สู้มะเร็งร้ายด้วยสมุนไพร- แป๊ะตำปีง หญ้าปักกิ่ง-งว่านฮ็อก-ใบย่านาง

แป๊ะตำปีง หญ้าปักกิ่ง-งว่านฮ็อก-ใบย่านาง
----การใช้สมุนไพร ก็เพือการปรัมสมดุลของร่างกายให้ปกติ เพื่อใช้ความมหัศจรรย์หรือภูมิต้านทานของร่างกาย กำจัดโรคร้ายแรงออกไปได้ ทั้งนี้อาจมีอุปสรรคเช่น ร่างกายเสื่อมมาก แก่มากแล้ว--หรือมีกรรมเก่าที่ร้ายแรงมาซ้ำเติม ทุกอย่างอยู่ใต้กฏธรรมชาติและกฏแห่งกรรม ทั้งนี้คุณแม่ของผมท่านก็เสียไปด้วยโรดมะเร็งที่ถุงน้ำดี และกระเพาะอาหารครับ
วันพฤหัสบดี ที่ 21 มกราคม 2553
ต้น พญาวานร สมุนไพร ฮว่านง็อก (Hoan Ngoc)
Posted by อิสระพระเครื่อง(พระธาตุพนม) ,

พญาวานร
สมุนไพร ฮว่านง็อก (Hoan Ngoc)


จะขอแนะนำสมุนไพรที่ค้นพบล่าสุดและคิดว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับทุกท่านเนื่องจากเป็นสมุนไพรเดียวที่รักษาโรคได้อเนกอนันต์ ต้นไม้ ฮว่านง็อกนี้ เข้ามายังประเทศไทยเราเกือบสิบกว่าปีแล้ว แต่ยังหวงแหนปกปิดเป็นความลับเฉพาะคนกลุ่มหนึ่ง

* สมุนไพรฮว่านง็อก
เป็นต้นสมุนไพร ถือกำเนิดในประเทศเวียดนาม ผู้นำเข้ามาเป็นกลุ่มทหารผ่านศึก สมัยสงครามเวียดนาม กระถางแรกมีราคา ถึง 70,000 ( เจ็ดหมื่นบาท) นำมากินสดๆ แก้โรคต่างๆ มากมาย และเห็นผมเร็ว รู้จักกันในรุ่นของทหารผ่านศึกรุ่นนั้นรุ่นเดียว ผู้เขียนได้ข้อมูลและมีความสนิทชิดชอบกับทายาทของนายทหารผู้นั้น ซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม (ปัจจุบัน อายุ 68 ปี) จึงได้ถามประวัติความเป็นมา การใช้และสรรพคุณ ซึ่งท่านใช้รักษาอาการเจ็บป่วยของบุคคลในครอบครัวก่อน เช่น ภรรยาของท่านเป็นเบาหวาน กินใบสมุนไพร ฮว่านง็อกไม่นานก็หาย ซึ่งจะแจกแจงรายละเอียดต่อไป
*ลักษณะของต้น

เป็นต้นไม้ชิดใบอ่อน ปลายแหลมส่วนล่างของใบจะหยาบสีเขียวอ่อน ด้านสีเขียวเข้ม เป็นต้นไม้ที่มีใบมาก แตกกิ่งก้านทรงพุ่มดี การขยายพันธุ์เพียงตัดยอดปักชำลงดินก็เกิดรากตั้งตัวได้เร็ว ย้ายลงปลูกในกระถางใส่ปุ๋ยพรวนดินก็จะเจริญงอกงาม

วิธีใช้

ส่วนสำคัญคือใบใช้เคี้ยวรับประทานสดๆ จะคั้นและกรองเอาน้ำข้นๆรับประทานหรือต้มเป็นน้ำแกงรับประทานก็ได้ ส่วนเปลือกและรากไม้ สามารถต้มกลั่นเป็นสุราได้ด้วย ใบไม้ไม่มีกลิ่นและรสสามารถต้มเอาน้ำใสๆ ดื่มได้ ส่วนการรับประทานมากหรือน้อยอยู่ที่ธาตุ หนักเบา ของแต่ละคน โดยทั่วไปจะรับประทาน 1-4ใบ คนที่มีอาการหน้ามือตาลาย หลังรับประทาน 15 นาทีก็จะหาย ให้รับประทานติดต่อกัน 7 วัน วันละ 2 ครั้งก่อนอาหาร (ท้องว่าง)

หลังจากคนไข้รายหนึ่ง หลังจากรักษาโรคมะเร็งตับจากยานานาชนิดไม่หาย เมื่อได้รับประทานใบสดของต้น ฮว่านง็อกแล้ว คนไข้มีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไม่น่าเชื่อ จากการมีไข้สูงถึง 40 องศา ลดลงเหลือ 37 องศา การเจ็บป่วยลดลงมาก ผิวหนังเคยเหลืองก็ลดลง หน้าท้องแฟบลง ตัวเบาลง ทำให้คนไข้ลุกขึ้นมาสนทนาได้

ทำไมคนไข้จึงฟื้นตัวเร็วขนาดนั้นหลังจากรับประทานได้ 20 นาที ยาได้ออกฤทธิ์ รับประทาน 5 ใบจะลดความเจ็บปวดได้ 3 ชั่วโมง รับประทาน 7 ใบลดได้ 5 ชั่วโมง เสมือนหนึ่งยาวิเศษ เพราะคนไข้โรคตับได้เจ็บป่วยมาถึงวาระสุดท้ายแล้วกลับฟื้นและมีความหวัง ต้นฮว่านง็อกเป็นต้นไม้ใบยาที่มีคุณค่าสูงส่ง เป็นของขวัญจากสวรรค์มอบให้แก่มวลมนุษย์ ก่อนหน้านี้เรียกว่า ต้นลิง เนื่องมาจากทหารที่อยู่ในป่าเห็นลิงที่ไม่สบายใจนอนซมอยู่ จะมีลิงตัวอื่นไปเด็ดใบ สมุนไพรฮว่านง็อกมา ให้เคี้ยวกินแล้ว ฟื้นขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ หลังจากนั้นทหารได้ลองนำใบไม้นี้มาให้ทหารที่เจ็บป่วยไม่สบายหรือเหนื่อยล้ากินปรากฏว่าอาการที่เป็นอยู่หายได้ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นฮว่านง็อก ฮว่าน แปลว่า ฟื้น ง็อก แปลว่า หยก หรือเพชรที่เป็นของมรค่า (ข้อมูลจากชาวเวียดนาม ที่ อ.บ่องขวัญ เจริญรัตน์ ได้ไปสัมภาษย์จากชาวเวียตนามที่อยู่ จังหวัด เฮว้ และจังหวัด กว่างตริ หลายท่าน เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2549) และมีเด็กสองคนทะเลาะวิวาทและชกต่อยกัน จนทำให้ลูกอัณฑะหายไป เมือรับประทานใบไม้นี้แล้ว กลับทำให้ลูกอัณฑะกลับคืนปกติ

***สรรพคุณของต้นสมุนไพร (จากเอกสาร ฮานอย 2/9/1995 ถ่ายทอดจาก ต้นฉบับจริง)ปรับปรุงบางส่วน

1. รักษาคนสูงอายุ ปวดเมื่อยตามร่ายกาย ทำงานหนัก เกิดประสาทหลอน

2. รักษาอาการไข้หวัด ท้องไส้ไมปกติ

3. รักษาอาการมีบาดแผล เคล็ด ขัด ยอก กระดูกหัก

4. รักษาอาการทางเดินอาหารไม่ปกติ

5. รักษาอาการโรคกระเพาะอาหาร โรคเลือดออกในลำไส้เกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ

6.รักษาอาการคอพอก ตับอักเสบ

7.รักษาอาการไตอักเสบ ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขุ่นข้น

8.รักษาอาการโรคมะเร็งปอด มีอาการปวดต่างๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ ให้รับประทาน ต่อไป 100 – 200 ใบ อาการจะหายหมด

9.รักษาโรคตาทุกชนิด เช่น ตาแดง ตาต้อ ตาห้อเลือด

10.รักษาอาการมดลูกหย่อนของหญิงคลอดบุตรใหม่ ได้ผลดี ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว

11.รักษาโรคความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตต่ำ โรคประสาทอ่อนๆ เป็นการสนับสนุนเหตุผลโรคความดันโลหิตสูง ซึ้งผู้เขียนก็เป็น และรับประทานครั้งละ 5 ใบเช้า เย็น 1 วันอาการหน้ามืด มึนหัว หายไป รู้สึกสบายเบาสมอง

12.สามารถใช้กับสัตว์ได้ จากเอกสารระบุว่าใช้กับไก่ชนหลังชนไก่แล้ว ต้องการให้ไก่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ให้ไก่กินใบสมุนไพรฮว่านง็อก จะฟื้นตัวได้เร็ว

13.ใบแห้งชงดื่มแทนน้ำเปล่า จะช่วยให้หายจากโรคได้เร็วขึ้น

14.ช่วยลดไขมันหน้าท้อง ไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดคลอเลสเตอร์ล่อนในเส้นเลือด ฯลฯ


รายละเอียดในการรักษาแต่ละโรค
1.โรคกระเพาะอาหารเป็นแผล รับประทานครั้งละไม่เกิน 7 ใบ วันละ 2 ครั้ง รับประทานติดต่อกันจนครบ 50 ใบ

2.โรคเลือดออกในลำไส้ รับประทานใบสด 7 – 13 ใบ หรือคั้นเอาน้ำวันละ 2 เวลา

3.โรคเกี่ยวกับเป็นบิด รับประทานครั้งละไม่เกิน 7 ใบ วันละ 2 เวลา ติดต่อกันประมาณ 100 ใบ

4.โรคตับอักเสบ คอพอก รับประทานครั้งละ 3-4 ใบ วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกัน จนครบ 150 ใบ

5.โรคไตอักเสบ ปวดเป็นประจำ รับประทานครั้งละ 3-4 ใบ วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันจนครบ 30 ใบ

6.อาการท้องไส้ไม่ปกติ รับประทาน 7- 14 ใบ 2 ครั้งหาย

7.ปวดเมื่อยตามร่างกาย รับประทาน 7- 14 ใบ 2 ครั้งหาย

8.อาการปัสสาวะแสบ ปัสสาวะเป็นเลือดรับประทาน 14 – 21 ใบ โดยคั้นเอาน้ำข้นๆ มารับประทาน

9.โรคตาแดง รับประทาน 7 ใบ และบด 3 ใบปิดที่ตาเวลานอน 1 คืนจะหาย

10.โรคความดันสูงจะลดทันทีเมื่อรับประทาน 5-9 ใบ

11.แก้เบาหวาน ผู้ชายรับประทานวันละ 7 ใบ ผู้หญิงรับประทานวันละ 9 ใบ ภายใน 90 วันอาการลดลง

12.ใช้กับสัตว์ เช่น ไก่เหงา เป็นอหิวาห์ หรือนิวคลาสเซิล ให้ไก้กิน 2-3 ใบ ไก่ชนแล้วให้กิน 2-3 ใบ (น่าจะประยุกต์ใช้กับสัตว์อื่นได้)

13.ลำใส้อุดตัน กินครั้งละ 7-14 ใบกินควบกับใบ “เมอโลง” (สมุนไพรเวียตนาม) ขณะรับประทานอาหาร ระยะเวลา 1-2 เดือนก็จะหาย

***หมายเหตุ การรับประทานหรือกินใบสมุนไพรให้กินก่อนอาหารเสมอ
แนะนำเป็นวิทยาทานโดย ร้านลูกพระธาตุประดิษฐ์

--------------ฟังดูเหมือนยาเทวดาเลย มีชนิดหนึ่งขึ้นตามข้างทาง แต่สรรพคณพอฟัดกับต้นงว่านฮ็อกนี้ คือใบย่านาง ที่นำมาทำแกงเปอะ หรือแกงขี้โคลนดำๆ นั่นแหละครับ------------------------

---------------------------------------------------------------

วันอาทิตย์ หากิจกรรมทำกันในครอบครัวครับ

แม่ผมได้ข้อมูลมาจาก แคมป์สุขภาพ ของโรงพยาบาลมิชชั่น ว่าน้ำใบย่านางมีประโยชน์ ต่างๆมากมาย ก็เลยคิดว่าจะมาทำน้ำใบย่านางดื่มกัน

อันนี้เป็นข้อมูลที่คัดลอกจากหนังสือ " ย่านาง สมุนไพลมหัศจรรย์ " โดย
-ใจพชร มีทรัพย์ ( หมอเขียว ) นักวิชาการสาธารณสุข
นักบำบัดสุขภาพทางเลือก
ครูฝึกแพทย์แผนไทย



--------------ย่านาง เป็นพืชสมุนไพร ที่ใช้เป็นอาหาร และ เป็นยามาตั้งแต่โบราณ

--------หมอยาโบราณอีสาน เรียกชื่อทางยาของย่านางว่า
" หมื่นปี บ่ เฒ่า แปลเป็นภาษาภาคกลางว่า " หมื่นปีไม่แก่ "
..................................

ประสบการณ์ของผู้ป่วยที่ใช้ใบย่านางแก้ไขปัญหาสุขภาพ จนมีผลให้อาการเจ็บป่วยทุเลาเบาบางลง

- เนื้องอกในมดลูก มดลูกโต ตกเลือด ตกขาว ปวดตามร่ายกาย

- มะเร็งปอด

- มะเร็งตับ

- มะเร็งมดลูก

- โรคหัวใจ โรคไต โรคกระเพาะอาหารอักเสบ เนื้องอกในเต้านม

- เบาหวานและความดันโลหิตสูง

- ขับสารพิษ

- ภูมิแพ้ ไอ จาม

- เริ่ม งูสวัด

- ตุ่มผื่นคันที่แขน

- อาการปวดแสบขัด ออกร้อนในทางเดินปัสสาวะ

- นอนกรน ไตอักเสบ

- อาการปวดขาที่แขน

- เล็บมือผุ

- เก๊าต์

ใช้ใบย่านางในการเพิ่มคลอโรฟิล คุ้มครองเซลล์ ฟื้นฟูเซลล์ ปรับสมดุล

บำบัดหรือบรรเทาอาการที่เกิดจากภาวะไม่สมดุล แบบร้อนเกิน

มาเริ่มการทำกันดีกว่าครับ

ก่อนอื่น ซื้อใบย่านางจากตลาดมาก่อน ถุงเบ้อเริ่ม ราคาแค่สิบบาท
ใบย่านาง
jiravut ( 0 ♥ 0 ☆ )
--เด็ดใบออก ล้างทีละใบ จนสะอาด
: ตรียมน้ำอุ่น ประมาณ 70 องศา (ไม่ควรเกินกว่านี้ เพราะจะกลายเป็นใบย่านางต้ม)
ที่มีขั้นตอนนี้เพราะจะได้ฆ่าเชื้อโรคและพยาธิ ที่ติดมากับใบ
----เอามาลวก แป๊บเดียวนะครับ เดี๋ยวเสียคุณค่าของคลอโรฟิลล์
----เอามาใส่ในน้ำดื่มสะอาด เตรียมคั้นด้วยมือครับ
ขยี้ๆๆๆๆๆๆ หรือโขลกด้วยครก--เติมน้ำใบเตยปั่น เพื่อเพิ่มความหอม
--กรองด้วยกระชอน แล้วนำมาดื่มได้เลย------------
------ขอบคุณ---- jiravut ( 0 ♥ 0 ☆ ) 03.08.08 : 11:12------------

------------------ย่านาง สมุนไพรมหัศจรรย์ ---------------------
-----ย่านางเป็นพืชสมุนไพร ที่ใช้เป็นอาหารและยามาตั้งแต่โบราณ
หมอเขียว(ใจเพชร มีทรัพย์) นักวิชาการสาธารณสุข นักบำบัดสุขภาพทางเลือก มีประสบการณ์นำใบย่านางมารักษาผู้ป่วยหนัก หลายโรค พบว่าทุเลาเบาบางลง และหายป่วย บางครั้งใช้ร่วมกับยาตัวอื่น แต่ส่วนใหญ่ คนที่ดื่มน้ำย่านางทุกวัน จะเห็นผลได้ภายในเวลา ๓ เดือน โรคที่มีรายงานว่า ดื่มน้ำย่านางหาย เช่น ลดน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิตสูง ตกเลือดจากมดลูก โรคเก๊าท์ และโรคเชื้อราทำลายเล็บ หรือเป็นผื่นคัน เป็นอาการของโรคที่เกิดจากภาวะไม่สมดุลแบบร้อนเกิน วิธีใช้ ใบย่านางตั้งแต่ ๓-๑๐ ใบ โดยพิจารณาจากลักษณะของผู้ป่วย นำมาโขลกให้ละเอียด ผสมน้ำ ๑-๓ แก้ว ดื่ม วันละ ๒-๓ เวลา
(จากหนังสือ ย่านาง สมุนไพรมหัศจรรย์ ของ หมอเขียว)
----------------------------โดยคุณ --ปัจเจกตน--------------------

วิธีใช้
ใช้ใบย่านางในการเพิ่มคลอโรฟิล คุ้มครองเซลล์ ฟื้นฟูเซลล์ ปรับสมดุล
บำบัดหรือบรรเทาอาการที่เกิดจากภาวะไม่สมดุล แบบร้อนเกิน ดังนี้


เด็ก ใช้ใบย่านาง 1-5 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว 200-600 ซีซี
ผู้ใหญ่ ที่รูปร่างผอม บางเล็ก ทำงานไม่ทน ใช้ 5-7 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
ผู้ใหญ่ที่รูปร่างผอม บาง เล็กทำงานทน ใช้ 7-10 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
ผู้ใหญ่ที่รูปร่างสมส่วน ตัวตัวโต ใช้ 10-20 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว

โดยใช้ใบย่านางสดโขลกให้ละเอียดแล้วเติมน้ำ หรือ ขยี้ใบย่านางกับน้ำหรือปั่นในเครื่องปั่น
( แต่การปั่นในเครื่องปั่นไฟฟ้า จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงบ้าง เนื่องจากความร้อนจะไปทำลายความเย็น
ของย่านาง ) แล้วกรองผ่านกระชอนเอาแต่น้ำ ดื่มครั้งละ 1/2 - 1 แก้ว วันละ 2-3 เวลาก่อนอาหารหรือตอนท้องว่าง
หรือผสมเจือจางดื่มแทนน้ำ เพราะถ้าเกิน 4 ชั่วโมง มักจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ไม่เหมาะที่จะดื่ม
แต่ถ้าแช่ในตู้เย็น ควรใช้ภายใน 3-7 วัน โดยให้สังเกตุที่กลิ่นเปรี้ยวเป็นหลัก
......................................
นอกจากนี้แล้ว
ยังสามารถใช้น้ำย่านางมาสระผม ช่วยให้ศีรษะเย็น ผมดกดำหรือชลอผมหงอก
ผสมดินสอพองหรือปูนเคี้ยวหมากให้เหลวพอประมาณ ทาสิว ฟ้า ตุ่ม ผื่นคัน พอกฝีหนอง
...............................

