"สารพัดจัดให้" Utellido.com

เมื่อแหงนมองจันทร์ผมเห็นตะวัน ตอนที่ 3

บ้านน้องอยู่ฝั่งทางโน้น
บ้านพี่อยู่ฝั่งทางนี้
หัวสะพานตรงกัน
อาบน้ำกันเห็นกันทุกที
อึ้ม! มามาซิ
ข้ามคลอง มารักกันรักกัน
เอ๊ะ! ถ้าจำไม่ผิดก่อนสติจะหลุดจากร่าง จำได้ว่าเอนหลังตรงเคดไม้ใต้ต้นจิกนะ แล้วนี่ผมอยู่ที่ไหน มีใครมาจัดมหกรรมเพลงลูกทุ่งแถวนี้หรือเปล่า
ช่างมันเถอะครับ เพลงลูกทุ่งสกา ห่าเหวอะไร เรียกร้องความสนใจของผมตอนนี้ไม่ได้หรอก สิ่งเดียวที่ใฝ่ฝันคือ คือ อยู่ในที่ที่พระอิศวรอย่างผมควรอยู่ครับ

        “ทน พี่ทน พี่ทนว่ายน้ำข้ามคลอง
        คลอง ข้ามคลอง
        ข้ามคลองที่กว้างห่างไกล
        รักมันปักอุรา
        พี่ว่ายข้ามมาด้วยความเต็มใจ
        เอาความรักมาให้ ขวัญใจ
        ด้วยความหวังดี”
        ฮุย เลฮุย เลฮุย เลฮุย

เพลงนี้จะว่าไป ก็น่าออกสเต็ปดีเหมือนกันนะแต่ไม่ไหวครับตอนนี้พี่เมฆอยากนอน

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!! 555555555555
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!! 555555555555

เอ่อ.......ผมว่า ผมเริ่มไม่ไหวครับ ตามนิสัยแล้ว ผมชอบนอนที่สงบๆ และมืดๆ ครับ
เสียงเมื้อกี้ยังพอทนได้ จัดให้มันเป็นเพลงกล่อมนอนได้ แต่ไอ้เสียงกรี๊ด และเสียงหัวเราะที่ตามมา เรียกว่าอะไรครับ มันเกิดอะไรขึ้น นักร้องมหกรรมเพลงลูกทุ่งสัญจรออนทัวร์ มันเต้นแล้วเป้ากางเกงขาดหรือว่าอะไรครับ ผมว่า ผมตื่นมาหาคำตอบเองจะดีกว่า ตอนนี้ที่ที่ปลอดภัยที่สุด ไม่ใช่เสมอไปแล้วครับ
ชั่วขณะที่ขยี้บี้ขี้ตาอยู่นั้น เรตินาผมเริ่มจะปรับโฟกัสเข้าใกล้ความปกติมากที่สุด พยายามเพ่งมองไปตามเสียงนั้นห็นร่าง 2 ร่าง ที่ยังไม่แน่ใจว่าใช่ผีหรือคน กำลังออกสเตปหลุดโลก โยกย้ายไปมา อยู่ฝั่งตรงข้ามคลอง
หืออออออออออออออออออ!!
คลองฝั่งตรงข้าม มันคือคณะสถาปัตย์ แล้วร่างสองร่างนั้น ถ้าเพ่งมองดีๆ
ผมคุ้นตามันทั้ง 2 ร่างนั่นแหละครับ ไม่รอช้าครับไม่รอช้า ผมเทคตัวขึ้นมาเดินไปตรงเดคที่ยื่นไปในน้ำครับ
พยายามรวบรวมตั้งสติที่มีอยู่ในตอนนี้ เพ่งมองไปที่ พญาวานร สองตัว ที่ตอนนี้ มันบิดตัวไปมา มือไม้มันวาดไปมาในอากาศ
มันคล้ายๆกับท่าเต้น แต่สเตปมันเป็นจังหวะอิสระมาก นั่นคือ ไอ้สองตัวนั้น มันเต้นตามใจมัน แล้วคิดดูนะครับ ผู้ชายคนนึงหน้าตาดี มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วมหาลัย นี่ขนาดคณะมันโดนเนรเทศมาอยู่ห่างไกลสิ่งเจริญหูเจริญตาขนาดนี้ ยังไม่วายมีสาวๆๆคณะอื่น โฉบมาด้อมๆ มองๆ ไม่ได้ขาด กำลังเต้นท่าอุบาทว์สายตาอยู่ริมน้ำ
ถูกครับ ไอ้คนนั้น มันคือไอ้ฉาน ส่วนอีกคนที่เห็นนั้น มันตัดผมสกินเฮดครับ แต่มีปอยด้านหลังเหมือนเด็กจุกสมัยก่อน แต่ที่ล้ำกว่านั้นก็คือจุกหยอมแหยมนั้น มันยังเสือกปั่นเดทล็อคครับ หล่อฉิบหายเลยครับ หล่อแต่เลือกไม่ได้
