Group Blog |
[Foundation] REVLON Colorstay Whipped
ได้ฤกษ์มารีวิวเจ้ารองพื้นกระปุกนี้ซักทีหลังผ่านพ้นช่างสอบมาได้(อย่างสะบักสะบอม) นั่นคือ REVLON Colorstay Whipped เห็นกระแสแรงอยู่พอสมควร จริงๆคืออยากได้ตั้งแต่เห็น blogger ชาวญี่ปุ่นรีวิวเจ้าตัวนี้แล้วล่ะ ปรายซื้อเบอร์ 180 Natural Ochre ซึ่งเป็นโทนเหลืองสีเดียวจากที่นำเข้ามาทั้งหมด สีอื่นจะออกไปทางโทนส้มๆชมพูๆ สนนราคาตอนสอยที่ 440 บาท จากราคาเต็ม 550 บาท จากที่เห็นคือมันจะเนื้อกึ่งๆมูสนึดนึง แต่ก็ยังไม่เบาขนาดมูสซะทีเดียว แต่จะไม่เหลวเท่าพวกรองพื้นแบบ liquid ที่ออกแนวเป็นน้ำๆ ซึ่งจากที่ลองใช้ดูคือมันจะเกลี่ยง่ายกว่าแบบ liquid ไม่ต้องอะไรวุ่นวายมากมือปาดก็สวยเนียนแล้ว แต่ต้องปาดไปในแนวเดียวกันห้ามลากถูไปมาไม่งั้นมันจะเป็นคราบๆ อันนี้ลองแตะเนื้อขึ้นมาดูเห็นได้ว่ามันจะรักษาทรงไม่เหลวๆไหลๆไปตามนิ้วเหมือนพวก liquid แต่ก็ยังไม่ได้เนื้อเด้งดึ๋งขนาดพวกเนื้อเจลลี่มูสแบบที่เกาหลีเค้าฮิตกันเมื่อปีก่อน ที่แตะแล้วมันจะเด้งดึ๋งๆเหมือนพุดดิ้ง อันนี้ภาพประกอบพอให้นึกภาพออกนะคะ เนื้อมันค่อนข้างเป็นมูสรักษาทรงได้ดี เวลาปาดมันเลยเป็นเม็ดๆ ไม่เหมือนกับพวกลิควิดที่ปาดแล้วก็จะเยิ้มๆลงมาเรียบๆ อันนี้ปาดกับหลังมือเนื้อรองพื้นออกแนวเงาๆหน่อย ไม่ได้ให้ลุคที่ดูแมทมาก ใครชอบผิวแห้งเนียนแมทก็ข้ามตัวนี้ไปได้เลย แต่เนื้อเนียนๆแน่นๆเกลี่ยง่ายดีอันนี้ชอบมากแต่งหน้าตอนเช้ารีบๆตัวนี้ก็โอเคเลยแหละ อันนี้ภาพก่อนลงรองพื้นกับหลังลง เทียบให้ดูเรื่องการปกปิด ปกปิดได้อยู่ในระดับดีทีเดียว แต่ถ้ารอยไหนชัดๆอาจจะต้องลงคอนซีลเลอร์ตามเก็บๆทีหลังอีกรอบ แต่ชอบตรงที่มันพรางรูขุมขนได้ (ไม่ได้เข้าไปอุดนะเหมือนแค่พรางให้ผิวดูเนียนขึ้น) ภาพหลังลงจะเห็นได้ว่ามันให้ลุคที่ดูฉ่ำๆเงาๆ ไม่แมทซักเท่าไหร่อย่างที่ได้บอกไปแล้ว อันนี้แต่งหน้าไปเรียนตอน 7 โมงเช้ากลับมาประมาณบ่าย 3 ลงรองพื้นกับแป้งฝุ่นธรรมดาไม่ได้คุมมัน จมูกจะไปก่อนส่วนอื่นเลยมันซะแล้ววว แต่แก้มยังพอไปรอดอยู่คือเวลาจับจะรู้สึกว่ามันมันแล้ว แต่พอดูกระจกก็ไม่เงาๆมันๆ พอซับมันก็กลับมาเนียนๆโบ๊ะๆเหมือนตอนแต่งเสร็จ แถมสีไม่ดรอปด้วยแฮปปี้! สรุปแล้วรองพื้นตัวนี้ราคาไม่แพงมาก ไม่กระเป๋าฉีกเท่าไหร่ ให้ลุคที่ดูฉ่ำๆเนียนๆ ปกปิดได้กลางๆไม่โหดเท่ารุ่นฝาดำ เก็บรอยทั่วๆไปกับรูขุมขนที่ไม่กว้างมากได้ คุมมันได้กลางๆค่อนข้างไปทางน้อยเนื่องจากมันไม่ได้เป็นรองพื้นแบบแมท เนื้อเกลี่ยง่ายเหมาะกับวันรีบๆ ช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะ สีไม่ดรอปไม่หมองแต่มีโทนสีให้เลือกน้อยไปหน่อย ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่กำลังมองหารองพื้นที่ใช้ในวันรีบๆและให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ [Powder-Review] 12plus Miracle Double Aura Lucent BB Powder
เนื่องจากได้ไปร่วมกิจกรรม workshop กับทาง 12plus มาเมื่อวาน เลยได้ของเล่นใหม่มาจำนวนมหาศาลลองดูจากสมาชิกท่านอื่นที่นำมาโพสได้จ้า แต่นางเอกของงานนี้ก็คงเป็นแป้งตัวนี้แหละค่า "12plus Miracle Double Aura Lucent BB Powder SPF25 PA++" เออก็ไม่ค่อยเข้าใจนะทำไมเครื่องสำอางค์มันต้องตั้งชื่อยาวๆกัน เหอะ ๆ ๆ อันนี้คุณสมบัติตามที่ทางแบรนด์ได้บอกสรุปง่ายๆเป็นภาษาชาวโลก คือ - เนื้อแป้งช่วยกระจายแสง ให้หน้าเปล่งประกาย มีประกายวิงค์ผสมในเนื้อแป้ง (จะเป็นหลอดไฟมั้ยเนี่ยยย) - ควบคุมความมันและติดทนนาน 10 ชม. - มีวิตามิน C&E บำรุงผิว - ผสม BB cream และกันแดด ส่วนผสมในเนื้อแป้งไม่มีน้ำหอมด้วย ถูกใจ 555 หน้าตาตลับเป็นแบบนี้ค่ะ บอดี้ทรงเดียวกับรุ่น photogenic แต่เปลี่ยนสีให้ออกแนวเซเลอร์มูน สงสัยใช้แล้วจะแปลงร่างได้ ว๊ากกกกกกก 555 ตลับแป้งมีสองชั้นด้านล่างเอาไว้ใส่พัฟฟ์ มีรูระบายอากาศด้วย ไม่ต้องกังวลเรื่องพัฟชื้นและมีราขึ้น (เคยมาแล้วตัดใจทิ้งไปทั้งตลับ 555) เทียบเบอร์แป้งทั้งสองสีนะคะ C1 จะออกแนวขาวชมพู ๆ C2 เป็นโทนกลาง ๆ เข้มกว่าและออกโทนเหลืองมากกว่า ลองเทสเนื้อแป้งลงบนผิวนะคะ เนื่องจากเราอันเดอร์โทนผิวเหลืองงงง จะเห็นเลยว่าเบอร์ 2 มันกลืนกับผิวเรามากกว่าเบอร์ 1 ซึ่งจะดูลอย ๆ เรืองเนื้อแป้งก็ไม่หนักมากนะ ออกแนวบางเบามีประกาย แต่ก็ไม่บางเหมือนแป้งอัดแข็ง