ขอบคุณครับ
............รู้แล้ว.......บอกต่อ และ นำไปใช้ในชีวิตประจำวันก็จะดีนะครับ
-----------------------------------------------------------------
น้ำ มันไม่เหม็นเขียวมากหรอกครับ แต่ใส่น้ำใบเตยจะช่วยให้หอมมากขึ้น
-----เมื่อก่อน เรามักจะรู้จักกันว่า ใบย่านางเอามาต้มกับหน่อไม้ ทำซุบหน่อไม้ (ไอ้ที่น้ำเขียวๆดำๆนั่นแหละ) มันเอาไว้ลดพิษของหน่อไม้
jiravut ( 0 ♥ 0 ☆ ) 03.08.08 : 15:34

: 18.ชอบมากเลยค่ะน้ำใบย่านาง
-----ตอนแรกเห้นขายที่ตลาดเช้า คนขายบอกว่าอร่อยแต่ในใจคิดว่าต้องเหม็นเขียวแน่เลยย เลยซื้อมาชิมถุงนึง แต่ปรากฏว่า น้ำใบย่านางรสชาดเหมือนน้ำนมข้าวมากๆค่ะ มีคลอโรฟิลเยอะมาก ตามสรรพคุณที่เจ้าของกระทู้เขียนไว้ด้านบนเลยค่ะ เดี๋ยวนี้จะไปซื้อมาดื่มทุกๆอาทิตย์ค่ะ
epsilon ( 0 ♥ 0 ☆ ) 03.08.08 : 15:41
-------------------------------ขอบคุณแหล่งที่มาครับ-------------------
ต้นยาแปะตำปึง
(เมื่อก่อนที่บ้านพ่อมีเยอะครับ รสจืดๆ พอกินได้)


ต้นแปะตำปึงเดิมเป็นต้นยามาจากประเทศจีน ลักษณะของใบยาจะหนานุ่มคล้ายกำมะหยี่ รสชาดของใบยาคล้ายชมพู่ที่ยังไม่แก่

สรรพคุณ ของใบยา ได้แก่ จะฟอกเลือด ปรับระบบเลือดให้ดีขึ้น น้ำเหลืองจะดีขึ้น รักษาแผลภายใน - ภายนอก ชะล้างสารพิษภายในร่ายกายออกทาง (อุจจาระ ปัสสาวะ และทางตา) ทำให้กินข้าวใด้นอนหลับอาการปวดต่าง ๆ ก็จะหาย ระบบหายใจจะดีขึ้นไม่เหนื่อยหอบ ขับลมแน่นภายในช่องท้อง โรคที่ใบยาแปะตำปึง ได้รักษาหายมาแล้ว ได้แก่โรคเบาหวาน ความดันสูง-ต่ำ โรคหืดหอบ-ภูมิแพ้ โรคมะเร็งทุกชนิด ริดสีดวงทวารหนัก งูสวัด โรคเก๊า ขับนิ่ว แผลสะเก็ดเงิน แผดฝีหนองทั่วไป โรคหัวใจ โรคโลหิตจาง เนื้องอกต่าง ๆ ในไต ปวดเหงือก ปวดฟันแผลอักเสบ ปวดท้องประจำเดือน คอเรสเตอรอล ไขมันในเส้นเลือด ไทรอยท์ ปวดเส้น ปวดหลัง โรคกระเพาะ ดวงตาที่เป็นต้อ ดวงตาอับเสบ ขุ่นมัว โรคผิวหนังทั่วไป (สิว ฝ้า เป็นด่าง) <โรคเอดส์ถ้าทานใบยาก็จะมีผลให้สุขภาพดีขึ้น>

วิธีการรับประทาน ใบสด ควรรับประทานวันละ 1 ครั้ง ประมาณ 2,3 หรือ 5 ใบ เวลาที่ควรรับประทานใบยาที่ดีที่สุดคือ ตี 5-7 โมงเช้า เพราะลำไส้เริ่มทำงาน ท้องยังว่างอยู่จะได้ผลเร็ว ถ้าบางท่านที่ปวดเหงือก - ปวดฟัน ปากเป็นแผลลำคออักเสบ ควรรับประทานใบยาในเวลากลางคืน (แปรงฟันให้เรียบร้อย) ค่อยรับประทานใบยาเคี้ยวและอมทิ้งไว้สักระยะเวลาหนี่งแล้วค่อยกลืน ผลที่จะได้รับคือ ตื่นเช้าอาการปวดจะหายไป จะขับถ่ายโล่งสบาย จะมีขี้ตาออกมาเยอะหน่อย เพราะใบยาจะขับสารพิษออกทางตา ถ้าใครปวดท้องและเป็นโรคกระเพาะให้รับประทานใบยาเดี่ยวนั้น สักพักหนึ่งอาการปวดของโรคกระเพาะก็จะหายไป ยังช่วยขับลมแก๊สที่แน่นในท้องออกด้วย ยังสามารถนำใบยาแปะตำปึงใปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีก นอกเหนือจากรับประทานใบสดแล้ว ได้แก่

1.นำใบยามาทำเป็นอาหาร เช่น แกงจืด (15-20 ใบต่อ 1 ท่าน)

2.นำมาพอกตาสำหรับคนที่ดวงตาเป็นต้อ ดวงตาอักเสบ ตามัว นำใบยาประมาณ 7-8 ใบ มาขยี้ หรือใช้ครกตำก็ได้ บีบน้ำยาใส่ที่ดวงตา แบ่งใบยาเป็น 2 ส่วน พอกไว้ 20-30 นาที ค่อยล้างออก ผลที่ได้รับคือ ดวงตาจะสว่างขึ้น แผลต่าง ๆ จะหายไป รวมทั้งต้อด้วย ถ้าท่านใดเป็นมาก ควรทำไว้สักระยะหนึ่ง

3. ท่านที่เป็นริดสีดวงทวารหนัก ควรทานใบสด และควรนำใบยามาขยี้หรือตำให้ได้พอเหมาะยัดใส่ทวารหนัก จำทำให้แผลหายเร็ว ติ่งที่โผล่ยุบเลือดที่ออกก็จะหยุด

การเก็บรักษาให้ได้นาน ถ้ามีใบยาที่แก่และเหลือง นำมาล้างแล้วผึ่งให้แห้ง นำมาปั่นหรือตำก็ได้ บีบน้ำยาใส่ถ้วย นำไปนึ่งให้สุกปล่อยให้เย็นแล้วใส่ขวดเก็บไว้ในตู้เย็น เก็บไว้ใช้ได้นาน ถ้าเป็นงูสวัด และแผลต่าง ๆ ใช้น้ำยาทา หรือนำใบยาสดมาตำพอกก็ได้ ตากแห้งทำใบชาได้

อาหารแสลงที่ควรระวัง เช่น เนื้อ กุ้ง ปลาหมึก ปู ปลาทู ปลาร้า หูฉลาม กะปิ ข้าวเหนียว หน่อไม้ แตงกวา หัวผักกาด เผือก สาเก เครื่องดองของเมา น้ำชา กาแฟ (ถ้าสุขภาพไม่แข็งแรงควรงด) <สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทาน>

วิธีการปลูก ต้นยาแปะตำปึงเมื่อปลูกได้ระยะหนึ่งประมาณปีกว่าต้นแม่ก็จะตาย ควรหักปักชำใหม่ เมื่อโตเต็มที่แล้วจะมีช่อดอกสีเหลืองไม่มีฝักและเมล็ด ต้องปักชำเท่านั้น ต้นยาชอบน้ำ อากาศดี ชอบแสงแดดพอสมควร และดินร่วน สิ่งที่ควรระวัง คือ เพี้ยแป้งชอบเกาะลำต้นและใบ ถ้ามีเพี้ยแป้งก็จะมีมดแดง จะทำให้ต้นยาเหียวแห้ง และตาย ต้องระวังสัตว์บางชนิดชอบกิน

หมายเหตุ ทุกท่านที่เจ็บป่วยเมื่อรับประทานใบยาแล้ว ก็ควรไปพบแพทย์ และตรวจรักษาตามปกติ และทานยาตามแพทย์สั่งส่วนใบยานั้นควรเป็นใบยาเสริมให้เจ็บป่วยหายเร็วขึ้นเท่านั้น (ท่านที่มีต้นยาปลูก และปลูกต้นยาพอรับประทานแล้วขอความกรุณาช่วยเหลือผู้อื่นด้วย จะได้เป็นบุญกุศล ที่ได้ช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์)

สนใจติดต่อ ชมรมว่านยาสมุนไพรแปรรูป อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดหนองคาย

อ.สุขพัฒน์โชค มหิศนันท์ โทร.042-499052

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

พระคาถา (ป้องกันภัยโรค)

เข มับปัด โต อุ ปะสัม ปะ เก ปิเส คิ

ตั้งนะโม 3 จบ ภาวนาให้เจริญรุ่งเรือง ปลอดภัยจากอุบัติภัยทุกอย่างในโลก

Re: แปะตำปึง... สมุนไพรจากสวรรค์ ...
« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 02, 2007, 12:35:05 am
--------------------------------------------------------------------------
สรรพคุณเรื่องแก้โรคมะเร็ง ... ผมได้เห็นความมหัศจรรย์กับญาติๆผมเอง ป่วยเป็นมะเร็งที่แขน ต้องตัดเนื้อสะโพกมาเสริมเนื้อที่เสียจากมะเร็งร้าย และลุกลามเรื่อยๆ ..รักษาหลายปีก็ไม่หาย จนกระทั่งหมอลงมติว่าต้องตัดแขนทิ้ง ..
.. เหมือนเทวดามาโปรด ต่อมาไม่กี่วันญาติผมก็ได้รับคำแนะนำจากหมอจีนให้ลองกินใบแปะตำปึง กินทุกวันๆ ...
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อ อีก 3 ปีต่อมา ผมกลับบ้านไปเยี่ยมญาติ ปรากฏว่าแผลที่เป็นมะเร็งหายสนิท ไม่ต้องตัดแขนทิ้ง ....
..นอกจากนั้นผมก้เจอกับผู้ป่วยอีกหลายรายที่มีอาการป่วยคล้ายๆกัน และหายจากโรคนี้ด้วยใบแปะตำปึง (แต่บางท่านนอกจากกินสมุนไพรนี้แล้ว ยังปฎิบัติธรรมนั่งกรรมฐานควบคู่ไปด้วย ---------------------------------------------------------------------------
ปลายปีที่ผ่านมา ผมมีโอกาสเดินทางผ่านอ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ..เจอร้านที่นำสมุนไพรชนิดนี้มาปรุงควบคู่กับอาหารด้วย .. จึงคิดว่าน่านำมาลงแนะนำเป็นอย่างยิ่ง

เมนูที่ลองแล้วคิดว่าอร่อยผมขอแนะนำต้มเลือดหมูใส่ยอดแปะตำปึง... ร้านนี้ทำสูครน้ำใส หอมกรุ่น ท่านใดที่ทานผักไม่ได้อาจเปลี่ยนใจ...
..และมีอีกหลายสูตร ว่างๆผ่านมาร้านนี้ลองแวะทานกัน เพราะนอกจากอิ่มท้องแล้ว ยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายด้วย
..ต้นแปะตำปึงเป็นต้นไม้สมุนไพรที่ปลูกง่าย ร้านนี้ปลูกไว้เยอะทีเดียว... ทานอิ่มแล้วก็ขอมาปลูกซักกิ่ง เจ้าของร้านคงไม่ขัดข้องครับ.. ------------------------------------------------------------
นอกจากนี้ยังมีเมนู หญ้าเทวดา อีกด้วย...
----------------------------------------------------
(บางคนสงสัยว่าเป็นตัวเดียวกับจินฉี่หมาเยี่ยหรือไม่)
ต้นกำเนิด : ต้นยานี้มาจากประเทศจีน บางท่านเรียกว่า จินฉี่เหมาเยี่ย เข้ามาในไทยพร้อมกับหญ้าปักกิ่งหรือหญ้าเทวดา
แปะตำปึง ถูกตั้งชื่อเป็นไทยว่า จักรนารายณ์ แต่มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น กิมกอยมอเช่า หรือ ผักพันปี เป็นต้น
ลักษณะ : เป็นไม้พุ่มเตี้ย ลำต้นสีเขียว แตกกิ่งก้านอ่อน หักง่าย เมื่อโตเต็มที่ในฤดูหนาวจะออกดอกสีเหลืองมีก้านยาว
มี 2 ชนิดคือ 1. ชนิดใบกลม (แปะตำปึง)ใบสีเขียวอ่อน ใบหนาเพราะมีขนหนานุ่มแบบกำมะหยี่ทั้งด้านบนและล่าง เส้นใบด้านบนลึกเช่นเดียวกับเส้นกลางใบแต่ด้านหลังใบกลับนูน กิ่งก้านออกเขียวปนแดง เปราะหักง่าย
2. ชนิดใบยาว (จินฉี่เหมาเยี่ย) ใบค่อนข้างยาวกว่าแหลมกว่าและผิวใบค่อนข้างเรียบเพราะขนน้อยกว่าแบบใบกลม จับเทียบดูจะรู้สึกได้ชัด
----------------------------ขอบคุณเว็ปอิเล็คโทรนิก และช่างเล็ก----------

ชื่อพฤกษศาสตร์ : Murdannia louriformis (Hassk.) R.S. Rao & Kammathy วงศ์ : COMMELINACEAE



หญ้าปักกิ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน อายุหลายปี สูง 10 ซม. ใบ เดี่ยว เรียงสลับ ใบที่โคนต้นกว้าง 1.5 ซม. ยาว 10 ซม. ใบส่วนบนสั้นกว่าใบที่โคนต้น ดอกช่อ ช่อดอกออกที่ปลายยอดรวมเป็นกระจุกแน่น ใบประดับย่อยค่อนข้างกลม ทับกัน สี เขียวอ่อน บางใส กลีบดอกสีฟ้าหรือม่วงอ่อน ร่วงง่าย ผล แห้ง แตก การขยายพันธุ์ ปักชำต้น ประโยชน์ รักษาอาการของโรคมะเร็งหลายชนิด ถิ่นกำเนิดในประเทศจีนตอนใต้ แถบสิบสองปันนา เจริญในดินทราย และต้องการแดดรำไร

หญ้าปักกิ่ง สมุนไพรบำบัด รักษาโรค (เล่งจือเฉ้า) Murdannia LoriFormis (Hassk)
Rolla Rao et Kammathy Commelinaceae ลักษณะของหญ้าปักกิ่ง หญ้า ปักกิ่ง
เป็นไม้ล้มลุก สูงราว 10-30 ซ.ม. ใบเดี่ยว หนาเรียวคล้ายใบไผ่ ฉ่ำน้ำดอกเล็ก ๆ
ออกที่ปลายต้น สีบานเย็น กลีบขาวแกมม่วง หญ้าปักกิ่งมีกำเนิดในประเทศจีนตอนใต้
แถบสิบสองปันนา การขยายพันธุ์หญ้าปักกิ่งโดยการแยกหน่อ หรือเมล็ด หากจะนำมาปลูก
ควรปลูกหญ้าปักกิ่งกับดินร่วนปนทราย และวางไว้ในที่ๆ มีแดดรำไร
สรรพคุณของหญ้าปักกิ่ง หญ้า ปักกิ่ง เป็นสมุนไพรรักษาโรคครอบจักรวาล
ชาวจีนสมัยโบราณใช้หญ้าปักกิ่งเป็นสมุนไพรรักษาโรคมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว
ใช้บำรุงพลังปราณ ปรับสมดุลย์ร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน Activate Cells หญ้า
ปักกิ่งรักษามะเร็งได้ในระดับหนึ่ง เช่น ในตับ ลำคอ มดลูก กระเพาะอาหาร ลำไส้
ต่อมน้ำเหลือง เม็ดโลหิต (ลูคีเมีย) [...]
read more
หญ้าปักกิ่ง หญ้าเทวดา ทางเลือกของผู้ป่วยมะเร็ง0
มี สมุนไพรหลายชนิดที่ใช้เป็นยารักษาโรคได้
ทั้งยังมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งอาการบางอย่างได้ด้วย
ขณะเดียวกันก็ยังสามารถใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบันเพื่อการรักษาที่ควบคู่กันไป
ได้อีกด้วย “หญ้าปักกิ่งหรือหญ้าเทวดา”
ก็เป็นสมุนไพรหนึ่งในนั้นที่มีคุณสมบัติดังกล่าว
ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของสมุนไพรที่มีฤทธิ์ยับยั้งโรคมะเร็ง ช่วยบำรุงพลัง
และปรับสมดุลในร่างกายได้ มีข้อถก เถียงกันมานานเรื่องการใช้ หญ้าปักกิ่ง
แต่ผลการวิจัยได้พิสูจน์ว่าหญ้าปักกิ่ง มีคุณสมบัติยับยั้งโรคมะเร็งได้จริง
แต่ต้องรับประทานอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องระมัดระวังให้มาก หลังจากที่
หญ้าปักกิ่งแพร่หลายในบ้านเรา คือเรื่อง หญ้าปักกิ่งปลอม ซึ่งต้องสังเกตให้ดี
อย่าหลงเชื่อผู้ขาย และต้องปรึกษาผู้รู้เท่านั้น ภ.ญ.ปัทมา สุนทรศารทูล
อธิบายสรรพคุณว่า หญ้าปักกิ่ง หรือในชื่อภาษาจีนว่า เล้งจือเช่า หรือหญ้าเทวดา
เป็นยามีรสจืด เย็น มีสรรพคุณในการยับยั้งโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งในคอ
มะเร็งตับ มะเร็งมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว การตรวจวิเคราะห์ในห้องแล็บพบว่า
ลำต้นหญ้าปักกิ่งมีสารกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์ เป็นสารต้านมะเร็งระยะต้น
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เช่น โรคมะเร็ง เส้นเลือดหัวใจตีบ
โรคภูมิแพ้ โรคความดันและเบาหวาน สามารถใช้รักษาร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้
ช่วยลดอาการข้างเคียงจาการฉายแสง ในผู้ป่วยที่จำเป็นต้องฉายแสง
Tags:
มะเร็ง,มะเร็งตับ,มะเร็งมดลูก,มะเร็งเม็ดเลือดขาว,มะเร็งในคอ,เสริมภูมิคุ้มกัน
read more
ยุทธศาสตร์ 4 อ. สู้มะเร็ง !!1บางครั้งเราก็ลืมๆไปเหมือนกันว่า ร่างกาย
สังขารของเราซึ่งเกิดจากท้องแม่มานั้นมันเป็นไปตามกฏธรรมชาติ
เป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดมา ตั้งอยู่
แล้วดับสูญไปตามกฏของพระไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ชีวิตคนเรา
นั้นเป็นผลิตผลของธรรมชาติ บนพิภพ บนโลกนี้….ก็ “โลกมนุษย์” ใบที่เราแย่งกันอยู่
แย่งกันกินนี่แหละ มนุษย์ เกิดขึ้นจาก”กรรม”ของแต่ละคน ประกอบขึ้นด้วย กาย และ ใจ
ภาษาพระท่านเรียกว่า “รูปธรรม-นามธรรม” กาย และ ใจ จึงต้องมีปฏิสัมพันธ์กับโลก
ซึ่งก็คือ ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ในเมื่อกาย และ ใจ
ซึ่งเป็นโครงสร้างของมนุษย์ต้องดำเนินไปตามกฏของธรรมชาติการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
จึงต้องขึ้นอยู่กับธรรมชาติรอบๆตัวคือธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
เพราะร่างกายของเราก็ประกอบด้วยธาตุทั้งสี่นี่แหละ
ส่ำสัตว์ทั้งหลายมันก็ดำรงชีวิตอยู่กับ ธรรมชาติ ตั้งแต่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย [...]

