ตำนานเมื่อ 3000 ปี นานมาแล้ว

สมาชิกหมายเลข 1277258
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1277258's blog to your web]
Links
 

 
ความเป็นมาตอนที่ 3

กล่าวถึงหัวข้อ ตำนานกวนเกษียรสมุทร คงไม่มีใครรู้ว่า ภูเขามันทรคีรีนั้น อยู่ที่พระธาตุกลางแม่น้ำโขง ซึ่งบริเวณแถวนั้นจะมีน้ำวนอยู่ด้านล่าง จะต้องเป็นสถานที่มีพญานาคเกี่ยวข้อง ตอนที่กวนเกษียรสมุทรอยู่นั้น จะมีเต่าอยู่ด้านล่างใต้ภูเขา มันเป็นเต่าทะเล ภาษาอังกฤษเขียนว่า Taweret (Taw-te-re เต่าทะเล) สาเหตุที่เขียนกลับด้านก็เพราะต้องการสร้างโลกใหม่ตามที่ผู้สอน(อาจารย์)ถูกท้าทาย เดิมทีแม่น้ำโขงนั้นเป็นน้ำทะเลมาก่อน แม้ว่าปัจจุบันจะเป็นน้ำจืดไปแล้ว สาเหตุก็เพราะว่าโลกมันกลับทิศทาง ตามที่กล่าวแล้วว่าประเทศจีนเคยอยู่ทางทิศใต้ ซึ่งบรรพบุรุษของคนจีนก็ทราบดี ตอนที่พญานาคคายพิษออกมานั้น ทำให้สัตว์บางตัวผิวหนังพุพอง แผลที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากน้ำเมาของพระอินทร์(ผู้สอนหรืออาจารย์)ที่อาเจียนออกมา เพราะต้องการให้ลืมความทรงจำในอดีตและกลายเป็นพญาช้าง จะได้เกิดเป็นสัตว์ที่เท่าเทียมกับเสือสมิง และนั่นคือต้นกำเนิดของพญาคันคาก ทำให้ต้องคายเมือกอยู่ตลอดคล้าย ๆ น้ำลาย พิษของงูคืออาเจียนของพระอินทร์เป็นกรดชนิดรุนแรงจึงมีสีขาวขุ่น ผู้เขียนเองก็เวียนหัวกับการสร้างเรื่องราวของพวกเขา ส่วนพญาแถน เท่าที่รู้ชื่อของเขามาจากคำว่า แถ่นแทนแท๊น เป็นเสียงดนตรีก่อนเปิดการแสดงในโรงละครจะมีเสียงนี้เกิดขึ้น เหมือนการแสดงแบบตะวันตก ถ้าคุณรู้จักงูพันเต่า หรืองูรัดตัวเต่า หมายถึงเต่าดำเทพปกรณัม ตำนานกล่าวว่าเต่านำคำถามไปสู่โลกแห่งวิญญาณแล้วจะนำคำตอบมายังโลกมนุษย์ คำตอบที่ผู้เขียนเข้าใจมันคือคำ "ท้า-ทาย" ระหว่างผู้สอนกับเสือสมิง จึงเกิดเป็นชาวทายหรือไตหรือไทย มันก็เกิดขึ้นในตอนกวนเกษียรสมุทรที่นี่อีกด้วย ดังนี้ชาวอีสานจึงมีความเชื้อเกี่ยวกับเทพเจ้าจีนโดยจะเห็นว่ามีศาลจีนในแต่ละจังหวัด คำว่าจีน มาจากคำว่า ชิงชัย Chingchai เรียกสั้น ๆ ว่า Chin หรือจีน และ ท้าทาย ก็เรียกสั้น ๆ ว่า ไทย

ในเวลานั้น ผู้สอนตัวติดกันกับร่างของเสือสมิง ซึ่งมันก็มั่วไปมั่วมาค่อนข้างแยกแยะได้ยาก ส่วนพระพุทธเจ้าโคตมะมีสัญลักษณ์คือวัวพระโพธิสัตว์ และลูกวัวของพระองค์ก็คือพระศรีอาริย์ นั่นคือทำไมพระศรีอาริย์จะไม่สร้างคำสอนฉบับใหม่ขึ้นมาแต่จะนำคำสอนของพระพุทธเจ้าโคตมะ(แม่วัว)มาทบทวนให้ถูกต้อง

