We don't care Bear or Bull! ... ThaiDayTrade.com
Group Blog
 
All Blogs
 
“Follow Buy” after Breaking UP … The hour we’ve been waiting for

“ทุกคนจะมีจังหวะฟ้าลิขิต...ทุกคนต้องเคยได้รับโอกาสนั้น แต่คุณจะตักตวงมันได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง” .........กูรูหุ้นพันล้าน... วิชัย วชิรพงศ์ เสี่ยยักษ์

“Follow Buy” after Breaking UP … The hour we’ve been waiting for

หลังจากไหว้ครู ยกวาทะ ครูใหญ่ “เสี่ยยักษ์” มาเป็นศิริมงคลแล้ว ThaiDayTrade.com ก็จะขอเข้าเรื่องต่อ อยากให้เห็นความสำคัญ ของกลยุทธ์ “Follow Buy” ถึงโอกาสจะมีไม่บ่อยนัก แต่น้ำขึ้นต้องรีบตัก

ขอพูดคุยเผื่อไว้เป็นการล่วงหน้าครับ หากเราเจอสถานการณ์ Break Out and UP with Volume Outperform ในโอกาสต่อๆไป …………. โอกาสเช่นนี้ มันทำเงินได้มากๆ จนถึงมากมายมหาศาล มากเพียงพอ ที่จะนำเศษของกำไร ไปแบ่งจ่ายขาดทุนบ้าง ในหลายๆครั้ง ที่เราผิดพลาดจากเทรดดิ้ง ไม่ว่าจะเป็น ขาดทุนจริง เป็นตัวเงิน หรือ ขาดทุนค้างพอร์ต แบบที่ว่า “ไม่ขายไม่ขาดทุน” ก็ตาม และ ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการ ขึ้นจริงหรือขึ้นหลอก ของ SET Index หรือของ Index Futures หรือ ของหุ้นรายตัว ก็ตาม โดยกำไรในส่วนนี้ มากเพียงพอ ที่มือเก่าที่มีประสบการณ์หลายท่าน จะซื้อเต็มวงเงิน แล้วนำเฉพาะ กำไรจำนวนมากออกมา ในวันด้วยซ้ำ หากยังไม่มั่นใจภาวะตลาด

Sideway before Breaking Out

ไม่ว่าจะเป็น Stock Trading, Option & Futures Trading, Forex Trading, Commodity Trading, etc. เราต่างก็เคยเจอสถานการณ์ลำบากใจเสมอ สถานการณ์ที่เมื่อมันวิ่งไปชน กรอบบน แล้วก็ลง แต่พอลงมาชน กรอบล่าง แล้วก็ขึ้น แต่พอขึ้นไปนิดนึง มันก็ลงอีก และลงมาแป๊ปนึงมันก็ขึ้นอีก การเคลื่อนไหวของระดับราคา มันแกว่งแคบมาก แคบจนซื้อไป ก็ไม่มีกำไรให้คุ้มเสี่ยง ขายไป ก็ไม่มีโอกาสให้ซื้อกลับ โวลุ่มตลาดก็สุดแสน จะเบาบาง สถานการณ์แบบนี้ จำเป็นต้อง รอคอย สถานเดียว รอมันเลือกทาง รอดูว่ามันจะ break up หรือ break down กรณีถ้าเป็น Futures Trading ก็ยิ่งให้โอกาสทำกำไรงามทั้ง 2 ทาง ถ้ามันเลือกที่จะ break up ก็ต้อง long ขึ้นไปในทันทีที่มันตัดสินใจเลือกขึ้น หรือ ถ้ามันเลือกที่จะ break down ก็ต้อง short ลงไปในทันทีที่มันตัดสินใจเลือกลง แต่ในที่นี้จะมุ่งเน้นคุยกัน ในเรื่องของหุ้นก่อนดีกว่า เพราะกลยุทธ์ของ Option Trading & Futures Trading มันยาวเกินกว่าพื้นที่ในหน้านี้