4อ,การดูแลตัวเองเมื่อเป็นมะเร็ง
ชนะมะเร็งได้ด้วยหัวใจนักสู้ กองบรรณาธิการ
ใครก็ตามที่ได้รับรู้ว่าตนเองเป็น “มะเร็ง” แล้ว ส่วนใหญ่จะเกิดความรู้สึกช็อกเป็นอันดับแรก แต่ก็มีคนป่วยหลายคนที่สามารถทำใจได้กับโรคที่เป็นและมีกำลังใจที่เข้มแข็งที่จะต่อสู้ต่อไป
------บางครั้งตัวญาติเองกลับจะรู้สึกทุกข์ร้อนไปกับอาการป่วยไข้มากกว่าผู้ที่เป็นเองเสียอีก ดังเช่น คุณวรชาติ อุชุไพบูลย์วงศ์ เคยเผชิญกับโรคร้ายนี้มาแล้ว เขาเคยป่วยหนักเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองขั้นร้ายแรง ตรวจพบเมื่อปี พ.ศ.2540 หรือกว่าเจ็ดปีมาแล้ว
--------ใครที่ได้พบเห็นคุณวรชาติในวันนี้แทบทุกคนจะต้องไม่เชื่อว่าเขาเคยป่วยหนักถึงขนาดที่ว่าต้องหามกันเลยทีเดียว
ด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม ผิวพรรณที่สดใสบ่งบอกถึงความมีสุขภาพดีในวันนี้
แล้วอะไรที่ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่ เป็นคนใหม่ได้ บทความต่อไปนี้คือคำตอบ “ช่วงก่อนที่จะตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง ประมาณปี 2540 ก็ทราบกันดีว่า ปีนั้นเป็นปีที่เศรษฐกิจตกต่ำ เดือนกรกฎาคม ปี 40 มีการประกาศลดค่าเงินบาท ตอนนั้นผมทำงานเครียดมาก ทำงานตลอด วันอาทิตย์ก็ไม่เคยหยุด ความเครียดสะสมเรื้อรัง…จู่ๆ ก็เกิดปวดหัว ตัวร้อน ไม่สบายขึ้นมา กินอะไรไม่ได้ อาเจียนด้วย ก็ไปหาหมอด้านอายุรกรรมทั่วไป ถึง 3 หมอ หมอให้ admit ที่โรงพยาบาล ก็พบว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่ตอนแรกหมอเขาไม่บอกให้ผมทราบว่าเป็นมะเร็ง แต่บอกกับภรรยาผม และภรรยาผมก็บอกกับผมว่าผมเป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบ และจะต้องให้การรักษาคล้ายกับรักษามะเร็ง คือเธอคงกลัวว่าผมจะรับไม่ได้ ซึ่งตอนแรกผมก็รับไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ [...]

วิธีง่ายๆต่อสู้กับมะเร็ง0วิธีการรักษามะเร็งแบบธรรมชาติง่ายๆ 4 ข้อ ดังนี้ จิตใจ ต้องสู้
-----อาหารงดเว้นเนื้อสัตว์ แล้วหันมารับประทานอาหารที่มะเร็งไม่รับประทาน 15 ชนิด ได้แก่ ธัญพืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวกล้อง , ข้าวม้ง ,ข้าวบาเล่ย์ , ข้าวสาลี, และลูกเดือย นำมาหุงด้วยหม้อข้าวไฟฟ้า ผักผลไม้ 10 ชนิด ได้แก่หอมหัวใหญ่ ,มันฝรั่ง,หรือมันเทศ ,กล้วยน้ำว้าสุก (8 ลูก/วัน),ฟักทอง, ข้าวโพดหวาน ,ยอดแค ,ถั่วพู(2ชนิดนี้ขาดไม่ได้),บลอคโคลี่หรือกะหล่ำดอก ,ถั่วหวาน และคะน้าฮ่องกง(ผักผลไม้ 5 ชนิดแรกใช้นึ่ง) นำทั้ง 10 ชนิด หั่นเป็นชิ้นๆ นำมาเข้าเครื่องปั่นแบบไม่ต้องละเอียดมาก เพื่อให้กระเพาะอาหารทำหน้าที่ย่อย
---จากนั้นนำมารับประทานหนัก 1 กก./วันกับธัญพืช
อาบน้ำร้อนสลับเย็นหรือเย็นสลับร้อนอย่างละ 2 นาที รวมเวลา 10 นาที 1 ครั้ง/วัน เตรียมน้ำร้อนโดยใช้เครื่องทำน้ำร้อน เตรียมน้ำเย็นโดยหาถังน้ำใส่น้ำแข็งแล้วอาบร้อนจัดและเย็นจัดเท่าที่ร่างกายทนได้ (ความรู้จากจีนโบราณและกรีก-โรมัน) ภูมิต้านทานโรคทั้งสิ้น 2 จำพวก จะถูกกระตุ้นขึ้นมาทำหน้าที่อย่างแข็งขัน การออกกำลังกาย เดินเร็วหรือวิ่งเหยาะๆ ประมาณ 45นาที
-----------------------------------------------------------------------

หญ้าเทวดาหรือหญ้าปักกิ่งกับการรักษาโรคมะเร็ง
กลุ่มงานวิจัย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ0

ดร. ผ่องพรรณ ศิริพงษ์ หัวหน้างานวิจัยสมุนไพร กลุ่มงานวิจัย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
------------ปัจจุบันโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับสองของประชากรไทยและมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกๆปี
------ยารักษาโรคมะเร็งที่ใช้ในทางการแพทย์ ก็มีแต่ยาแผนปัจจุบันที่มีราคาแพง ซึ่งจะต้องนำเข้า จากต่างประเทศทั้งหมด ทั้งในรูปยาสำเร็จรูปหรือวัตถุดิบ อีกทั้งยังพบว่ามีผลข้างเคียงสูง ทางเลือกอีกทางหนึ่งของผู้ป่วยโรคมะเร็ง จึงหันมานิยม ใช้สมุนไพรพื้นบ้านเพื่อนำมารักษา โรคมะเร็งที่เป็นอยู่
สมุนไพรจากประเทศจีนชนิดหนึ่งซึ่งมีผู้นำมาเผยแพร่ ประมาณ 30 ปี
มาแล้วและปัจจุบันก็ยังคงนิยมใช้อยู่อย่างแพร่หลาย คือหญ้าเทวดาหรือหญ้าปักกิ่ง หรือเรียกชื่อ ภาษาจีนว่า เล่งจือเฉ้า หญ้าเทวดาหรือหญ้าปักกิ่งหรือเล่งจือเฉ้า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Murdania loriformis (Hassk) Rolla Rao et Kammathy อยู่ในวงศ์ Commelinaceae เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว แต่ไม่ใช่พืชในวงศืหญ้าทั่วไป เป็นไม้ล้มลุก สูง ประมาณ 7-10 ซ.ม. และอาจสูงได้ถึง 20 ซ.ม. ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว ความยาวไม่เกิน 10 ซ.ม. ดอกออกเป็นช่อที่ ปลายยอด รวมกันเป็นกระจุกแน่น [...]
Tags:
ความเป็นพิษ,รักษามะเร็ง,สถาบันมะเร็งแห่งชาติ,หญ้าปักกิ่ง,หญ้าเทวดา,เล่งจือเฉ้า
read more
----------------------------------------------------------------
มะเร็งปอด12
เป็นมะเร็งที่ปอดแต่ผ่าไม่ได้เพราะเป็นเนื้อร้าย เลยต้องใช้เคมีบำบัด เข็มที่ 1 มีอาการแพ้มาก เข็มที่ 2 ยิ่งแย่ลงอีก เริ่มทานหญ้าเทวดา (หญ้าปักกิ่ง)
กลับมาให้คีโมต่อเข็มที่ 3-4 ไม่มีอาการแพ้อีกเลย แถมก้อนเนื้อและจุดตามปอดหายไปหมด… คุณพ่อของดิฉันป่วยเป็นมะเร็งที่ปอด เวลาพูดจะมีอาการไอ ต่อมาพูดก็ไอ ไม่พูดก็ไอ จึงพาไปตรวจที่ ร.พ.ศิริราช คุณหมอบอกว่าต้องผ่าตัดเพราะมีเนื้องอกที่ปอด หลังผ่าตัดอาการไอก็ยังไม่หาย กลับไอมากขึ้นจนนอนไม่ได้ อาหารก็ทานไม่ลง จึงถามคุณหมอว่าเป็นอะไรกันแน่ คุณหมอก็บอกว่าที่ผ่าตัดนั้นไม่สามารถเอาก้อนเนื้อออก เพราะเป็นเนื้อร้ายผ่าออกไม่ได้ จึงให้รักษาทางเคมีบำบัด (เคโม) ระหว่างรอให้เคโมก็มีอาการอื่นแทรกซ้อนตลอดเวลา ช่วงเวลาที่นอนรอให้เคโมประมาณ 1 เดือน น้ำหนักลดลง 11 ก.ก. กินไม่ได้นอนไม่หลับ มีอาการเหนื่อยหอบตลอดเวลา บางครั้งต้องพ่นยา และใช้เครื่องช่วยหายใจวันละหลายครั้ง
Tags: มะเร็ง,มะเร็งปอด,หญ้าปักกิ่ง,หญ้าเทวดา
read more
-------------------------------------------------------
ดูแลตัวเองเมื่อเป็นมะเร็ง
(6) การปรุงหญ้าปักกิ่ง (2) ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหญ้าปักกิ่ง (10)
ความรู้เกี่ยวกับมะเร็ง (4) ประสบการณ์หญ้าปักกิ่ง (5) มะรุม (3) สมุนไพรน่ารู้
(3) หญ้าปักกิ่งสด-สำเร็จรูป (1) หมอเส็ง: อ่านดูแล้วมีประโยชน์มากครับ
อาศัยหลักการใช้ธรรมชาติเข้ามาช่วยในการต� seang: รางจืดชนิดต้นมีหรือเปล่าครับ
ถ้ามีลักษณะเป็นแบบไหน มีคุณประโยชน์ทาง� ตรงๆๆ: มีคนแนะนำ ใบ ฮวาน ง็อก นะคะ
สำหรับมะเร็งปอด ลองดูอีกทาง เป็นทางเลือก
------------------------------------------------------------

ผมรักษามะเร็งด้วยตนเอง
โดยวิธีธรรมชาติบำบัด ได้ผลมาก หายเป็นปกติมา 7 ปีแล้วครับ12นายมนตรี อติพยัคฆ์
ป่วยเป็นมะเร็ง ลำไส้ใหญ่ ระยะที่ 3 หลังจากผ่าตัดลำไส้ส่วนที่เป็นมะเร็งออก
เซลล์มะเร็งได้ลุกลามต่อมน้ำเหลืองไปแล้วมีโอกาสมากที่จะกระจายสู่จุด
อันตรายที่สุดคือตับ และอวัยวะส่วนต่างๆในช่องท้อง
แต่ก็ได้ตัดสินใจรักษาโดยธรรมชาติบำบัดทันที (ยุทธศาสตร์ 4 อ.)
โดยไม่ขอรับเคมีบำบัดและรังสีรักษาตามแผนการรักษาของแพทย์
ซึ่งในกรณีเช่นนี้ในความเห็น ของแพทย์สรุปว่าโอกาสที่จะอยู่รอดถึง 2
ปีหลังการผ่าตัดอาจจะต่ำกว่า 50% ซึ่งก็มีเหตุผลที่ต้องเชื่อ
แต่ผมก็เชื่อใน”ทางเลือกใหม่”ว่าอาจจะทำให้ผมอยู่ได้เป็นสิบปี
ซึ่งก็เกินพอแล้วสำหรับสภาวะเช่นนี้ แต่ถ้าจะอยู่ได้
ต่อไปอีกก็เป็นเรื่องที่ดีในการใช้ชีวิตต่อไปอย่างสงบสุข
ผมตัดสินใจใช้ทฤษฏีบำบัดมะเร็ง ของ นพ.แมกซ์ เกอร์สัน บิดาแห่งนักธรรมชาติบำบัด
และจากหลักการของอาหารแมคโครไบโอติกส์ มาดัดแปลงรักษาตนเองให้เป็น วิถีไทยๆ
ด้วยวิธีคิด ด้วยเหตุด้วยผลจนเกิดความเชื่อมั่นว่าถ้าใช้วิธีนี้ต้องไม่ตายแน่
เอาชีวิตตัวเองเดิมพันเลย
ผมได้ตรวจเช็คเลือด CEA (Carcinoembryonic Antigen) ทุก 3 เดือน
ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติหลังการผ่าตัด ค่าของ CEA ขึ้นๆลงๆ
เคยอยู่ในระดับปกติดีที่สุดที่ 1.1 ng/ml สูงกว่าปกติที่ 5.1 และกลับมาที่ 4.4
และสูงขึ้นไปที่ 8.7 (ก่อนผ่าตัดขึ้นกว่า 40) การเจาะเลือด CEA นั้นเป็นการตรวจหา
Antigen ของเซลล์มะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะลำไส้ใหญ่
คนปกติที่ไม่สูบบุหรี่จะมีค่าไม่เกิน 5 หน่วย ถ้ามีมะเร็งก็อาจขึ้นไปอีก ถ้าถึง 10
หน่วยก็ควรต้อง CT-Scan ดูแล้ว ถ้าถึง 20 หน่วยก็อาจจะเริ่มลุกลาม ถ้าขึ้นไปเป็น
100 เป็น 1000 ก็ถึงขั้นแพร่กระจาย (Metastatis) มะเร็งระยะเริ่มต้นนั้นค่าของ CEA
ไม่มีอะไรคงที่ ตัวเลขบ่งชี้อาจขึ้นอยู่กับปริมาณสารก่อมะเร็งในร่างกาย
รวมทั้งสภาวะต่างๆในร่างกายและจิตใจ ซึ่งเรื่องนี้เราก็สามารถควบคุมได้ระดับหนึ่ง
จึงไม่ยึดเอา CEA เป็นเหตุให้เครียด แต่จะดูว่าสุขภาพตัวเองเป็นอย่างไร ดีขึ้น
แข็งแรงขึ้นหรือเปล่า มีชีวิตที่ปกติสุขหรือเปล่า ยังกินได้นอนหลับ น้ำหนักไม่ลด
คุณภาพชีวิตยังดี ก็ถือว่าเราควบคุมมะเร็ง
ให้หยุดนิ่งได้บ้างก็น่าจะสบายใจสบายกายขึ้นบ้างไม่ใช่หรือ ซึ่งผมก็เป็นเช่นว่านี้
ที่เป็นเช่นนี้ผมเชื่อว่า
เป็น เพราะการทานอาหารมังสวิรัติและการปฏิบัติตัวตาม “ยุทธศาสตร์ 4อ.” ของผมนั่นเอง
ผู้ปฏิบัติควรเรียนรู้ วิธีกินอาหารมังสวิรัติให้ได้สารอาหารครบ เหมือนกับอาหารปกติ
ไม่ต้องกลัวขาดโปรตีน (ไม่เช่นนั้น ช้าง ม้า วัว
ควายมันจะเติบโตได้อย่างไร)ความจริงแล้วเซลล์ในร่างกายผลิตกรดอะมิโนได้ 14ชนิด
ต้องการจากอาหารอีก 8 ชนิด คนที่ทานมังสวิรัติ ถ้ารู้หลักก็จะได้สารอาหารครบ 5
หมู่อยู่แล้ว แพทย์ปัจจุบันมัก จะแนะนำผู้ป่วยมะเร็งให้ทานอาหาร 5 หมู่
แต่ไม่บอกว่าควรจะลดละเลิกอะไรบ้าง แถมบางท่านยังบอกว่าให้ทานเนื้อนมไข่
หมูเห็ดเป็ดไก่ได้ตามสบายเสียอีก(เพื่อจะได้มีเรี่ยวแรงสู้กับเคมีบำบัด
และได้รับเม็ดเลือดขาวที่ถูกทำลายจากคีโมมาชดเชย)
ผู้ป่วยมะเร็งหลายคนได้รับการผ่าตัดก้อนมะเร็งออกไปแล้วแต่กลับไปทานอาหาร
ประเภทเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม
กลับไปกินเนื้อสัตว์ประเภทเนื้อแดงที่ให้โปรตีนและไขมันสูง(ไปบำรุงให้เซลล์
มะเร็งเติบโตอีก) เริ่มแตะเหล้า เบียร์ บุหรี่ กินอาหารสารพิษปนเปื้อน
กินเนื้อสัตว์ปิ้ง ย่างไหม้เกรียม รมควัน (เริ่มสะสมสารก่อมะเร็งอีก)
วันดีคืนดีมะเร็งก็เลยกลับมา
รู้ตัวอีกครั้งก็สายเกินแก้เสียแล้วนี่แหละการที่แพทย์ปัจจุบันไม่เปิดใจ
กว้างให้กับความสำคัญของ “โภชนบำบัด” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการ
แพทย์ ทางเลือก (Altanative Medicine) ทำให้การรักษามะเร็งอาจถึงทางตันได้
ดังนั้นการแพทย์แบบ ประสมประสาน (Integrated Medicine)
ซึ่งใช้การแพทย์ปัจจุบันเป็นหลักและการแพทย์ทางเลือกมาเสริมจึงเป็น
ทางออกที่ดีที่สุดในยุคแห่งบูรณาการ
หลัง ผ่าตัด : ผมย้ายมาเจาะเลือดติดตามผล CEA
และตรวจระบบทางเดินอาหารด้วยเครื่องมือต่างๆที่ รพ.ใกล้ บ้าน (ใช้บริการ 30 บาท ฯ)
การบำบัดด้วยตนเองยังคงใช้ “ยุทธศาสตร์ 4อ.” สนับสนุนด้วย “หญ้าเทวดา”
หลังผ่าตัด 1 ปี : CEA ขึ้นมาที่ 8.7 ng/ml ตรวจ CT-Scan พบก้อนเนื้อ 4×2
ซ.ม.ในลำไส้ใหญ่ส่วนต้น หมอนัด อีก 2 อาทิตย์ให้ไปทำ Colonoscopy
(ส่องกล้องลำไส้ใหญ่) ผมมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างสูงที่จะต้องทำให้ก้อน
เนื้อนั้นหายไปให้ได้ด้วยพลังแห่งระบบภูมิคุ้มกัน(Immune System) จึงเร่งปฏิบัติ
“ยุทธศาสตร์ 4อ.”อย่างเข้มข้น จริงจัง บูรณาการระบบชีวิตประจำวันใหม่ตาม “หลัก10
ข้อ สู้มะเร็ง” ทานอาหารแบบชนิดต้านมะเร็งอย่างเคร่งครัด
พร้อมทั้งทานวิตามินเอเบต้าแคโรทีน วิตามินซี-ดี-อี หญ้าเทวดา(ปักกิ่ง)
ผักใบเขียวทั้งสดและนำมาปั่นทานวันละหลายครั้ง ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ
ทำจิตใจให้มั่นคง ตัดความหวาดหวั่น วิตกจริต
เชื่อมั่นและศรัทธาในแนวทางที่ตนเองบำบัด อยู่ด้วยพลังใจ
คิดๆๆๆว่าก้อนมะเร็งต้องหายไป และทั้งหมดนี้ก็ประสบผลสำเร็จ
วันส่องกล้องไม่พบเนื้องอกในลำไส้ รอดพ้นผ่าตัดครั้งที่สองไปอย่างปาฏิหาริย์
หลังจากนั้นอีก 2 เดือนก็ไปตรวจเลือดอีกครั้งอีกครั้งปรากฏว่าค่า CEA
ออกมาเยี่ยมมากแค่ 1.8 ng/ml ตัวเลขต่ำน่าพอใจมาก(ค่าปกติ 0-5 ng/ml)
หลังจากนั้นอีก 3 เดือนก็ไปตรวจ CEA อีก ปรากฏว่าผลออกมายิ่งดี อยู่ที่ 1.1 ng/ml
(เหตุที่มะเร็งกลับมาในครั้งนั้นสงสัยว่าอาจจะเป็นเพราะผมกลับไป กินเนื้อปลาอีก
เหมือนกับกรณีที่หมออารีย์เผลอตัวไปกินไก่ย่างส้มตำ หรือ อาจารย์หม่อม(ธันย์
โสภาคย์)ชล่าใจ กลับไปกินเนื้อปลา และขนมหวาน)
การตรวจ ครั้งสำคัญ : (18/03/47)
เป็นการตรวจครั้งสำคัญในโอกาสที่ครบสองปีหลังการผ่าตัด ปรากฏว่า ค่า CEA
ดีเยิ่ยมอยู่ที่ 1.4 ng/ml ผลการตรวจการทำหน้าที่ของตับ LFT (Liver Function Test)
และ Ultrasound ช่องท้องออกมาปกติ ผล x-ray ปอดปกติ
ก็เป็นอันว่าผมอยู่ในภาวะที่ปกติแน่นอนแล้ว
ดีใจมากที่ตัดสินใจได้ถูกต้องในการรักษามะเร็งด้วยตนเองด้วยความเชื่อมั่นใน
ด้านธรรมชาติบำบัด และด้วยจิตใจที่มั่นคง เชื่อมั่นในวิธีคิดวิธีปฏิบัติของตัวเอง
..(การตรวจเลือด 22/6/48 ผลยังออกมาดีมาก ค่าCEA อยู่ที่ 1.7 ng/ml )
ปัจจุบัน : สุขภาพร่างกายเป็นปกติแล้ว
ไม่มีอะไรบ่งบอกหรือส่งสัญญาณว่ามะเร็งจะกลับมา เรื่องตรวจ CEA ก็เลยเลิกลากันไป
สภาพร่างกาย : กินได้ นอนหลับ แข็งแรง รูปร่างดี (ได้น้ำหนักสัมพันธ์กับส่วนสูง)
ระบบขับถ่ายดีเยี่ยม ดีกว่า ก่อนเป็นมะเร็งลำไส้เสียอีก
(อาหารมังสวิรัติช่วยได้มาก) …. ลาก่อนอาหาร/ขนมที่ทำจากเนื้อสัตว์ แป้งขัดขาว นม
เนย ไข่ น้ำตาลทรายขาว กะทิ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีเส้นใยอาหาร (Fibre)
และบางชนิดมีไขมันชนิดไม่ดีและสารปนเปื้อนเป็นเหตุให้ท้องไส้ผิดปกติ ท้องผูก
แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย ปวดท้อง
…. ขอลาอย่างถาวรเลยอาการทั้งหลายที่ว่านั้น !
สุขภาพ : สุขภาพทั่วๆไปอยู่ในระดับที่ดี (ดีกว่าเพื่อนๆที่ไม่ได้เป็นมะเร็งในวัยเดียวกันหลายคน) ผลพลอยได้จากการรักษามะเร็งด้วยธรรมชาติบำบัด นอกจากมะเร็งจะหายแล้วยังทำให้ร่างกายเป็นเขตปลอดเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เข่าเสื่อม ไตเสื่อม อวัยวะต่างๆก็ทำหน้าที่ปกติ เช่น ปอด ตับ หัวใจ ฯลฯ ภูมิคุ้มกันแข็งแรงทำให้ร่างกายไม่เสื่อมสมรรถภาพ เลือดลมดี โรคภัยไม่ค่อยมารบกวน แม้กระทั่งไข้หวัดจะมีบ้างก็เป็นปี
สภาพจิตใจ : สงบ สบาย ไร้กังวล มีความมั่นใจว่าตัวเองได้หายจากโรคมะเร็งแล้ว

