Web Blog นี้เป็น Mirror Blog Site (เว็บสำรอง)
อ่านเว็บหลักได้ที่ ==> "คลิก - SmartMathsTutor.Blogspot"
-------------------------------------------------------------------------------------



SmartMathsTutor (กิ๊ก)
เน้นทริกการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาทักษะการคิด
ติวคณิตให้เก่งคิด กับติวเตอร์กิ๊ก
วิธีสอนของกิ๊ก เหมาะสำหรับ ใครก็ได้ที่ต้องการเก่งคิด และ พร้อมที่จะพัฒนาตนเอง...จนคิดเก่ง
เรียนเลขไม่น่าเบื่อ สอนสนุกเหมือนเล่นเกม
---------------------------------------------------------------------
        วิทยากรอิสระ(ติวเตอร์) รับบรรยาย ติว สอนคณิตศาสตร์ ผ่านโจทย์เชาวน์คณิต (GMAT, GRE) โจทย์ปัญหาเชาวน์ โจทย์พัฒนา IQ เกมปริศนา หรือ โจทย์พัฒนาศักยภาพบุคลากรระดับผู้บริหารในองค์กรทุกประเภท เพื่อพัฒนาวิธีเรียนรู้ และ วิธีคิดวิเคราะห์ ให้ผู้เรียนมีองค์ความรู้ของตนเอง มีตรรกะเชิงจินตนาการในการคิด มี mind map ในการจดจำแบบนักวิทยาศาสตร์ มีความคิดรวบยอดในการแก้ปัญหา เข้าใจปัญหาได้ตรงประเด็น และ แก้ปัญหาอย่างมีจินตนาการสร้างสรรค์นอกกรอบ เพราะ "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" และ "ความคิดสร้างสรรค์ เป็นพรสวรรค์ที่พัฒนาได้"

                                             1. Home - สารบัญบทเรียน        2. รู้จักกับกิ๊ก - ประวัติ                 3. รายละเอียดการติว      4. Concept วิธีสอน                                                           

         5. กิ๊กสอนอะไรได้บ้าง              6. บอกเล่าประสบการณ์สอน       7. คำติ-ชมจากผู้เรียน      8. อัตราค่าสอน และ เบอร์ติดต่อ

Last Update 30/December/2013
เว็บนี้แสดงผลได้ดีที่สุดในความละเอียดที่ 1,920 * 1,080 ด้วย Google Chrome Browser บนระบบปฏิบัติการ Window for Computer



Web Blog นี้เป็น Mirror Blog Site (เว็บสำรอง)
สนใจติว หรือ อ่านบทเรียนคณิตศาสตร์ได้ที่ 
==> "คลิก - SmartMathsTutor.Blogspot"
-------------------------------------------------------------------------------------

                                             1. Home - สารบัญบทเรียน        2. รู้จักกับกิ๊ก - ประวัติ                 3. รายละเอียดการติว      4. Concept วิธีสอน                                                           

         5. กิ๊กสอนอะไรได้บ้าง              6. บอกเล่าประสบการณ์สอน       7. คำติ-ชมจากผู้เรียน      8. อัตราค่าสอน และ เบอร์ติดต่อ


รู้จักกับกิ๊ก - SmartMathsTutor (ประวัติ)

SmartMathsTutor (กิ๊ก)
"เน้นทริกการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาทักษะการคิด"


-------------------------------------------------------------

Brand เดิม (สอนมัธยม)

ติวคณิตให้เก่งคิด กับ ติวเตอร์กิ๊ก
“สอนเข้าใจ ไม่ใช่ท่องจำ เพื่อทำข้อสอบได้”

          อยากให้น้องอ่านบทความที่พี่ตั้งใจเขียนทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่อง "หมดอนาคต... หากไม่เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย" และ "ไม่มีคำว่าสาย... สำหรับคนที่อยากเก่ง" พี่รักทุกคน อยากให้ตั้งใจเรียน ขยัน พัฒนาตัวเอง เป็นคนดีของสังคม เป็นคนเก่งของคุณพ่อคุณแม่ "ทุกคนเก่งขึ้นได้ หากรู้วิธี(เรียน)เก่ง และ พยายาม บากบั่น ไม่ยอมแพ้" พี่เป็นกำลังใจให้ทุกคนขยัน.....จนประสบความสำเร็จครับ :)


-------------------------------------------------------------


ประวัติ กิ๊ก - SmartMathsTutor

          จบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านวิทยาศาสตร์ทั่วไป (General Science) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ปริญญาตรีทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) มหาวิทยาลัยรามคำแหง เนื่องจากสมัยเรียนเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้น เพื่อนร่วมชั้นหลายคนเรียนไม่เข้าใจ กิ๊กจึงต้องช่วยติวเพื่อนๆในหลายๆวิชา จากการติวนั้นทำให้กิ๊กรู้จักการสอนและรักงานสอนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

          ด้วยความสนใจในคณิตศาสตร์ ประกอบกับปัญหาสุขภาพ และ ความเครียดจากการทำงานอย่างรีบเร่ง จึงต้องลาออกจากงานประจำ เมื่อมีเวลาคิดทบทวน จึงหันมาสนใจงานสอนหนังสือที่ชอบ และเริ่มติวคณิตศาสตร์ระดับชั้น มัธยมต้น – ปลาย, คอร์สสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดม และ สอบเข้าปริญญาตรี ตั้งแต่ปลายปี 2550 เป็นต้นมา ซึ่งช่วยให้น้องๆเข้าใจคณิตศาสตร์มากขึ้น มีวิธีคิด วิธีแก้ปัญหาโจทย์ที่ดีขึ้น สามารถทำโจทย์ข้อสอบ และ อ่านหนังสือทบทวนต่อยอดความรู้ด้วยตัวเองได้ ผลการเรียนก็ดีขึ้น และ สอบเข้าเรียนในคณะที่ต้องการ