หรือว่าคณะผมกับคณะตรงข้าม เรายังไม่ได้ทำบุญตึกไอ้ฉานกับไอ้แกละ เพื่อนสนิทแห่งสถาปัตย์ คู่หูดูโอคอนทราสมันถึงได้มาร้องเพลง แถมเต้น ขอส่วนบุญอยู่ฝั่งนั้น
“เฮ้ย ไอ้ฉานแสงแรงกล้า มึงมาตะโกนโหวกเหวกอะไรวะ มึงเห็นมั้ย ไอ้เมฆมันนอนตายอยู่ มึงร้องเพลงเกี้ยวใครไม่ทราบแถวนี้ ไม่มีตัวเมียที่ไหน ผ่านไปผ่านมาสักพักแล้วนะมึง”
เสียงไอ้หน่าครับ เสียงนี้มีคนเดียวแหละครับในคณะผม เสียงยัยทอมฆ้องแตกแห่งศิลปกรรม มันเป็นคู่ปรับลับหมาในปากกันมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่งแล้ว นี่ก็เป็นเรื่องปกติในกลุ่มเพื่อนผมและเพื่อนไอ้ฉาน ไม่ได้แปลกใหม่แต่อย่างใดครับ ไม่ต้องตกใจ
“บ่นอะไรยัยแก็วสามดวง เค้าร้องเพลงเกี้ยวเมียเค้า แล้วเราเกี่ยวอะไรไม่ทราบคร๊าบบบบบบบบบ”
จะใครซะอีกละครับ รีแอคชั่นลับมาทันทีไม่มีเบรคคิดก่อนแบบนี้มีไอ้ฉานคนเดียว
“ฮิ้วววววววววววววววววววววววว”
เสียงนี้ก็ไม่ใช่ใคร ไอ้แกละ ลูกสมุนไอ้ฉาน มันเป็นลูกคู่ให้ลูกพี่มัน เรื่องปกติอีกเช่นกัน
ยัยแก้วสามดวง หรือไอ้หน่า จริงๆ ที่บ้านเรียกน้องน้อยหน่า พ่อแม่มันเรียก รัตนา ครับ แต่ยัยแก้วสามดวงที่ไอ้ฉานเรียก มาจากคำแปลของรัตนา ชื่อจริงมันนั่นแหละรับ
ผมถอนหายใจทิ้งไปเสียเฮือกใหญ่ ก่อนหันหลังกลับไปทรุดนั่งพิงหลังต้นจิกเหมือนเดิม เสียงกรี๊ดและเสียงหัวเราะเงียบไปแล้ว มองไปอีกที ไอ้ฉานกับไอ้แกละ รวมถึง ไอ้นที ไอ้ไผ่ ไอ้ไม้ และไอ้ปาย เพื่อนๆแกงค์ไอ้ฉานเดินข้ามสะพานเชื่อมคลองมาทางฝั่งนี้แล้วครับ
ความบรรลัยมาเยือนอย่างไม่ต้องสงสัย
“เมฆ มึงหนะหัดอบรมสามีบ้างอะไรบ้างนะ เห่าหอนแบบนี้ เห็นทีจะเสร็จพวกเทศบาล”
ไอ้หน่ามันเริ่มเปิดศึกวันธงชัย ผมเองก็หวั่นใจว่าต้องเป็นกรรมการห้ามมวย ถ้าใครว่างก็ช่วยโทรตามให้แอนตาซิล กระทิงแดงสแตนบายไว้ที คราวนี้ผมว่ามีแตก เผลอๆมีน็อค ได้แจกทองแน่ๆครับ
“น้องหน่าจ๋าน้องหน่า ใครเห่าใครหอนจ๊ะ พวกพี่นะเทพมาจุตินะ ไม่ใช่กระต่าย จะเห่าหอนได้อย่างไร” ยกแรกไม่ต้องถึงมือไอ้ฉานไอ้แกละลูกสมุนมันปล่อยมาก่อนฮุกแรก
“กูหมายถึงหมาอะแกละ “ ไอ้หน่าหลบทันปล่อยหมัดฮุกหน้าตามมาครับ
“อุ้ย แรงครับแรง สุภาพสตรีฝั่งคลองทางนี้ ทำพี่แกละสะเทือนใจ” ตอแหลได้ใจมากครับไอ้แกละ ผมล่ะอยากบ้าวันละหลายๆเวลา ถ้ามันมาชุมนุมพร้อมกันแต่ละที นี่ขนาดเพื่อนกลุ่มผมยังมาไม่ครบนะครับ
“หมดยกๆเลิกๆ กูหนวกหู วันนี้วันศุกร์ ไปไหนกันวะพวกมึงทั้งหลายอะ” ขอบคุณครับเพื่อนไผ่ กูขอบคุณมึงมากอย่างใหญ่หลวง
“ถ้าไม่ไปไหน 1 เมามั้ย แล้วห้องใครห้องมัน”
ไอ้ไม้ มันเปิดคอร์สบริหารตับ สุดสัปดาห์ทั้งทีเป็นเรื่องปกติมากครับขนาดไม่สุดสัปดาห์ มันยังหาเรื่องเมามันได้ทุกวัน