กิจวัตรประจำวัน :
เช้ามืด ออกกำลังกายบริเวณสวนที่เต็มไปด้วยแมกไม้สีเขียวแหล่งฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ โดยการจ็อกกิ้ง ประมาณ 1 ก.ม. เสร็จแล้วพักสูดอากาศยามเช้า (นำออกซิเจนสดๆเข้าไปให้ปอดฟอกเลือดเก่าซึ่งมีสีดำเพื่อจะ
ได้เลือดใหม่สีแดงสมบูรณ์ด้วยออกซิเจนส่งไปให้หัวใจสูบฉีดไปทั่วร่างกาย) หลังจากนั้นออกกำลังกายต่อ เริ่ม ต้นด้วย ซิทอัพ-sit-up บริหารหน้าท้อง แกว่งแขนบริหารลมปราณ ดัดเนื้อดัดตัวอีกนิดหน่อยตามรูปแบบของโยคะ ชาร์จจักระ(พลังจักรวาล)เป็นอันจบการบริหารกายและจิต เสร็จแล้วก็เดินเล่นในสวนพร้อมสุนัข กลับเข้าบ้านทานหญ้าเทวดา(ปักกิ่ง) 3
เม็ดก่อนอาหารเช้าซึ่งประกอบด้วย โจ๊กข้าวกล้อง ซุปมิโสะ(เต้าเจี้ยวบดญี่ปุ่น)ผสมสาหร่ายญี่ปุ่นวากาเม่ะ ขนมปังโฮลวีทปิ้ง 2 แผ่น กล้วยน้ำว้า 2 ลูก หลังอาหารเช้าทานว่านรางจืด 3แคบซูล
(ทั้งหญ้าเทวดาและว่านรางจืดทานวันละ 3 มื้อก่อน/หลังอาหาร ทาน 7 วัน เว้น 4 วัน) ทำ ดัท็อกซ์-Detox อาทิตย์ละ 2 ครั้งจาก นั้นก็หาอะไรทำเพลินๆเช่น รดน้ำต้นไม้ ตัดแต่งกิ่งใบ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน กวาดใบไม้
ล้างรถบ้าง ซักผ้า รีดผ้าบ้าง เปิดทีวีดูรายการข่าว อ่านหนังสือพิมพ์
เสร็จแล้วก็ดื่มน้ำเต้าหู้(จืด)ผสมลูกเดือย ทานกับ Cornflakes(ข้าวโพดอบเป็นเกล็ดๆ) อาบน้ำ สวดมนต์ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิประมาณ 1 ชั่วโมง ทำอาหารกลางวัน (ก๋วยเตี๋ยวน้ำเส้น ข้าวกล้อง) ผัดมักกะโรนีบ้างสปาเก็ตตี้บ้าง
ดิ่มน้ำปั่นแครอท,ฟักทอง,ข้าวโพด ,งาดำ บางครั้งก็มีหัวมันต้มสีม่วง(มันต่อเผือก) ทานทั้งเปลือก ฟักทองนึ่ง
หลังจากนั้นก็พักผ่อน ดูทีวี อ่านหนังสือทั่วๆไปบ้าง เข้าอินเตอร์เน็ตบ้าง โทรศัพท์บ้าง จนบ่ายแก่ๆก็ทานผลไม้(ไม่หวาน) ขนมขบเคี้ยวต่างๆที่ทำจากธัญพืช น้ำผักสุขภาพ ถึงเวลาทานอาหารเย็นก็จะทานข้าวบ้างละ เป็นข้าวซ้อมมือแท้ๆ (สีน้ำตาลเข้ม) หุงรวมกับถั่วแดงและลูกเดือย(เพื่อเพิ่มกรดอมิโนให้ครบถ้วน) หุงสุกแล้วโรยด้วยจมูกข้าว งาดำคั่วทานกับต้มจับฉ่ายสลับกับสตูซึ่งมีส่วนผสมหลักคือ แครอท มันฝรั่ง มันเทศ ฟักทอง ผสมถั่วแดง ถั่วแขก ถั่วลันเตา นอกจากนั้นก็จะมีแกงส้ม แกงเลียงกินได้เป็นอาทิตย์ บางครั้งก็มีอย่างอื่น เช่นผัดปรุงรสต่างๆ เนื้อเทียมต่างชนิดทำด้วยโปรตีนเกษตร ผสมเห็ด ข้าวโพด หรือทำด้วยแป้งผสมถั่วเหลือง หัวบุกและแครอต นำมาผัดซ้อสต่างๆ อร่อยมากจากนั้น ก็ออกไปเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ กลับมาทำโยคะ จนกระทั่งใกล้ค่ำจึงกลับมาสวดมนต์ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ รักษาตัวเองด้วยพลังจักวาล เสร็จแล้วก็อาบน้ำ พักผ่อนดูทีวี ดื่มน้ำเต้าหู้เปิดวิทยุฟังเพลง ดูหนังที่เช่ามา อ่านหนังสือ จนถึงเวลานอนประมาณ ห้าทุ่มทุกวัน
ทั้งหมดเป็นกิจวัตรธรรมชาติบำบัดประจำวัน
จะเห็นได้ว่าครบ 4 อ. คือ อารมณ์ อาหาร อากาศ ออกกำลังกาย
สำหรับกิจกรรมพิเศษก็มีอีกหลายอย่าง เช่น เช้าวันเสาร์อาทิตย์ต้องใส่บาตรพระสงฆ์ที่เดินมาหน้าบ้าน ว่ายน้ำ แล้วขับรถเข้าเมืองไปทานอาหารเที่ยงที่ชมรมมังสวิรัติจตุจักร เดินเลยไปที่ตลาดนัด ดูไม้ดอกไม้ประดับที่นำมาขาย
ไปดูเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีด้วยเปลือกไม้ธรรมชาติ
บางครั้งก็ถือโอกาศนั่งรถไฟใต้ดินที่สถานีใกล้กันเข้าไปเดินเล่นในเมืองแถวๆ สีลม ไปศูนย์ประชุมฯสิริกิติ์ ชมนิทรรศการที่สนใจ แวะพักผ่อนที่สวนเบญจกิติที่อยู่ติดกัน บางครั้งก็ไปห้างสรรพสินค้า ไปดูหนัง ดูหนังสือที่น่าสนใจ นานๆทีก็ไปพักผ่อนสัมผัสธรรมชาติแถวเหนือๆที่ชอบโดยเฉพาะเชียงใหม่ กิจวัตรและกิจกรรมของผมแบบนี้แหละทำให้จิตใจร่าเริงเบิกบาน
------ผลที่ได้ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ทรงประสิทธิภาพ เพิ่มปริมาณเซลล์
เม็ดเลือดขาวที่แข็งแกร่ง กระหายที่จะรุมกินโต๊ะเจ้าพลพรรคมะเร็ง
…เจ้า พวกเซลล์มะเร็งทั้งหลายเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เจอเข้าไป 2 เด้ง !
ไหนจะถูกเซลล์เม็ดเลือดขาวของผมตามไล่ล่าชีวิต ไหนจะถูกตัดขาดจากอาหาร ชูกำลังประเภท หวาน มัน เค็ม ก็เลยหมดสภาพ กลับไปหมกเม็ดซ่อนตัว รอที่จะได้อาหาร บำรุงบำเรอให้แข็งแรงเพื่อจะได้กลับมาล้างแค้น (ไม่ต้อง หวังหรอกนายมะเร็ง!)
--------ข้อคิดที่ได้ : ความรู้สึกของผมในระหว่างที่กำลังเป็นเป็นมะเร็ง
เคยคิดเหมือนกันว่าชีวิตกำลังดำเนินอยู่ที่ปลาย สุดของปากเหว
พร้อมที่จะร่วงหล่นลงไปสู่ความตายได้ทุกเมื่อ แต่ในทางกลับกันถ้ามีสติ
ปัญญาและพลังใจใน การต่อสู้กับมะเร็งอย่าง”รู้เขารู้เรา”
ชีวิตที่อยู่คู่กับมะเร็งก็อาจจะมีคุณภาพ สภาพของเหวที่น่ากลัวก็อาจจะค่อยๆ
ตื้นเขินจนเป็นพื้นที่ธรรมชาติสวยงามที่ให้ความสดชื่นรื่นรมย์
เติมเต็มชีวิตที่เหลือให้มีความหวังครั้งใหม่ได้
หมายเหตุ : แนวทางรักษามะเร็งของผมเป็นแนวทางที่ใช้ธรรมชาติบำบัด
ผลดีที่เกิดกับผมนั้นอาจจะแตกต่างกับ ผู้ป่วยรายอื่นที่มีความไม่เหมือน
กันทั้งในสภาพร่างกาย จิตใจ สภาพแวดล้อม ความมุ่งมั่น ความเพียรพยายาม การตัดสินใจในกรณีต่างๆเป็นวิธีคิด วิธีปฏิบัติของผม เป็นเรื่องเฉพาะตัว แม้กระทั่งการตัดสินใจไม่ใช้เคมีและรังสีบำบัด ผู้ป่วยท่านอื่นๆจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์แผนปัจจุบันเป็นหลัก
-----ถ้าจะใช้การแพทย์ทางเลือกก็ต้องใช้ดุลพินิจและวิจารณญาณของท่านตลอดจนผู้ให้การปรึกษาของท่านเป็นหลัก เพราะมีผู้ที่แอบอ้างเป็นแพทย์ทางเลือกบางคนมีพฤติกรรมที่ไม่จริงใจต่อผู้ ปวยโดยให้ข้อแนะนำอย่างฉาบฉวย มุ่งที่จะขายวิตามิน ในราคาที่ค่อนข้างสูงอย่างเดียว ขายกันเป็นชุดประกอบด้วยวิตามินสิบกว่าชนิด กินกันวันละเป็นหมื่นๆมิลลิแกรม หมดแล้วให้มาซื้อใหม่ ไม่รู้จบ ผู้ป่วยบางรายหมดเงินไปหลายหมื่นบาท
ซึ่งไม่ต่างจากแพทย์แผนปัจจุบันหลายท่านที่ไม่มี ความจริงใจและความเป็นกันเองต่อผู้ป่วยคิดอย่างเดียวที่จะเสนอการใช้ยาเคมี ชนิดต่างๆที่แพงแสนแพงต่อผู้มีฐานะดี ใช้ครั้งละเป็นหมื่นเป็นแสนบาท บางคนหมดไปกว่าสิบล้านแต่กลับมีอาการทรุดลงเรื่อยๆส่วนผู้ป่วยที่มีฐานะยากจนแพทย์ก็จะ กำหนดให้ใช้ยาเคมีแบบพื้นๆโดยตัวแพทย์เองก็รู้ทั้งรู้ว่าโอกาศที่มะเร็งจะ หายได้โดยวิธีดังกล่าวนี้มีเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างน้อย ความเหลื่อมล้ำต่ำสูงในฐานะของผู้ป่วยทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในการ รักษาโรคทั้งหลายโดยเฉพาะโรคร้ายอย่างมะเร็ง! ธรรมาภิบาล และจริยธรรมยังเป็นปัญหาในวงการแพทย์ปัจจุบัน ผมเองไม่ได้ต่อต้านในเรื่องนี้เพราะทั้งวิตามินสำเร็จรูปและยาเคมีก็มี ประโยชน์ไม่มากก็น้อย แต่ทุกอย่างมันอยู่ที่ความ พอเหมาะพอควรในสถานภาพของแต่ละคน ผมเองก็ไม่ได้กินวิตามินสำเร็จรูป และไม่ได้ใช้ทั้งคีโมและฉายแสงด้วย แต่ผมก็อยู่ได้มาถึงวันนี้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ครบถ้วนโดยการใช้ปฏิบัติการ ทางธรรมชาติบำบัดอย่างเคร่งครัด เชื่อมั่น แน่วแน่ ศรัทธาในหนทางนี้อย่างมั่นคง.ณ วันนี้ถึงแม้ว่าผมจะอยู่ในสภาวะที่ปกติแล้วก็ตาม แต่จะยึดแนวธรรมชาติบำบัดต่อไปในการดำเนินชีวิต ไม่เช่นนั้นมะเร็งอาจกลับมาอีกรอบซึ่งเป็นไปได้มาก เห็นมามากแล้ว ความประมาท กับ ความตาย เป็นของคู่กัน !
(Visited 10,515 times, 54 visits today)
พิมพ์หน้านี้ | 10,066 views
« คำเตือนจากคุณหมอ
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งเซลล์และความเป็นพิษของหญ้าปักกิ่งต่อเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว
»Tags: ธรรมชาติบำบัด, รักษามะเร็ง, สมุนไพรบำบัด, หญ้าปักกิ่ง, หญ้าเทวดา,
เล่งจือเฉ้า



