เรื่องเล่าทั่วไปกับนาย Teddy

ผมจะไปญี่ปุ่น ตอน3 "ไปขอวีซ่า"

หลังจากที่รวบรวมเอกสารได้เรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มแผนการต่อไปคือการไปขอวีซ่า ที่เป็นเอกสารสำคัญที่สุดสำหรับการไปญี่ปุ่น เพราะถ้าขอไม่ได้ ก็เท่ากับว่าแผนการการไปญี่ปุ่นของเราจะต้องล่มลงโดยทันที

จากตอนที่แล้ว เราได้เอกสารจากที่ทำงานในวันพฤหัสที่22 พ.ค.เป็นอันเรียบร้อย ก็ตัดสินใจไปยื่นในวันศุกร์ที่23 มันซะเลย จะได้รีบๆฟังผลให้รู้กันไป เพราะไหนจะต้องทำเรื่องของโรงแรมที่เหลือ(จองโรงแรมบางที่ไปเรียบร้อยแล้ว) แล้วก็หาข้อมูลแบบจริงๆจังๆซะที พอได้โอกาส ก็ขึ้นรถใต้ดินไปสถานีสวนลุมไนท์ เดินขึ้นมาสถานฑูตญี่ปุ่นใกล้ๆแค่นี้เอง ก็มียามตรวจเฝ้าหน้าทางเข้านิดนึง เวลาที่ไปถึงก็ประมาณ 8.30 ตามเวลาเปิดทำการของสถานฑูต คนยังไม่เยอะเท่าไร เราก็ไปกดบัตรคิว เห็นบัตรวางอยู่ก็หยิบมาเรียบร้อย ปรากฏว่าบัตรที่หยิบขึ้นมา มันเป็นเบอร์ 13 อ่ะ !!!!!

ตายล่ะหว่า เป็น Lucky Number ซะด้วยแฮะ คนถัดไปพอกดปุ่มออกมามันดันเป็นเบอร์15อ่ะ แสดงว่าไอ้คนที่หยิบใบก่อนหน้าเรามันก็ไม่เอา แล้วไปทะลึ่งกดเบอร์ต่อไปนี่เอง -_-' แต่ช่างเหอะ หยิบมาแล้วก็หยิบมา เลขที่ 13 ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป เราก็นั่งรอแล้วยื่นเอกสาร สำหรับเอกสารก็เตรียมไปตามปกติที่สถานฑูตเค้าต้องการ คือ ใบคำร้อง ,รูปถ่าย,หนังสือรับรองว่าลาหยุดแล้ว,สำเนาทะเบียนบ้าน,สำเนาสมุดบัญชี ที่เราเล่นยื่นไปทีเดียว 3 เล่ม2ธนาคาร ให้รู้กันไปสิ ว่าจะไม่ได้ ก็เราเงินเดือนก็เข้าบัญชีนึง โอทีเข้าบัญชีนึง แถมเงินเดือนก็โอนเข้าอีกบัญชีทุกเดือนตลอดนี่นา อีกอย่างคือ "สมุดpassport" เราก็ยื่นเล่มปัจจุบันให้ไปข้างในมีข้อมูลเดินทางไปฮ่องกงแค่ครั้งเดียว ก็เลยเอาเล่มเก่าก่อนหน้านี้ที่เคยไปมาสารพัดไม่ว่าจะเป็น เยอรมัน,เกาหลี,ฮ่องกง,เชค และญี่ปุ่น(ที่ไปเมื่อ16ปีที่แล้ว) มาร่วมยื่นเป็นสักขึพยานให้ด้วย แค่นั้นไม่พอ เรายังทำ plan ท่องเที่ยวให้เค้าอ่านอีกด้วย ประมาณ 1 หน้าA4 พิมพ์ด้วยสีสันสวยงามเลยนะ จะได้ดูดีมีสไตล์ซะหน่อย และสุดท้าย..คือยื่นสำเนาตั๋วเครื่องบิน แนบไปให้เค้าดูด้วย ให้เห็นกันโต้งๆว่าเราไปแล้วกลับแน่นอน 555 พอยื่นเรียบร้อยแล้ว จนท.สถานทูตซึ่งเป้นสาววัยกลางคนชาวญี่ปุ่นที่พูดไทยชัดแจ๋วก็ตรวจเอกสาร เราก็เตรียมพร้อมให้เค้าสัมภาษณืเต็มที่เผื่ออยากรู้อะไรเพิ่มเติม แต่ที่ไหนได้ เค้ายื่นสำเนาตั๋วคืนมาให้อ่ะ บอกว่าไม่เอา แล้วก็บอกให้มานั่งรอที่เก้าอี้ ปล่อยให้เราลุ้นอีกครั้งนึง ....นั่งรอประมาณ เกือบๆ 15 นาที ก็มีเยงประกาศเรียกให้มารับใบฟังผล ข้างในเขียนว่ามารอฟังผลอังคารที่ 27 นี้ พร้อมด้วยเขียนว่าเงิน 900 บาท โอ้ว....ว ตื่นเต้นจริงๆ

