงขึ้น เบาๆ ว่า "นี่ไม่ใช่เพียงแค่อะไรสักอย่างหนึ่ง หากแต่เป็นชุดชั้นในสตรี"


เมื่อเขาแกะกระดาษห่อออก จึงเห็นผ้าไหมสวยๆ และฝีมือการตัดเย็บที่ประณีต


"เราซื้อเมื่อครั้งไปเที่ยวนิวยอร์กด้วยกันเป็นครั้งแรก สักแปดปีหรือเก้าปีก่อนกระมัง เธอไม่เคยได้ใช้มันเลย เพราะตั้งใจเก็บไว้สวมประณีตในโอกาสพิเศษ ซึ่งฉันก็คิดว่าโอกาสนั้นมาถึงแล้ว"


เขาเดินเข้าไปใกล้เตียงนอน วางชุดชั้นในนั้นร่วมกับข้าวของอื่นๆ ที่เขาจะนำไปที่สุสาน ใช่แล้ว...ภรรยาของเขาเพิ่งจากไป แล้วชายสูงอายุผู้นั้นก็หันหน้ามาที่ผมพร้อมกับพูดว่า "โปรดอย่าเก็บสิ่งใดๆ ไว้ใช้ในโอกาสพิเศษ ขอให้ถือว่าทุกๆ วันที่กำลังผ่านไปเป็นวันที่มีความหมาย"


ผมกำลังนึกถึงคำพูดของเขา คำพูดที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผม ทุกวันนี้ผมอ่านหนังสือมากขึ้น พยายามเลิกวุ่นวายกับเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย ผมนั่งลงตรงระเบียง และชื่นชมทิวทัศน์ โดยไม่ใส่ใจกับวัชพืชในสวน ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับครอบครัว เพื่อนฝูง และทำงานให้น้อยลง ผมเพิ่งมาเข้าใจว่า ชีวิตนั้นเป็นผลพวงมาจากประสบการณ์ ที่เราควรจะแสวงหาความเพลิดเพลิน มิใช่เพียงแค่การดำรงชีพไปวันๆ ผมจึงเลิกเก็บสิ่งหนึ่งสิ่งใดไว้ นึกจะใช้อะไรก็หยิบออกมาใช้


ทุกวันนี้ผมใช้แก้วคริสตัลเป็นกิจวัตร ขณะที่ใส่เสื้อคลุมตัวใหม่ไปจับจ่ายซื้อของ ในซูเปอร์มาร์เก็ต ก่อนหน้านี้ผมจะใช้น้ำหอมอย่างดีเฉพาะในโอกาสสำคัญเท่านั้น แต่ตอนนี้คำว่า "วันหน้า" ดูเหมือนจะเลือนหายไปจากผมโดยปริยาย อะไรก็ตามที่มีคุณค่าต่อการฟังการชม หรือการกระทำ ผมเป็นอันต้องขอฟัง ชม หรือขอทำในขณะนั้นเลยทีเดียว


ผมไม่แน่ใจว่าภรรยาของชายสูงอายุคนนั้นจะทำอะไรบ้าง ถ้าเธอสามารถล่วงรู้ว่าจะไม่มีโอกาสได้อยู่ชื่นชมกับวันพรุ่งนี้ เธออาจโทรศัพท์หาญาติๆ และเพื่อนสนิท หรือบางทีเธออาจจะโทรหาเพื่อนเก่าๆ เพื่อขอโทษขอโพยเรื่องราวในอดีต หรืออาจจะขอไปรับประทานอาหารตะวันออกที่เธอโปรดปราน


ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นกับผม ผมคงหัวเสียเพราะอดที่จะได้พบปะเพื่อนฝูงที่ผมนึกว่าคงจะได้เจอะเจอกันในเร็วๆ นี้ ไม่ได้เขียนจดหมายหาเพื่อนฝูง ทั้งที่ตั้งใจว่าจะเขียน ขณะเดียวกันผมก็คงเศร้าใจ ที่จะไม่มีโอกาสบอกคนใกล้ชิดว่า ผมรักพวกเขามากเพียงใด ผมไม่ยอมผัดวันประกันพรุ่งอีกแล้ว ตรงกันข้าม ผมกลับเฝ้าบอกตัวเองเสมอ ว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ ทุกๆ วัน ทุกๆ ชั่วโมง ทุกๆ นาที คือเวลาที่มีความหมายทั้งสิ้น


คนหลายคนมักใช้ชีวิตเพื่อวันข้างหน้า หลายคนทำงานหนักเพื่อวันข้างหน้า โดยลืมถึงวันนี้ ลืมนึกถึงคนที่อยู่กับเราในวันนี้ คุณกำลังลืมความฝันในวัยเด็ก ความฝันที่อยากจะโตเป็นผู้ใหญ่ แต่คุณกำลังมองหาความฝันในวันข้างหน้า ทั้งๆ ที่ความฝันในวัยเด็กที่ฝันอยากจะทำอะไรตั้งหลายอย่างตอนโตก็มาถึงแล้ว

อย่างที่ข้อความในหนังสือเล่มหนึ่ง พูดไว้สั้นๆ ว่า "คนอยากกินส้มมักจะลืมไปว่าตัวเองอยากกินแค่ไหน ก็ตอนที่กำลังเคี้ยวส้ม" ในความหมายก็คือ ขณะคุณกำลังเคี้ยวส้ม คุณก็มักจะนึกต่อไปว่าเดี๋ยวจะไปทำโน่นทำนี่แทนที่จะตั้งใจลิ้มรสกับส้มกลีบนั้น อย่างที่อยากอย่างที่ฝันกัน..




 

Create Date : 16 มิถุนายน 2552    
Last Update : 16 มิถุนายน 2552 20:55:03 น.
Counter : 203 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

youringmybell
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




วันว่าง จาก วันงาน เลยเอา เวลา มา ใช้จ่าย ในโลก cyber

เพื่อ หลบลี้ จาก โลก แห่ง ความเป็นจริง บ้าง..ในบางเวลา
Friends' blogs
[Add youringmybell's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.