Share3
12 Comments to “ผมรักษามะเร็งด้วยตนเอง โดยวิธีธรรมชาติบำบัด ได้ผลมาก
หายเป็นปกติมา 7 ปีแล้วครับ”
ปภัสสรา says:
August 10, 2010 at 4:13 pm
อยากได้ความรู้เพิ่มเติมและขอเบอร์โทรศัพท์ด้วยค่ะ
ปภัสสรา says:
August 10, 2010 at 4:14 pm
เพราะตอนนี้คุณพ่อเป็นมะเร็งผิวหนังและลามเข้าต่อมนำเหลืองนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า
ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศภาคม 2553 ถึง ปัจจุบัน
ปภัสสรา says:
August 10, 2010 at 4:22 pm
กรุณาตอบด้วยนะค่ะเป็นทุกข์ใจมากเลยค่ะ ไม่รู้จะไปปรึกษาใครดี
Anonymous says:
August 11, 2010 at 2:38 pm
ใจเย็นเย็น นะคะ แนะนำให้อ่านหนังสือ ชีวจิต ของ ดร สาทิส อินทรกำแหง
หรือ ของ บัลวี หมอ บรรจบ
//www.cheewajit.com/index.aspx
มีตย. ของคนหายจากมะเร็ง ค่ะ
//www.balavi.com/content_th/nanasara/Con00055.asp
ให้อ่าน ธรรมะ ฝึก สติปัฏฐาน 4 นะคะ
//www.supawangreen.in.th/article.php
//www.wimutti.net/
จะได้สบายใจขึ้นค่ะ
pidchanun says:
September 27, 2010 at 11:12 pm
ตอนนี้แม่ป่วยเป็นมะเร็งปอดมาก็หลายปีแล้ว
แม่ชอบหายาทานเองเพราะไปหาหมอกับมาแต่กับสักพักกับดูแย่ลง แม่ตัวเหลืองซีด
แต่ตอนนี้กินมะรุมสกัดอยู่ก็ดีขึ้นแต่ก็ยังดูเหนื่อยๆอยู่ค่ะ
ถ้าจะให้แม่กินหญ้าปักกิ่งเสริมควบคู่ไปด้วยจะเป็นไรไหมค่ะ
รบกวนช่วยตอบหน่อยนะค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
วรพล says:
October 9, 2010 at 6:21 pm
ผมเป็นคนหนึ่งที่มีโรคภัยความเจ็บปวดรุมเร้าหลายอย่าง ภูมิแพ้ เหนื่อย
ปวดเนื้อตัว เวลายกของหรือทำงานที่ใช้กำลัง จะปวดเจ็บกล้ามเนื้อ
ระบบการหายใจถดถอย คล้ายหอบหืด แน่นหน้าอก เหมือนมีอาการหดเกร็ง เป็นหวัดเรื้อรัง
เป็นโพรงไซนัสอักเสบ
admin says:
October 9, 2010 at 10:53 pm
ลองทานหญ้าปักกิ่งดูนะคะ เค้าช่วยเรื่องเสริมภูมิคุ้มกันค่ะ
ดังนั้นจะช่วยได้หลายด้าน
แต่อย่าลืมพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ศรัณยู says:
November 8, 2010 at 2:13 pm
แม่ผมป่วยเป็นมะเร็งปอดเหมือนกันครับ คืออย่างนี้นะครับ ผมอยากให้พวกเรา หมายถึงเราเป็นคนที่ดูแลคนป่วย คืออยากให้พวกเรามีเบอร์โทรติดต่อกันนะครับ
ในกลุ่มของโรคนั้นๆ เช่น
1.กลุ่มผู้ป่วยมะเร็งปอด มี คุณ A คุณ B คุณ C ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ดูแล ซึ่งสามารถ
โทรปรึกษากันได้ ในเรื่องของวิธีการดูแลผู้ป่วย อะไรที่ทำไปแล้วดี หรือ
สิง่ที่ต้องระวัง ประมาณนั้นครับ เพื่อที่ว่าเราจะได้ไม่ต้องลองผิดลองถูกกัน
เพื่อนคนที่เรารักครับ
ปล.สุดท้ายนี้ถ้ากลุ่มผู้ดูแลผู้ป่วย ในกลุ่มนี้ (มะเร็งปอด) ต้องการแนะนำ
อะไรติดต่อหรือทิ้งเบอร์โทรไว้ทาง mail นี้นะครับ saranyu.s[at]hotmail.com
ขอให้ทุกคนช่วยกันให้ข้อมูลกันนะครับ เพื่อคนที่เรารัก ขอบคุณครับ
Numpang says:
December 5, 2010 at 7:56 pm
พ่อ มีอาการผิดปกติด เรื่องหายใจ หอบและเหนื่อยง่าย
เพราะมีน้ำมาขังที่เยื้อหุ้มปอดตลอด ตอนนี้รอผลการตรวจหาเชื้ออยู่ค่ะ
จึงอยากศึกษาเรื่อง หญ้าเทวดา ไว้เพื่อช่วย
ให้อาการพ่อทุเลาลง เห็นแล้วสงสารมากๆ คะ
อรลักษณ์ says:
December 16, 2010 at 4:33 pm
ถ้าเป็นมะเร็งปากมดลูก กินน้ำหญ้าปักกิ่งจะช่วยได้ไหม หรือ
สมุนไพรตัวไหนบ้างที่สามารถช่วยให้อาการทุเลาลง ใครให้ข้อมูลได้ช่วยด้วยนะคะ
จะขอบคุณมากคะ
นอ้งพร says:
December 29, 2010 at 9:17 pm
อยากรบกวนถามว่า
ตอนนี้พอดีอยากมีบุตรเลยไปหาคุณหมอที่จุฬาคุณหมอขอดูมดลูกว่ามี่ไข่=เลยเจอแจ๊กพ็อต จ๊ะเอ๋ เนื่องอก3cm.อยากทราบว่าตอ้งทำอย่างไง
กินหญ้าปักกิงจะหายไหมค๋ะ!(ซึ่งหมอบอกว่าเป็นปกติที่ญ.10คนจะเป็น2คนในอายุ35ปีขึ้นไปในยุคนี้)แต่ก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดีแหละว่าไม!
-------------------------------------------------------------
HIV การดูแลตัวเองเมื่อเป็นมะเร็ง การทำน้ำหญ้าปักกิ่ง การปลูกหญ้าปักกิ่ง
ข้อควรรู้เกี่ยวกับมะเร็ง ความเป็นพิษ ดอกมะรุม ฝักมะรุม ภูมิคุ้มกันบกพร่อง มะรุม
มะรุมแห้ง มะเร็ง มะเร็งคืออะไร มะเร็งตับ มะเร็งที่ม้าม มะเร็งปอด มะเร็งมดลูก
มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งในคอ มะเร็งในตับ ยับยั้งเซลล์มะเร็ง
รักษามะเร็ง รักษาโรค รางจืด วิธีรับประทานหญ้าปักกิ่ง สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
สมุนไพร สมุนไพรบำบัด สมุนไพรไทย สรรพคุณ หญ้าปักกิ่ง สารต้านมะเร็ง หญ้าปักกิ่ง
หญ้าเทวดา ฮว่านง็อก เปลือกมะรุม เมล็ดมะรุม เม็ดมะรุม เม็ดเลือดขาว เล่งจือเฉ้า
เสริมภูมิคุ้มกัน เห็ดหลินจือ เอดส์ โสม ใบมะรุม

มะรุม Miracle Tree

--------------------------------------------------




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 12 กรกฎาคม 2554 14:36:14 น.
Counter : 85013 Pageviews.  

ภูมิปัญญาโบราณ ใช้ได้จนถึงในปัจจุบัน-พรมมิ-พลูคาว

--ดวามรู้จากคัมภีร์พระเวทของอินเดีย ในสาขาอายุรเวท พบว่าใช้พืชที่ชื่อ พรมมิ เป็นยารักษาโรคความจำเสื่อม--ซึ่งของไทยก็มี เรียกว่า "ผักมิ"
ใช้แกล้มพวกลาบ น้ำพริก--มีการผลิตออกมาจำหน่ายแล้ว
---ผักพลูคาว ท้องใบมีสีแดง ขึ้นตามที่ชื้นแฉะ ปัจจุบันนำมาทำเป็นยาอายุวัฒนะ
--------------------------------------------------------------------


มหาวิทยาลัยนเรศวรเจ๋ง! วิจัย สมุนไพร “พรมมิ” ช่วยบำรุงความจำ ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ เทียบเท่า “แปะก๊วย-โสม” จดอนุสิทธิบัตรแล้ว รอเอกชนสนใจรับไปผลิตเชิงพาณิชย์ ช่วยลดการนำเข้าสมุนไพรต่างระเทศ

วันที่ 19 มีนาคม ที่โรงแรมมิราเคิล ในการอภิปรายเรื่อง เส้นทางพัฒนาสมุนไพรไทยสู่ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ รศ.ดร.กรกนก อิงคนินันท์ หัวหน้าศูนย์วิจัยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า ได้ทำการศึกษาพัฒนา “พรมมิ” เพื่อใช้เป็นสมุนไพรบำรุงความจำ

โดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สนับสนุนงบประมาณในการทำวิจัยเป็นระยะเวลา 3 ปี ประมาณ 14 ล้านบาท ตั้งแต่พัฒนาการปลูก การศึกษาทางเคมี การสกัด การพัฒนาวิธีการสังเคราะห์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรพรมมิ การศึกษาประสิทธิภาพของสารสกัดพรมมิในทางเภสัชวิทยาทั้งในระดับหลอดทดลอง สัตว์ทดลอง การศึกษาพิษวิทยา รวมถึงการทดลองทางคลินิก

ซึ่งผลการศึกษา พบว่า สารสกัดที่ได้จากต้นพรมมิมีสารซาโปนิน (saponins) สามารถชะลอการเสื่อมของเซลล์สมอง มีผลกระตุ้นความจำและการเรียนรู้ นอกจากนี้ยังพบว่ามีฤทธิ์ในการป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ประสาท ซึ่งสามารถช่วยป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายุเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วย

รศ.ดร.กรกนก กล่าวต่อว่า ล่าสุด คณะผู้วิจัยได้ศึกษาผลของพรมมิในอาสาสมัครที่ร่างกายปกติ อายุ 55 - 70 ปี จำนวน 60 คน โดยศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ได้ยาหลอกและได้สารสัดพรมมิขนาด 300 และ 600 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน พบว่า สารสกัดพรมมิช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุ โดยเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัว เพิ่มการตื่นตัวต่อสิ่งเร้า มีสมาธิมากขึ้น เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และความจำ คลายอาการซึมเศร้า ไม่พบอาการพิษและภาวะข้างเคียงใดๆ ในอาสาสมัคร

รศ.ดร.กรกนก กล่าวอีกว่า โดยก่อนหน้านี้ ได้ทำการทดลองกับหนูเป็นเวลา 14 วัน พบว่า หนูมีการเรียนรู้และความจำที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ได้ทดลองในหนูที่เกิดการเหนี่ยวนำให้มีสภาวะความจำบกพร่องและความจำเสื่อมพบว่า เมื่อให้สารสกัดพรมมิติดต่อกันนาน 2 สัปดาห์ก่อนสมองถูกทำให้บกพร่อง พบว่า พรมมิสามารถป้องกันความสูญเสียความทรงจำได้ ส่วนการศึกษาทางพิษวิทยาพบว่าสารสกัดพรมมิมีความปลอดภัยไม่พบมีผลข้างเคียงใดๆ

“ขณะนี้ได้มีการจดอนุสิทธิบัตรแล้ว ซึ่งคณะผู้วิจัยได้ผลิตยาเม็ดขนาด 300 มิลลิกรัม เป็นยาต้นแบบที่มีคุณสมบัติทางกายภาพที่เหมาะสมและมีความคงตัวดี และทราบว่าขณะนี้มีบริษัทเอกชนหลายรายให้ความสนใจติดต่อมายัง วช. เพื่อให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ ในส่วนการต่อยอดโครงการการวิจัยนั้น วางแผนที่จะขอสนับสนุนงบประมาณในการศึกษาการใช้สารสกัดดังกล่าวในเด็กที่มีปัญหาสมาธิสั้น รวมถึงการศึกษาด้านพิษวิทยาในระยะยาวด้วย” รศ.ดร.กรกนก กล่าว

รศ.ดร.กรกนก กล่าวอีกว่า สำหรับการรับประทานอาหารเสริมพรมมิ ควรรับประทาน 300 มิลลิกรัมต่อวัน เมื่อรับประทานเพียง 2 เดือน ก็จะเห็นผลได้ชัดเจน ซึ่งนอกจากผู้สูงอายุแล้ว อาหารเสริมดังกล่าวอาจเป็นประโยชน์ในกลุ่มเด็กนักเรียน วัยทำงาน เพื่อเป็นการบำรุงเซลล์สมอง แต่ไม่แนะนำให้เด็กต่ำกว่า 12 ปี หรือสตรีมีครรภ์รับประทาน ที่ถือเป็นกลุ่มที่อ่อนไหว เปราะบางเนื่องจากยังไม่มีการทดลองในเด็ก จึงยังไม่มีผลวิจัยด้านความปลอดภัยชัดเจน

ทั้งนี้ สารซาโปนิน ที่พบในพรมมิเป็นสารชนิดเดียวกับที่พบในโสม หรือ แปะก๊วย (ginkgo) ซึ่งพรมมิเป็นสมุนไพรของอินเดียในศาสตร์อายุรเวช แต่เป็นพืชล้มลุกที่สามารถเพาะปลูกและขยายพันธุ์ได้ง่ายในประเทศไทย ดังนั้น หากมีการนำพรมมิมาใช้ก็จะถือเป็นการลดการนำเข้าสมุนไพรอย่างโสม หรือ แปะก๊วย ที่เป็นสมุนไพรที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
----------------------------------------------------------------

ผักพรมมิบำรุงฟื้นฟูเซลสมอง
-----------พรมมิ ผักพื้นบ้าน ไม้ประดับและสมุนไพรในต้นเดียวกัน พืชที่ในอนาคตอันใกล้คงจะบูมอย่างแน่นอน เนื่องจากสรรพคุณในการบำรุงฟื้นฟูเซลสมอง ซึ่งมีคุณบัติที่สูงและเหนือชั้นกว่า Ginkgo และมะขามป้อม

อีกทั้งสามารถพบได้กลาดเกลื่อน สามารถขยายพันธุ์และเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ผลผลิตสูงจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจยิ่งที่จะได้ทำความรู้จักกับพืชชนิดนี้

พรมมิ หรือ Bacopa monnieri L.Wettst. เป็นผักพื้นบ้านที่พบได้ทั่วไป
ในประเทศไทยโดยมีถิ่นกำเนิดในเนปาลและอินเดีย เป็นพืชสะเทินน้ำสะเทินบก ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะ เช่นขอบสระน้ำ ลักษณะลำต้นใหญ่ อวบน้ำ ไม่มีขน เลื้อยทอดไปตามพื้นและชูยอดขึ้น

ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่ค่อนข้างยาว โคนใบแคบ ปลายใบกว้างมนกลม ขอบใบเรียบ แตกจากลำต้นแบบตรงกันข้าม ออกเป็นดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบกลีบดอกสีขาวหรือสีครามอ่อน ตอนโคนติดกันเป็นหลอดตอนปลายแยกเป็น 5 กลีบ เกสรตัวผู้มี 4 อัน ติดอยู่กับกลีบดอก

ประโยชน์ :
ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับในตู้ปลาหรือในสวนน้ำ รับประทานเป็นผักพื้นบ้าน

มีสรรพคุณทางการแพทย์อายุรเวท ในด้านการบำรุงความจำ
นักวิจัยจากคณะเภสัชศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์
มหาวิทยาลัยนเรศวรร่วมกับนักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้พัฒนาสารสกัดและการควบคุมคุณภาพสมุนไพรพรมมิ เพื่อใช้ในเชิงอุตสาหกรรม

และศึกษาพบว่าสารสกัดพรมมิ มีผลต่อการเสริมความจำและการเรียนรู้ รวมทั้งมีผลป้องกันเซลล์ประสาท โดยไม่ทำให้เกิดพิษในสัตว์ทดลองเมื่อให้ติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือนนับเป็นสมุนไพรที่มีศักยภาพในการพัฒนาต่อไป

มีรายงานการวิจัยที่ศึกษาถึงผลของพรมมิต่อความจำ และการเรียนรู้
เป็นการศึกษาในสัตว์ทดลอง โดยพบว่าสารสกัดจากพรมมิในขนาด
10 มล./กก. ป้อนให้หนูขาวกินนาน 24 ชม. จะทำให้หนูขาวมี
การเรียนรู้ดีขึ้น เมื่อทดลองในโมเดลของสัตว์ทดลองที่ถูกทำให้เกิด
อัลไซเมอร์

การป้อนสารสกัดมาตรฐานจากพรมมิ (ซึ่งมีประมาณสาร bacoside A 82.0 ? 0.5%) ให้สัตว์ทดลองในขนาด 5 และ 10 มก./กก. นาน 14 วัน จะช่วยลดการสูญเสียความจำได้ และเมื่อทดลองให้สารสกัดจากพรมมิขนาด 40 มก./กก. นาน 7 วัน ในสัตว์ทดลอง ร่วมกับยากันชัก Phenytoin
สามารถลดผลข้างเคียงของยาที่ไปทำให้การรับรู้ของสัตว์ทดลองเสียไปได้

ข้อมูลจาก : สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัย


ในต่างประเทศโดยเฉพาะอินเดีย ญี่ปุ่น พรมมิถูกพัฒนาเป็นยาและ
อาหารเสริมในหลากหลายรูปแบบ ทั้งสารสกัดออกฤทธิ์ ยาสระผม
น้ำมันนวด ชา แต่ในบ้านเรานั้นยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ส่วนมาก
รู้จักกันในน้ำไม้ประดับตู้ปลา และทานเป็นผักพื้นบ้านกัน โดยเฉพาะ
ทางอีสาน ซึ่งเรียกกันว่า ผักมิ

ผักมิต้นจะไม่มีขนใบจะหนาอวบน้ำ และขอบใบมนไม่แหลมเหมือนต้นลานไพลิน แต่เป็นพืชกลุ่มเดียวกัน

ที่ร้านขายไม้น้ำสังเกตุลักษณะไปให้ครบแต่ว่าถ้าต้นมันไม่พ้นน้ำ ใบมันจะออกบางหน่อย แต่พอพ้นน้ำแล้วใบมันจะหนามากขึ้น สังเกตุว่าต้นจะไม่มีขน ถ้ามีขนจะเป็นลานไพลิิน

ถ้าอยู่ต่างจังหวัด ก็หาตามท้องร่องเอาไปหาตามตลาดที่ขายผักพื้นบ้าน แล้วเอามาชำก็ได้

มีอีกตัวที่กำลังวิจัยกันอยู่ นั่นก็คือพริกไทยดำ แต่สารสำคัญออกฤทธิ์คนละอย่าง จะประมาณมีผลต่ออารมณ์ ทำให้สดชื่นแจ่มใส และปรับสมดุลเคมี
ในสมอง
---------------------------ขอบคุณบล็อก--poivang------------------