          จนเมื่อปลายปี 2551 มีนักเรียนคนหนึ่งชื่อน้องไบร์ท (ผู้ชาย) ได้โทรติดต่อให้มาติวข้อสอบเลข GMAT (Quantitative GMAT) เพื่อเรียนต่อปริญญาโท MBA ในต่างประเทศ (สหรัฐอเมริกา) หลังจากติดตามข้อมูลวิธีสอน และ ผลงานการสอนน้องๆชั้นมัธยมบนเว็บไซต์กิ๊ก ตอนแรกกิ๊กปฏิเสธ เพราะ ตัวกิ๊กเองไม่เก่งภาษาอังกฤษ และ ยังไม่เคยเห็นข้อสอบ GMAT มาก่อน แต่น้องไบร์ทบอกว่ากิ๊กสอนได้ ช่วงแรกน้องไบร์ทจึงแปลโจทย์ให้ฟัง เมื่อได้สอนข้อสอบ GMAT แล้ว กิ๊กพบว่า ข้อสอบเป็นแนวคิดวิเคราะห์ เชาวน์คณิตคิดเลขเร็ว ไม่สามารถจำวิธีคิดไปสอบได้ ตัวโจทย์มีความหลากหลาย ต้องเข้าใจขั้นสูง มีมุมมองรอบด้าน และ ตีโจทย์ปัญหาได้หลากหลาย ทำให้กิ๊กชอบโจทย์ข้อสอบนี้มาก เพราะนอกจากข้อสอบจะไม่กำกวมแล้ว ยังออกแบบมาเพื่อให้สามารถคิดวิธีแก้ปัญหาได้หลายวิธี บางวิธีก็ช้า แต่วิธีที่ดีที่สุด คือ วิธีที่เร็วที่สุด ซึ่งต้องมีจินตนาการ การตีโจทย์เป็นภาพ การออกแบบวิธีแก้ปัญหา และ คิดวิเคราะห์ได้เป็นระบบอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ กิ๊กชอบสอนข้อสอบแนว GMAT นี้มากกว่า เพราะ เป็นโจทย์ฝึกคิดเช่นเดียวกับเกมฝึกสมอง หรือ แบบทดสอบ I.Q. และที่สำคัญ ช่วยพัฒนาวิธีเรียนรู้ให้ผู้เรียนจดจำสูตร รวมทั้งตัวเลขอย่างเป็น Mind Map จนไปถึงสอนให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ มีตรรกะ จินตนาการ และ ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาได้

          แนวการสอนของกิ๊ก เน้นพัฒนาวิธีเรียนรู้ แก้จุดอ่อน พร้อมเพิ่มความเข้าใจในเนื้อหาบทเรียน และเสริมเทคนิควิธีคิดลัดให้กับผู้เรียน ไม่เพียงแต่ผู้ที่ตีโจทย์ไม่ได้ แต่รวมไปถึงผู้ที่คิดช้า ตอบผิด เพราะแก้ปัญหาไม่ตรงประเด็น ซึ่งวิธีนี้ผู้เรียนจำเป็นต้องขยัน พัฒนาตัวเอง อ่านหนังสือ ทำแบบฝึกหัด และถ้าหากยังไม่เข้าใจ ทำโจทย์บางข้อไม่ได้ ก็ควรซักถาม-พูดคุยในสิ่งที่ตนเองยังไม่เข้าใจทันที

          ผลลัพธ์ที่ได้ คือ จากคะแนนสอบ Quantitative GMAT ของน้องไบร์ทเดิมอยู่ที่ 29 คะแนน (เต็ม 60 คะแนน) ก็เพิ่มเป็น 42 คะแนน ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เพิ่ม (Percentage Increase) 44.83% จึงทำให้กิ๊กมั่นใจในการสอนข้อสอบเชาวน์คณิตแนว GMAT, GRE และ รับสอนคอร์สสอบเข้าปริญญาโท-เอก คณิตศาสตร์ GMAT, GRE ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ปัจจุบันยังสอนอะไรอีก

          เมื่อปลายปี 2554 ทางฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ (Human Recourse) ของบริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (Tesco Lotus) ได้โทรติดต่อมา เพื่อให้กิ๊กสอนคณิตศาสตร์ให้กับพนักงานในองค์กร โดยเจอข้อมูลกิ๊กบนเว็บไซต์ และ สนใจวิธีสอนของกิ๊กที่สอนวิธีคิดให้กับผู้เรียน หลังจากที่ได้พูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหา และ พิจารณาการสอนของกิ๊กแล้ว กิ๊กก็เริ่มงานสอนคณิตศาสตร์เป็นหลักสูตรประจำทุกปีให้กับพนักงานบริษัท Tesco Lotus ตั้งแต่ต้นปี 2555 เป็นต้นมา

อาจารย์พิเศษสอนประจำบริษัท

     1. สอนคณิตศาสตร์ เพื่อพัฒนาศักยภาพการคิดวิเคราะห์เชิงตัวเลข (Numerical) ให้กับพนักงานของบริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (Tesco Lotus) ที่ Tesco Academy สำนักงานใหญ่ สุขาภิบาล 1
               2555 – ปัจจุบัน
               1.1 Course – คณิตศาสตร์เพิ่มศักยภาพความถนัดทางธุรกิจ
ซึ่งเป็นข้อสอบวัดความถนัดทางธุรกิจ แนวข้อสอบเข้าปริญญาโทบริหารธุรกิจ สอนให้กับพนักงานเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้จัดการ
                         26 / April / 2012 สอนให้กับพนักงาน จำนวนกลุ่มละ
10 คน จำนวน 4 กลุ่ม รวม 37 คน
                         11 / June / 2013 สอนให้กับพนักงาน จำนวนกลุ่มละ 20 - 25 คน จำนวน 4 กลุ่ม รวม 93 คน

               1.2 Course - Become brilliant at number in Numerical Aptitude (Numerical Reasoning Test, Data Interpretation Test) ซึ่งเป็นข้อสอบคณิตคิดวิเคราะห์เชิงธุรกิจ แนวคณิตคิดเลขเร็ว และ เชาวน์คณิต เป็นข้อสอบที่ทดสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ กำหนดเวลาทำข้อสอบไม่เกินข้อละ 1 นาที สอนให้กับผู้บริหารระดับผู้จัดการ (Manager)
                         26 / January / 2012 สอนให้กับผู้จัดการ จำนวน 1 กลุ่ม รวม 8
คน
                         22 / November / 2012 สอนให้กับผู้จัดการ จำนวนกลุ่มละ 10 คน จำนวน 2 กลุ่ม รวม 16
คน
                         03 / July / 2013 สอนให้กับผู้จัดการ จำนวนกลุ่มละ 15 คน จำนวน 5 กลุ่ม รวม 71
คน
               1.3 นอกจาก Course ดังกล่าว ยังสอนพัฒนาศักยภาพการคิดวิเคราะห์เชิงตัวเลข (Numerical) ให้กับผู้จัดการอาวุโส (Senior Manager) เป็นรายบุคคลด้วย