Break Out

กรณี SET แกว่งไปมาแคบๆ เป็นเวลานาน เช่น เคลื่อนไหวไปมา ไม่เลือกทางซะที สมมุติตัวเลขว่ามันวิ่งไปมาระหว่าง 800-820 เรามี 2 ทางเลือก ใช่ไหมครับ คือ พนันว่า SET จะขึ้นแน่ๆ เราก็เลย bet เลือกซื้อหุ้น ซึ่งหาก SET Index มันขึ้นจริง เราก็จะได้ของถูก และกำไรงาม แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอคอยมัน อีกนานแค่ไหน กว่ามันจะเลือกทาง แต่หาก SET Index เลือกลง เราจะติดหุ้น ที่ราคาสูงเลย หรือไม่ก็ต้องขายขาดทุน เมื่อ limit loss อีกทางเลือกหนึ่ง รอซื้อ เมื่อมันเลือกได้แล้วว่าจะขึ้น รอซื้อเมื่อมันผ่าน 820 แน่นอนแล้ว

ไม่ว่าจะขึ้นจริงจัง หรือ ขึ้นกลางๆ หรือ ขึ้นหลอกๆ แต่การที่มัน Breakout and up ขึ้นไปได้ มันจำเป็นต้องไปต่อระยะนึงก่อน ดังนั้น ณ จุดที่ breakout and up สำเร็จ จึงเป็นโอกาสทำกำไรงามในวัน ได้เลยทีเดียว เพราะมันจำเป็น ต้องไปต่อ (ทำไม จึงจำเป็นต้องไปต่อ ดูในส่วนของ Volume Outperform)

แนวคิดนี้ ใช้ประยุกต์ได้ กับใน Futures Trading และ หุ้นรายตัว เช่นกันคับ ยกตัวอย่างกรณีของ Thai Oil Plc. และ PTTCH โดนบีบโดนกด อยู่ระยะนึง ขึ้นก็ไม่ขึ้น ลงก็ไม่ลง นี่ก็เป็นการรอเลือกทาง เช่นกัน อย่างรอบล่าสุดของ TOP ก่อนประกาศเงินปันผล พอลงมา 78 ก็ขึ้น แต่พอขึ้นไปใกล้ 80 ก็ลง แต่พอลงมาถึง 78 ก็ขึ้นอีก และเมื่อเข้าใกล้ 80 บาท ก็ลงอีก ….. อย่างนี้ ก็คือ การรอเลือกทางเช่นกัน

Resistance Area

ระดับราคาของหุ้นรายตัว ที่ขึ้นไปแล้วติดแนวต้านที่ราคานั้นๆ เป็นประจำ หรือ ระดับดัชนีของ SET ที่ขึ้นไปแล้วติดแนวต้านที่ SET Index นั้นๆเป็นประจำ แต่ไม่ยักกะลงซะที แสดงว่า ผู้เล่นหลักเจตนา block หุ้น ไม่ยอมให้ผ่าน (ยังเก็บของได้ไม่ครบ จึงขนหุ้นมาขวางที่ฝั่ง offer ไม่ให้ขึ้น แล้วตั้ง bid รอซื้อ) หรือแปลว่า มีออร์เดอร์ขาย ที่ระดับราคานั้นๆจำนวนมาก (แต่ที่ราคาไม่ลง เพราะ มีคนตั้งซื้อ รอซื้อจำนวนมากเช่นกัน)

เมื่อมันผ่านได้ แสดงว่า ผู้เล่นหลัก ไม่ block หุ้นแล้ว หรือ ออร์เดอร์ขาย ณ ระดับราคานั้น completed แล้ว ไม่มีของมาขาย ณ ระดับราคานั้นแล้ว ออร์เดอร์ขาย อย่างจริงจัง หมดเกลี้ยงแล้ว ………… เมื่อผ่านแนวต้านสำคัญนั้นๆ ไปได้แล้ว มันจำเป็นต้องไปต่อ (ทำไม จึงจำเป็นต้องไปต่อ ดูในส่วนของ Volume Outperform)