พอถึงวันที่มาฟังผลวีซ่า(ลุ้นจริงๆ) เราก็เตรียมเงินเรียบร้อย แบบว่าพร้อมมารับฟังผลเต็มที่ และพร้อมจะทำใจหากวีซ่าพลาด ก็มาตอนบ่ายแก่ๆ นึกว่าจะเป้นคิวแรกๆที่ไหนได้ คราวนี้กดได้บัตรคิวเบอร์ 45 แฮะ ก็โอเค เลขไม่ค่อยเท่าไร แล้วเค้าก็เรียกรับวีซ่าทีละ 20 หมายเลข เราก็มาต่อคิวรอ ซึ่งคิวรับวีซ่ามันเร็วจริงๆแฮะ แบบว่ายื่นใบปุ๊ป รับวีซ่าปั๊ป แล้วก็จ่ายเงินทันที พอมาถึงคิวผู้หญิงคนข้างหน้าเรา เจ้าหน้าที่ก็พูดไมค์ออกมาว่าเค้าไม่ได้วีซ่า ไม่ต้องจ่ายเงิน ได้ยินปุ๊ปก็รู้สึกเสียวแว้บขึ้นมาทันที...ไม่นะ ..ต้องไม่ใช่เราเด็ดขาด ..โอ้ววววว

พอมาถึงคิวเราปุ๊ป ยื่นใบรับฟังผลด้วยใจตุ๊มๆต่อมๆ แล้วพนักงานก็ทำท่าเหมือนค้นอะไรสักอย่างที่ปึกสมุดพาสปอร์ตปึกนึงไม่เจอ ก็ไปหยิบอีกปึกนึง พาลเอาคิดไปไกลว่า เฮ้ย..ไปหยิบที่ไหนล่ะเนี่ย สักพักเค้าก็พูดขึ้นมาว่า "เก้าร้อยบาทครับ"......พอได้ยินเท่านั้นก็เหมือนได้ยินเสียงสวรรค์ทันที แล้วก็ควักเงิน 900.- บาทออกไปให้ ด้วยความดีใจสุดๆ (ก่อนที่อนาคตข้างหน้าจะต้องควักเงินไปเที่ยวอีกหลายหมื่น 5555) ได้กลับมาปุ๊ป ก็เปิดดูแหม่หน้าวีซ่าของเรามันช่างน่าภูมิใจจริงๆ จากนี้ไปจนถึง วันเดินทาง ก็จะเป็นการหาข้อมูลเดินทางอย่างจริงๆจังๆซะทีละ หุหุ




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2551    
Last Update : 5 มิถุนายน 2551 15:11:36 น.
Counter : 462 Pageviews.  

ผมจะไปญี่ปุ่น ตอน2"เตรียมตัว"

หลังจากที่ตั้งเป้าหมายว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่นเลียนแบบ เหล่าหัวหน้างานและท่านผู้สั่งการทั้งหลายในที่ทำงานผม(ใครรู้จักผมคงรู้ว่าผมทำงานที่ไหน เพราะพวกหัวหน้างานและผู้สั่งการเหล่านี้ เค้าไปเที่ยวดูงานต่างประเทศกันทุกปีฟรีๆด้วยงบราชการ -_-' แถมยังปีละหลายๆรอบ ในขณะที่เหล่าบุคลากรต้องก้มหน้าก้มตาทำงานกันงกๆ ด้วยความที่ถูกหาว่ามีภูมิความรู้ด้อยกว่า ทั้งที่ความจริง จริยธรรมและความรับผิดชอบของพวกอย่างเราๆ อาจจะมีมากกว่า ).....อ่ะ เริ่มออกนอกทาง กลับเข้าเรื่องดีกว่า เด๋วไปกันใหญ่