          สำหรับบริษัทที่สนใจพัฒนาบุคลากรในด้านความสามารถทางการคำนวณ การให้เหตุผลทางตัวเลข (Numerical Reasoning) ความสามารถในการนำข้อมูลมาใช้เพื่อแก้ปัญหาเชิงปริมาณ และ การตีความข้อมูลทางคณิตศาสตร์ หรือ แบบทดสอบ I.Q., เกมปริศนา, ปัญหาเชาวน์ ฯลฯ เพื่อพัฒนาวิธีคิด วิธีเรียนรู้ให้กับพนักงานในองค์กร สามารถพูดคุยหลักสูตร แนวทางการสอน และ เนื้อหาที่ใช้สอนก่อนได้.....ด้วยความยินดีครับ
          หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติม แนวทางการสอน ตัวอย่างเนื้อหา ตัวอย่างวิธีสอน และ วิธีคิดแก้ปัญหา สามารถเข้าชมได้ที่เว็บนี้ครับ
==> //SmartMathsTutor.blogspot.com




 

Create Date : 21 ธันวาคม 2556   
Last Update : 30 ธันวาคม 2556 14:52:16 น.   
Counter : 2089 Pageviews.  

GMAT 700+, 99% แนะนำหนังสืออ่านสอบ GMAT .....ไม่อ่านเสียดายมาก โดยพี่กิ๊ก SmartMathsTutor

2. 
Get 700+, 99% แนะนำหนังสืออ่านสอบ GMAT .....ไม่อ่านเสียดายมาก
--------------------------------------------------------------------------------------------

แนะนำหนังสือควรอ่าน & หนังสือโจทย์ข้อสอบ

Quantitative GMAT ให้ได้ 700+ (99 %)

          “เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” คำคมนี้ยังคงเป็นความจริงเสมอ เหมือนคำกล่าวของเหล่านักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จที่ว่า “วางแผนชีวิต พิชิตความสำเร็จ” บทความนี้จะแนะนำหนังสือที่ควรอ่านเตรียมสอบ GMAT เพื่อให้ทุกคนไม่พลาดคะแนน 700+ เพราะหนังสือดีเปรียบเสมือนผู้ช่วย พาความสำเร็จมาให้คนขยันที่อ่านเข้าใจ

          มหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลกหลายแห่ง ต้องการผลคะแนนสอบ GMAT ในเกณฑ์สูง น้องหลายคนจึงรีบหาติวเตอร์ รีบโทรหาสถาบัน โดยมีจุดประสงค์เพียงเพื่อให้ตัวเองสามารถทำโจทย์ได้มากๆ มีคะแนนสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ต้องการได้ แต่หากคิดมองมุมกลับ แทนที่น้องจะรีบหาผู้ช่วย ให้ลองช่วยตัวเองก่อน โดยหาข้อมูล ซื้อหนังสือมาอ่าน และ ลองเรียนด้วยตนเองก่อน แล้วถ้าพบว่า.....ไม่ไหว ทบทวนหลายรอบแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ตีโจทย์ไม่แตก ยังคิดวิธีแก้ปัญหาโจทย์ข้อที่ทำไม่ได้ไม่ตก แถมคิดช้าในข้อที่ถูก และ ยังเดามั่วในข้อที่ไม่เข้าใจ ฯลฯ ก็ค่อยหาผู้รู้จริง !!! ........จะดีกว่าไหม ซึ่งพี่พบว่า คนกลุ่มนี้ จะมีความสุข และ ประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่า เพราะเขารู้จักตัวเอง และเลือกเส้นทางที่เหมาะสมเพื่อที่จะพัฒนาตัวเอง

          สิ่งสำคัญยิ่งในการทำข้อสอบคณิตศาสตร์ ไม่เว้นแม้แต่ Quantitative GMAT คือ ความเข้าใจในเนื้อหา Math Review (Arithmetic, Algebra, Geometry, Word Problems) ซึ่งเป็นเครื่องมือ และ Concept ที่เอาไว้ตอบปัญหาโจทย์ พี่ได้คุยกับผู้เรียน ซึ่งหลายคนเคยสอบ GMAT มาแล้ว พบว่า คะแนนของแต่ละคนนั้น.....ต่างกันที่วิธีคิด และ ความเข้าใจในเนื้อหา Math Review

          ปัญหาที่เห็นบ่อยก็คือ โจทย์ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนที่น้องทำไม่ได้จนพูดได้ว่า “เสียดายคะแนนแทนจริงๆ!!!” เพียงเพราะไม่เข้าใจ Concept และ ที่มาของสูตร เช่น Work problem (ในหัวข้อ Word problem) เมื่อเจอโจทย์นี้ หากน้องไม่รู้วิธีคิด มักเดามั่ว คาดคะเน กะประมาณ หรือไม่ก็มองตัวเลือก ซึ่งแม้ว่าการเลือกตัวเลือกไปแทนจะตอบถูก แต่ต้องเสียเวลาทำเกิน 1 นาทีแน่ แต่ถ้าหากน้องเข้าใจ Concept และ วิธีแก้ปัญหา น้องสามารถตีโจทย์แล้วแก้ปัญหาตอบได้ทันที อย่างเช่น พี่น้องคู่หนึ่ง ที่เพิ่งสอบ GMAT ไปในเดือย มิ.ย. 2012 นี้ เดิมพี่ชายสอบได้ 290/800 คะแนน ส่วนน้องสาวสอบได้ 340/800 คะแนน ซึ่งถือว่ามีพื้นฐานคณิตศาสตร์ใกล้เคียงกัน แม้ว่าทั้งคู่จะเรียน Concept Work Problem ที่สอนให้แล้ว แต่เพราะเหตุที่พี่ชายไม่ว่างอ่านทบทวน จึงแก้ปัญหาโจทย์ไม่ซับซ้อนข้อนั้นไม่ได้ ผิดกับน้องสาวที่ใส่ใจ หาเวลาอ่านทบทวนจนเข้าใจ พออ่านโจทย์จบ จึงคิดและตอบข้อนั้นได้ถูกต้องทันที และ ที่สำคัญของโจทย์ work problem นี้ คือ คำตอบต้องเป็นค่าคงตัว (ตรงตัว) เท่านั้น (คำตอบมีอยู่ในตัวเลือกแน่นอน) เราไม่สามารถกะประมาณได้โดยละเอียดหากตัวเลือกเป็นเศษส่วน หรือ ทศนิยม