การกวนเกษียรสมุทรเป็นเรื่องโม้ขึ้นมา ถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เรื่องจริงมีเรื่องเดียวคือฌานสมาบัติเป็นวิธีการสื่อสารกันทางโทรจิต เป็นค่าพลังงานต้นแบบที่เกิดขึ้นซึ่งอยู่ข้างนอกจักรวาลมาช้านานแล้ว เพระว่าการไม่มีตัวตนจะอยู่คู่กับการเป็นอมตะ เพราะฉะนั้นร่างกายก็แค่เสื้อผ้า เราจึงใช้หัวโขนมาแสดงเพื่อให้สนุก มีการออกแบบร่างกายกันอย่างวิจิตพิสดารมากกว่าที่คุณเคยสัมผัส แต่ไม่ใช่ที่นี่ สำหรับโลกใบนี้ก็เป็นแค่เด็กดื้อคนหนึ่งเท่านั้น ในโลกของพวกเรา จะพบว่าความคิดของแต่ละคนไม่มีอะไรปกปิดมันได้เลย คิดอะไรออกไปมันจะปรากฎเป็นภาพติดอยู่ที่ตัวคุณไปตลอด เปรียบเสมือนแปะไว้ที่หน้าผาก แต่โลกใบนี้มีข้อเสียคือสามารถปกปิดความในใจกันได้ อีกทั้งร่างกายหรือเสื้อผ้าที่นำมาใช้ไม่เกินหกสิบปีก็ชราแล้ว ในเรื่องของระบบการสร้างร่างกายใหม่หรือเด็กทารก ก็เป็นวิธีที่แตกต่างจากความจริงโดยสิ้นเชิง เรื่องจริงคือโลกใบนี้มีผู้สอนกับผู้ถูกสอนเพียงแค่สองฝ่ายแค่นั้น ถ้าถามว่าลูกไฟพญานาคเกิดขึ้นได้อย่างไร มันจะต้องมีสัตว์บางชนิดที่เราไม่รู้ตัวใหญ่มากอาศัยอยู่ใต้น้ำ มีเกล็ดเหมือนจระเข้แต่ใบหน้าคล้ายฮิปโปโป ที่ตรงกับภาษาไทยว่า  โผะโผะผี(ฮ์) เขาก็คือ Taweret หรือเต่าทะเล เวลาเห็นตัวอะไรประหลาดก็จะเหมือนผีไปหมด สัตว์ตัวนี้เป็นลักษณะเดียวกับมังกรอยู่ที่เกาะมาดากัสการ์ หรือตัวเงินตัวทองในบ้านเรา แต่ว่าเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งซึ่งอยู่ในน้ำลึก ความยาวประมาณมากกว่า 7 เมตร มีเกล็ดแผ่นหลังคล้ายจระเข้ เป็นสัตว์กินเนื้อ เพราะว่าใต้แม่น้ำโขงเป็นทราย และสัตว์ชนิดนี้ก็ชอบมุดดินอยู่ด้านล่างทราย จึงยากกับการพบเห็น มีภาพประกอบด้านบน หากใครรู้จักตำนานอุรังคธาตุที่เป็นเรื่องของพระพุทธเจ้า จะมีคำพูดหนึ่งที่อ้างถึงกิ้งก่า ก็คือสัตว์ที่กล่าวถึงนี้ พญานาคเป็นเรื่องของภาพวาดทางความคิด จากการที่ผู้สอนได้ถูกท้าทาย (Tha-Thai) เนื่องจากเสือสมิงกล่าวอ้างว่า การบรรลุธรรมเป็นเรื่องยากสำหรับสัตว์ ทำไมผู้สอนไม่ลองมาเกิดเป็นสัตว์ดูบ้างหล่ะ จึงทำให้ตกลงกันไม่ได้ จากนั้นผู้สอนจึงรับคำท้าทาย แล้วควักดวงตาข้างหนึ่งและตัดแขนอีกข้างหนึ่ง นำมาสร้างสัตว์ให้เป็นพระโพธิสัตว์ ก่อกำเนิดเป็นสัตว์สี่เท้า (มนุษย์เป็นสัตว์ครึ่งคนครึ่งงู หรือมนุษย์ปลาไหลมีแค่สองแขน) ในเวลานั้นเข้าใจผีกองกอย ซึ่งมีขาเดียวก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อค้นหาวิธีบรรลุธรรม และคำสั่งสอนต่าง ๆ ซึ่งเป็นไปตามคำสอนของพระพุทธเจ้าโคตมะ สัญลักษณ์ของพระองค์คือวัว หากใครได้ทราบประวัติของวัดดอยป่าตาลที่จังหวัดลำปาง ครั้งหนึ่งมีพระโพธิสัตว์วัววแม่ลูกมาด้วยกัน ในตำนานบอกว่า แม่กับลูกนอนอยู่ที่นี่ที่วัดดอยป่าตาล อันที่จริงในเวลานั้น แม่วัวได้ถูกเสือสมิงกินเข้าไปแล้ว แม่วัวจึงปล่อยลูกและโยนทิ้งน้ำให้หนีไป เกิดเป็นตำนานสายน้ำแม่รำพัน เป็นสายน้ำของวิถีชีวิตชาวสุโขทัยโบราณ มีภาพจีนภาพหนึ่งที่นานมาแล้วพวกเขาได้เก็บมันไว้ เป็นลูกม้าลายที่ถูกโยนทิ้งลงในแม่น้ำ