“กูกับไอ้เมฆ ต้องกลับบ้านหวะ แม่โทรมาตามแล้ววันนี้”
โอ้ พระเอกเราค่าตัวแพงครับ จะมีบทพูดทีต้องรอเวลา
ตอนนี้ ขณะนี้ วินาทีนี้ และคาดว่า อีกตลอดเวลาก่อนถึงบ้าน แมกมาที่กำลังที่กำลังบ่มความร้อนอย่างเต็มที่ ในทุกอณูของร่างกายผมตอนนี้ มันต้องปะทุออกมาเป็นลาวาไหลในไม่กี่วินาทีข้างหน้าอย่างแน่นอน จนกว่าความอดทนที่มันมีอยู่บ้างแต่อย่างน้อยนิด จะหมดลงไป
เพราะอะไรน่ะเหรอครับ
เพราะไอ้ฉานแสงแรงกล้าที่ไอ้หน่าเรียกนั่นแหละ
มันสร้างบรรยากาศน่าอึดอัดขั้นแม็กซ์ทะลุขีดแดงใส่ผม
ตั้งแต่มันเดินด้วยความเร็วแสง มารอผมที่รถ
จนตอนนี้มันขับรถออกมาจากมหาลัยแล้ว มันยังเสมอต้นเสมอปลาย สร้างชั้นบรรยากาศมาคุสเฟียร์ใส่ผมอยู่นั่นแหละ
ไอ้หน้าตาดี แต่งี่เง่าเอ้ย ไอ้ฉงนเรียกพี่ ไอ้กูปรีหน้างอ !! มันคือคำด่า ที่ผมตะโกนใส่มันในใจ T_T
ไอ้ฉานมันเงียบ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ผมยินดีให้เพลงของสถานีวิทยุใดสักสถานีหนึ่ง เป็นเพื่อนเราทั้งสองไปตลอดทางกลับบ้านได้ แต่ออฟชั่นเสริมที่มันแถมมากับความเงียบ คือ คิ้วมันชนกัน นั่นยังไม่พอ มันขมวดจนใกล้เคียงจะบิดเป็นเกลียวอยู่แล้ว ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจหนัก สั้นบ้างยาวบ้างออกมาทุกระยะเวลา ที่ไม่รู้มันวางแผนไว้หรือเปล่าว่าอยู่ในระดับความสนใจที่ใกล้เคียงคำว่าความรำคาญของผมอย่างมาก จนใกล้จะถึงมากที่สุดแล้วหละ
ตลอดเวลาที่เราโตมาด้วยกัน ถ้าถามว่า ระหว่างผมกับมัน ใครยอมใครมากกว่ากัน
ไม่ต้องคิดก่อนตอบเลยว่า “นายสยมภู คนนี้แหละครับ”
ที่ผมยอมมันก่อนเป็นส่วนใหญ่เป็นเพราะเหตุผล ที่ผมชักแม่น้ำออกมาน้อยสายกว่า เลยชนะมันไม่ได้ และสอง เพื่อไม่ให้บรรยากาศ รอบๆ กาย มันเลวร้ายไปกว่านี้ จริงๆ เวลาไอ้ฉานมันอารมณ์ดี มันฮามากครับ
มันมุขเยอะและกวนตีนคนรอบกายได้ตลอดเวลานั่นแหละ ผมเองก็ยอมรับว่า ชอบให้รอบๆตัวมีเสียงหัวเราะมากกว่าบรรยากาศที่น่าอึดอัด เหมือนตอนนี้ เลยพยายามรวบรวมสติที่มีดูวิวข้างทางก็ได้(วะ)
เพราะที่ผ่านมาเวลาที่เราสองคนกลับบ้าน ไม่มันก็ผม จะคุยนู่นนี่นั่นโน่น ตั้งแต่เรื่องเพื่อน เรื่องเรียน เรื่องหมูหมากาไก่ เรายังเอามาคุยกันได้จนถึงบ้าน
เพราะทั้งผมทั้งมัน คุยเก่งพอกัน
เอาวะ วันนี้ถือว่าเปลี่ยนคอนเซปสักวัน
ส่วนมัน ถ้าเหน็บแดกหน้า ถ้าไม่คุกเข่าร้องอย่าหวังว่าจะหันไปมอง ไม่ได้งอนนะ แค่หมั่นไส้มันเฉยๆ
เป็นไรอะทำไมไม่บอก สงสัยอะไรทำไมไม่ถาม
ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น........
ตัดภาพกลับไปที่ตรอกไดอะกอน (ไม่ใช่แระ)
ย้อนกลับไป ที่เดคไม้ข้างคณะ (ของผม) หลังจากสงครามขี้ฟันของไอ้หน่า ไอ้ฉานและบรรดาลูกสมุนทั้งหลายของมันจบลง ผมกำลังเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน
ทันใดนั้น !!!!!!!!!!