          และยังพบว่า ผู้เรียนที่สอบ GMAT ได้เกิน 600 คะแนน แทบทุกคนเข้าใจเนื้อหา Math Review เพราะฉะนั้น หากน้องยังคงสอบ GMAT ได้คะแนนไม่ถึง 600 คะแนน นั่นเป็นเพราะน้องยังไม่เข้าใจเนื้อหา Math Review อ่านหนังสือแล้วยังไม่สามารถสรุปประเด็น หรือ หาวิธีอธิบายให้ตัวเองเข้าใจยิ่งขึ้นได้ นั่นหมายความว่า ถ้าไม่ได้ก้าวข้ามไปสู่ความเข้าใจเนื้อหา Math Review อย่างมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์นอกกรอบ ก็จะทำให้น้องอ่านโจทย์ไม่เข้าใจ (ไม่ clear) ตีโจทย์ไม่แตก และ แก้ปัญหาไม่ถูกจุด ไม่สามารถนำ Concept ไปประยุกต์ใช้ได้ ทำให้คิดช้า เสียสมาธิขณะสอบ ท้ายสุดก็ตอบผิด หมดกำลังใจทำข้อต่อไป ซ้ำผิดหวังกับผลคะแนนที่ต่ำเกินคาดเมื่อสอบเสร็จ

          ดังนั้น พี่จึงขอแนะนำหนังสือ GMAT ดีๆ ที่ทุกคนควรอ่าน ดังต่อไปนี้



แนะนำหนังสือ GMAT ที่ทุกคนต้องอ่าน

A. ในส่วนของ Math Review ที่ต้องอ่านทบทวน

          1. หนังสือ GMAT REVIEW: THE OFFICIAL GUIDE FOR GMAT REVIEW เล่มล่าสุด Book production By Wiley Publishing, Inc. เช่น พิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 2012 เล่ม 13th Edition ปกสีเขียวอมฟ้า-คลิกดูรูปที่นี่ ส่วนเล่ม 12th Edition ปกสีแดงเลือดหมู-คลิกดูรูปที่นี่ หนังสือเล่มนี้แนะนำให้อ่านเป็นเล่มแรก เพื่อศึกษาเนื้อหาว่า โจทย์ข้อสอบออกเรื่องใดบ้าง รวมทั้งข้อตกลง คำศัพท์ และ สัญลักษณ์ต่างๆ ที่ต้องเข้าใจให้ตรงกับผู้ออกข้อสอบด้วย เช่นreciprocal, inclusive, absolute value, disjoint or mutually exclusive, perpendicular line, hypotenuse ฯลฯ

          หนังสือเล่มนี้จะอธิบายเนื้อหาและ Concept ที่ใช้แก้ปัญหาโจทย์ GMAT Quantitative ทั้งหมด ซึ่งข้อสอบทุกข้อจะออกสอบไม่เกินเนื้อหาจากในหนังสือเล่มนี้ และวิธีแก้ปัญหาก็อยู่ใน Math Review ของหนังสือเล่มนี้ทั้งหมด แต่หลายคนประมาท มองข้ามเนื้อหาที่ใช้สอบ เพราะรู้ว่า เนื้อหาคณิตศาสตร์ใน GMAT นั้น ไม่ใช่ Advance Mathematics อย่างเช่น Differentiated and Integration ฯลฯ แต่เป็นคณิตศาสตร์ระดับมัธยมต้น (ม. 3) เท่านั้น แต่เมื่อเจอโจทย์ยากที่ทำไม่ได้ หลายคนก็เปิดดูเฉลยเพราะไม่เข้าใจโจทย์ แล้วมักคิดว่า วิธีคิด วิธีแก้ปัญหาในเฉลยนั้นไม่มีอยู่ใน Math Review แต่พี่สามารถขีดเส้นใต้ตรง concept ที่ใช้แก้ปัญหาโจทย์ข้อนั้นให้น้องดูได้.....มาแล้ว เพราะฉะนั้น ความเข้าใจ Math Review เป็นส่วนสำคัญยิ่งที่ทำให้เราทำโจทย์ได้ จึงควรอ่าน Math Review อีกครั้งเมื่อพบว่าเราไม่เข้าใจคำอธิบายเฉลย และเมื่อซื้อหนังสือเล่มนี้มาแล้ว แรกสุดขอให้น้องอ่านเนื้อหา Math review อย่างละเอียดไม่ต่ำกว่า 10 รอบก่อนเริ่มทำโจทย์ เพื่อจดจำ รู้คำศัพท์ ทราบข้อตกลงที่ผู้ออกข้อสอบบอก และ เข้าใจ Concept อย่างมีจินตนาการ ซึ่งถ้าหากยังไม่เข้าใจ พี่ก็ขอแนะนำให้อ่านหนังสือของ Nova’s GMAT เพิ่มอีกเล่มครับ

ปล. หนังสือเล่มนี้มีขายที่ ศูนย์หนังสือจุฬา ราคาจะถูกกว่าซื้อที่อื่นครับ

GMAT Official Guide 12


GMAT Official Guide 13

          2. หนังสือของ Nova’s GMAT ชื่อหนังสือ Nova's GMAT Prep Course -คลิกดูรูปที่นี่ และ Nova’s GMAT Math Bible หนังสือนี้ เขียนอธิบายและสรุป Math Review ได้ดีมากๆ ผู้เขียนเขียนสรุปเป็นข้อๆ มี Summary Of Math และ Math Note ช่วยให้จดจำง่าย เข้าใจได้เร็ว และยังอธิบาย Concept อย่างเป็นตรรกะโดยละเอียดในแต่ละเรื่อง ทำให้ผู้อ่านได้แนวคิด (Idea) ในการแก้ปัญหา และ ประยุกต์ใช้ได้อย่างตรงประเด็น ฯลฯ

          กิ๊กได้แนะนำให้พี่อ๋อ ซึ่งเรียนจบเศรษฐศาสตร์ ปริญญาตรี และ โทจากอังกฤษอ่าน เนื่องจากเธอทำงานและไม่ได้เรียนมานานหลายปี จึงลืมความรู้พื้นฐานคณิตศาสตร์ไปเกือบหมด เธออ่านหนังสือเล่มอื่นหลายรอบแล้วก็ยังไม่เข้าใจ แต่หลังจากที่เธอได้อ่านหนังสือของ Nova’s GMAT แล้ว.....บอกว่า หนังสือสรุปได้ดีมากกกก อ่านแล้วเข้าใจ Math Review ขึ้น รู้สึกว่าทำโจทย์ได้ดีขึ้น แก้ปัญหาโจทย์ได้เร็วขึ้น ข้อไหนที่เคยตอบไม่ได้ พอเข้าใจแล้วก็ตอบได้มากขึ้น เคยอ่านเฉลยไม่เข้าใจ ก็เข้าใจ..........เพราะเหตุใดหรือ ที่เธอทำโจทย์ได้มากขึ้น ก็เป็นเพราะเธอเข้าใจ Review มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นหนังสือ Nova’s GMAT นี้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่อ่อนเลข และยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทบทวนความเข้าใจใน Math’s Concept ให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น

          พี่แนะนำ Nova's GMAT จริงๆครับ

ปล. หนังสือเล่มนี้ยังไม่มีใครนำมาขายในเมืองไทย ต้องสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ทไปก่อนครับ

GMAT NOVA Prep Course




B. ในส่วนของ Math problem ที่ทุกคนต้องฝึกทำ

          1. หนังสือ GMAT REVIEW: THE OFFICIAL GUIDE FOR GMAT REVIEW เล่มล่าสุด (เล่ม 13th สีเขียวอมฟ้า-คลิกดูรูปที่นี่) และ GMAT Quantitative Review : THE OFFICIAL GUIDE FOR GMAT QUANTITATIVE REVIEW เล่มล่าสุด (เล่ม 2nd สีเขียว-คลิกดูรูปที่นี่) Book production By Wiley Publishing, Inc.

หนังสือเล่มนี้มีข้อดีตรงที่

          (๑) การลำดับโจทย์ข้อสอบ เริ่มจากพื้นฐานไปยังโจทย์ซับซ้อน ผู้ศึกษาจึงสามารถทบทวนความรู้เก่าและเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆที่ยากขึ้นตามลำดับได้

          (๒) โจทย์ข้อสอบแต่ละข้อ มีเทคนิคลัด (Trick) ที่จำเป็นในการทำโจทย์แตกต่างกันไป จึงเหมาะสำหรับผู้ศึกษาที่จะเรียนรู้วิธีลัด (Trick) โดยเริ่มจากโจทย์พื้นฐานไปยังโจทย์ยากและซับซ้อนขึ้นตามลำดับ

          หนังสือทั้งสองเล่มนี้เลือกโจทย์ข้อสอบจริงมาเป็นแบบฝึกหัด (Practice) ให้ทำ อ่านแล้วทำให้ทราบลักษณะคำถาม ซึ่งเป็นเชาวน์คณิต และ หากน้องอ่านเข้าใจจริงๆ ก็จะทราบรูปแบบของโจทย์ ภาพรวมของข้อสอบ แนวข้อสอบ เข้าใจผู้คิดโจทย์ข้อสอบ และ วิธีคิดแก้ปัญหาในรูปแบบต่างๆ (Type of thinking) เช่น Forward thinking และ Backward thinking ฯลฯ อีกทั้ง Concept and Trick ที่ใช้แก้ปัญหาในหนังสือก็เหมือนกับการแก้ปัญหาในการสอบจริงทุกประการ .....อยู่ที่ตัวน้องครับ ว่าอ่านเข้าใจจริงๆหรือเปล่า

GMAT Quantitative 2

          2. หนังสือของ Nova’s GMAT ชื่อหนังสือ Nova's GMAT Prep Course (-คลิกดูรูปที่นี่)  แนะนำจริงๆ

หนังสือเล่มนี้มีข้อดีตรงที่

          (๑) ลักษณะโจทย์ไม่ซับซ้อน เป็นพื้นฐานขั้นต้น(เบื้องต้นจริงๆ)  ซึ่งโจทย์แต่ละข้อจะทบทวน Concept ในการแก้ปัญหาแต่ละอย่าง อีกทั้งโจทย์ยังมีความหลากหลาย  ไม่คล้ายกัน ทำให้เห็นรูปแบบ มุมมอง และ เทคนิควิธีคิดแก้ปัญหาเหมือนที่ผู้ออกข้อสอบจริง GMAT ต้องการ .....จึงเหมาะกับผู้ที่มีพื้นฐานคณิตศาสตร์อ่อนถึงอ่อนมาก  หรือ  ไม่ได้ฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์สม่ำเสมอ และยังเป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการฝึกทำโจทย์ให้เร็วขึ้น ก่อนที่จะข้ามไปทำโจทย์ยากคิดซับซ้อนหลายขั้นตอน

ผู้เขียน : SmartMathsTutor (created 10/Jan/2013, update 27/02/2556)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แนะนำหนังสือ Basic Math GMAT (ETS) 


update 28/03/2556, 10/10/2556


          สำหรับน้องที่ไม่มีพื้นความรู้ทางคณิตศาสตร์ ไม่ได้เรียนเลขมาตั้งแต่ ม. ปลาย หรือ มีพื้นฐานคณิตศาสตร์อ่อนมาก ยังจำคำความหมาย และ สูตร เช่น จำนวนเฉพาะจำนวนจริงตัวหารร่วมมากตัวคูณร่วมน้อยเลขยกกำลังวิธีแยกตัวประกอบ หรือทำโจทย์  Math GMAT ง่ายๆได้ไม่คล่อง

          หนังสือเล่มนี้มีประโยชน์มาก (Foundations of GMAT Math, Manhattan GMAT) เพราะปูพื้นความรู้ใน Math GMAT ที่จำเป็นทั้งหมด ให้รู้จักคำศัพท์ต่างๆ เช่น  Integer, Real Number, Absolute Value ฯลฯ อย่างละเอียดโดยใช้รูปภาพอธิบายให้เข้าใจ และ ผู้เขียนมีจุดมุ่งหมายที่จะสอนให้ผู้อ่านคิดเชิงตรรกะ โดยใช้รูปภาพอธิบายเพื่อให้ผู้อ่านมีจินตนาการ และ สอนให้ตีโจทย์เป็นภาพ เพื่อทำข้อสอบ Math GMAT จริงได้เร็ว

          สำหรับโจทย์แบบฝึกหัด   แม้จะง่ายกว่าข้อสอบจริง   ซึ่งแบบฝึกหัดในหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่โจทย์ GMAT จริง หรือเป็นโจทย์แนว GMAT เหมือนในหนังสือเล่มอื่น แต่ก็ยากและซับซ้อนพอควร......เหมาะที่จะฝึกคิดเป็นภาพ  ฝึกความคล่อง  ฝึกความเร็วในการทำโจทย์  และ  ทบทวนเนื้อหาในแต่ละบท กล่าวได้ว่า  หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนคู่มือฝึกเขียน ก.ไก่ ข.ไข่, สอนวิธีใช้มือถือ ใช้คอมพิวเตอร์ สอนใช้โปรแกรม เพื่อให้ผู้ใช้ใช้งานได้คล่อง


--------------------------------------------------------------------------------------------

หน้าถัดไป


หน้าก่อนนี้





 

Create Date : 10 มกราคม 2556   
Last Update : 10 ตุลาคม 2556 9:54:00 น.   
Counter : 12695 Pageviews.  