ขอแสดงความเสียใจกับท่านใดท่ชอบผิวแมทไร้ประกายเพราะรุ่นนี้มันวิงค์ๆจ้า เป็นวิงค์ประกายเงินละเอียดๆ แต่ก็ผสมเยอะอยู่เหมือนกันนะเนี่ย อันนี้ลองปาดแป้งลงบนหนังหน้าโทรม ๆ ได้ผลลัพธ์ออกมาดังภาพเรยยย แป้งปกปิดในระดับปานกลางยังไม่เนียนเทพเท่าแป้ง cezanne สังเกตได้ว่าหลังทาแป้งหน้าจะดูใสขึ้นไม่หมองเหมือนก่อนทา เนื้อแป้งช่วยกระจายแสงได้ดีตามคุณสมบัติที่เขียนไว้ ส่วนตัวประกายถ้าอยู่กลางแดดหรือที่สว่างๆมันเห็นประกายเป็นเกล็ดๆเลย - -" ลุคที่ได้จะออกแนวดิวอี้หน้าเงาๆหน่อยแบบที่หลายๆท่านเห็นแล้วขัดใจ แต่ส่วนตัวชอบลุคที่ดูเงาๆนิดนึงมากกว่าหน้าแบบเรียบแมทดูแห้งๆนะ ภาพด้านซ้ายเป็นภาพหลังทาหน้าจะผ่องๆเงาๆไม่ได้แห้งแมท จากนั้นก็มาทดสอบว่ามันก็ติดทนนานควบคุมความมันมั้ยนั่งรอไป 4 ชม. และก็ได้ผลปรกฎออกมาดังภาพด้านขวาเลยค่ะ สังเกตได้ชัดว่าแป้งสีดรอปลงออกแนวกลืนไปกับสีผิวเดิมของเรา และก็ไม่ได้ควบคุมความมันอะไรนักอาจจะเป็นเพราะแป้งเป็นแบบประกายด้วย เลยทำให้หน้ายิ่งดูเงาไปกันใหญ่ บางคนเห็นแล้วอาจจะไม่ชอบ แต่ส่วนตัวเราโอเคนะ ชอบหน้าที่ดูเงา ๆ มีมิติแบบนี้มากกว่าหน้าขาวๆแมทๆ ตอนลองเติมแป้งแบบไม่ได้ซับมันก่อน (ขี้เกียดง่ะ) ก็ไม่เป็นคราบนะผ่านนน ปล.อย่าไปใส่ใจคิ้วนะคะไม่ได้เขียนนอนอยู่บ้านง่ะ 555 อันนี้เทียบเนื้อแป้งกับรุ่นเก่าที่มีประกายเหมือนกันค่ะ สังเกตได้ว่ารุ่นใหม่จะประกายละเอียดกว่าและน้อยกว่ารุ่นเก่า รุ่นเก่านี่ทาทีเหมือนเอาหน้าไปจุ่มกากเพชรมาเลย เว่อร์เกิ๊นนนน เทียบสีแป้งเบอร์ 2 ของรุ่นที่เคยใช้นะคะ รุ่นใหม่และรุ่นวิงค์จะออกโทนส้มกว่าผิวเราไปนิดนึง ส่วนรุ่นออริจินอลจะออกโทนส้มชมพูเวลาเราทาจะลอยๆ รุ่น cc เนื้อแป้งจะเหลืองที่สุดแต่ก็ยังแอบขาวกว่าผิวเราประกอบกับมันหนาด้วย สรุปเลย!! แป้งตลับนี้เหมาะกับคนที่ชอบผิวเงาๆลุคดิวอี้ เนื้อแป้งเบาไม่หนักหน้า แต่ก็ปกปิดได้ไม่เนียนกริ๊บ และไม่ค่อยคุมมันเท่าไหร่ และใครที่ไม่ชอบผิวที่มีประกายกากเพชรๆแนะนำว่าลองใช้ตัวอื่นดีกว่า เพราะแม้รุ่นนี้จะลดความวิงค์จากรุ่นเก่าแล้วแต่ก็ยังถือว่าเยอะ!! |
แม่หญิงแตงไทย
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] Link |