Volume Outperform

เมื่อ SET Index หรือหุ้นรายตัว ผ่านแนวต้านสำคัญไปได้ พร้อมด้วย Volume Outperform เราจะถือว่านี่คือ การ การันตี ขาขึ้นรอบใหม่ เพราะผู้เล่นหลัก จะรีบกวาดซื้อหุ้นส่วนที่เหลือในทุกระดับราคา เพื่อ อำนาจ control หุ้น ส่วนกองทุนต่างๆที่ไม่ใช่ผู้เล่นหลัก เมื่อเห็นว่า มันผ่านแนวต้าน ไปได้แล้ว ก็จะ “Strong Buy” ในทันที ก่อนที่ราคาจะไปไหนไกล เพื่อจะได้ไม่ต้องโดนตำหนิ จากคณะกรรมการการลงทุนว่า ทำไม ยูไปซื้อสูงกว่าราคาเฉลี่ย หรือ ทำไมยูไม่ซื้อ ไอม่ายเข้าใจ ขณะที่เซียนหุ้นทั้งหลาย ก็จะ “Follow Buy” เพื่อเกาะ Fund Flow ขึ้นไป โดยจะมีคนส่วนใหญ่ ในตลาด ได้แต่นั่งมอง ว่ามันขึ้นไปเร็วจัง มันขึ้นไปมากแล้ว ……….. กระบวนการไล่ซื้อ อย่างรวดเร็วและรุนแรง จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่า “คนสุดท้าย” จะเข้ามา

คำว่า Volume Outperform ไม่ใช่การดูเพียงว่าตัวไหนติด Most Active หรือ Top Gainers นะคับ เพราะหุ้นส่วนหนึ่ง มีคนเทรดมากและติด Most Active โดยปกติอยู่แล้ว ส่วนกรณี Top Gainers บอกเพียงว่า หุ้นตัวไหนวิ่งขึ้นเยอะ ไม่ได้บอกว่า มันจะไปต่อ และ Volume Outperform ก็ไม่ใช่การดูว่า หุ้นตัวนั้น มีเปอร์เซ็นต์ซื้อมากกว่าเปอร์เซ็นต์ขายด้วยคับ นั่นมันภาพลวงตา ….. Big Players สามารถ bid เอง offer เอง เคาะซื้อเอง เคาะขายเอง เพื่อลวงกันได้ ไม่ว่าจะเป็น หุ้นตัวใหญ่หรือหุ้นตัวเล็กก็ตาม

แต่หุ้นที่มี Volume Outperform จะเป็นหุ้นที่มีเม็ดเงิน เข้ามาลุยมากๆ ในวันแรกๆ มีปริมาณการเทรดหนาแน่น เมื่อเทียบกับปริมาณการเทรดเฉลี่ย ของหลายวันทำการที่ผ่านมา …….. ถ้าโวลุ่ม เข้าข่าย Outperform และราคาขยับ ขึ้นเรื่อยๆ แปลว่า เม็ดเงินกำลังเข้ากวาดซื้อ และหากราคานั้น ผ่านแนวต้านไปได้ แสดงว่า มันกำลังจะวิ่งไปทดสอบแนวต้านต่อไป บนโน้นเลย ยิ่งต้องเลือกใช้ กลยุทธ์ "ยิ่งขึ้นยิ่งซื้อ" คนส่วนใหญ่เมื่อเจออาการเช่นนี้ มักจะซื้อไม่ทัน ติว่าแพง หรือ ต่อรองราคาในช่วงขาขึ้น (แต่ยินดีซื้อถูกในช่วง ขาลง)

“สำหรับผม ถ้าจะซื้อหุ้น...ต้องดูทรง (กราฟ) ด้วย แม้ราคาจะขึ้นมาแล้ว 30% ถ้ายังพอไปต่อไหว...ก็เล่น ผมถือว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า บนสวรรค์มีไม่รู้ตั้งกี่ชั้น แต่เวลาลงนรกก็มีไม่รู้ตั้งกี่ขุมเช่นกัน จะไม่มีคำว่าถูก ว่าแพงในตลาดหุ้น"......... คุณ วัชระ แก้วสว่าง หรือ เสี่ยป๋อง รายใหญ่ตลาดหุ้น

ข้อสังเกต: ความต่างระหว่าง "แมงเม่า" กับ "Follow Buy" คือ แมงเม่า จะเข้าซื้อเมื่อเห็นการกระตุกราคาขึ้น ส่วน Follow Buy เป็นกลยุทธ์การเทรด ที่ระดับแนวต้านนั้น ผ่านขึ้นไปได้แล้ว พร้อมด้วยโวลุ่มเข้า Outperform

หากผ่านแนวต้านด้วยโวลุ่มเล็กน้อย แปลว่า มีคนทำ buy signal หลอก หรือ เราๆท่านๆ อยากซื้อ ก็เลยเคาะซื้อ และ บังเอิญนั่นเป็น Buy Signal พอดี