พอดีไปได้ยินเรื่องการแลกไมล์จากน้องคนนึงที่ทำงานในแวดวงสายการบิน เค้าบอกว่า ROP นั้นแลกได้เที่ยวบินละ1ที่นั่งเท่านั้น ทำให้เราต้องรีบตัดสินใจโทรไปจองตั๋วทันที ซึ่งในวันนั้น พนักงานก็บอกว่าค่าภาษีสนามบินตกประมาณ 5125.-บาท อืม..ก็สูงแฮะ ก็เลยกะว่าเดี๋ยวมีเวลาอีกเดือนไม่ต้องรีบร้อนค่อยไปออกตั๋วก็ได้..วันเวลาผ่านไป ราว10กว่าวัน มีข่าวว่าสายการบินแห่งชาติเราจะขึ้นภาษีน้ำมัน ก็ตั้งใจว่างั้นรึบไปออกตั๋วดีกว่า แต่ก็ดันลืมแล้วมานึกออกเมื่อวันสุดท้ายก่อนราคาจะขึ้นพอดี ซึ่งวันนั้นดันเป็นวันอาทิตย์ Officeเค้าไม่ทำงานออกตั๋วไม่ได้อ่ะ T_T แต่ได้ยินว่าถึงขึ้นราคาก็แค่ เกือบๆ6000.- เลยนิ่งนอนใจต่อไป

เพราะความที่นิ่งนอนใจนี่แหละ เลยรอจนครบเดือนให้ครบโควต้า คิดว่าราคาจะเท่าเดิม ...แต่ที่ไหนได้ล่ะนี่ ตอนที่ไปออกตั๋ว ราคาค่าภาษีมันทะลุกลายมาเป็น 6840.- แล้วค้าบพี่น้อง ห่างจากราคาที่พนักงานเค้าแจ้งตอนแรกตั้งเกือบ 2000.- บาท อะไรกันเนี่ยค้าบ...แพงจริงๆ

เรื่องต่อมาคือเรื่องขอวีซ่า ก็กะว่าจะไปขอวีซ่าโดยด่วน เพื่อจะได้ให้มั่นใจเวลาจองโรงแรมผ่านเน็ต เพราะเกิดไม่ผ่านขึ้นมาจะพาลเซ็งเพราะเสียค่ามัดจำ ก็เลยจัดการทำเรื่องลากิจ...ไม่ได้เขียนผิดคับ ลากิจจริงๆนะ เพราะว่ายังพักร้อนไม่ได้อ่ะ เค้าว่าต้องครบปีก่อนก็เลยลามันซะ 5 วัน รวมกันวันเสาร์อาทิตย์ตอนต้นตอนปลาย สรุปแล้วได้วันไปเที่ยวทั้งหมด 9 วันพอดี ....ฮี่ฮี่ จากนั้นเราก็ทำการนั่งรอ เพราะเค้าว่าเวลาที่ขอลาเพื่อไปต่างประเทศนั้น ต้องให้ทางหน่วยงานส่วนกลาง ทำเรื่องว่าเราเดินทางไปต่างประเทศด้วยเพราะว่าเกิดว่าไปทำอะไรไม่ดีขึ้นมา จะได้เป็นหลักฐานว่า เราไม่ได้ลักลอบแอบหลบงานไป....แหม่ อะไรจะเว่อร์ซะ

ใช้เวลาขอลากิจประมาณ 1อาทิตย์ครับ ได้เอกสารเรียบร้อย พร้อมจะไปขอยื่นวีซ่าแล้วเรา ต่อตอนหน้าเนอะ




 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 28 พฤษภาคม 2551 13:50:05 น.
Counter : 290 Pageviews.  

ผมจะไปญี่ปุ่น

ผมจะไปญี่ปุ่นแล้วครับ
หลังจากที่รอคอยวันเวลามานานว่าจะได้ไปญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากที่ไปล่าสุดก็ตอนเมื่อปี 2536 ที่ Entrance ติดใหม่ๆนู่นแน่ะ จนถึงตอนนี้ก็วันเวลาผ่านไป15ปีพอดีเป๊ะ ....ก็ถึงวันที่จะไปญี่ปุ่นอีกครั้ง