(เสียดาย นี่คือนิยาย เลยไม่มีซาวน์เอฟเฟคประกอบ ถ้าคุณไม่มีอารมณ์ร่วมกับนิยายเรื่องนี้ ขอให้รู้ว่า คนแต่งไม่ผิด ผิดที่เป็นนิยายแบบพิมพ์ตัวอักษร)
ไอ้หวาน  มันเป็นผู้ชาย หน้าตาตรงข้ามกับชื่อมากมาย เดาว่าแม่มันตั้งชื่อนี้แก้เคล็ด เพราะถ้ามันลงไปสาม จ.ชายแดนใต้ มันจะตกเป็นหนึ่งในแพะรับบาปแทนโจรใต้ตัวจริง แบบไม่ต้องสงสัย
หนึ่งในเดอะแกงค์เด็กอาร์ตอย่างผม
มันผ่ามากลางวงสนทนาแบบหน้าอึนๆ แล้วลั่นวาจาอย่างไม่กลัวตาย
“ไปกินน้ำแข็งใส กันมั้ยวะ”
พ่อมึงสิไอ้ควาย ทุกคนพร้อมใจกันจ้องหน้ามันโดยไม่ได้นัดหมาย
“แหะ  แหะ  กูเห็นอากาศมันร้อน แล้วพวกมึงก็เครียด แล้วมึง มึง ก็ใช้พลังงานเสียงเยอะใช่มั้ยหน่า “
มันเริ่มมองหาตัวช่วยครับ ไอ้หน่าได้สิทธิ์นั้นเดียวนี้ เสียงมันเริ่มตะกุกตะกัก หน้าตาเริ่มเลิกลั่ก และเสียงมันเริ่มสั่น มือเริ่มเกาหัวล้านๆของมัน
เพื่อนทุกคนเริ่มส่ายหน้าให้กับความไร้เดียงสา เอ่อ ถอนคำพูดครับ อย่างมัน ผมต้องเรียกว่า ซื่อบื้อ
ผมสงสารไอ้หวานมันนะ อย่างน้อยไปกินน้ำแข็งใสก่อนกลับบ้านก็ได้ ไม่อิ่มเกินไป ยังไงก็ได้กลับไปกินข้าวพร้อมแม่นิ่มได้แน่ๆ วันนี้ ผมกำลังจะเห็นด้วยกับคำชวนของไอ้หวาน ตาผมกำลังจะสบอย่างมีความหมายให้ไอ้ฉาน หาพวกครับ หาพวก ถ้าไอ้ฉานตกลง สาวๆบริหาร เตรียมรับขบวน หนุ่มหล่อจากศิลปกรรมและถาปัตย์พร้อมกันเลยครับ
แต่นิยายไทยต่อให้เป็นนิยายเกย์ มันก็ต้องมีตัวร้ายครับ มันเป็นสูตรสำเร็จของนิยาย เหมือน F=ma นั่นแหละครับ (ถ้าจำไม่ผิด แรง เท่ากับ มวลxระยะทาง ตอน ม. ปลาย ไอ้ฉานมันเคยเรียน)
ไอ้ดิว เดินมาจากไหนไม่มีใครรู้ สิ่งสุดท้ายที่ทุกคนจับภาพและเสียงได้คือ
ป๊าบ  !! มือไอ้ดิว เหวี่ยงไปที่กบาลไอ้หวาน   
“โอ้ยยยยยย เจ็บนะเว้ย ไอ้เชี่ยดิว” ไอ้หวานมันอวดครวญประกอบท่า เอามือลูบหัวตัวเอง
“หวาน มึงเป็นไรมากมั้ย กูแค่ให้มาแซวไอ้เมฆว่าตกลงคืนนั้น มันได้ขึ้นครู หรือมันโดนครูขึ้น “ แค่นี้ครับ แค่นี้เอง
แค่ไอ้ดิวพ่นออกมาแค่นี้ ไอ้ฉานมันก็เดินตัวปลิวไปที่รถ ทิ้งภาพทุกคนที่ทำหน้างงไว้เบื้องหลัง
แต่ผม มีเวลางงแค่ไม่นาน รถคันนั้น เราเป็นเจ้าของร่วมกันและมันเป็นคนขับ ถ้าช้า มีหวัง
แท็กซี่สถานเดียว ไกลไม่น้อยเลยนะ บ้านผมกับมหาลัยน่ะ ไม่เสี่ยงครับ ไม่เสี่ยง ไม่คุ้มมากในเชิงธุรกิจ
และนั่นก็เป็นที่มาที่ไปของความกดดันในชั้นบรรยากาศของผมตอนนี้และมันก็ถึงขีดสุดของความอดทนของผมแล้วด้วย ความอดทนน่ะมีครับ แต่น้อย
แล้วตอนนี้ มันก็หมดลงแล้ว
“ฉาน กูไม่ไหวแล้วนะ มึงเป็นอะไร มึงบอกกูสิ มึงโกรธอะไรใคร มึงบอกกูได้ป่ะ กูพูดตรงๆ นะ ทำตัวไม่ถูกว่ะ”
“.....................................” เงียบ แมร่ง เห็นแก่ตัวโครตๆ กูพูดตั้งเยอะ มันตอบกลับมาแค่ความเงียบ
“เอางี้นะฉาน กูจะถามครั้งสุดท้ายแค่ว่า เรื่องที่มึงหงุดหงิด เกี่ยวกับกูมั้ย”
ลุ้นครับลุ้น แอบมองหน้ามัน ไอ้ฉานมันต้องรุกลี้รุกลนกับอาการนี้ของผมบ้างแหละ ไม่บ่อยนะครับ เมฆเวอร์ชั่นซักฟอก วันนี้ถ้าไม่ได้คำตอบ กูจะเอามึงแช่ไฮเตอร์ ไอ้ฉาน
“............................................”