อ่านอะไรพัฒนาทักษะด้านภาษา เก่งเขียน เก่งอ่าน พัฒนาเชาวน์ด้านภาษาต้องอ่านอะไร

1. อ่านอะไร...ช่วยคะแนน Verbal ให้สูงขึ้น
--------------------------------------------------------------------------------------------
GMAT, GRE
อ่านอะไร พัฒนาทักษะด้านภาษา
และ
ช่วยคะแนน
Verbal ให้สูงขึ้น
Link ต้นฉบับ ==> คลิกที่นี่
          พี่ไม่ได้มีความรู้ด้านภาษาศาสตร์มาก  ไม่ได้เรียนจบด้านอักษรศาสตร์มา  แต่ความที่ตัวเองอยากเขียนบล็อกแชร์ความรู้และอยากเป็นนักเขียนนิยายด้วย  อาจารย์ที่รู้จักจึงแนะนำให้อ่านหนังสือนิยาย  เรื่องสั้นหลายเล่ม  เพื่อพัฒนาการเขียนของตัวเอง  เช่น  สี่แผ่นดิน,  ทวิภพ,   สามก๊ก,  นิทานเวตาล ฯลฯ  หรือแม้แต่นวนิยายแปลอย่าง Harry Potter   การอ่านนิยาย ทำให้พี่เข้าใจภาษาถูกหลักไวยากรณ์ไทย  เข้าใจคำ  การใช้คำ  การลำดับความ  การแต่งประโยค  วิธีสร้างประโยค  อีกทั้งยังเข้าใจแนวคิดในการเขียนถ่ายทอดข้อมูลในงานเขียนนิยาย  งานเขียนวิชาการและงานเขียนอื่นๆไปอีกด้วย

          ข้อดีของหนังสือนิยายต่างจากหนังสือประเภทอื่นๆ  เช่น  ข่าวหรือสารคดี  ตรงที่วิธีการเขียนเป็นการบรรยายหรือพรรณนาฉาก  ตัวละคร  บทสนทนา  เพื่อให้ผู้อ่านจินตนาการเห็นภาพ  ดังนั้นถ้อยคำที่ใช้จึงประณีต  และเน้นการสื่อความหมาย  ผู้อ่านจึงได้เรียนรู้ถ้อยคำสำนวนต่างๆได้ถูกต้องตรงความหมาย

ความถนัดด้านภาษา คือ อะไร
          ความถนัดด้านภาษาเป็นศิลปะในการใช้ถ้อยคำ  การพูด  การสื่อสาร  การอ่านเอาความเข้าใจตรงเจตนาตามวัตถุประสงค์ สามารถจับประเด็น  วิเคราะห์  และ  ตีความในสิ่งที่ผู้เขียนเขียนได้   เป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญมากเมื่อมีการทดสอบไอคิว   เพราะความถนัดด้านภาษาเป็นองค์ประกอบสำคัญของความฉลาดโดยรวม ซึ่งหลายอาชีพ  เช่น  นักภาษาศาสตร์  นักเขียน  จิตแพทย์  ทนายความ  สื่อมวลชน  ครูอาจารย์  และ  นักบริหาร ฯลฯ  จำเป็นต้องมีเชาวน์ด้านภาษาในการทำงานนั้นๆด้วย*

จุดอ่อนของนักเรียนไทยใน GMAT Verbal
          นักเรียนนอกที่ใช้ชีวิตประจำวันคลุกคลีกับเจ้าของภาษาในสังคมคนมีความรู้  จะทำ GMAT Verbalได้คะแนนสูงกว่านักเรียนไทย  แม้ว่าบางคนนั้น  ทำคะแนน Sentence Correction (Grammar) ได้น้อยกว่านักเรียนไทย  แต่เปอร์เซ็นต์ไทล์  Verbal  เฉลี่ยยังสูงกว่านักเรียนไทยมาก เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น ???

          พี่ได้คุยกับผู้เรียนหลายคนที่จบจากเมืองนอก  ทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า  “
GMAT Verbal”  ต้องเข้าใจความหมายอย่างที่เจ้าของภาษา (native speaker) เข้าใจ   โดยไม่แปลตามตัวอักษร  และ  ไม่คิดเดาความเอาเองว่า  ควรจะเป็นอย่างนั้น  น่าจะหมายความว่าอย่างนี้   เมื่อไม่ใส่ความเห็น (opinion) ของตนเองเข้าไป  เพราะอ่านเข้าใจเหมือนเจ้าของภาษา  จึงเข้าใจความ (ตรงเจตนา) ที่ผู้เขียนต้องการสื่อตามข้อมูลที่ให้มา  และ  สามารถตอบคำถามได้ถูกต้อง  แบบทดสอบนี้เป็นการวัดว่า น้องเป็นนักอ่าน  จับประเด็นตรงจุดประสงค์ของผู้เขียน  และ  คิดวิเคราะห์ในสิ่งที่อ่านได้หรือไม่

          ดังนั้นโจทย์  
GMAT Verbal  จึงเป็นโจทย์วัดความถนัดด้านภาษาในการอ่านเข้าใจความเหมือนเจ้าของภาษา (Native Speaker) เป็นกลาง  ตรงประเด็น  สามารถคิดวิเคราะห์ตีความตามข้อมูลเท่าที่ให้มา วิเคราะห์เนื้อหา  ความถูกต้องของข้อมูล  การใช้เหตุผลไปจนถึงวัตถุประสงค์ของผู้
พูด  อ่านแล้วคิดตามว่าผู้เขียนต้องการบอกอะไร  มีเหตุผลอย่างไร  เหตุผลที่อ้างเข้าท่า (มีเหตุผล) หรือไม่  สรุปแล้วเขาต้องการอะไร  ฯลฯ


          พี่มีความเห็น  3  ประเด็นหลัก  ว่าทำไมนักเรียนไทยได้คะแนน  GMAT  Verbal  น้อยมาก  จุดอ่อนอยู่ตรงไหน ???