จริงๆแปลนที่ว่าจะไปญี่ปุ่นนั้น เป้าหมายใหญ่ๆคงเป้นเรื่องการไปเที่ยวดูแหล่งต้นกำเนิดการ์ตูนญี่ปุ่น,ไปเที่ยวที่ๆเคยไปตอนเด็ก ๆและเป้าหมายที่สำคัญเหนือกว่าอื่นใดก็คือ "โตเกียวดีสนีย์แลนด์"
นี่เอง จริงๆแล้วก็เคยคิดว่าจะไปลุยเดี่ยวเที่ยวเอง โดยได้แรงบันดาลใจจากพี่ที่แข่งแฟนพันธุ์แท้ด้วยกัน ที่เค้าไปเดีสนีย์เองมาแล้วทั่วโลกตัวคนเดียว (แถมเป็นผู้หญิงอีกตะหาก) ก็เลยได้แรงบันดาลใจเมื่อราวปี 46-48 อุตส่าห์เก็บข้อมูลมาได้เยอะแยะ ...แต่จนแล้วจนรอดก็มีปัญหาเกิดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องที่บ้าน ,เรื่องที่ทำงาน,เรื่องชีวิต สุดท้ายโครงการลุยเดี่ยวก็ต้องพับเก็บเข้ากรุไป

จนถึงปี49 ก็มีสมัครพรรคพวกร่วมทาง คุยกันเป็นดิบดีว่า จะไปญี่ปุ่นกันนะ แต่ก็เลื่อนกันไปเลื่อนกันมา เพราะเพื่อนติดบ้าง พอมันสะดวกเราก็ติดแทน ก็เลยเอาเป็นว่า รอครบอีก 1 ปี เราจะไปด้วยกันก็แล้วกัน โครงการก็เลยเลื่อนมาอีก ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินน่ะรึ...เรามี ROP ที่point สามารถแลกได้ ก็เลยกะว่า จะเอาไปแลกซะจะได้ช่วยประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินได้ส่วนนึงนั่นแหละ

พอมาปี 50 มีเงินเก็บครบถ้วน แต่ก็ถึงวันที่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่อีกแล้ว เมื่อตัดสินใจถอยรถวีออสมาใหม่ป้ายแดง หาเงินกันเลือดตาแทบกระเด็น เพราะตั้งใจว่าจะดาวน์เยอะๆจะได้ผ่อนน้อยหน่อย..และนี่เอง ทำให้ต้องยอมตัดใจเอาเงินเก็บที่จะไปเที่ยว มาเป็นเงินค่าดาวน์รถใหม่ ทุกอย่างก็เลยกลับมาเป็นศูนย์อีกครั้ง ประกอบกับเพื่อนที่ตั้งใจจะไป ก็เปลี่ยนงานทำให้ลาพักร้อนไม่ได้เหมือนกัน

และแล้ว.....ก็ถึงวันที่ตัดสินใจจะไปจนได้ เมื่อปัจจัยหลายๆอย่างมันทำให้เราตัดสินใจไปซักที คือ ROP ที่มีมันจะหมดอายุกลางปีนี้ เลยต้องรีบแลกซะ, ในขณะที่เพื่อนที่มีโครงการกันไว้ มันดันหักหลัง(T_T)เล่นตัดหน้าไปก่อนตั้งแต่มกราคมซะยังงั้นแฮะ โชคดีที่เจ้าเพื่อนรุ่นน้องคนด้วยกันคนนึง มันจะไปญี่ปุ่นช่วงกรกฏาคมพอดีเกิดชวนไปด้วย ก็เอาสิครับ น่าสนใจมากๆ เพราะไปก็ไปนอนกะมันได้ฟรีเพราะมันมีเพื่อนอยู่ที่นั่น แม้ว่าจะเป็นหน้าร้อนก็ตาม เอาวะ ไปก็ไปสิ ลองดูซักตั้ง..อย่างน้อยเมื่อ2ปีก่อนก็เคยลุยเกาหลีกลางฤดูร้อนมาแล้ว

อีกประการหนึ่งที่เป็นเป้าหมายว่าไปช่วงกรกฏาคมนี้ก็คือ เพื่อไปร่วม

 

ฉลอง25ปีของโตเกียวดีสนีย์แลนด์ครับ เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจโอเคทันที และแปลนวันเวลาไว้ถึง 1สัปดาห์ด้วยกัน.... เดี๋ยวไว้มาเล่าต่อตอน2ครับ





 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2551 17:27:05 น.
Counter : 256 Pageviews.  


gaobear
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เล่าเรื่องทั่วไป สไตล์นาย Teddy
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gaobear's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.