ลูกวัวที่หนีออกมาได้นั้นเราเรียกว่าพระรอด ส่วนแม่วัวที่ถูกเสือกินนั้นเราเรียกว่าพระร่วง ผู้เขียนเข้าใจว่า ลูกของแม่วัวนั้น หนีลงมาสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และมาหยุดอยู่ที่ปากอ่าวสมุทรสาคร

ในตำนานของพระอังคีรส (เองขี่รถ) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำรัชกาลแต่ละสมัย เป็นพระพุทธรูปที่เกี่ยวข้องกับกวางหมอบ (ลูกวัวที่หนีมาได้) รวมทั้งล้อพระธรรมจักร ซึ่งปรากฏอยู่ที่พระปฐมเจดีย์ ตามที่ได้กล่าวแล้วว่าสัตว์ทุกตัวจะไม่รู้ภาษาไทยทุกคำ เช่นคำว่า สามารถ พวกเขาเรียกว่า สา-มา-รถ หรือ สามรถ(ล้อ) และอีกคำคือ มาตเท่ห์ (มารถ) กับ ท่าน Lord หรือ ท่านหล่อดี อันที่จริงล้อที่ว่านี้ ก็คือพวงมาลัยบังคับเรือสำเภาในเวลานั้น เป็นตำนานที่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผู้เขียนรู้แล้วว่าเขาคือ Rhodes (หล่อดี) Colossus ไม่มีใครรู้ว่าสถานที่จริงอยู่ที่ไหน นี่คือบุญกุศลของคนไทย ที่ตำนานเก่าแก่อยู่ในแผ่นดินไทย เพราะชาวรามัญก็คือชาวโรมันในอดีต แต่อพยพถิ่นฐานไปที่อื่นแล้ว สถานที่แห่งนี้ ชาวกรีกหรือโรมันบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับชัยชนะ เป็นที่ที่พระเจ้า ใช้เท้า 2 ข้างเหยียบบนแผ่นดินเพื่อข้ามฟากและเป็นท่าเรือ พระเจ้ายกหม้อดินเผาที่จุดควันไฟขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อประกาศชัยชนะ และปลายธนูก็ชี้มาที่ภูเขายอดแหลม (เจดีย์) ที่แห่งนี้คือวัดช่องลม ท่าฉลอม มหาชัย (เฉลิมมหาชัยชนะ) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพระปฐมเจดีย์ที่เกี่ยวข้องกับกวางหมอบ จะเห็นเจดีย์กับหม้อดินจำนวนมากล้อมรอบอยู่เต็มไปหมดซึ่งไปอยู่ที่วัดช่องลมสมุทรสงคราม พวกเขาสร้างวัดช่องลมไว้สามสมุทรด้วยกันคือ สมุทรปราการ(เจ้าพระยา)-สมุทรสาคร(ท่าจีน)-สมุทรสงคราม(แม่กลอง) ในรูปแบบนี้จุดที่ประกาศชัยชนะคือตรงกลาง เพราะพระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ให้เดินสายกลาง อะไรจะขนาดนั้นทำไว้ตั้งสามแห่ง งงไปหมด คำว่า ท่าจีน มาจากคำว่า ท้าจีน มันคือชัยชนะที่ชาวโรมัน(รามัญ)ได้กล่าวถึง ท่าฉลอมมีสัญลักษณ์สามสิ่ง รถสามล้อ ถนนถวาย(ถวายเพี้ยนมาจากคำว่า ถ้วย ที่ปั้นจากดิน) และท่าเรือข้ามฟาก และคำว่าข้ามฟาก เป็นที่มาของคำว่า ผ้าขาวม้า เพราะมันจะดูพิลึกถ้าไม่สวมเสื้อผ้า หรืออีกนัยหนึ่งคือม้าสีขาวและมีลวดลายอยู่บนผิวเนื้อผ้า เขาก็คือม้าลายนั่นเอง ที่ถูกน้ำพัดออกไปไกลอีกฟากในเวลานั้น





หากข้อความข้างนี้เป็นจริงตามที่ผู้เขียนบอก ก็ขอให้ฟ้าดินช่วยทำให้พระปฐมเจดีย์เกิดปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ครั้งใหญ่ด้วยเถิด
 


Create Date : 22 ตุลาคม 2563
Last Update : 23 ตุลาคม 2563 11:28:16 น. 0 comments
Counter : 421 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.