          ประการแรก
 คือ เราไม่ได้เรียนรู้อย่างเจ้าของภาษา  ในการใช้ภาษา  คำ  และ  ไวยากรณ์  ฯลฯ  อาจต้องหาผู้รู้มาสอนวิธีเรียนรู้ฝึกฝนตนเอง  ทั้งคำศัพท์  ไวยากรณ์  การอ่านตีความ ฯลฯ   ซึ่งถ้าเรายังไม่คุ้นเคยเหมือนภาษาไทยที่เราเข้าใจ  เราก็ยังคงแปลไปตามตัวคำศัพท์และไวยากรณ์  ซึ่งทำให้จับประเด็นตามที่ผู้เขียนต้องการสื่อไม่ได้  และสุดท้ายก็ตอบโจทย์ข้อสอบผิดและช้า

          ประการที่สอง  คือ เราไม่ได้อ่านสื่อคุณภาพ  และ  คลุกคลีกับเจ้าของภาษา  หนังสือคุณภาพเหมือนเป็นแบบฝึกหัดลับสมองเพิ่มพูนความถนัดด้านภาษา  หนังสือดีๆหายากครับ  แต่เราสามารถจะรู้ว่าหนังสือเล่มไหนดีหรือไม่ดีอย่างไรได้จากบทความแนะนำหนังสือ  หรือ  คำแนะนำจากกุรู  ครู  อาจารย์  และ  รายชื่อหนังสือที่ติดอันดับตีพิมพ์หรือขายดี

          ประการสุดท้าย  คือ เราไม่ขยัน  ไม่ฝึกฝนการอ่านมากๆ  เป็นเรื่องความตั้งใจพยายามของแต่ละคน  ใจใครก็ใจคนนั้น  ไม่มีใครบังคับใครได้  แต่ถ้าน้องพยายามจนสำเร็จ  น้องก็จะรู้ว่า  “ความพยายามอยู่ที่ไหน  ความสำเร็จอยู่ที่นั่น”  เป็นคำพูดที่จริงเสมอ

ประโยชน์ของการอ่านนิยาย
          การอ่านนิยายนอกจากช่วยให้เข้าใจภาษาเหมือนเป็นเจ้าของภาษาแล้ว
ยังฝึกให้คิดตามสิ่งที่ได้อ่าน  มีความละเอียดในการอ่าน  ไม่คิดเอง  ไม่เข้าใจเอาเองในทุกเหตุการณ์  เพราะนิยายเป็นเรื่องแต่ง  ผู้เขียนเพียงเล่าให้คิดตาม 

          วิธีพัฒนาความถนัดด้านภาษาโดยการอ่านนิยายนั้น  ไม่ใช่อ่านเอาสนุกเพียงรู้เรื่องราวในวันเดียวจบ  หรือ  อ่านผ่านตาเพียงทราบข่าวบันเทิงในหน้าซุบซิบดารา  แต่ตั้งใจอ่านเพื่อพัฒนาวิธีใช้ภาษา  เรียนรู้ความหมายของคำเหมือนเป็นเจ้าของภาษา  ฝึกวิเคราะห์ไวยากรณ์  วิธีสร้างประโยค  วิธีเล่นคำหักมุมความหมาย  วิธีพลิกแพลงความหมาย  วิธีเปรียบเปรย  และ  วิธีสื่อความถ่ายทอดความคิดในรูปแบบต่างๆ ฯลฯ   อ่านช้าๆหน้าละ 2 – 3 นาที  สะสมประสบการณ์เพียงวันละบทของหนังสือนั้น  อ่านมากๆ  เรียนรู้สม่ำเสมอ  ฝึกฝนอย่างเจ้าของภาษา (Native Speaker) เท่านี้ก็สามารถพัฒนาความถนัดด้านภาษา  และ  ทำข้อสอบ GMAT Verbal
ได้คะแนนสูง (เปอร์เซ็นต์ไทล์  99)  ซึ่งทุกอย่างนี้ขึ้นอยู่ที่ตัวน้องเอง  อยู่ที่การฝึกฝนของตนเอง  และ เรียนรู้อย่างถูกวิธีครับ


ท้ายสุดนี้ ขอฝากตัวอย่างให้ลองอ่านดูนะครับ
          “สารโทลูอีนที่พบในโรงงานเป็นสารก่อมะเร็งหรือเปล่า......เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก.....สารโทลูอีนเป็นสารก่อมะเร็งในสัตว์ทดลองเท่านั้น  ยังไม่เคยพบว่ามันก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์”
          จากข้อความที่นำมานี้ น้องๆอ่านแล้ว สามารถเข้าใจจุดประสงค์ของผู้พูดหรือเปล่า
ที่มา
: ข่าวเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2555
ป.ล.
* : ข้อมูลเพิ่มเติม เรื่อง ความถนัดด้านภาษา จากหนังสือ  “ฝึกสมองให้คิด พิชิตความสำเร็จ” โดย  Joel Levy  สำนักพิมพ์  Se-Ed
สะสมประสบการณ์ การอ่านตั้งแต่วันนี้ 
เพื่อเป็นผู้มีศิลปะ  ในการใช้ภาษาอย่างเป็นเลิศ
ผู้เขียน : SmartMathsTutor (กิ๊ก)
(
Update 01/06/2555)





--------------------------------------------------------------------------------------------




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 4 เมษายน 2556 12:49:31 น.   
Counter : 1771 Pageviews.  


smartmaths
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]





SmartMathsTutor (กิ๊ก)
$$ ---- Slogan ---- $$
"เน้นทริกการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาทักษะการคิด"
เพราะความคิดสร้างสรรค์ คือ พรสวรรค์ที่พัฒนาได้
(ที่มา: สสส)



ติวคณิตให้เก่งคิด กับ ติวเตอร์กิ๊ก
ติว GMAT, GRE, เชาวน์คณิต คิดเลขเร็ว,
เกมปริศนาท้าไอคิว (IQ) ฯลฯ
เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ และ วิธีคิด ฯลฯ