พอกันที ต่อไปนี้ เหตุผลเราไม่เอามาใช้ สันดานล้วนๆครับ สันดานล้วนๆ
“ฉานมึงจอดรถให้กูลงด้วย กูอึดอัด หายใจไม่ออก กูจะกลับเองวันนี้ เจอกันที่บ้านนะมึง”  
ไม่ไหวครับ ถ้าเป็นแบบนี้ มีเราสองคนนั่งในรถก็จริง แต่ผมรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวในที่แคบๆ ไม่มีอากาศให้หายใจ มันอึดอัด มันทรมาน สุดที่จะบรรยายจริงๆ โดยเฉพาะ เหตุเกิดจากคนที่ผมคิดว่าสนิทที่สุด แคร์ที่สุด และเป็นที่สุดในหลายๆเรื่องแล้วนั้น เกมส์โอเวอร์ ครับ
ไม่ขอทน ไอ้ฉานมันชะลอรถ มันจะไม่พูดอะไรกับผมจริงๆ เหรอ ปกติ มันจะง้อนี่หว่า แล้วนี่ทำไมมันชะลอรถวะ ฉิบหาย!!!!
นี่กูใช้มุขเดิมไม่ได้ผลแล้วเหรอ แค่ 15 ปีที่ผ่านมา  รู้สึกว่าจะใช้ไปไม่กี่ครั้งเองนะ เปลี่ยนแผนทันมั้ยเนี่ย เครียดก็เครียดครับ หงุดหงิดก็ใช่อยู่ ที่ไม่รู้คือไอ้ฉานมันเป็นอะไร แล้วทำไมมันไม่ง้อผม ในขณะที่สมองผมประมวลแผนการใหม่
ให้ฟุตบอลไทยได้ไปบอลโลกเถอะครับ
ไอ้ฉานมันตบไฟเลี้ยวชิดซ้าย
หน้าผมเริ่มซีด ปากเริ่มสั่น มันเอาจริงเหรอเนี่ย ไอ้เมฆ มึงต้องยอมรับความจริงได้แล้วนะ มึงไม่ใช่คนที่ไอ้ฉานจะตามใจแบบเมื่อก่อนแล้ว มึงต้องหัดเดินด้วยตัวเองบ้าง ที่ผ่านมา ในชีวิตมึง ไอ้ฉานช่วยเหลือมาตลอดไม่ใช่เหรอ
มีสักกี่อย่างที่มึงลุยเดี่ยวได้ น้อยมากใช่มั้ย แทบคิดไม่ออกเลยใช่หรือเปล่า
แล้วมึงควรรู้เอาไว้นะ ว่าต่อไปมึงควรอยู่ได้ด้วยตัวเอง มันจะเป็นแบบนี้ตลอดไปไม่ได้ อนาคตมึงและไอ้ฉานต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ของเรา อย่างที่เป็นทุกวันนี้ ตื่นได้แล้วเมฆ มึงต้องยอมรับความจริงที่จะเกิด
ผมสูดหายใจเอาความเชื่อมั่น    พร้อมทั้งเรียกขวัญและกำลังใจเข้าปอดลึกๆกระบอกตาเริ่มปวดและรู้สึกว่าน้ำในตาจะเริ่มไหลออกมาฟ้องความอ่อนแอ ไม่ได้การ ไอ้ฉานเห็นผมตอนนี้ มันคงสะใจ ผมกลืนก้อนอะไรสักอย่างที่ตีตื้นขึ้นมาที่คอเอาไว้อย่างยากลำบาก แหงนหน้าขึ้นฟ้า หลับตาไล่ไอ้หลักฐานแห่งความอ่อนแอบ้าๆนั่นกลับไป ไม่นานครับ
ผมกำลังเอื้อมมือไปปลดล็อคเบลล์ พร้อมกับที่ไอ้ฉาน ตบไฟกระชากรถออกไปเลนส์ขวา แบบปาดหน้ารถคันอื่นให้เค้าด่าแม่แต่พองาม มันเหยียบคันเร่งเท่าไหร่ ผมไม่รู้ มันมองไม่เห็น ม่านน้ำตามันมาบดบังทิศทางการมองเห็นไปตอนไหน อ๋อ ตอนไอ้ฉานกระชากรถออกขวาอย่างแรงนั่นแน่ๆ
โธ่เอ้ยยยยยยยยยย ไอ้เมฆ มึงแพ้อีกแล้วนะเกมส์นี้ ไอ้ฉานเห็นน้ำตามึงอีกแล้ว ตลอดเลย มึงแพ้ไอ้ฉานตลอด ไอ้เมฆ ไอ้....... เอร้ยยยยยยยย