ถ้าโวลุ่มเข้า Outperform แต่ราคาทรุดลงต่อเนื่อง แปลว่า Big Players กำลังตั้งหน้าตั้งตาขาย นะคับ อย่าเพิ่งรีบซื้อเด็ดขาด ถ้ามี ต้องรีบขายทิ้งโดยเร็ว เพราะหากขายเร็วพอ แทบจะการันตีได้เลยว่า มีโอกาสได้ซื้อคืนแน่ ในราคาที่ต่ำกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ

หากนำพฤติกรรมรายใหญ่มาวิเคราะห์ มันมีความจำเป็นคับ ที่เมื่อผ่านแนวต้านด้วย Volume Outperform แล้ว ต้องขึ้นต่อ …… ยกตัวอย่าง สมมุติ ท่านเป็นผู้จัดการกองทุน และสมมุติต่อแล้วกันว่าท่านเก็บหุ้น Thai Oil Plc. ไปถึง 20 ล้านหุ้นแถวราคา 79 บาท ถ้าราคาไม่ขึ้นไปถึง 88-90 บาท ท่านจะสามารถ ขายทำกำไรได้หมด 20 ล้านหุ้นหรือไม่คับ แหม อุตส่าห์ลงแรง ตุนไว้ตั้ง 20 ล้านหุ้นแถว 79 บาทแล้วนี่ หากขึ้นไปนิดๆหน่อยๆ จะขายได้หมด หลายสิบล้านหุ้น โดยไม่ขาดทุนหรือเปล่าคับ …….. ในเมื่อผ่านแนวต้านไปได้ ข้างบนก็โล่ง และเมื่อโล่งก็ลากง่าย หากไม่ลากก็ขายไม่หมด จึงจำเป็น ต้องลากขึ้นไป ในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อให้หุ้นของตนเป็น High-demand stocks ด้วยเหตุนี้ เมื่อผ่านแนวต้าน ราคาขยับขึ้นพร้อม volume outperform มันต้องขึ้นก่อน ส่วนจะขึ้นจริงขึ้นหลอก เราก็ออกมาได้เรียบร้อยแล้วล่ะ ตอนนั้น

"หุ้นยิ่งขึ้นต้องยิ่งซื้อ หุ้นยิ่งตกต้องยิ่งขาย" "จงทำตามแนวโน้มตลาด" นี่คือ กฎข้อแรก ที่คุณหมอเรียนรู้ หลังจากขาดทุนอย่างหนัก".........ท.พ.ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม คุณหมอเซียนหุ้นพันล้าน

"ตอนที่เริ่มสตาร์ทผมลงเงินไป 500,000 บาท ตอนนั้นเลือกหุ้นที่คิดว่ามี "ราคาถูก" ผมจะซื้อหุ้นที่ราคาตกลงมามากๆ เลือกหุ้นที่มีพี/อี เรโชต่ำ และซื้อหุ้น ที่มีราคาต่ำกว่าพาร์ เพราะเราคิดว่าราคาถูก" "สิ่งที่คิดว่า "ราคาถูก" และ "ปลอดภัย" เอาเข้าจริง กลับตรงกันข้าม เล่นช่วงแรกเจ๊งมาตลอด จนเหลือเงินอยู่ 180,000 บาท" ในที่สุด ได้ข้อสรุปมาว่า “ถ้ามัวแต่ยึดข้อมูลในอดีต สักวัน คงหมดตัวแน่!!!" .........ท.พ.ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม คุณหมอ เซียนหุ้นพันล้าน

Right Stocks at the Right Price on the Right Time

ทุกครั้งที่ SET Index สามารถ breakout and up ขึ้นไปได้ นักลงทุนส่วนหนึ่ง ก็รีบไปซื้อหุ้นราคาถูก ด้วยมองว่า มันถูก เดี๋ยวมันจะขึ้น แต่ความจริง เม็ดเงินไปกระจุกอยู่ใน Leading Stocks เท่านั้นคับ ดังนั้น เมื่อ SET สามารถผ่านขึ้นไปได้ ต้องเล็งก่อนเลยว่าตัวไหน มีเม็ดเงินไปกระจุกตัว (แน่นอน หุ้นตัวนั้น ก็ต้องมี Volume Outperform) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น Large Cap. หรือ กลุ่มหลักทรัพย์ครับ ที่จะวิ่งขึ้นมาก่อน แล้ววันต่อๆมา ถึงค่อยเป็นคิวของ กลุ่มรับเหมาฯ หรือ อสังหาฯ จากนั้น ถึงจะเป็นหุ้นเล็กเก็งกำไร หากไปเลือกผิดตัว ผิดราคา ผิดเวลา จะกลายเป็นว่า SET ขึ้น แต่ตัวที่เราเลือก มันกลับไม่ขึ้น