สมุนไพรพลูคาวมีประโยชน์อย่างไร?
สรรพคุณทางเภสัชวิทยาของพลูคาวคือ *สร้างภูมค้มกันกระตุ้นการแบ่งตัวของเม็ดเลือดขาวและทำงานได้ดีขึ้น *ทำลายเซลล์มะเร็งเพาะเลี้ยงทั่วไป 5 ชนิด ; ปอด, สมอง, เนื้อร้าย, รังไข่, ลำไส้ใหญ่, เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว 5 ชนิด li210, u937, k526, raja, p3 hr 1 *ฆ่าเชื้อไวรัส ชนิด HIV-1, HIV1 ไข้หวัดใหญ่, งูสวัด, หัดเยอรมัน, โดยไม่ทำลายHostCell *ต้านเชื้อรา_กลาก, เกลื้อน, สังคัง, ฮ่องกงฟุต, สะเก็ดเงิน-ทอง, เยื้อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อรา, ปอดอักเสบ *ต้านแบคทีเรีย_โรคท้องร่วง, โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ, ฝี, โรคระบาดทางระบบสืบพันธ์_ตกขาว *ต้านอักเสบ_หลอดลมอักเสบ, ปอดอักเสบในเด็ก, รูมาตอย, แผลหลังการผ่าตัด, แผลไฟไหม่, น้ำร้อนลวก, หนองใน, ปวดฟัน, *ขับปัสสาวะ
-------------------------------------------
คำตอบที่ดีที่สุด - เลือกโดยเพื่อนๆ ที่ช่วยกันโหวต
ประโยชน์ของพลูคาว
1. ฤทธิ์ระงับปวด เร่งการเจริญเติบโตของเซลล์ ห้ามเลือด รักษาปริมาณของเหลวในร่างกาย
2. ฤทธิ์ขับปัสสาวะ พบสารฟลาโวนอยด์ ที่แยกได้จากใบพลูคาวเป็นสารสำคัญในการออกฤทธิ์
3. ฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ น้ำมันหอมระเหยจากการกลั่นส่วนเหนือดินของพลูคาว พบว่ามีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียอย่างแรงต่อเชื้อ Bacillus cereus และ B. Subtilis เชื้ออหิวาต์ Vibrio cholerae 0-1 และ V. Parahaemolyticus
4. ฤทธิ์ต้านไวรัส น้ำมัน

พลูคาว.มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Houttuynia cordata Thunb. จัดอยู่ในวงศ์ (family) Saururaceae เป็นพันธุ์ไม้ล้มลุกอายุหลายปี พบได้ทั่วไปในทวีปเอเชียตั้งแต่แถบเทือกเขาหิมาลัยไปจนถึงเวียดนาม รวมทั้งไทยและญี่ปุ่น พลูคาวจะเป็นพันธุ์ไม้ที่รู้จักกันดีของทางภาคเหนือของไทย ผักพื้นบ้านที่ทางภาคเหนือเรียกว่า “ผักคาวตอง” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออีสานเรียก “ผักคาวทอง”... เนื่องจากว่ามัน ที่กลิ่นคล้ายกับกลิ่นคาวของปลา
สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วยได้สูงขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิ
ภาพในรักษาได้มากขึ้น เมื่อใช้ร่วมกับการรักษาด้วยวิธีรังสีรักษา ส่งผลให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นและยืดอายุของผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามได้นานขึ้น

ปัจจุบัน พลูคาวหรือคาวตองได้ถูกนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ชื่อว่า "โดคุดามิ" โดยบริษัทโปรแลคประเทศไทยจำกัด ซึ่งมี นพ.สมทรง รักษ์เผ่า อดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค(กรมควบคุมโรคติดต่อ) และอดีตอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการรับรองโดยองค์การอาหารและยา (อย.) มีเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง " โดคุดามิ" นี้ได้ถูกส่งออกขายไปยังตลาดต่างประเทศ โดยมีตลาดใหญ่ ได้แก่ อเมริกา และแอฟริกา

"โดคุดามิ" หรือ "พลูคาว" นอกจากใช้ได้ดีในผู้ป่วยโรคมะเร็งแล้ว ยังพบว่าสามารถใช้ได้ผลในผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน อัมพาต รักษาแผลเรื้อรังซึ่งสามารถใช้ทาแผลได้ และผลในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายต่างๆ จะช่วยในการกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งผลการทดลองในห้องปฎิบัติการพบว่าสามารถทำลายเชื้อ HIV-1(โรคเอดส์) เชื้อรา และแบคทีเรียหลายชนิดอีกด้วย

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ //www.tarad.com/proact
ที่มา:
ที่มาหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2549
//www.ist.cmu.ac.th/riseat/nl/2003/12/03.php
//www.budpage.com/budboard/show_content.pl?b=1&t=10138
----------------------------------------------------------------------









 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 13 กรกฎาคม 2554 21:22:04 น.
Counter : 8424 Pageviews.  

ผัดหมีเอฟเฟคท์--กรณีหาดูได้ยาก

--บัตเตอร์ฟลายเอฟเฟค์ เช่นผีเสื้อกระพือปีก ทำให้เกิดพายุหมุนอีกซีกโลกหนึ่ง--หรือสรรพสิ่งเกี่ยวพันกันเป็นลูกโซ่ เช่นเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว

แต่ผัดหมีเอฟเฟคท์--กรณีหาดูได้ยากนี้ เป็นของคนมานทำขึ้น---พูดนึ้นมา โดยหารู้ไม่ว่าหัวหน้าพรรคตัวเองดันผัดกระทะใหญ่กว่า แจกชาวบ้าน ผด พรบ.เลือกตั้ง ข้อหาติดสินบนประชาชาชน แถมยังตักเยอะ ก็ผิดมากกว่าอย่างเห็นๆ
--อันนี้คงไม่ใช่การเมืองแบบซีเรียส เป็นแบบขำๆมากกว่า แต่มันดูทุเรศมาก
--บางคนเล่าให้เพื่อนชาวต่างชาติฟัง เขาหัวเราะกลิ้งไปเลย

-------------------------------------ดูความเห็นจากห้องราชดำเนิน*--------

กรณีผัดหมี่ ทำให้รู้สึกขยะแขยง พรรคเก่าแก่ขึ้นมาเลย รับไม่ได้จริงๆ อายแทน

----นานๆ จะตั้งกะทู้ที ขอแสดงความเห็นหน่อย อยากเป็นใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอ-
-----เล่นแบบนี้ไม่มีศักดิ์ศรีเอาซะเลย พรรคแบบนี้ยังมีคนหลงปลื้มด้วยแฮะ-
-----หรือถือว่ามีคนเอาใจ คนโอ๋ บริหารก็ห่วย ยังอยากจะมาเป็น สงสารประเทศเถอะ-
----ขอบ่นเรื่องจริงนิสนึง-----

จากคุณ : คุณหญิงภูธร
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 08:24:34 A:110.169.212.188 X:
ถูกใจ : PAJAKARAT, คนภูผาภูมิ, Tarogril, I've got an idea, My membery, pompoo, โชคดีที่ไม่ใช่ปัญญาชน, LamoonMan, John Bames
----------------------------------------------

*** ต่อไปนี้ขอให้พวกเรามาทำเป็นว่า ไม่เห็นพรรค ปชป.และลิ่วล้อ..อยู่ในสายตากันดีกว่า***


เพราะการกระทำใดๆของพรรคนี้ ที่ผ่านมา 2ปีกว่าๆ นโยบายบ้าๆบอๆ ที่พยายามจะคิดออกมา ล้วนปัญญาอ่อนทั้งสิ้น (เราจะเดินหน้าต่อไป ด้วยนโยบายเพื่อประชาชน) อ่านแล้วงงว่ะ...เพื่อก.รู ตงหนัยวะ เห็นมีแต่เพื่อจะแดกกันอย่างเดียว การโกงกินก็มูมมามเหมือนตายอดตายอยากมานาน แดกแม้กระทั่งนมเด็กๆ ลูกหลานคนภาคเดียวกันที่เลือกมันเข้ามา (อย่างที่ คุณจิ๋วจิดว่า) ความหน้าด้านหน้าทนก็ไม่มีพรรคใหนเกิน พูดดำเป็นขาว ขาวเป็นดำได้อย่างสนิทใจ โกหกจนตัวมันเองเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง สร้างเรื่อง:-)ได้ตลอดเวลา ออเซอะบีบน้ำตามันก็ทำเป็น..เรยาธิปัตย์....เฮ้อ....(เด๋วผลสอบออกมาประชาชนจะได้รู้กันซะที)
ต้องเรียกว่า เห้.ตัวพ่อเลย... คงนึกละซิว่าเลือกตั้งคราวนี้ ตัวเองเป็นต่อหลายขุม ทั้งตัวช่วยต่างๆนาๆ ทั้งอำนาจที่อยู่ในมือในฐานะรัฐบาล วิชามารหลายร้อยกระบวนท่างัดออกมาหมด สื่อก็อยู่ในอุ้งตีนมัน กรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ก็แต่งตั้งมากับมือ กองทัพก็ฮึ่มๆๆ เป็นทีขู่ให้ประชาชนเลือกข้าง เขาเลยเลือกข้างพรรคเพื่อไทยไง..สะใจไปเลย....นี่ขนาดบัตรเลือกตั้งหมกเม็ดนะ ฟาดซะ 15.6 ล้านเสียง

ถ้ายังข้องใจ "ลงมติโวทกันใหม่ใหมล่ะ"....วันใหนก็ได้ เอาเป็นวันทำประชามติ ไม่มีผลทางการเมือง
ให้คนเอาบัตรประชาชนไปแลก บัตรเลือกตั้ง แล้วเข้าคูหากาเบอร์ที่ชอบ ทั้งประเทศเลย หนึ่งคนหนึ่งเสียง ด้วยบัตรลงคะแนน ที่บริสุทธิยุติธรรมไม่มีโลโก้ใดๆอีก ลงนอกเขตก็ได้ ไม่ต้องเดือดร้อนเดินทาง
ไปที่สำนักงานเขตที่ตนอยู่ หรือที่ว่าการอำเภอใหนก็ได้ทั่วประเทศ จะได้รู้กันซะที...ว่าใครเป็นใคร...

ว่าแต่........จะกล้าทำป่าวเท่านั้นแหละ..............เท่อๆๆๆๆๆๆ....




จากคุณ : c-mano
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 07:46:32 A:115.87.37.137 X:
ถูกใจ : คนเจริญ, หนาวมาก, กำนันเปล่ง, PredatorNeverdie

--------------------------------------

เอาโอท็อปคืนมา....ปชป.มันทำลายล้างหมด ให้ชาวบ้านนั่งแบมือรอเบี้ยยังชีพไปวันๆ


ไหนมันว่า ปชป.สอนให้ชาวบ้านจับปลา
สินค้าโอท็อปถูกรัฐบาลมาร์คทลายห้างหมด
ให้ชาวบ้านมานั่งแบมือรอเบี้ยยังชีพยาไส้ไปวันๆ
แทนที่จะสนับสนุนให้ชาวบ้านทำมาหากิน
นี่แหละสันดานของพวกอำมาตย์
ไม่อยากเห็นชาวบ้านได้ลืมตาอ้าปาก
อยากให้ชาวบ้านจน โง่ ต่อไป
คอยแบมือรับความช่วยเหลือตลอดกาล

จากคุณ : พีทีดี
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 08:06:36 A:58.11.9.154 X:
------------------------------------------------------------------------

เอาหวยบนดินคืนมา......ปชป.มันพวกเจ้ามือหวยเถื่อน เอาเงินเข้ารัฐไปพัฒนาไอคิวเด็กๆดีกว่า

-----เงินหวยเถื่อนปีนึงเป็นหมื่นๆล้านบาท
เข้ากระเป๋าเจ้ามือนายทุนพรรคการเมือง
ประเทศไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
สังคมไทยอย่าดัดจริตมาก...
อาบอบนวด ล็อตเตอรี่ เหล้าเบียร์
เต็มบ้านเต็มเมือง....ทำไมรับกันได้
เอาเงินมาช่วยเด็กๆ คนป่วย คนพิการ คนน้ำท่วม ดีกว่า..

จากคุณ : พีทีดี
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 08:22:06 A:58.11.9.154 X:
ถูกใจ : หนาวมาก, PAJAKARAT, คนภูผาภูมิ, aromatis, Tarogril, คนผมเหลือน้อยนะ, I've got an idea, sivaree, ข้าวผัดห่อโอเลี้ยงถุง, sam18, John Bames

--------------------------------------------------------------------------
ความกล้าหาญ กับความหน้าด้าน บางคนยังแยกแยะกันไม่เป็นหรือฮ้า



คนที่รู้ว่าหนทางข้างหน้ามันลำบาก ต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปให้ได้ โดยที่ตัวเองนั้นมุ่งหวังแต่เพียงว่าลำบากแค่ไหน จะไปให้ถึงจุดที่ต้องการให้ได้ คือ ความกล้าหาญ



ส่วนคนที่รู้ว่าตัวเองนั้นผิดคำพูด ไม่รักษาสัญญา ไม่ยอมทำในสิ่งที่ตัวเองเคยพูดต่อหน้าสาธารณชน เอาไว้ โดยมุ่งหวังว่าจะไปถึงจุดที่ต้องการให้ได้ โดยไม่สนใจใคร คือ ความหน้าด้าน



ความกล้าหาญ กับ ความหน้าด้าน แยกแยะยังไม่เป็นอีกหรือฮ้า

จากคุณ : นางฟ้านะยะ
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 07:12:16 A:124.120.144.73 X:

-------------------------------------------------------------------
ไม่อยากให้เพื่อไทยเล่นเกมส์ตาม พรรคทำลายประเทศไทยแต่บางครั้งก็น่าจะมีทีมคอยอธิบายคำพูดพรรคนี้บ้าง



แนวทางที่ถนัดของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งขึ้นชื่อได้ว่าเป็นพรรคการเมืองที่เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อถ่วงความเจริญประเทศไทยอย่างแท้จริงนั้น จะถนัดมากในเรื่องของการสร้างความแตกแยก สร้างความเท็จให้เป็นจริงและอีกหลายๆ ประเด็น ที่สำคัญคือไม่เคยยอมรับการแพ้เลือกตั้งแม้แต่ครั้งเดียว เป็นพวกแพ้แล้วชวนตี ไม่ได้ให้เพื่อไทยโต้ตอบแต่เราต้องอธิบายพูดอย่างสร้างสรรค์ในลักษณะที่ถ้าจะให้ประเทศเดินต่อไปก็ขอให้พรรคทำลายประเทศไทยหยุดเดินเกมส์สร้างความเท็จให้เป็นความจริง หรือแม้แต่เรื่องที่เราคิดหว่าหยุ่มหยิ๋มไม่สนใจแต่ก็ต้องอธิบายบ้าง ไม่อย่างนั้นเราจะเจออย่างเมื่อสมัยรัฐบาลทักษิณ เพราะเราไม่เคยสนใจในคำพูดหยุ่มหยิ๋มพวกนี้แหละ สุดท้ายคำพูดพวกนี้เข้ามาทำลายเราเอง พรรคนี้มันถนัดสร้างกระแส เพราะมันมีพ่อแม่มันคอยช่วย สื่อก็อยู่ในมือมัน นักวิชาเกินก็อยู่ในมือมัน ทหารก็อยู่ในมือมัน เรามีแค่ประชาชนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่พวกมันก็ไม่เคยสนใจอยู่แล้ว มันจะเอาแต่พวกมัน เพื่อไทยน่าจะจัดทีมเฉพาะกิจเล่นการเมืองเอาสไตป์ประชาธิปัตย์แต่ทำแบบคนมีสมองทำอย่างสร้างสรรค์ เราต้องพูดบ้างอย่าปล่อยให้มันผ่านไป อย่าลืม

จากคุณ : ครอบครัวเจริญ
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 06:54:24 A:110.49.225.157 X:
ถูกใจ : ทิศเทือง, คนใกล้กรุง, mumu009, usdank, อ้อมกอดท้องฟ้า

-------------------------------------------------

พระรักเกียรติ ท่านกำลังทำอะไร


ช่อง 3 ก๊วนข่าว เช้าวันหยุด กำลังทำอะไรเหรอ มีจุดประสงค์อะไร ไปสัมภาษณ์พระรักเกียรติ จ้องจะโจมตีเค้า พยายามหาคู่กรณีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมาให้ความเห็นอีกแล้ว ดูการให้สัมภาษณ์แล้ว ทำไม ท่านไม่มีความสำรวมเลย ปลงซะบ้างเถอะนะ กรณีของท่านที่มีโทษจำคุก 5 ปี กับโทษของท่านทักษิณคุก 2 ปี ข้อหามันแตกต่างกัน ต่างเหตุการณ์กัน เอามาเปรียบกันได้อย่างไร

ที่ตำหนิเนี่ย มันไม่สมควรที่ท่านจะมาชี้นำคนอื่น ในขณะที่ท่านครองผ้าเหลืองอยู่ มันมิสมควร? มิใช่หน้าที่ของสงฆ์.....สงบ สันติ..............สำรวมน่ะ สะกดเป็นไหม

แล้วไอ้คนที่ไปสัมภาษณ์เนี่ยนะ หาอะไรที่สร้างสรร ปรองดองน่ะ รู้จักรึเปล่า?
ความจริงรายการก็ไม่ได้มีเรตติ้งมากมายหรอก ที่คนเค้าดูเนี่ย เพื่อจะได้รับฟังความทุกด้าน ที่ดีก็ชม ที่ไร้สาระ ก็ต้องติติง เป็นธรรมดา

ตอนนี้ทุกฝ่าย ทุกคนที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย เค้าก้าวไปข้างหน้าแล้ว...
ยังอุตส่าห์ไปหาคู่กรณีทักษิณ ขุดเรื่องเก่ามาเล่าใหม่อีก โธ่..กรรม.....

หยุดฟุ้งซ่านซะทีเถอะ...
หายใจเข้าก็ ทักษิณ หายใจออกก็ ทักษิณ อมิตตาพุทธ....



แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 54 13:22:55

จากคุณ : ooh1960
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 07:28:43 A:27.130.167.242 X:
ถูกใจ : God order, Buffalo Director, จิ๊กโก๋ลานนา, คนเจริญ, gg1234k, PAJAKARAT, Ont_Happy, ตัวบรรจง, ชลการ, srckt
------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------
คอลัมน์"แม่ลูกจันทร์"มีทั้งติติง - แนะนำ ครม.ปู...ผมถือว่าเป็นความปรารถนาดีอย่างแท้จริง...ขอบคุณสื่อที่มีใจเป็นธรรมครับ


พร้อมหรือยัง


ถนนไปสู่ทำเนียบรัฐ-บาลไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะน้องปู

เก้าอี้นายกรัฐมนตรีก็นั่งไม่สนุกลุกไม่สบาย

ภาระที่แบกไว้เต็มสองบ่าก็หนักหนาสาหัสเหลือเกิน

ไหนจะต้องบริหารความพอใจต่อประชาชน ต่อคนในพรรคเพื่อไทย ต่อพรรคร่วมรัฐบาล ต่อกลุ่มเสื้อแดง ต่อกลุ่มนักธุรกิจ และเสียงวิจารณ์จากสื่อมวลชน

ต้องบริหารความปรองดองกับกองทัพ

กลุ่มผู้มีอำนาจ กลุ่มพลังมวลชน กลุ่มข้าราชการ และฝ่ายค้านในสภา

แถมต้องบริหารนโยบายที่หาเสียงไว้ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ถ้าทำสำเร็จก็เท่าทุน

ถ้าไม่สำเร็จก็ถูกถล่มอานตะไท

“แม่ลูกจันทร์” ถามว่า นายกฯใหม่ป้ายแดง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” มีลูกอึด ลูกฮึดพร้อมเผชิญรังสีอำมหิตของการเมืองหรือยัง??