“เมฆ มึงหยุดร้องไห้ก่อนนะ กูสัญญาเมฆ กูสัญญา ว่ากลับบ้านไป กูจะบอกมึงว่ากูเป็นอะไร เราจะคุยกันทุกเรื่อง ทุกเรื่องที่มึงอยากรู้ และทุกเรื่องที่กูอยากบอกมึงนะ” มันพ่นออกมารวดเดียวเลยครับ
จริงๆ มุขนี้ของผมก็ยังพอใช้การได้อยู่นะเนี่ย
ถึงมันจะออกผลช้าไปหน่อย แต่ก็ถือว่า คุ้มละนะ ตอนแรกก็ว่าจะหยิ่งในศักดิ์ศรี กลั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วบอกมันให้จอดรถ ลงมาเยี่ยงลูกผู้ชาย พล็อตมิวสิควีดีโอโผล่มาเลยครับตอนนั้น แต่คิดดูอีกที ผมใช้มุขเดิมจนมันเริ่มจับทางได้ จนเริ่มไม่ได้ผล แต่ลืมไปว่าไม้สุดท้ายที่ใช้เมื่อไหร่ ก็ได้ผลทุกครั้งไป นั่นคือน้ำตาครับ ลืมไปว่า ฟินาเล่สุดท้าย ยังไม่ได้งัดออกมาใช้เลยนี่หว่า งั้นจะรอช้าอยู่ใย น้ำตาที่สั่งมันกลับไปได้ เราก็สั่งมันออกมาใหม่ได้ และแล้วก็บิงโก
วะ ฮ่า ฮ่า ไอ้เมฆ ซะอย่าง
ก็แหม คิดดูนะว่า ถ้าต้องลงรถตรงนี้ อีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว บวกลบคูณหารแล้ว ไม่เท่ห์ครับไม่เท่ห์
ผมนั่งเหยียดตัวตรง เบือนหน้าไปนอกหน้าต่าง ทำปากรั้นขึ้นนิด บิดมุมหน่อยๆ ยอมเมื่อยคออีกเล็กน้อย ลงทุนหน่อยครับ ใกล้ถึงบ้านแล้ว เมื่อยนิดหน่อยทนได้ แลกกับความสะใจส่วนตัว
“เมฆ ไปหาหมอมั้ย เมื่อกี้กูเห็นมึงร้องไห้ คราบน้ำตามึงยังไม่แห้งเลยนะ มึงยิ้มได้ไงเนี่ย” ผมเอามือลูบหน้า
เชี่ยเอ้ย แก้มยังเปียกๆ อยู่จริงๆ ด้วยอะ
“ซื๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” ไอ้อาการสูดน้ำมูกกระทันทันนี้ ผมว่ามันเป็นอาฟเตอร์เอฟเฟคจากที่ผมร้องไห้เมื่อกี้นะ
ก่อนจะเสียหายไปมากกว่านี้ ผมรีบปาดน้ำมูก น้ำหูน้ำตา แล้วนั่งหน้าเริ่ดๆ เชิดๆ หล่อๆ มองวิวข้างทางดีกว่านะ (ไม่ใช่ไรหรอก มันเริ่มจับทางผมได้แล้ว เดี๋ยวไม่เนียน)
“หิวยัง หืมมมม”
ไอ้ฉาน ไอ้นรก มันไม่พูดเปล่าครับ มันเอื้อมมือมาขยี้หัวผม ไม่พอครับไม่พอ พี่แกขอเบิ้ลเป็นโยกไปโยกมาด้วย เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวพี่เมฆจะโชว์สเตป เอานิ้วตีนเขี่ยหน้าพี่เมฆไม่ว่า แต่เล่นถึงหัวเมื่อไหร่พี่เมฆไม่ยอม ไอ้กร๊วกกกฉาน
“อืม หิวแล้ว เมื่อไหร่จะถึงบ้านสักที” เอร้ยยยยย ผมตอบมันไปแบบนี้เหรอครับ แล้วแถมทำหน้าเป็นหมาเชื่องด้วยเหรอ
แย่ แย่ แล้วไอ้เมื่อกี้มันคืออะไร มันคือไอ้เมฆคนนี้คิดไปเองในใจคนเดียวอะเหรอ
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยย!!