หุ้นที่มี Volume outperform ก็คือ หุ้นที่มีเจ้ามือลุย จะเป็น หุ้นพื้นฐาน หรือ หุ้นเก็งกำไร จะเป็นหุ้นคนไทย หรือ หุ้นที่มีฝรั่งเป็นเจ้ามือ ก็ช่างเหอะ เปรียบเหมือน การขึ้นรถเมลล์ หากรถเมลล์นั้น มีที่ให้เรานั่งเยอะ ก็มักจะต้อง จอดรอคนอีกนาน กว่าจะสตาร์ท เผลอๆโชเฟอร์จะขอไปหลับก่อน ด้วยซ้ำ ตื่นแล้วจึงค่อยมาออกรถ ขณะที่ รถบางคัน คนแน่นไปหมด ที่นั่งก็ไม่มี แต่เครื่องร้อนแล้ว จะออกเดี๋ยวนี้แล้ว

อย่าง วันศุกร์ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ทันที่ที่ SET สามารถ breakout and up ขึ้นไปได้ ท่านจะสังเกตเห็นว่า หุ้น Large Cap. และ หุ้นหลักทรัพย์หลายตัว ผ่านแนวต้านขึ้นไปได้ เช่นกัน พร้อมกับติดอันดับ Volume Outperform ซึ่งเป็นสัญญาณ เม็ดเงินเข้ามาลุยจริงจัง ขอยกตัวอย่าง กรณีของ RRC ซึ่งปกติเทรดกัน ไม่ถึง 20 ล้านหุ้น แต่เม็ดเงินกลับเข้ามากระจุกตัวมาก ในวันศุกร์ที่ผ่านมา เทรดทั้งวันไปถึง 73 ล้านหุ้น ผลักดันราคาขึ้นไป จาก 23.70 ไปถึง 24.80 ได้อย่างสบายๆ เพราะ Fund Flow เข้ามากระจุกตัวที่นี่ กรณีของ IRPC ก็เช่นกัน ปกติเทรดกันไม่ถึง 20 ล้านหุ้น แต่วันศุกร์ที่ผ่านมา เม็ดเงินกลับเข้ามากระจุกตัวมาก ผิดปกติ เทรดทั้งวันไปถึง 118 ล้านหุ้น ผลักดันราคาขึ้นไป จาก 6.45 ไปถึง 6.80 อย่างง่ายดาย

“หุ้นจะเป็นขาขึ้น "ราคา" และ "ปริมาณ" จะต้องเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน” .........วิชัย วชิรพงศ์ เสี่ยยักษ์

Right Now

เมื่อสแกนเจอหุ้นที่ breakout ผ่านแนวต้านขึ้นมาได้แล้ว ด้วย Volume Outperform ก็ลุยเลย follow buy เลยคับ มันสามารถทำกำไรได้เยอะ ในเวลาสั้นๆด้วย เพราะนี่คือการเกาะเงินเขาขึ้นไป ส่วนมันจะ ขึ้นจริง หรือ ขึ้นหลอก เราไม่ใช่ผู้กำหนด แต่ถ้าหน้าไพ่ ณ ชั่วโมงนี้ คือ ลุย เราก็ควรจะมีส่วนได้ด้วย ใช่ไหมคับ

ว่าแต่ว่า ฟิวเจอร์ผ่าน 600 จุดขึ้นมาได้ ท่าน Follow Long หรือยัง

“ทุกคนจะมีจังหวะฟ้าลิขิต...ทุกคนต้องเคยได้รับโอกาสนั้น แต่คุณจะตักตวงมันได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง”.........กูรูหุ้นพันล้าน...วิชัย วชิรพงศ์ เสี่ยยักษ์

Source: //www.ThaiDayTrade.com

thanapon@ThaiDayTrade.com


Create Date : 22 กันยายน 2550
Last Update : 14 มิถุนายน 2551 16:52:02 น. 0 comments
Counter : 2504 Pageviews.

thanapononline
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add thanapononline's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.