ถ้ามั่นใจว่าพร้อมรับแรงกระแทกจากทุกทิศทุกทางก็ใส่เกียร์เดินหน้าเต็มตัว

สำคัญที่สุด “ยิ่งลักษณ์” ต้องโชว์ความเป็นผู้นำของตัวเอง ต้องเด็ดขาด ต้องหนักแน่น ต้องกล้าตัดสินใจ

ต้องควบคุมเขี้ยวลากดินทั้งหัวหงอกหัวดำในพรรคเพื่อไทยไม่ให้หือ ไม่ให้อือ

เพราะถ้าคุมคนในพรรคตัวเองไม่ได้ ก็บริหารประเทศไม่ได้แน่นอน!!

ทั้งหมดเนี่ย...คือความปรารถนาดีจาก “แม่ลูกจันทร์”

อ้อ...ลืมประเด็นสำคัญ ถ้าต้องการให้ “ยิ่งลักษณ์”?เป็นนายกฯที่สง่างาม ต้องสั่งพี่ชายตัวเองให้รูดซิปปากอยู่เงียบๆซะที

ความสงบนิ่งของ “ทักษิณ” จะทำให้ “ยิ่งลักษณ์” เบาไปอีก 170 ตัน

ส่วนอดีตนายกฯทักษิณจะโทรศัพท์แนะนำ หรือติวเข้มน้องสาวอย่างไร เป็นเรื่องธรรมดา แต่ต้องทำเป็นส่วนตัว ไม่เป็นข่าวเอิกเกริกให้เกิดความสับสนวุ่นวาย

“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่าโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีที่ออกมาจะเป็นบทพิสูจน์ความเป็นผู้นำของนายกฯหญิงคนแรกของประ-เทศไทย

หยิบรายชื่อ “ครม.ยิ่งลักษณ์” วางประกบกับรายชื่อ “ครม.อภิสิทธิ์” กระทรวงต่อกระทรวง

ถ้าอัตราความขี้ริ้วน้อยกว่าก็ถือว่าโอเค

“แม่ลูกจันทร์” ไม่คัดค้านที่แกนนำเสื้อแดงบางคนจะเป็นรัฐมนตรี เพราะนี่เป็นไฟต์บังคับที่ “ยิ่งลักษณ์” ต้องกล้าให้รางวัล

เพราะคนเสื้อแดงได้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ต้องติดคุกติดตะราง ต่อสู้ให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งกลับมาเป็นรัฐบาล

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่จะเป็นรัฐมนตรี

ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ ดุเดือดเลือดพล่านไปหน่อย อาจไม่ค่อยเหมาะกับแนวทางปรองดอง??

อนึ่ง ไหนๆพูดถึงเสื้อแดงแล้ว ถ้าไม่พูดถึงข่าวเสื้อแดงแตกกันเองก็จะไม่ครบวงจร

ไม่น่าเชื่อว่าชัยชนะอันหอมหวาน จะเกิดเหม็นบูดเร็วเหลือเกิน

ดูเถอะเลือกตั้งผ่านไปยังไม่ครบ 7 วัน เสื้อแดงกับเสื้อแดงเปิดสนามรบกันนัวเนีย ถึงขั้นทุบโต๊ะให้เปลี่ยนตัวประธาน นปช. จาก “ธิดา ถาวรเศรษฐ์” เป็น “คณิน บุญสุวรรณ”

ความจริงก็เป็นจังหวะเหมาะสมที่คนเสื้อแดงจะทบทวนบทเรียน ปรับเปลี่ยนบทบาท ปรับโครงสร้างให้สอดคล้องกับแนวทางปรองดอง

“แม่ลูกจันทร์” เห็นว่าผู้มีคุณสมบัติความเหมาะสมที่จะเป็นประธาน นปช. ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต คือ “วีระ-กานต์ มุสิกพงศ์”

เพราะ “วีระ” มีความเป็นผู้นำที่ยึดแนวทางสันติวิธี มีประสบการณ์ มีความ จงรักภักดี ไม่มีแนวคิดนอกลู่นอกทาง

ฉะนั้น ขอกระชุ่นแกนนำเสื้อแดงที่กำลังทะเลาะกันเอง ให้ไปเชิญ “วีระกานต์” กลับมาเป็นประธาน นปช.อย่างเดิม

ท่านทั้งหลายจะเห็นเป็นประการใด ก็เชิญตามสบายนะคุณโยม.

"แม่ลูกจันทร์"

ไทยรัฐออนไลน์
โดย แม่ลูกจันทร์
9 กรกฎาคม 2554, 05:00 น.

//www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/184801

????????????????????????????????

สื่อไร้จรรยาบรรมีมากมายในสังคมหลงทิศแห่งนี้
แต่สำหรับ"แม่ลูกจันทร์"แม้ว่าที่ผ่านมาจะเป็นฝ่ายเชียร์ฝ่าย "ปชป."มากกว่า
แต่ ณ วันนี้เขามีคำแนะนำต่อฝ่าย"เพื่อไทย"ที่ ตัวผมเองคิดว่า มีคุณค่าควรแก่การรับฟังเป็นอย่างยิ่ง

ขอบคุณอีกครั้งกับสื่อใดๆก็ตามที่ยังมีใจเป็นธรรม.....






แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 54 07:06:42

จากคุณ : tinthong
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 06:45:42 A:125.27.200.91 X:
ถูกใจ : พระรองตลอดกาล, ThePhenix, pocky_Dr



---------------------------------------------------------------------------

สนธิ ลิ้มทองกุล พูดว่า "คนเสื้อแดงถูกใส่ข้อมูลให้เชื่อด้านเดียว ด้วยสติปัญญาที่ด้อยกว่าคนอื่น"



อ่านในเมเนเจอร์ ออน์ไลน์ แล้วแทบขว้าง ไอแพดทิ้ง ประทานโทษครับติดตาม กลุ่ม พธม. นี้อย่างใกล้ชิด ไม่เคยอ่านหรือฟังแต่สื่อเสื้อแดง อย่างเดียว ไม่อวดฉลาดหรอกครับ แต่ไม่โง่ขนาด ที่นาย สนธิ ลิ้มทองกุล พูดขนาดนั้น

คิดว่าการเกิดของเสื้อแดง 70-80 เปอร์เซ็น ก็เกิดขึ้นจาก พธม. นี่แหละ ไม่มีใครปลุกระดมบางทียังนึกขอบคุณเหมือนกัน พอเหนื่อยๆ ก็เข้ามาอ่านเมเนเจอร์ แล้วมีแรงสู้ต่อ

ไปดีกว่า อ่าน "Molecular geometry and structural formulas." ในวิกีพีเดีย ต่อเสริมความรู้เรื่องเคมี เหนื่อยๆจะแวะไปอ่านเมเนเจอร์ออน์ไลน์อีก

จากคุณ : กะปอมก่า
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 09:51:47 A:58.9.67.170 X:
ถูกใจ : สิงห์สองล้อ

---------------------------------------------------------------------
อยากดูภาพแดงถูกไล่ยิง....ประจานทุกวัน จะได้ไม่ลืม


ใครมีเอามาลงทุกวัน เดี๋ยวคนจะลืม เอาให้เป็นกระแสดังไปทั่วโลกอีกหน เอาให้ดังสนั่นไปเลย จะได้เห็นว่าผิดจริงหรือเปล่า แหกตาดู กรรมการสิทธิ์

จากคุณ : พาโกด้า
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 07:54:30 A:124.121.124.131 X:
ถูกใจ : คนเจริญ, king_kilo

-------------------------------------------------------------------------

เก็บมือของ พ.ณท่าน ส.ส ภูมิใจไทย..เอาไว้ล้างตูดให้หลาน ๆท่าน เถอะ..อย่ามายกโหวตให้ คุณ ยิ่งลักษณ์ ให้พวกตูสมเพชเลย..หุหุ



งูเห่าภูมิใจห้อย..

โถ โถ โถ....น่าสมเพชเวทนา แต่ขอนะ...

ขออย่ามายุ่ง อย่ามายกมือโหวตให้คุณยิ่งลักษณ์ให้เสื่อมเสียเลย



เกียรติภูมิของพวกท่าน มันหมดไปตั้งแต่ท่านทรยศต่อประชาชนที่เลือกคุณมาแล้วหล่ะ

พวกคุณเห็นแก่ได้

พวกคุณเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน

พวกคุณคิดว่าตนเองเติบใหญ่แกร่งกล้าพอ โดยเฉพาะนายฮ้อย ที่คิดจะวัดรอยเท้านาย

พวกท่่านเห็นแก่เงิน กล้าแม้กระทั่งทรยศต่อประชาชนที่เลือกพวกคุณมา

คุณท่านทั้งหลาย พึงสำเนียกไว้เลย

ว่าในวันขานชื่อโหวตนายกครั้งล่าสุดที่ผ่านมาในวันนั้น

วันที่คุณท่านคนเห็นแก่ตัว คนเห็นแก่เงินขานเสียงว่า อภิสิทธิ์ มันแทงใจประชาชนคนที่เลือกพวกท่านเข้ามาแค่ไหน



มาวันนี้ ...งูเห่าโดนสิบล้อทับหลังหักตะเกียกตะกายเข้ามา

ไกล้ตายเต็มทน คงรู้ชะตากรรมว่าจะได้เป็นฝ่ายค้านไปจนวันตาย

แถมมีแนวโน้วที่พรรคจะหดเล็กลง ๆ จนสุดท้ายจะเหลือแค่ 3 เสียงแค่ในบุรีรัมย์ หุ หุ

คงจะรู้ชตาชีวิตตัวเองสินะ...นายฮ้อย ส.น.น จริง ๆ



เมื่อวานนะ ผมฟังสรุปข่าวหลังหกโมง

มีข่าวว่า ถูมิใจไทยฟรีโหวตในการยกมือสนับสนุนนายกรัฐมนตรี

จะบอกน่ะว่า อย่ามาเจือกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.....

เก็บมือสกปรกของพวกท่าน เอาไว้ล้างตูดให้หลาน ๆ เถิด

คุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้ต้องการเสียงสนับสนุนจากคนทรยศแบบพวกคุณ



อย่ามาตรอแหลแถวนี้ ไสหัวไปให้ไกล ๆ และคนไทยทั้งชาติไม่มีวันลืม

และไม่มีวันให้อภัยกลุ่มคนที่เป็นหนึ่งในต้นเหตุแห่งความเจ็บช้ำทุกอย่างตลอดสองปีที่ผ่านมา



ขอบอกเหตุผลให้เป็นการเอาบุญนะ

*** ก็คุณท่าน คนทรยศพวกนี้เหละที่เป็นต้นเหตุหนึ่งของการ ส่งให้คนห่วยแต่คนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี

*** ก็คุณท่าน งูเห่าพวกนี้แหละที่เห็นแก่อำนาจ เห็นแก่เงิน แค่เห็นมหาดไทย คมนาคมที่เทือกใส่พานมาเลยงับทันที

*** ก็คุณท่าน คนหน้าด้านพวกนี้แหละที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายในบ้านเมื่องตลอดสองปี

*** ก็หากคุณท่านพวกนี้ไม่ทรยศไปเลือกนายมาร์คมาเป็นนายก..เหตุการรุนแรงจนตายกันเป็นร้อย ก็คงไม่มี



นะคุณท่านคงจะรู้ตัวบ้างสินะ

ว่าที่ผ่านมาสิ่งที่คุณท่านงูเห่าคนทรยศทั้งหลายได้ทำไว้

มันได้ทำร้ายประเทศไทย และทำร้ายคนในชาตินี้มากแค่ไหน



พึงสำเนียกไว้เลย แล้วอย่าคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ในชาตินี้จะยอมให้อภัยพวกท่าน

แค่ 300 เสียงที่เป็นเสียงของคนหมู่มากที่แท้จริง

ก็สุดแสนจะสง่างามแล้วสำหรับตำแหน่งนายกหญิงของเมืองไทย ที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร





นะ---------------->> จงเก็บมือสกปรกของท่านเอาไว้ล้างตูดให้หลาน ๆ จะดีกว่านะครับ พ.ณท่าน

คุณ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ต้องการเสียงสนับสนุนจากมือสกปรก
ของคนใจสกปรกแบบพวกท่าน พึงสำเนียกเอาไว้ด้วย

"""""

จากคุณ : tri-amp lampang
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 08:59:04 A:58.137.105.177 X:
ถูกใจ : กราสิก, Aihao, ToonFx, limaporn, sivaree, jackal_pj, karawara, Tommy Hilfiger, หนมโก๋กินแล้วคอแห้ง, พันท้าย007, ooh1960, ประถมต้น, John Bames

------------------------------------------------------------


เอ้ากรรมการสิทธิ์ฯแหกตาดูซะ

เหนือคำบรรยายตามลิ้งค์
//www.thaiaccountability.org/
ดูตรง Timeline มีช่วงเวลาให้ดูตั้งแต่เริ่มชุมนุม12มีค53-19พค53

แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 54 09:08:38

จากคุณ : อดิศร1
เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 08:50:06 A:125.26.21.143 X:
ถูกใจ : หนาวมาก, ไหปลาร้า, อมยิ้มใหม่, ชื่อไหนก็คล้าย


-------------------------------------------------------------------




 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 9 กรกฎาคม 2554 14:38:44 น.
Counter : 1743 Pageviews.  

ทุกอย่างไมใช่ของง่าย-กรุงโรมไม่ได้สร้างสำเร็จในวันเดียว

---นั่งดูเว็บขายของ-คอมพ์ ได้ยินเสียงกุมารหงษ์หยก--เป็นครุฑ คุยกับเจ๊แมวว่า "มีแต่คนทายว่า นายกหญิง อยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน" สิงโต(ลูกชายคุณแมว-แทรกขึ้นมา
"อยู่ได้นานสิ อยู่ได้ครบรอบเลย แล้วจะดีด้วย--บ้านเมืองจะเจริญ หนูขอทำนายไว้เลย--เสื้อเหลืองจะไม่กล้าออกมากร่างอีก(ประชาชนรู้ทัน) ทหารจะไม่ปฎิวัติ เพราะต่างชาติ 18 ชาติคอยเฝ้าดูอยู่" กุมารตอบด้วยหน้าบยิ้มๆ เสียงแบบเด็กๆ

----อย่างไรก็ตาม การขึ้นค่าแรงจาก 180มาเป็น 300 บาทต่อวัน จะทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าอุปโภค และอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นสูงลิ่ว สินต้าจะแพงขึ้น และทุกอย่าง เว้นแต่อาหารอาจจะถูกลง เพราะถ้าลดภาระเข้ากองทุนน้ำมันได้ ลิตรละ7บาทกว่า ก็จะแบ่งเบาภาระให้ประชาชนได้มาก แม้จะลดภาษีฮสวบฮาบ แต่กิจการมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินกว่าส่วนลด อย่างเอสเอ็มอี ทำ
ไม่ได้มีกำไรมากมายนะ ออกไปทางขาดทุนด้วยซ้ำ แต่เป็นการกระจายเม็ดเงินสู่คนจน --คนรากหญ้าได้
---จริงๆแล้ว ควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ทีละ 10 -20 บาท ก็จะทำให้ธุรกิจทั้งหลายปรับคัวได้

---เรากินอาหารจากสัตว์ ก็มีต้นทุนของอาหารสัตว์คือพวกปลาป่น ที่ต้องมีค่าน้ำมันไปจับมา และเข้าโรงงาน กากถั่วเหลืองต้องนำเข้า ใบกระถินป่น -มีในประเทศ
--อากาศที่แปรปรวน ภาวะโลกร้อน ทำให้ไก่ไข่น้อยลง ไก่เนื้อไม่โตเต็มที่ หมูกินอาหารได้น้อย ภาวะขาดแคลนอาหารจึงเป็นไปทั่วโลก และเกิดทุกประเทศในแถบเอเชีย

---อย่างไรก็ตาม จากบทก่อนๆ ประชาชน รู้สึกว่า พรรคของทักษิณตั้งใจทำมากกว่าพรรคแมงสาบ ผลงานฟ้องชัดๆ และการที่นักการเมืองมารีดไถกลับไป ประชาชนอย่างผมก็รู้สึกว่า ทักษิณมีเงินล้นเหลือ จะโกงกลับไปทำไม
(ตระกูลนี้แปลก เป็นนายกตั้งสามคน ทักษิณ--สมชาย(เขย) และยิ่งลักษณ์)
หรือพวกเขาคือคนดีที่ฟ้าส่งมาช่วยพวกเราจากสมุนอำมาตย์ เสื้อเหลือง และนักการเมืองหน้าเก่าๆ ความคิดแก่ๆ แก่แดดแก่ลม ไม่มีวิสัยทัศน์

----ทำไมคนเสื้อแดงจะเป็นรัฐมนตรีไม่ได้ ทีเสื้อเหลืองยึดสนามบิน ถูกพิพากษาปรับเงิน แต่ไม่มีใครยอมจ่าย และข้อหาก่อการร้ายยังไม่ฟ้องด้วยซ้ำไป--นายกษิต ที่ขึ้นเวทีพันธมิตร เพราะพรรคส่งไปช่วยทำลายชาติ ยังได้
เป็นรัฐมนตรี และไม่มีใครกล้าปลดด้วย

---แม้แต่นายากหน้าหล่อโดนด่าในสภา ยังบอกว่า พันธมิตรเป็นผู้มีเกียรติ --ไม่กล้าวิจารณ์เลย--เป็นผู้ก่อการร้าย ยึดทำเนียบเห็นๆ กลับมองไม่เห็น
ทีประชาชนมาเรียกร้องหาประชาธิปไตย กลับสั่งฆ่า และแจ้งข้อหาล้มสถาบัน เป็นผู้ก่อการร้ายเต็มสูบ นี่ถ้าสหประชาชาติขอเข้ามาดู จะหน้าแตก เอาปิ๊บคลุมหน้าเลย
---ดีที่บิ่งลักษณ์ไม่ใช่คนอาฆาตมาดร้ายคน ทักษิณเองก็อ่อนๆ แต่อย่าลืมว่า ญาติ 6 ศพในวัดปทุมถูกขู่ฆ่า เยาะเย้ยให้ไปฟ้องร้องเอาเอง นักวิชาการหน้าไหนก้ไม่มาช่วย แถมยังบอกว่า ปรองดอง --แปลว่า กรูตีหัวมรึง ทำได้ แต่อย่ามาตีหัวกรู -เมิงตาย อะไรแบบนี้
---เมื่อนับผลการเลือกตั้ง เสียงไชโยจากฝั่งเขมร ดังกว่าฝั่งไทย เพราะหมายถึง ความลำบากในการค้าขายจะหมดไป--ก็จริงดังนั้น ท่าทีของฮุนเซน ยิ้มกริ่มพร้อมกระชับไมตรี อยากจับมือกับน้องสาวทักษิณ--คงคิดว่าแตกต่างจากคนที่ด่าเขาเป็นกุ๊ยข้างถนนแน่ๆเลย
---------------------------------------------------------------
-----หลายเดือนมานี้ผมหาชิ้นส่วนคอมเก่าๆ มาเล่นสนุกกว่าเยอะ ติดไฟแสงสีเป็นศาลพระภูมิไปเลย--และยังเอาคอมพ์ไปบริจาคในเด็กๆบ้านนอกที่ อ.พาน 1ชุด--อิ่มบุญเลย ขอเดชะบุญให้ผมได้มีนูนๆเว้าๆ เอ๊ย มีคอมพ์ดีๆ ได้เล่นด้วยเถิด คอมมิชชั่น --ก็เอา, คอมมูนิสต์ --ไม่เอา

-----อิมานิ ข้าพเจ้าขอน้อมถวาย เครื่องคอมพิวเตอร์กับทั้งบริวาร (พริ้นเตอร์ ) แด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงรับเอา.. เครื่องคอมพิวเตอร์กับทั้งบริวาร
เพื่อประโบชน์ เพื่อความสุขของข้าพเจ้า ตราบชั่วกาลนานเทอญ
-----พระไทยบัญญัติเป็นภาษาบาลีว่า วิเสสะยันตัง---เครื่องยนต์อันวิเศษ-- เครื่องคอมพิวเตอร์--ขำไหมเล่า
------------------------------------------มุกไม่ค่อยออก มุกแป้ก--------
--ดูละครอะไรนะ ย้อนยุค มันมากๆ ขอบอก--นางเอกก็สวยดี ขายแพคคู่----




 

Create Date : 08 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 8 กรกฎาคม 2554 21:00:27 น.
Counter : 1623 Pageviews.  