พอลล่าครับ อั้มครับ ริต้าด้วยก็ได้ครับ น้องเมฆอยากตาย พวกพี่สนใจไปเปิดเนอสเซอรี่บนสวรรค์ม้ายยยยยยยยยยยย
แล้วเราก็มาถึงบ้านในเวลาต่อมา (ได้อีกสักประโยคก็เอา )
บ้านที่ไม่มีผู้หญิงที่ปลอมเป็นผู้ชายคนไหน ที่ใครๆก็ดูรู้ แต่ที่ไม่รู้คือพระเอก วิ่งหน้าตาตื่นออกมา แล้วบอกพวกเราว่า
“เจ้าฮะ กาแฟมั้ยฮะ”    
หรือคฤหาสน์ที่หน้าบ้านมีวงเวียนเหยี่ยวกำลังพ่นน้ำ มุมกล้องเป็นเปอสเปคตีฟแพนเข้าไป บรรดาคนใช้ยืนเข้าแถวเรียงหนึ่งสองฟากทางเดิน พร้อมกับก้มหัวมองพรมแดงที่พื้น แล้วบอกว่า
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านคะคุณชาย”
มันไม่ใช่เลยครับมันไม่ใช่ ถ้าบ้านผมมีอารมณ์ประมาณนี้ ก็น่าสยองดีไม่น้อยนะครับเนี่ย แค่คิดก็ บรึ๋ยยยยยยยยยยยย ตัวใครตัวมันแล้วครับ
บ้านของผม เอาเป็นว่า ของผมและไอ้ฉาน บอกทีเดียวไปเลยก็ได้ครับ ง่ายดี เป็นบ้านเดี่ยวสองหลังติดกัน แบ่งอาณาเขตบ้าน ด้วยรั้วไม้เตี้ย ประมาณกระโดดข้ามได้ โจรคนไหนที่ตอนเด็กๆ พื้นฐานการเล่นกระโดดยางอยู่ในขั้นดี ถึงดีมาก รั้วที่กั้นบ้านผมและไอ้ฉาน สะดวกสบายสำหรับคุณโจรมากครับ  
พูดเล่นครับ!!!!!!!!!!!
ที่รั้วบ้านผมกับไอ้ฉานมันเตี้ยได้ เพราะหน้าบ้านรั้วเป็นไม้ไผ่ต้นสูงผูกติดกันเป็นซุ้มยาวตลอดแนวหน้าบ้านผมไปถึงหน้าบ้านไอ้ฉานเลยครับ ด้านหน้ารั้วไม้ไผ่ปลูกต้นคริสตินายาวตลอดแนว ด้านหลังเป็นไผ่เลี้ยง สูงเหนือรั้วนิดหน่อย ภายในบริเวณบ้านร่มรื่นด้วยสวนและพันธ์ไม้นานาชนิด ดูเงียบและสงบ และที่สำคัญ ดูเป็นส่วนตัว บ้านในเมืองก็งี้แหละครับ หาความเป็นส่วนตัวยากยิ่งกว่าสิ่งใด
สองฝั่งรั้วเตี้ยแบ่งอาณาเขตบ้านปลูกไม่พุ่มตัดแต่งนำสายตาด้วยต้นนีออน ใบต้นนี้จะออกอมเขียวอมขาวอมเทา ดอกสีม่วง เก๋มากครับ ความคิดไอ้ฉานเลย มันบอก ไม้พุ่มปลูกแนวรั้วสีเขียว เชยแล้ว คิดใหม่ทำใหม่บ้าง
แล้วทุกคนก็เชื่อมัน โดยเฉพาะแม่นิ่ม ออกแนวเชื่อและเชียร์
พล่ามมาตั้งนานเพียงแค่จะบอกว่า
พอไอ้ฉานจอดรถ หยิบจับสัมภาระตัวเองได้ ผมเข้าบ้านผม ส่วนไอ้ฉานมันก็เข้าบ้านผมครับ
อ้าว !!!!! ไอ้นี่ออกแนวมั่ว  บ้านมึงก็มี มาเนียนเข้าบ้านกู
“ฉานมึงเบลอป่ะ บ้านมึงแยกไปทางซ้ายไม่ใช่เหรอ”
คุณชายเมฆขอซ้อมเสียงนิดนึงครับ เด๋ียวเจอแม่นิ่ม ต้องคุยกันเยอะคุยกันยาว เสียงจึงมีความจำเป็นมาก สำหรับผมในตอนนี้ แถได้แถดี นี่แหละกู
“รู้แล้ว จะมาบอกแม่นิ่มว่า ให้เอากับข้าวไปตั้งโต๊ะที่บ่อปลาคาร์ฟหลังบ้านกู”
แฮ่ แฮ่ ก็ใครจะไปรู้หละ เห็นมันเดินดุ่มๆ เข้าบ้านคนอื่นเค้าแบบนี้ ไม่ได้เบื่อขี้หน้ามันหรอกครับ แต่นี่หวังดี กลัวน้าพิมกับน้าชาติจำหน้ามันไม่ได้ เพราะลำพัง พี่ฉาย พี่ชายมันไปเรียนเมืองนอก พ่อแม่มันก็เหงาพอแล้วนะ ผมว่าถ้าลืมหน้ามันไปอีกคน มรดกบ้านนั้น ไม่ต้องยกให้มูลนิธิไหนสักที่เหรอครับ นี่ผมรักษาผลประโยชน์ให้ไอ้ฉานมันนะ
“มากันแล้วเหรอลูก ฉาน เมฆ”
แม่นิ่มครับ เสียงหวานออกมาทัก เอ่อ ไอ้ฉานหลานรักก่อนเลย (มันลูกบ้านนู้นนะแม่ ลูกแม่ยืนหล่ออยู่ตรงนี้)
“ครับแม่ สวัสดีครับ คิดถึงจัง”
ไม่ใช่ผมแน่ๆ สอพลอโปรดักชั่น ขนาดนี้ เป็นใครไปไม่ได้
มันเรียกแม่นิ่ม ว่าแม่ ตามผมมาตั้งแต่ตอนไหนจำไม่ได้ แต่มันก็เรียกมาจนถึงทุกวันนี้ครับ ส่วนผมก็ยังเรียกพ่อแม่มันว่าน้าเหมือนเดิม
“หวัดดีครับแม่ เมฆไม่ได้ซื้ออะไรมาฝากนะ แค่ความคิดถึง เมฆก็แทบจะขนมาไม่ไหวแล้ว”
ได้แค่นี้แหละครับ ผมพูดไม่เก่ง อ้อนใครก็ไม่เป็นกับเค้า เฮ้ออออออ!!