==> กิ๊กชอบโจทย์เลข GMAT, GRE มาก เป็นโจทย์ที่สมบรูณ์แบบ เป็นคำถามที่ไม่กำกวม ออกแบบมาเพื่อวัดทักษะการแก้ปัญหา เพราะสามารถคิดแก้ปัญหาได้หลายวิธี (บางวิธีก็ช้า แต่วิธีที่เร็วที่สุด คือ วิธีที่ดีที่สุด) เหมาะที่จะคิดเป็นภาพ เหมาะที่จะฝึกให้เกิด Idea, จินตนาการสร้างสรรค์ และ ความคิดนอกกรอบ

==> โจทย์คณิตศาสตร์ GMAT, GRE สำหรับกิ๊ก มันคือ โจทย์เชาวน์คณิตที่เหมาะสำหรับพัฒนา I.Q., พัฒนาวิธีเรียนรู้, พัฒนาตรรกะ จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง



วิธีสอนของกิ๊ก

==> เน้นให้เข้าใจเลขระดับสูงเชิงจินตนาการ โดยยกตัวอย่าง จำลองสถานการณ์ ทำการทดลองเชิงปฎิบัติ จนผู้เรียนคิด สังเกต จดจำ และสรุปเป็นองค์ความรู้, ทฤษฎี, Concept ด้วยตนเองได้ ผู้เรียนจึงเข้าใจ เหมือนอย่างเจ้าของทฤษฎี และ ประยุกต์ใช้ทฤษฎี, Concept ได้อย่างมีจินตนาการสร้างสรรค์นอกกรอบ


“Common Sense is Not So Common.”
(โดย Voltaire - 1764)


“Imagination is more important
than knowledge.
”

(โดย Albert Einstein - 1931)




จุดประสงค์การสอนของกิ๊ก
แนวทางการสอน, Concept การสอน


1. สอนให้ผู้เรียนคิดแบบ Logic common sense
2. สอนให้ผู้เรียนรู้จักบริหารข้อมูล และสูตร(เครื่องมือ)ทางคณิตศาสตร์ในการแก้ปัญหา เพื่อประยุกต์ใช้กับการบริหารข้อมูลและเครื่องมือในการแก้ปัญหาทางธุรกิจ
3. สอนให้ผู้เรียนมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหา
4. สอนให้ผู้เรียนออกแบบการแก้ปัญหาเป็น
5. สอนให้ผู้เรียนมีความคิดนอกกรอบในการแก้ปัญหา
6. สอนให้ผู้เรียนมีความคิดอย่างเป็นระบบ
7. ฝึกให้ผู้เรียนคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน
8. สอนให้ผู้เรียน คิดเชื่อมโยงคณิตศาสตร์(และสิ่งต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์ ฯลฯ)เข้ากับชีวิตประจำวัน
9. แนะวิธีเรียนรู้ วิธีอ่านหนังสือ ฯลฯ เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการพัฒนาตนเอง




วิธีสอนของกิ๊ก เหมาะสำหรับ
ใครก็ได้ที่ต้องการเก่งคิด
และ
พร้อมที่จะพัฒนาตนเอง...จนคิดเก่ง

เพราะความคิดสร้างสรรค์เป็นพรสวรรค์ที่พัฒนาได้
(ที่มา: สสส)

-----------------------------------------

สอนอย่างไร...ก็เขียนอย่างนั้น

          ความรู้ที่กิ๊กแบ่งปันเขียนขึ้นจากประสบการณ์สอน ขอให้อ่านตามทุกบรรทัด คิดตามทุกประโยคเสมือนว่ากำลังฟังกิ๊กติว หยิบกระดาษขึ้นมาเขียน วาดรูป ตีตารางตามเหมือนเรียนอยู่ในห้อง โดยเฉพาะเรื่องพื้นฐานคณิตศาสตร์ที่จำเป็นต้องฝึกฝนจนทำได้คล่องเหมือนการพูดคุย เช่น วิธีหา ห.ร.ม., ค.ร.น., เทคนิคการแยกตัวประกอบ, เซต ฯลฯ ให้นำโจทย์แบบฝึกหัดมาทำตามที่กิ๊กสอน ก็จะเข้าใจมากขึ้น

-----------------------------------------

ทำไมจึงอยากแชร์ความรู้

          ย้อนไปสมัยที่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และ อินเตอร์เน็ทยังไม่แพร่หลาย แหล่งข้อมูลความรู้ถูกรวบรวมอยู่ในรูปหนังสือเท่านั้น  สมัยนั้นกว่ากิ๊กจะหาหนังสือมาอ่าน เพื่อทำการบ้าน  เขียนเรียงความทำรายงาน  หรือ เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้นั้น  ก็ลำบาก เพราะกว่าจะเจอหนังสือที่อธิบายให้เราเข้าใจได้สักเล่ม ก็ใช้เวลาเลือกหนังสือ อ่านเนื้อหารวม 2 ชั่วโมง

          แต่ในยุคปัจจุบันนี้ สื่ออินเตอร์เน็ทรวมถึง Social Network มีบทบาทช่วยให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ง่าย  เราสามารถค้นข้อมูลผ่านโปรแกรมค้นหา (Search engine) ได้ทันที  ดังนั้นกิ๊กจึงตั้งใจที่จะแชร์ความรู้ เขียนบทเรียนคณิตศาสตร์ เล่าประสบการณ์ไว้ให้ทุกคนอ่าน เพื่อทุกคนจะได้เข้าถึงข้อมูลความรู้ และ ไม่เสียเวลาในการพัฒนาตัวเอง ขอบคุณครับ...กิ๊ก

Like Me...Facebook Page

Line ID : SmartMathsTutor

-----------------------------------------

เบอร์โทรติดต่อพี่กิ๊ก SmartMathsTutor
 
ยินดีเสมอครับ
SmartMathsTutor (กิ๊ก)



บทความน่าอ่าน เขียนขึ้นจากใจ

1. หมดอนาคต...หากไม่เตรียมตัวสอบ
2. ไม่มีคำว่าสาย…สำหรับคนที่อยากเก่ง
3. อ่านอะไร...พัฒนาทักษะทางภาษา

-----------------------------------------

        บทความที่ปรากฏทั้งหมดในบล็อกนี้ เป็นผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15 และ 27) หากท่านต้องการจะนำบทความในเชิงความรู้ส่วนใดส่วนหนึ่งไปเผยแพร่ หรือ เพื่อการอ้างอิง โปรดให้ credit และ ใส่ link อ้างอิงตามความเหมาะสม

-----------------------------------------

   
New Comments
[Add smartmaths's blog to your web]