ฉลองชัยของประชาชน--ใครว่าคนไทยไม่เข้าใจประชาธิปไตย

-บางคนก็ให้ขีด โนโวต ทั้งปะเทศมีตั้ง 1,900 คน เยอะไปไหม
--พวกนนักการเมือง ทหาร มักกล่าวว่าประชาชนไม่เข้าใจประชาธิปไคย
แต่พอประชาชนเข้าใจดี ออกมาเป็นการกระทำ ชุมนุมให้ยุบสภา พวกท่านกลับใช้วิธีที่ไม่เปบืองแก๊สน้ำตา ตอบแทนเขาด้วยลูกปืนจากหน่วยทหารราบ และหน่วยซุ่มยิง จัดหน่วยแม่ปืน ยิงจากชั้นบน รพ.จุฬา ยิงแม้แต่นักข่าวต่างประเทศ เพื่อแสดงว่า เสื้อแดงใช้ความรุนแรงอย่างมาก
---แต่ไม่มีสื่อต่างประเทศและรัฐบาลชาติใดๆ หลงกลไปกับวิธีโฉดชั่วนี้
และทวงถามสาเหตุการตายตลอดเวลา
--ดื้อๆ มันๆ ซื้อเวลากันไป
----อีทีนี้ พวก ดอกเตอร์ตุ๊ด นักวิชาการสั่วๆ ที่เคยเข้าข้างเผด็จการทหารอภิสิ์ ช่อง 11 ช่องต่างๆ ที่เคยด่าเสื้อแดง จะวางตัวยังไง หันมาเลียขารัฐบาล และตีหน้าสุนัขมาประจบสอพลอกันต่อไป
---ข้างไหนชนะ ก็เอาด้วยช่วยกระพือ ผมเคยบอกแล้ว ว่าจะวางตัวลำบาก
แม้แต่ นักวิชาการอ้วนใส่แว่น ยังว่า มีคนแกล้งรื้อคดีเก่าคุณยิ่งลักาณ์ เพราะ
ว่า เป็นคนของสังคมไปแล้ว--เจตนาไม่ดี--

--บ.ว็อชด็อก ของ ดร.ตุ๊ด กลายเป็น บ. ด๊อกๆ แจะต้องโดนไล่ออกจากช่อง 11 มาเล่นปาหี่ข้างถนนต่อไป รายการคลายปม ก็ผูกปม มัดคอตัวเองไป--หรือจะให้ประชาชนจัดให้

--ทหารที่ยิงเข้าไปในวัด อ้างว่ามีการยิงออกมาจากในวัดปทุม แต่ดีเอสไอ ได้ผ่าศพ พบว่ามีลูกกระสุนเคลือบสีเขียว บ่งบอกได้ถึงต้นสังกัด และตัวคนยิง วิถีกระสุนยิงลงไป เพราะใช้เลเซอร์ชี้ย้อนรอยดู--ที่สำคัญคิอไม่มีการยิงสวนมาจากในวัด เพราะไม่มีรูกระสุนที่รางรถไฟฟ้าสักนัด อาวุธที่เจอ อาจจะมีทหารนำไปซูกไว้ มาแบบเดียวกับ การโชว์อสาวุธรุ่นแรก ที่หัวทองแดงเงาวาววับ ไม่ได้แกะออกจากกรอบพลาสติก เพราะไปยืมมาจากคลัง แหกตาฝรั่งได้เหรอ
---นายกหน้าหล่อบอกว่า--ผมรับผิดชอบเอง---ถึงเวลากลับพลิกลิ้น- กลับลำหนี ปล่อยให้ทหารรบกับหลักฐานจาก ดีเอสไอ --ข้อหาร้ายแรง--แต่เพียงลำพัง---(ข้อมูลจากมติชน)

--ทักษิณบอกให้ลืมๆบ้าง---ศาลอาญาระหว่างประเทศเขาลืมไม่เป็นนะ สั่งจับกัดดาฟีแล้ว--กัดดดาสังหารรอบเดียว นายกหน้าหล่อ สั่งการสามรอบ ยังรอดอยู่ได้
---คอยดูไปเถอะ ใครจะรอดจากฏกแห่งกรรมได้ ถึงแม้นกอยู่บนฟ้า ปลาอยู่ในน้ำ ยังไม่เคยรอดพ้นกฏแห่งกรรมได้เลย

---ยินดีด้วยสำหรับน้องเดียร์--บุตรี เสธ.แดง -ที่ต้องตกงาน แต่ได้เป็น สส.พรรคเพื่อไทย ที่สอบได้ซะด้วย

----------------------------------------------------------------------
ข่าว EXIT POLL ----------ที่มา มติชนออนไลน์

EXIT POLL 4 สำนัก" เพื่อไทย" ชนะถล่มทลาย ทิ้งห่าง ปชป. ไม่เห็นฝุ่น สื่อเริ่มจัดตั้งรัฐบาล

ผลการสำรวจ EXIT POLL ของ สวนดุสิตโพล ศรีปทุม เอแบคโพล นิด้าโพล เพื่อไทย ชนะ ถล่มทลาย ดังนี้

โพลแรก “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ แบบ EXIT POLL โดยกระจายพื้นที่ทั้ง 375 เขตเลือกตั้ง จำนวน 157,759 ตัวอย่าง ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ระหว่างเวลา 8.00-14.00 น. บริเวณหน้าคูหาเลือกตั้ง โดยสอบถามผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

ผลการสำรวจ EXIT POLL จำนวน ส.ส. เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั่วประเทศ พบว่า

อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย จำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อ 66 ส.ส. เขต 247 รวม 313 คน
อันดับ 2 พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อ 45 ส.ส. เขต 107 รวม 152 คน

อันดับ 3 พรรคภูมิใจไทย จำนวนส.ส. บัญชีรายชื่อ 4 ส.ส.เขต 9 รวม 13 คน
อันดับ 4 พรรคชาติไทยพัฒนา จำนวนส.ส. บัญชีรายชื่อ 2 ส.ส.เขต 8 รวม 10 คน
อันดับ 5 พรรคพลังชล จำนวนส.ส. บัญชีรายชื่อ 1 ส.ส.เขต 4 รวม 5คน
อันดับ 6 พรรครักประเทศไทย จำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ 3 คน พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน จำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ 2 คน อันดับ 7พรรครักษ์สันติ จำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 อันดับ 9 พรรค มาตุภูมิ จำนวนส.ส. บัญชีรายชื่อ 1 คน

สรุปจำนวน ส.ส. เขต จำแนกตามภูมิภาค (375 เขต)
พรรค เพื่อไทย ได้ส.ส.รวม 247 กทม. 28 กลาง 54 เหนือ 49 อีสาน 116 ภาคใต้ ไม่ได้เลย
พรรค ประชาธิปัตย์ ได้ส.ส.รวม 107 กทม. 5 กลาง 30 เหนือ 18 อีสาน 1 รวม 53
พรรคภูมิใจไทย อีสาน 9 รวม 9 คน พรรค ชาติไทยพัฒนา กลาง 8 รวม 8 คน
พรรคพลังชล ภาคกลาง4 รวม 4 ที่นั่ง

“เอแบคโพลล์”รายงานผลเอ็กซิทโพลว่าพรรคเพื่อไทยได้ส.ส.ทั้งหมด 299 คน พรรคประชาธิปัตย์ 132 คน พรรคภูมิใจไทย 28 คน พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 14 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 12 คน พรรคพลังชล 6 คน พรรครักประเทศไทย 4 คน และพรรคมาตุภูมิ 3 คน
สำหรับพรรคเพื่อไทยนั้นได้ส.ส.เขต 234 คน บัญชีรายชื่อ 65 คน รวม 299 คน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ส.ส.เขต 92 คน บัญชีรายชื่อ 40 คน

ส่วน ผลเอ็กซิทโพลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของศรีปทุมโพล พบว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ส.ส.ทั้งหมด 279 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ 146 เสียง พรรคภูมิใจไทย 33 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 15 เสียง พรรคชาติพัฒนาแผ่นดิน 11 เสียง พรรครักประเทศไทย 4 เสียง พรรคมาตุภูมิ 4 เสียง พรรคพลังชล 3 เสียง และพรรครักษ์สันติ 1 เสียง

ขณะที่ ผลเอ็กซิทโพลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของนิด้าโพล พบว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ส.ส.ทั้งหมด 239-275 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ 90-104 เสียง พรรคภูมิใจไทย 1-5 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 4-5 เสียง พรรครักประเทศไทย 5 เสียง

จาก โพลหลายสำนักที่ออกมา สื่อกระแสหลัก เริ่มจัดสูตรรัฐบาล โดยมี พรรคเพื่อไทย เป็นตัวตั้งPosted by blogger at 11:46 PM
Labels: ข่าว การเมือง
8 comments:

Anonymous said...
เราจะได้นายกหุ่นมั้ยเนี๊ยะ

July 3, 2011 5:14 AM

Anonymous said...
นายกหุ่น ใช่ๆๆ เป็นนายกหุ่นดี มีความสามารถ ดีกว่า นายกดีแต่พูด ดีแต่ปาก แต่ทำงานห่วยแตก บ้านเมืองชิบหายหมดกัน

July 3, 2011 5:23 AM

Anonymous said...
บ้านเมืองอิ๊บอ๋าย เพราะใครทำทิ้งไว้ นายกฯเข้ามาแก้ไขไว้ตั้งหลายเรื่อง นายกไม่ได้ดีแต่พูด พูกแล้วทำได้ทุกเรื่องที่ทำได้ คนที่ไม่รู้อะรก็พูดไป ฟังความข้างเดียว.....ตอนนี้ก็คงต้องได้นายกหุ่นมาทำงานแล้วแหละ ..เซ็ง....

July 3, 2011 5:46 AM

Anonymous said...
ไม่ได้ดีแต่พูด ครับท่าน ทำมาแล้ว หนี้สินกู้ยืมระหว่างประเทศ ถ้าจำไม่ผิด สองล้าน ล้าน ครับ มีหวังเจอ vat 10% หนาวกันทุกหย่อมจ้านาย

July 3, 2011 6:08 AM

Anonymous said...
ไม่ได้ดีแต่พูด ทำอะไรได้บ้างเหรอ ถามหน่อย มีแต่เรื่องโง่ๆ ปัญญาอ่อนทั้งนั้น ชั่งไข่เป็นกิโล โง่แบบนี้ ถึงมีสาวกโง่ๆตามเชียร์ อิอิ ถ้าทำได้ แต่ทำไม คะแนนออกมาต่ำจัง มีเวลาสองปีเศษที่จะแก้ตัว แต่เจือกทำงานห่วยบัลลัย เสียหมาเลย ก๊ากๆๆ

July 3, 2011 6:19 AM

Anonymous said...
น่าเบื่อมากมาย ใครเป็นก็ช่างเถอะครับ ให้ประเทศอยู่ได้ก็พอครับ
(ไม่เอาไข่ชั่งกิโล นะ)
ใครโกงก็โกงไปเถอะครับ ถ้าโกงแล้วประชาชนอยู่ได้ ประเทศชาติไม่ล้มจมก็พอ

July 3, 2011 9:12 AM

Anonymous said...
บริษัท เอกชน จะอยู่อย่างไรกับเกษตรกิจแบบนี้ ขั้นต่ำ15,000 แล้วจะเอากำไรที่ใหน แล้วเกษตรกรจะมีการประกันรายใหม เกษตรกรไทยจะอยู่อย่างไร.....ทำอย่างไงได้ เมื่อเลือกแล้วก็ต้องรับผิดชอบ

July 3, 2011 9:36 AM

Anonymous said...
เราพอใจกับผลการเลือกของเรา และเราก็พร้อมจะรับผลจากการกระทำของเรา
หากผิดพลาด ก็พร้อมจะแก้ไขด้วยพลังของพวกเรา แต่เราไม่ยอมให้ใครมา
ริดรอนสิทธิของเรา เราไม่ใช่ควายจะได้ยอมให้คนโกหกมาจูงจมูกเราใคร
ผิดหวังก็รอไปก่อนก็แล้วกัน

July 3, 2011 10:16 AM
------------------------------------------

robertamsterdam My thoughts on Thailand, post-election. //robertamsterdam.c... #ThaiVote2011 · reply · retweet · favorite

VOTE5_CHUVIT ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พรรครักประเทศไทย ขอเป็นฝ่ายค้าน ต้านคอร์รัปชั่น @ChuvitTalk · reply · retweet · favorite

robertamsterdam The result of these elections in Thailand is only the beginning of the beginning. · reply · retweet · favorite
robertamsterdam Congratulations, Prime Minister Yingluck Shinawatra. //bit.ly/m2AgPM #Thailand #ThaiVote2011 · reply · retweet · favorite

nuling RT @PimmieSW: @nuling หนูว่าพี่ต้องดีใจมากๆแน่ แต่หนูคนนึงล่ะที่ไม่ดีใจ // เป็นวันที่ผมยิ้มได้ ไม่ถึงกับเฮ · reply · retweet · favorite
nuling RT @PimmieSW: วันนี้ดีใจมั้ยคะพี่หริ่ง เพื่อไทยชนะด้วย :D

@nuling // ยินดีด้วยครับ · reply · retweet · favorite
nuling พลังชลนี่เหลือเชื่อจริง ๆ มาได้มากกว่าชูวิทย์เสียอีก · reply · retweet · favorite

nuling ถึงเวลาเดินหน้าประเทศไทย แต่ไม่ใช่อภิสิทธิ์ที่ทำสิ่งนี้ · reply · retweet · favorite
VOTE5_CHUVIT รายชื่อผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย 2. นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ 3. นายโปรดปราน โต๊ะราหนี 4. นายพงษ์ศักดิ์ เรือนเงิน · reply · retweet · favorite

VOTE5_CHUVIT RT @Jiraz สรุปคุณพี่ชูวิทย์ได้เป็นฝ่ายค้านมั้ยครับ? ผมละลุ้นจริงๆ // ได้ครับส่วนจำนวน สส.ที่ได้ทั้งหมด รอผลทางการจาก กกต. ครับ :) · reply · retweet · favorite

nuling อยากเห็นการเลือกมืออาชีพในแต่ละด้านมาเป็นคณะรัฐมนตรี · reply · retweet · favorite

VOTE5_CHUVIT ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคที่ได้รับคะแนนสูงสุด 5 อันดับแรก 1.เพื่อไทย 2.ประชาธิปัตย์ 3.ภูมิใจไทย 4.รักประเทศไทย 5.ไทยพัฒนา :Sun Jul 3 19:18:28 · reply · retweet · favorite

VOTE5_CHUVIT โพสต์ทูเดย์ การเมือง : ชูวิทย์ย้ำเป็นฝ่ายค้าน-เปิดศูนย์ร้องทุกข์ //t.co/urMMZXk · reply · retweet · favorite

VOTE5_CHUVIT ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย อันดับที่ 4 นายพงษ์ศักดิ์ เรือนเงิน และลำดับ 5 นายสมเพชร แต่งงาม · reply · retweet · favorite

VOTE5_CHUVIT ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย อันดับที่ 2 นายไชยวัฒน์ ไกรกฤษ์ อันดับ 3 นายโปรดปราน โต๊ะราหนี · reply · retweet · favorite

VOTE5_CHUVIT Nationchannel: "ชูวิทย์" ย้ำรอบสองขอทำหน้าที่ฝ่ายค้าน //t.co/mlYDT2z · reply · retweet · favorite

nuling ความฉลาด กับ จิตที่คับแคบ อาจอยู่ในตัวคนๆ เดียวกันได้ (พวกไม่ยอมรับความจริง) · reply · retweet · favorite

nuling พอพรรคเพื่อไทยเสียงนำ ปรากฎการณ์หน้าทีวีก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปทีเดียว · reply · retweet · favorite

nuling เห็นด้วยว่า ต้องเอาบัตรเสียมาวิเคราะห์ว่าเสียจากอะไร แบ่งประเภทกันเลย CC : @sumotim @ThisIsTung @DrJames_Nitipon · reply · retweet · favorite

nuling สำหรับแฟนคลับ ปชป ผมเห็นว่า ควรสละอภิสิทธิ์ และ สุเทพ แล้วหาคนรุ่นใหม่มาบริหารพรรค เพราะสองคนนี้จะทำให้พรรคทรุดไม่เลิก · reply · retweet · favorite

nuling ป้ายหาเสียงถูกเก็บตั้งแต่เช้า หัวค่ำ ไม่เหลือแม้แต่อันเดียว สุดยอดพี่ไทย · reply · retweet · favorite

News from Twitter




 

Create Date : 04 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 4 กรกฎาคม 2554 1:15:37 น.
Counter : 1824 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  

jesdath
Location :
เชียงราย Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add jesdath's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.