แล้วก็กลัวไอ้ฉานแย่งซีนไปกว่านี้ ผมเข้าไปเหนี่ยวเอวแม่นิ่มมาไว้กับตัว แล้วเอาจมูก ซุกๆไซร้ๆ ไปตามแก้มทั้งสองข้างของแม่กลับมาบ้านทีไร   อุ่นใจดีจัง
“เมฆ ๆ พอแล้ว แม่จั๊กกะจี้ ไปอาบน้ำอาบท่า กันสองคนนั่นแหละ เดี๋ยวมากินข้าวด้วยกัน บอกให้เด็กเตรียมยกไปบ่อปลาแล้ว” ไรวะ ไอ้ฉานแค่พูดหวานๆ แม่นิ่มก็ยิ้มหน้าบานแล้ว นี่ไอ้เมฆทั้งพูดทั้งกระทำ ยังไม่ได้อะไร แย่ แย่ แพ้ไอ้ฉานทุกที
“แม่ งั้นเมฆไปอาบน้ำก่อนนะ เจอกันที่โต๊ะครับ”
ผมพองลมใส่แก้ม กะน่ารักในสายตาแม่ งานที่โฟกัสไปที่แม่ครับ
แต่
“เมฆ อาบน้ำนะเว้ยมึงไม่ใช่แช่น้ำ กูหิวแล้ว มากด้วย”
ชิส์ เป็นพ่อกูด้วยอีกอย่างมั้ยมึง รู้สึกกูยังไม่มอบสายสะพายตำแหน่งนี้ให้นะ จัดไปจะได้ครบๆ
“มึงกำกับกูขนาดนี้แล้ว มึงไม่ขึ้นมาอาบให้กูด้วยเลยล่ะ “
ใครก็รู้ใช่ป่ะ ว่าประชด ทุกคนต้องรู้แน่
“อือ กูเสร็จแล้วจะขึ้นไปช่วยมึง”
หงะ!! เห็นมั้ยครับ ก็ยังมีไอ้กูปรีนี้ที่ยังไม่รู้ ไม่เปลืองตัวดีกว่าครับ ไปดีกว่า
อาหารมือเย็นนี้ ผ่านไปด้วยดีครับ พวกเราผลัดกันเล่านู่น นั่น นี่ ให้ที่บ้านฟังแบบไม่มีใครยอมใคร
บรรยากาศอบอุ่นแบบนี้ เกิดขึ้นบ่อยๆครับ ตั้งแต่ผมกับไอ้ฉานสนิทกัน จนมาเป็นครอบครัวเราทั้งสองสนิทกัน เพราะไอ้ฉานมันมาระรานชีวิตผมบ่อยๆตั้งแต่เล่น กิน นอน เรียกได้ว่า มันอยู่บ้านผม มากกว่าอยู่บ้านมัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพี่ไอ้ฉาน ห่างกับมันหลายปีอยู่ แถมสอบชิงทุนไปเรียนเมืองนอก มันเองคงเหงา เลยอยากมีเพื่อนเล่น ผมเองตอนนั้น ดวงคงตกอยู่ในแนวราหูอมพอดี
เลยต้องมาเป็นเพื่อนสนิทมันไป โดยไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่หรอก พ่อกับแม่มัน เอ็นดูผมมากเหมือนกัน ส่วนหนึ่งคงรู้ว่าผมเป็นเด็กบ้านแตก พ่อแม่แยกทางกัน แล้วอีกอย่างตอนนั้นก็นับได้ว่า ทั้งบ้านผมมีผู้หญิงคือแม่นิ่ม อยู่บ้านคนเดียวกับเด็กอย่างผม ถือว่าอันตรายมากเหมือนกันนะครับ พ่อแม่มันเลยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหลายอย่าง จนเราสนิทกัน และเป็นเหมือนทุกวันนี้
กำลังจะแยกย้ายบ้านใครบ้านมันอยู่พอดี
“เมฆ ยังไม่ลืมใช่มั้ย     เรามีอะไรต้องคุยกันนะ “ จำได้ก็ตอนที่มันทักนี่แหละครับ ก่อนหน้านั้น มัวแต่เมาท์อย่างอื่น
จนลืมเรื่องนี้ไปช่วงนึง แต่ ทำไมไอ้ฉานต้องทำหน้าเครียดด้วยละครับ หรือว่ามันไม่สบายใจอะไรอยู่เหรอ




Create Date : 27 มกราคม 2556
Last Update : 27 มกราคม 2556 13:34:12 น. 0 comments
Counter : 663 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

T_Romance
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add T_Romance's blog to your web]